![]() |
![]() |
นายอิติฯ![]() |
...ผมทำงานโดยเป็นลูกมือให้คนเก่าๆ และอาศัยครูพักลักจำเอา พี่ตัวเล็กก็ช่วยในส่วนนี้ได้มากๆ รถก็มีเข้ามาซ่อมไม่ขาดระยะ ใหญ่ๆหนักๆทั้งนั้น...
ตอน : ตะขาบกับพังพอน
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ผมทำงานโดยเป็นลูกมือให้คนเก่าๆ และอาศัยครูพักลักจำเอา พี่ตัวเล็กก็ช่วยในส่วนนี้ได้มากๆ รถก็มีเข้ามาซ่อมไม่ขาดระยะ ใหญ่ๆหนักๆทั้งนั้น
มีอยู่วันหนึ่ง มีรถแทร็กเตอร์ตีนตะขาบคันใหญ่ๆเข้ามาซ่อม หนึ่งคัน แค่ใบไถของมันก็เกือบท่วมหัวแล้วครับ ผมคิดในใจถ้ามีโอกาสซักวันหนึ่งก็อยากขับไอ้คันใหญ่ๆแบบนี้บ้าง
พี่ตัวเล็กก็เช่นกัน ผมเห็นเขาเคยขึ้นไปนั่งเล่น บนแทร็กเตอร์คันใหญ่ๆ ดูๆแล้วเหมือนเด็กๆขึ้นไปนั่งประมาณนั้นเลย อ้อ!!! ไอ้ล้อยางใหญ่ๆอีกคัน..มันน่าสัมผัสจริงๆ แค่คิดว่าถ้าได้ขับให้มันวิ่งได้ แค่นี้มันคงจะสนุกดีทีเดียว เชียวหล่ะ
บ่าย สามโมงครึ่งก่อนเลิกงานหลังจากล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ผมก็ชวนพี่ตัวเล็กเที่ยวเดินรอบๆหน่วยซ่อมเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยแต่ใจจริงผมแค่อยากไปสัมผัสกับของใหญ่แค่นั้นเอง แทร็กเตอร์ คันที่พึ่งมาลงซ่อมมันยั่วยวนให้ขึ้นไปเหยียบตีนมันเล่น
สำหรับพี่ตัวเล็กแล้ว..การขึ้นไปบนนั้นต้องก้าวถึงสองที ถึงจะขึ้นไปยืนบนตีนตะขาบนั้นได้ แต่สำหรับผม ด้วยความอยาก บวกกลับรีบร้อน หรือด้วยความอยากเท่ห์คึกคะนองอะไรทำนองนั้น
แทนที่จะก้าวสองครั้ง ผมไม่ทำครับ มันง่ายไป อย่างผมต้องเป็นอะไรที่ยากกว่านั้น (มันไม่แมนว่างั้นเถอะ) ผมตั้งหลักวิ่งนิดหน่อยแล้วกระโดดขึ้นเลย
"โอ๊ย!!"
