นิตยสารรายสะดวก  Memorandum  ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๕๓
สยายปีก #4
นายอิติฯ
...ผมทำงาน​โดย​เป็นลูกมือให้คนเก่าๆ​ ​และอาศัยครูพักลักจำ​เอา พี่ตัวเล็กก็ช่วยใน​ส่วนนี้​ได้มากๆ​ รถก็มีเข้ามาซ่อมไม่ขาดระยะ ใหญ่ๆ​หนักๆ​​ทั้งนั้น​...

ตอน : ตะขาบกับพังพอน



ผมทำงาน​โดย​เป็นลูกมือให้คนเก่าๆ​ ​และอาศัยครูพักลักจำ​เอา พี่ตัวเล็กก็ช่วยใน​ส่วนนี้​ได้มากๆ​ รถก็มีเข้ามาซ่อมไม่ขาดระยะ ใหญ่ๆ​หนักๆ​​ทั้งนั้น​

มีอยู่​วันหนึ่ง​ มีรถแทร็กเตอร์ตีนตะขาบคันใหญ่ๆ​เข้ามาซ่อม หนึ่ง​คัน แค่ใบไถของมันก็เกือบท่วมหัวแล้ว​ครับ​ ผมคิดในใจ​ถ้ามีโอกาสซักวันหนึ่ง​ก็อยากขับไอ้คันใหญ่ๆ​แบบนี้บ้าง

พี่ตัวเล็กก็เช่นกัน ผมเห็น​เขาเคยขึ้น​​ไปนั่งเล่น บนแทร็กเตอร์คันใหญ่ๆ​ ดูๆ​แล้ว​เหมือนเด็กๆ​ขึ้น​​ไปนั่งประมาณนั้น​เลย​ อ้อ!!! ไอ้ล้อยางใหญ่ๆ​อีกคัน..มันน่าสัมผัสจริงๆ​ แค่คิดว่า​ถ้า​ได้ขับให้มันวิ่ง​ได้ แค่นี้มันคง​จะสนุกดีทีเดียว เชียวหล่ะ

บ่าย สามโมงครึ่งก่อนเลิกงานหลังจากล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว​ ผมก็ชวนพี่ตัวเล็กเ​ที่ยวเดินรอบๆ​หน่วยซ่อม​เป็นการพักผ่อน​ไปในตัวด้วย​แต่ใจจริงผมแค่อยาก​ไปสัมผัส​กับของใหญ่แค่นั้น​เอง แทร็กเตอร์ คัน​ที่พึ่งมาลงซ่อมมันยั่วยวนให้ขึ้น​​ไปเหยียบตีนมันเล่น

สำหรับพี่ตัวเล็กแล้ว​..การขึ้น​​ไปบนนั้น​​ต้องก้าวถึงสองที ถึง​จะขึ้น​​ไปยืนบนตีนตะขาบนั้น​​ได้ ​แต่สำหรับผม ด้วย​ความอยาก บวกกลับรีบร้อน หรือด้วย​ความอยากเท่ห์คึกคะนองอะไร​ทำนองนั้น​

แทน​ที่​จะก้าวสองครั้ง ผมไม่ทำครับ​ มันง่าย​ไป อย่างผม​ต้อง​เป็นอะไร​​ที่ยากกว่านั้น​ (มันไม่แมนว่างั้นเถอะ) ผมตั้งหลักวิ่งนิดหน่อย​แล้ว​กระโดดขึ้น​เลย​

"โอ๊ย!!"

มันพลาด..ครับ​พี่น้อง มี​แต่เสียงร้องโอ๊ยหลุดออกมาอย่างเดียว
ผล​คือ...​หลังกกหู ฟาด​กับตีนตะขาบมึนเลย​ครับ​ จับดูตรง​ที่เจ็บ แตกครับ​..แตกเห็นๆ​เจ็บก็เจ็บ (​แต่แอนตาซินเค้าไม่จ่ายหรอก)เลือดมันไหลเยอะมาก

แปลกนะครับ​ คนเราเวลาเจ็บ ไม่รู้น้ำตามันไหลออกมา​ได้ยังไง? ​ทั้ง​ที่ผมก็โตแล้ว​ ​เป็นกันมั่งป่ะ? ตอนแรกคิด​จะปิดเรื่อง​ไม่ให้​ใครรู้ ​แต่เลือดมันพูดไม่รู้เรื่อง​ มันเล่นไหลอย่างเดียว พี่ตัวเล็กเห็นว่าชักไม่เข้าทีเสียแล้ว​ จึง​ต้องพา​ไปแจ้งหัวหน้า แล้ว​พี่​เขาก็บอกว่าเดินสะดุด แล้ว​ล้ม​ไปโดนตีนตะขาบ

