![]() |
![]() |
ละอองฝน![]() |
ตอน : 1 ความฝันที่อบอุ่น

เสียงประกาศเตือนให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด พร้อมทั้งคำทักทายจากกัปตันของสายการบิน ยามที่เจ้านกยักษ์กำลังจะเหินฟ้าพาฉันกลับบ้านเกิดเมืองนอน ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์
ความรู้สึกในใจที่มันยังโหวงเหวง ภาพแห่งการร่ำลาเมื่อซักครู่ใหญ่ยังคงติดตา สายตาโศกของชายหนุ่มร่างกายกำยำ ใบหน้าเรียว ขาว คิ้วเข้ม ตาตี่ แว่นโต คนนั้นยังคงอยู่ในความคิดคำนึงของฉัน สัมผัสอุ่นๆ ที่กำมือฉันแน่นยามจากลา เหมือนจะแทนถ้อยคำใดๆ ทั้งหมดที่อยู่ในใจ
แต่มันกำลังจะกลายเป็นเพียงภาพแห่งความทรงจำ ความรัก ความเอื้ออาทร ความห่วงใย ของใครบางคน....ที่ฉันหันหลังให้...เหมือนคนใจร้าย เหมือนคนไม่มีหัวใจ ... ฉันไม่มีหัวใจจริงหรือ...คิดแล้วก็ต้องยกมือมากุมที่หัวใจ อืมม...มันก็ยังเต้นดีอยู่ แต่รู้สึกว่าตอนนี้มันจะเต้นด้วยจังหวะที่เศร้าเหงาซะจนเกรงว่ามันหลุดหายไป...จี้คริสตัลรูปหัวใจที่ฉันใส่ไว้ที่คอ ช่วยเตือนให้ฉันระลึกถึงความรักของผู้ชายคนนึงที่มีต่อฉัน

"ยูกิจังครับ ผมดีใจจังเลยที่คุณแขวนจี้นั้นไว้กับตัว"
คิมุระซังเคยเอ่ยทักฉันในครั้งนึงที่เราต้องอยู่ทำงานกันดึก
"เอ๊ะ จี้นี้เหรอคะ ฝนว่ามันเล็กๆ น่ารักดีน่ะค่ะ ปกติฝนก็ไม่ค่อยได้ห้อยอะไรเท่าไรที่คอ"
ฉันออกจะรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยที่เค้าเอ่ยทัก
"ดีแล้วล่ะครับ อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า เหมือนผมอยู่ใกล้คุณตลอดเวลา"
นัยน์ตาสีน้ำตาลโศกคู่นั้น กับรอยยิ้มกริ่มบนใบหน้า แทบจะทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
"อย่าถอดมันทิ้งนะครับ ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนตลอดเวลา...นะครับ...ยูกิ"
เค้าวิงวอนด้วยสายตา
"เอ่อ ค่ะ ฝนจะพยายาม"
ฉันตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ดูสิ ยังมาบังคับไม่ให้ฉันถอดอีกนะ คนอะไร