มันพลาด..ครับพี่น้อง มีแต่เสียงร้องโอ๊ยหลุดออกมาอย่างเดียว
ผลคือ...หลังกกหู ฟาดกับตีนตะขาบมึนเลยครับ จับดูตรงที่เจ็บ แตกครับ..แตกเห็นๆเจ็บก็เจ็บ (แต่แอนตาซินเค้าไม่จ่ายหรอก)เลือดมันไหลเยอะมาก
แปลกนะครับ คนเราเวลาเจ็บ ไม่รู้น้ำตามันไหลออกมาได้ยังไง? ทั้งที่ผมก็โตแล้ว เป็นกันมั่งป่ะ? ตอนแรกคิดจะปิดเรื่องไม่ให้ใครรู้ แต่เลือดมันพูดไม่รู้เรื่อง มันเล่นไหลอย่างเดียว พี่ตัวเล็กเห็นว่าชักไม่เข้าทีเสียแล้ว จึงต้องพาไปแจ้งหัวหน้า แล้วพี่เขาก็บอกว่าเดินสะดุด แล้วล้มไปโดนตีนตะขาบ
ตามระเบียบไม่ถูกตำหนิหัวหน้าแค่บอกให้เดินระวังหน่อย อะไหล่รถมันเยอะมันวางเกะกะขวางทางเดิน คราวหลังให้ระวังกันหน่อย นี่ถ้าหัวหน้ารู้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่เป็นอย่างนั้น มันไม่ได้เดินสะดุดอะไรเลย หากแต่มันอยากเป็น อยากเท่ห์ ก็เท่านั้น หากท่านหัวหน้ารู้ว่าผมเล่นแผลงๆคงสั่งหยุดงานแน่ๆ
พอดีน้าแกรู้เรื่องก็เลยพาไปทำแผล เย็บ ๕ เข็มสบายกกหูไป แต่ก็ไม่ได้หยุดงานนะครับ ผมยังสามรถทำได้ ทุกวันนี้รอยตะขาบกัดยังมีให้เห็นเป็นการตอกย้ำความทรงจำ ด้วยรอยแผลเป็นหลังกกหู มันทำให้ผมระลึกถึงรถแทรกเตอร์อยู่เรื่อยๆ ไม่เคยลืม "เจ็บแล้วจำ..ว่างั้นเถอะ"
วันไหนว่างๆผมก็มีเวลาเขียนจดหมายหาแม่เพื่อเล่าความเป็นอยู่ให้ท่านฟัง แต่ก็ไม่ลืม ใครอีกคน(แควนน่ะ..แฟน)ที่ต้องเขียนหา เป็นธรรมดาครับจากมาไกลย่อมคิดถึง ผมฝึกปรือเรียนรู้การซ่อมเครื่องกลหนักมาเกือบๆจะเดือนแล้ว ก็พอรู้บ้างหลายๆอย่าง
ในวันจ่ายเงิน หลังจากรับเงินเดือนๆแรก ๔,๐๐๐ บาทกว่าๆ หัวหน้าหน่วยท่านก็เรียกผมกับพี่ตัวเล็กเข้าไปหา บอกให้ผมกับพี่ตัวเล็กออกไปช่วยซ่อมภาคสนามที่โครงการ สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ไปเช้าเย็นกลับทุกๆวัน
โป๊ะเช๊ะ!!!! โดนใจครับงานนี้ เสือจะไม่ถูกขังอีกแล้ว
วู๊!! ผมกับพี่เขาก็ชอบซิครับและเต็มใจอีกต่างหาก ที่จะได้ออกไปทำงานนอกเขื่อนกะเขามั่ง
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
๑ เดือนกับที่นี่ผมคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นลุงๆน้าๆมีอายุมากกว่าผมหลายรอบ..แต่ผมก็สามรถทำความรู้จักสนิทสนมกับทุกท่านได้ครับ ไม่เป็นปัญหา