ตามระเบียบไม่ถูกตำหนิหัวหน้าแค่บอกให้เดินระวังหน่อย​ อะไหล่รถมันเยอะมันวางเกะกะขวางทางเดิน คราวหลังให้ระวังกันหน่อย​ นี่​ถ้าหัวหน้ารู้ว่าจริงๆ​แล้ว​ มันไม่​เป็นอย่างนั้น​ มันไม่​ได้เดินสะดุดอะไร​เลย​ หาก​แต่มันอยาก​เป็น อยากเท่ห์ ก็เท่านั้น​ หากท่านหัวหน้ารู้ว่าผมเล่นแผลงๆ​คงสั่งหยุดงานแน่ๆ​

​พอดีน้าแกรู้เรื่อง​ก็เลย​พา​ไปทำแผล เย็บ ๕ เข็มสบายกกหู​ไป ​แต่ก็ไม่​ได้หยุดงานนะครับ​ ผมยังสามรถทำ​ได้ ทุกวันนี้รอยตะขาบกัดยังมีให้เห็น​เป็นการตอกย้ำ​ความทรงจำ ด้วยรอยแผล​เป็นหลังกกหู มันทำให้ผมระลึกถึงรถแทรกเตอร์อยู่​เรื่อยๆ​ ไม่เคยลืม "เจ็บแล้ว​จำ..ว่างั้นเถอะ"

วันไหนว่างๆ​ผมก็มีเวลาเขียนจดหมายหาแม่​เพื่อเล่า​ความ​เป็นอยู่​ให้ท่านฟัง ​แต่ก็ไม่ลืม ​ใครอีกคน(แควนน่ะ..แฟน)​ที่​ต้องเขียนหา ​เป็นธรรมดาครับ​จากมาไกลย่อมคิดถึง ผมฝึกปรือเรียนรู้การซ่อมเครื่องกลหนักมาเกือบๆ​​จะเดือนแล้ว​ ก็พอรู้บ้างหลายๆ​อย่าง

ในวันจ่ายเงิน หลังจากรับเงินเดือนๆ​แรก ๔,๐๐๐ บาท​กว่าๆ​ หัวหน้าหน่วยท่านก็เรียกผม​กับพี่ตัวเล็กเข้า​ไปหา บอกให้ผม​กับพี่ตัวเล็กออก​ไปช่วยซ่อมภาคสนาม​ที่โครงการ สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ​ไปเช้า​เย็นกลับทุกๆ​วัน
โป๊ะเช๊ะ!!!! โดนใจครับ​งานนี้ เสือ​จะไม่ถูกขังอีกแล้ว​
วู๊!! ผม​กับพี่​เขาก็ชอบซิครับ​​และเต็มใจอีกต่างหาก ​ที่​จะ​ได้ออก​ไปทำงานนอกเขื่อนกะ​เขามั่ง




๑ เดือน​กับ​ที่นี่ผมคุ้นเคย​กับ​เพื่อนร่วมงาน​เป็นอย่างดียิ่ง ​ซึ่ง​ส่วนใหญ่ ​จะ​เป็นลุงๆ​น้าๆ​มีอายุมากกว่าผมหลายรอบ..​แต่ผมก็สามรถทำ​ความรู้จักสนิทสนม​กับทุกท่าน​ได้ครับ​ ไม่​เป็นปัญหา

วันแรก​ที่ผม​ต้องออก​ไปทำนอกหน่วยงาน ​ต้องตื่น​แต่เช้า​มืด ตีสามเลย​ น้าผู้หญิงแกก็แสน​จะดี ลุกมาหุงข้าวให้ ผมบอกไม่​เป็นไรครับ​น้า เดี๋ยววันหลังผมทำเอง วันนั้น​ผม​ได้ไข่ทอด​เป็น​กับข้าว ​ต้อง​ไปขึ้น​รถ​ที่หน่วยก่อนตีสี่ครึ่ง ​ไปถึงก็มีลุงๆ​น้าๆ​มานั่งรอมั่งแล้ว​ พี่ตัวเล็กก็มาแล้ว​ด้วย แม๊!!คนอะไร​ ไม่คิด​จะทำอะไร​ให้ถูกต่อว่ามั่งเลย​ ชีวิตพี่เค้านี่มันเนี๊ยบจริงๆ​

ไม่รู้​เป็นไงครับ​อะไร​​ที่​เป็นครั้งแรกเนี่ย มันทำให้ผมตื่นเต้นทุกที ​เมื่อมากันครบแล้ว​ก็พากันขึ้น​รถ​เป็นรถ หกล้อสีส้มของกรมชลประทาน ​เขา​จะ​ใช้ไม้พาด​เป็นล็อคๆ​ แล้ว​ก็นั่งครับ​ มีคนงาน​ทั้งหมดประมาณเกือบๆ​ ๖๐ คน ​ใช้รถสองคัน ผม​กับพี่ตัวเล็ก​กับทีมช่างในหน่วยของผมขึ้น​คันเดียวกัน ยังไม่สว่างดีเลย​ครับ​ มองดูนาฬิกาเพิ่ง ตีสี่ครึ่ง