เค้าต้องอยู่ช่วยฉันแก้ไขเครื่องตรวจวัดสารในห้อง Radioisotope ในยามที่ฉันต้องเร่งผลการทดลองให้เสร็จทันตามกำหนด บ่อยครั้งที่ฉันต้องอยู่จนใกล้รุ่ง แต่เค้าก็ไม่เคยจะปล่อยฉันไว้คนเดียว
ฉันยังจำได้ถึงวันหนึ่งที่เค้าชวนฉันออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นเวลาทุ่มนึง แต่เพราะว่ามันเป็นทุ่มหนึ่งของฤดูหนาวของปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วขึ้น อากาศช่างหนาวเหน็บ...
เราเดินออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปยังร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยออกไปประมาณสิบห้านาที ด้วยความรีบทำให้ฉันลืมใส่ถุงมือไปด้วย สวมแต่เสื้อไหมพรมสีฟ้าเทาๆ ที่ไม่มีกระเป๋าเสื้อซักใบ เดินไปก็ถูมือไปด้วยความเหน็บหนาว นึกโมโหตัวเองที่ขี้หลงขี้ลืมได้ปานนั้น
"ยูกิจัง หนาวเหรอครับ"
คิมุระสังเกตเห็นจนได้ เค้าใส่เสื้อโค้ทหนาตัวใหญ่ เดินเอามือล้วงกระเป๋าทำให้ไม่รู้สึกหนาวเย็นอย่างฉัน
"เอ่อ ก็นิดหน่อยค่ะ พอดีฝนลืมเอาถุงมือมาน่ะค่ะ เมื่อกี้รีบไปหน่อย"
พูดไปก็ถูมือไปยิกๆ ความหนาวมันไม่นิดหน่อยซักเท่าไรเลย
"อืมม....งั้น....ขอโทษนะครับ"
เค้าพูดขอโทษฉัน ทำให้ฉันงงๆ ว่าขอโทษฉันเรื่องอะไร เสร็จแล้วก็ยื่นมือขวามาจับมือซ้ายฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทด้านขวาของเค้า ด้วยทีท่าขัดเขิน แต่ก็จับไว้กระชับอย่างนั้นตลอดทาง มันอุ่นทั้งมือ และอุ่นทั้งใจ จนฉันไม่กล้าจะปฏิเสธ
"เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ ....ขอบคุณค่ะคิมุระซัง"
ฉันขอบคุณเค้า ทั้งที่หน้าร้อนผ่าว อุ่นขึ้นทันทีทันใดด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตลอดเส้นทางไปสู่ร้านอาหารนั้น

คิดถึงตรงนี้ ก็ต้องกำจี้คริสตัลแน่น น้ำตาจะไหล
"จำไว้นะครับยูกิ ยามใดที่คุณกำจี้นี้ในมือ ให้รู้ไว้ว่าหัวใจของผม อยู่ในกำมือของคุณ"
ทุกคำพูด ทุกเหตุการณ์ มันฝังประทับอยู่ในใจของฉัน จนยากที่จะลืม จนบางครั้งทำให้ฉันลังเลกับการตัดสินใจของฉันเหลือเกิน
แต่ฉันคงทำอะไรไม่ได้ กับความรักที่มันไม่ลงตัว ฉันรู้สึกดีๆ กับเค้ามาก แต่ฉันไม่คิดว่ามันคือความรัก
........................................
ฉันเพียงแค่คนเหงา
ฉันเพียงแค่คนอ่อนไหว
ฉันเพียงแค่คนที่ไม่มีใคร
ก็แค่เพียงหัวใจ....ที่ยังร้าวราน
........................................
ฉันเพียงแค่คิดว่า เป็นเพราะฉันผิดหวังเสียใจจากพี่โก้เท่านั้น ที่ทำให้ฉันต้องการที่พักพิงของหัวใจ ความรัก...คืออะไร จนถึงทุกวันนี้ ฉันยังไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย
คิมุระล่ะ เค้าแน่ใจแล้วเหรอ ว่านี่มันคือความรัก สิ่งที่เค้าทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ ยังไงซะฉันก็ยังไม่อาจจะมั่นใจได้ว่า มันคือความรัก....
แต่ก็นั่นแหล่ะ จนถึง ณ เวลานี้...ฉันก็ได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะหันหลังจากมา....กลับไปที่ ที่ฉันควรจะกลับไป....กลับบ้าน.....

ฉันถอนหายใจอีกครั้ง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน เฝ้าดูขี้เมฆสีขาวที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมา จะกลับกลายเป็นเพียงแค่ ความฝัน ฝันดีที่อบอุ่น อุ่นจากไอรักของใครบางคน ที่ฉันจะไม่มีวันลืมเค้าได้เลยชั่วชีวิตนี้
เสียงทางสายการบินประกาศเตือนให้ทุกคนรัดเข็มขัด บอกว่าเครื่องกำลังจะบินร่อนลงสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ปลุกให้ฉันตื่นภวังค์อีกครั้ง
ไม่น่าเชื่อเลยว่าตลอดระยะเวลา ห้าชั่วโมงครึ่งที่ฉันนั่งอยู่บนเครื่องบิน ทั้งที่บินข้ามน่านฟ้ามาจนถึงเมืองไทย หัวใจฉันกลับลอยละล่องอยู่ที่นั่น ....แดนอาทิตย์อุทัย....ยังไม่ยอมกลับมา.....
.......................................................................................................