วันแรกที่ผมต้องออกไปทำนอกหน่วยงาน ต้องตื่นแต่เช้ามืด ตีสามเลย น้าผู้หญิงแกก็แสนจะดี ลุกมาหุงข้าวให้ ผมบอกไม่เป็นไรครับน้า เดี๋ยววันหลังผมทำเอง วันนั้นผมได้ไข่ทอดเป็นกับข้าว ต้องไปขึ้นรถที่หน่วยก่อนตีสี่ครึ่ง ไปถึงก็มีลุงๆน้าๆมานั่งรอมั่งแล้ว พี่ตัวเล็กก็มาแล้วด้วย แม๊!!คนอะไร ไม่คิดจะทำอะไรให้ถูกต่อว่ามั่งเลย ชีวิตพี่เค้านี่มันเนี๊ยบจริงๆ
ไม่รู้เป็นไงครับอะไรที่เป็นครั้งแรกเนี่ย มันทำให้ผมตื่นเต้นทุกที เมื่อมากันครบแล้วก็พากันขึ้นรถเป็นรถ หกล้อสีส้มของกรมชลประทาน เขาจะใช้ไม้พาดเป็นล็อคๆ แล้วก็นั่งครับ มีคนงานทั้งหมดประมาณเกือบๆ ๖๐ คน ใช้รถสองคัน ผมกับพี่ตัวเล็กกับทีมช่างในหน่วยของผมขึ้นคันเดียวกัน ยังไม่สว่างดีเลยครับ มองดูนาฬิกาเพิ่ง ตีสี่ครึ่ง
เมื่อขึ้นไปแล้ว ผมก็สังเกตเห็นว่าบางคนก็นั่งหลับกันตั้งแต่ตอนขึ้น ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนกันมาจากไหนแปลกคนจริงๆ พี่ตัวเล็กบอกว่ามันไม่แปลกหรอก เราสองคนนี่แหล่ะที่แปลก ก็พวกเขาไปกันทุกวัน จนกลายเป็นเรื่องชินไปซะแล้ว
รถวิ่งออกสายท่ามะกา-มาสว่างอีกทีที่พระแท่นดงรังถึงจะมองเห็นภาพชีวิตข้างๆทาง ผมเองก็พยายามจำตั้งแต่วันแรกนี่เลย ไร่อ้อยมีให้เห็นกันเยอะครับที่นี่ ส่วนการทำนาจะเห็นน้อยมาก นั่งรถมาคนงานส่วนใหญ่เขาจะนั่งหลับกันเป็นส่วนใหญ่ มีน้อยคนที่จะไม่หลับ อย่างผมกับพี่ตัวเล็กนี่ไง
ประมาณเจ็ดโมงเช้า รถมาถึงแค้มป์ที่ทำงานขอเรียกว่าแค้มป์ก็แล้วกันนะครับ เพราะว่าเขาจะย้ายไปเรื่อยๆจนกว่าคลองที่ขุดต่อๆกันไปจะเสร็จ ที่แค้มป์จะมีรถทุกอย่างที่เกี่ยวกับการชลประทาน
ที่นี่จะมียามเฝ้าอยู่สองคน เมื่อเช็คชื่อ ก็กินข้าวกินปลากัน อร่อยครับกับบรรยากาศแบบนี้ ก่อนแปดโมง หลังกินข้าวปลากันเสร็จ ผมกับพี่ตัวเล็กก็พอมีเวลาเดินสำรวจพื้นที่รอบๆแค้มป์อยู่บ้าง
ซ้าย-ขวา มองไปก็มีแต่ป่าอ้อย สูงมิดหัวแล้วก็เยอะ กำลังแตกยอดก็อ่อน กำลังงามก็มี ผมเห็นพี่ตัวเล็ก คุยกับช่างรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง ผมเรียกแกว่าพี่ใหญ่ เพราะตัวพี่แกใหญ่ล่ำดำปิ๊ด แล้วพี่ตัวเล็กก็วิ่งมาชวนผมบอกว่า ไปดูอะไรกันดีกว่า
มีเหรอ!!ครับ..ที่คนอย่างผมจะปฏิเสธ เห็นพี่ใหญ่เขาบอกว่าจะไปดูกับดักที่พี่เขาวางเอาไว้ เป็นกรงดักหนู แกบอกที่นี่หนูเยอะ ตัวใหญ่ๆอ้วนทั้งนั้น กระต่ายก็มี แต่จับมันยาก ส่วนมากต้องใช้ปืนซุ่มยิงเอา
แกก็คุยไป โม้ไป พาเดินลัดเลาะไปตามป่าอ้อยไปเรื่อยๆ แกเดินออกหน้า ตามด้วยพี่ตัวเล็ก ส่วนผมหลังสุดตามฟอร์มครับ
มาถึงจุดแรกที่วางกรงดักเอาไว้ก็ได้ยินเสียง..วิ่งแกรกๆอยู่ตรงบริเวณนั้น นี่แสดงว่าต้องมีหนูติดกรงแกแน่ๆเลย
พี่เค้ายกกรงกรงให้ดูหนูจริงด้วยครับ ตัวใหญ่ด้วยเมื่อถึงกรงที่สอง ก็ได้มาอีกตัวหนึ่ง ผมตื่นเต้นกับภาพที่เห็น แม้จะเคยลุยจับหนูแถวโคราชมาก็บ่อย แต่ผมก็ยังตื่นตัว
มันเป็นชีวิต และการดำรงชีวิตตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ สิ่งใดที่เป็นอาหารของคน ก็ต้องถูกจับมากินแบบนี้แหละ มันไม่ใช่สิ่งที่โหดร้ายอะไรเลย จริงๆแล้วหนูมันก็เยอะด้วย ดังนั้นต้องเอามันมากิน...ครับ ไม่ต้องยกเว้นหรือสงสาร พี่แกวางกรงดักไว้ สามกรง สองกรงแรกอยู่ในมือผมกับพี่ตัวเล็ก เหลือกรงสุดท้าย
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงแกรกๆอีกแล้ว
นี่ถ้าแกวางไว้ ๑๐๐ กรงนี่คงเอากับบ้านไม่ไหวแน่ๆ แต่กรงนี้มันมีเสียง ดัง ฟู่ๆดังออกมาด้วยพี่แกไม่สนใจไม่กลัวด้วยเดินเข้าไปเพื่อเก็บหยิบกรงออกมา
"เฮ้ย พังพอนเว้ย"
แกบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆเฉยปรกติ ดูไม่ตื่นเต้น และหน้าตาแกไร้อารมณ์มากเลย
"ห๊า!! ไหนครับไหน พังพอน"
ผมพุ่งตัวเบียดพี่ตัวเล็กจนถอยรูด ไปอยู่ข้างหลังอย่างงงๆ
นี่หรือ ที่คนเค้า เรียกกันว่าพังพอน เคยได้ยินแต่คนแก่แถวบ้านเขาโม้ให้ฟัง เรื่องงูเห่า กับพังพอน หน้าตาเป็นแบบนี้เองหรือ พังพอน ที่สามรถต่อกรกับงูเห่าได้ ซึ่งดูๆแล้วรูปร่างของมัน ก็ดูปราดเปรียวเข้าทีเหมือนกัน
"ดุซะด้วย..ฟันแหลมเชียว"
พี่ใหญ่แกบอกไอ้ตัวนี้อร่อยกว่าหนูซะอีกขอบอก
"เออพี่ตัวเล็ก..ผมขอซื้อไม่ได้หรือ..จะเอาไปใสกรงเลี้ยงไว้ดูน่ะครับ..พูดให้หน่อยสิ...นะ.นะ"
ไม่มีปัญหาครับ พี่ตัวเล็กนี่ไม่รู้เป็นคนยังไง ไหว้วานอะไรๆ จะทำให้ผิดหวังมั่งก็ไม่ได้ เป็นอันว่าผมได้พังพอนไว้ดูเล่นแล้วจ่ายไป ๕๐ บาท ใครจะว่าผมกักขังหน่วงเหนี่ยวก็ยอมล่ะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็ช่วยไม่ให้มันกลายเป็น พังพอนผัดกระเพราก็แล้วกันล่ะ
วันแรกของการทำงานนอกเขื่อนเป็นไปอย่างราบรื่น เสียอย่างเดียวร้อนไปนิดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ งานซ่อมก็ไม่ค่อยเยอะเหมือนอยู่ที่เขื่อน เลิกงานกลับเข้าเขื่อนถึงบ้านก็ราวๆ หกโมงเย็น
ก่อนกลับพี่ใหญ่แกก็เอากรงไปดักวางไว้อีกเหมือนเคย แต่วันนี้ ใช้ได้แค่สองอัน ส่วนอีกอันผมขอยืมแกใส่พังพอนยอดนักสู้ก่อน เดี๋ยวค่อยเอามาคืน
ส่วนเจ้าหนูสองตัวนั่นไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เย็นนี้กลายเป็นกับแกล้มชัวร์ๆ