"ฝน..ทางนี้ลูก"
เสียงแม่ร้องเรียก เมื่อยามที่ฉันเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
"แม่ พ่อ หวัดดีค่ะ"
ฉันเข้าไปไหว้ และกอดพ่อกับแม่ เราน้ำตาคลอกันทั้งสามคน...มันนานเหลือเกินที่ฉันโหยหาความอบอุ่นนี้.... นานถึงสามปีครึ่งที่ฉันไม่ได้กลับมาบ้านเลย พ่อกับแม่ดูแก่ลงไปมากพอสมควร
"น้องล่ะคะแม่ ไม่มาด้วยเหรอ"
ฉันเอ่ยถามแม่ด้วยความสงสัย เพราะไม่เห็นน้องชายซึ่งปกติ เขาจะเป็นคนขับรถมาส่งพ่อกับแม่
"พอดีน้องเค้าติดธุระสำคัญน่ะลูก เลยมารับฝนไม่ได้ ได้แต่ฝากมาบอกว่า ไว้เจอกันที่บ้านตอนค่ำๆ ล่ะกัน"
"อ๋อ..ค่ะ"
"เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั๊ยลูก"
แม่ถามพร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ฝนเอาปริญญามาฝากแม่แล้วล่ะ"
ฉันยิ้มตอบแม่ ไม่อยากจะบอกเล่าตอนนี้ ว่ามันหนักหนาสาหัสแค่ไหน กับของฝากสิ่งนี้ที่นำกลับมา
"อ้อ นี่ฝน นี่พี่ปัง ลูกป้าแก้วข้างบ้านเราไง พี่เค้าขับรถมาส่งแม่กะพ่อน่ะ จำได้มั้ย ตอนเด็กๆ เล่นด้วยกันบ่อยๆ "
แม่แนะนำผู้ชายคนนึงที่ยืนยิ้มอยู่เยื้องไปข้างหลัง เค้าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีพอสมควร เค้าโครงหน้าทำให้ฉันจำได้ลางๆ เหมือนคุ้นๆ แต่ยังนึกตอนนี้ไม่ออก
"หวัดดีค่ะ"
ฉันได้แต่ยกมือไหว้ เพราะแม่แนะนำว่าเป็นพี่ที่อายุมากกว่าฉัน
"หวัดดีฝน ไม่เจอกันสิบกว่าปีเลยนะ จำแทบไม่ได้เลย"
พี่ปังของแม่ทักฉัน ด้วยสีหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาเป็นประกายดูอบอุ่นเหมือนกัน แต่ฉันก็ยังจำเค้าไม่ได้อยู่ดี
"เอาล่ะ เดี๋ยวไว้ค่อยไปคุยกันต่อที่บ้านล่ะกัน ตอนนี้ฝนคงเหนื่อย นะ ไปปัง หลาน ช่วยไปส่งน้ากลับบ้านก่อนล่ะกันนะ"
"ครับผม"
แล้วพี่ปังก็มาช่วยฉันเข็นกระเป๋าเดินทาง ด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง ยังไงซะฉันก็ยัง งง ๆ นึกไม่ออกอยู่ดีว่า พี่ปังคนนี้คือใครกันที่ฉันเคยรู้จักในอดีต แต่ความรู้สึกมันก็เหมือนจะบอกว่า...เราคุ้นเคยกันมาก่อน


เมื่อวันที่ : ๑๙ เม.ย. ๒๕๔๘, ๑๓.๒๘ น.
อะแฮ่มๆ
แล้วป้าจะคอยลุ้นตามไปเรื่อยๆ แล้วกันนิ
รู้สึกว่า ว่าที่ ดร.ของเวปนี้เขาจะเขียนเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งนิยายกันเก่งจริงๆเลยนะ จะคอยอ่านตอนต่อไปจ๊ะ