​เมื่อขึ้น​​ไปแล้ว​ ผมก็สังเกตเห็นว่าบางคนก็นั่งหลับกันตั้งแต่ตอนขึ้น​ ไม่รู้​ไปอดหลับอดนอนกันมาจากไหนแปลกคนจริงๆ​ พี่ตัวเล็กบอกว่ามันไม่แปลกหรอก เราสองคนนี่แหล่ะ​ที่แปลก ก็พวก​เขา​ไปกันทุกวัน จนกลาย​เป็นเรื่อง​ชิน​ไปซะแล้ว​

รถวิ่งออกสายท่ามะกา-มาสว่างอีกที​ที่​พระแท่นดงรังถึง​จะมองเห็นภาพชีวิตข้างๆ​ทาง ผมเองก็พยายามจำตั้งแต่วันแรกนี่เลย​ ไร่อ้อยมีให้เห็นกันเยอะครับ​​ที่นี่ ​ส่วนการทำนา​จะเห็นน้อยมาก นั่งรถมาคนงาน​ส่วนใหญ่​เขา​จะนั่งหลับกัน​เป็น​ส่วนใหญ่ มีน้อยคน​ที่​จะไม่หลับ อย่างผม​กับพี่ตัวเล็กนี่ไง

ประมาณเจ็ดโมงเช้า​ รถมาถึงแค้มป์​ที่ทำงานขอเรียกว่าแค้มป์ก็แล้ว​กันนะครับ​ ​เพราะว่า​เขา​จะย้าย​ไปเรื่อยๆ​จนกว่าคลอง​ที่ขุดต่อๆ​กัน​ไป​จะเสร็จ ​ที่แค้มป์​จะมีรถทุกอย่าง​ที่เกี่ยว​กับการชลประทาน

​ที่นี่​จะมียามเฝ้าอยู่​สองคน ​เมื่อเช็คชื่อ ก็กินข้าวกินปลากัน อร่อยครับ​​กับบรรยากาศแบบนี้ ก่อนแปดโมง หลังกินข้าวปลากันเสร็จ ผม​กับพี่ตัวเล็กก็พอมีเวลาเดินสำรวจพื้น​ที่รอบๆ​แค้มป์อยู่​บ้าง

ซ้าย-ขวา มอง​ไปก็มี​แต่ป่าอ้อย สูงมิดหัวแล้ว​ก็เยอะ ​กำลังแตกยอดก็อ่อน ​กำลังงามก็มี ผมเห็นพี่ตัวเล็ก คุย​กับช่างรุ่นพี่อยู่​คนหนึ่ง​ ผมเรียกแกว่าพี่ใหญ่ ​เพราะตัวพี่แกใหญ่ล่ำดำปิ๊ด แล้ว​พี่ตัวเล็กก็วิ่งมาชวนผมบอกว่า ​ไปดูอะไร​กันดีกว่า

มีเหรอ!!ครับ​..​ที่คนอย่างผม​จะปฏิเสธ เห็นพี่ใหญ่​เขาบอกว่า​จะ​ไปดู​กับดัก​ที่พี่​เขาวาง​เอาไว้ ​เป็นกรงดักหนู แกบอก​ที่นี่หนูเยอะ ตัวใหญ่ๆ​อ้วน​ทั้งนั้น​ กระต่ายก็มี ​แต่จับมันยาก ​ส่วนมาก​ต้อง​ใช้ปืนซุ่มยิง​เอา

แกก็คุย​ไป โม้​ไป พาเดินลัดเลาะ​ไปตามป่าอ้อย​ไปเรื่อยๆ​ แกเดินออกหน้า ตามด้วยพี่ตัวเล็ก ​ส่วนผมหลังสุดตามฟอร์มครับ​

มาถึงจุดแรก​ที่วางกรงดัก​เอาไว้ก็​ได้ยินเสียง..วิ่งแกรกๆ​อยู่​ตรงบริเวณนั้น​ นี่แสดงว่า​ต้องมีหนูติดกรงแกแน่ๆ​เลย​

พี่เค้ายกกรงกรงให้ดูหนูจริงด้วยครับ​ ตัวใหญ่ด้วย​เมื่อถึงกรง​ที่สอง ก็​ได้มาอีกตัวหนึ่ง​ ผมตื่นเต้น​กับภาพ​ที่เห็น ​แม้​จะเคยลุยจับหนูแถวโคราชมาก็บ่อย ​แต่ผมก็ยังตื่นตัว

มัน​เป็นชีวิต ​และการดำรงชีวิตตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ สิ่งใด​ที่​เป็นอาหารของคน ก็​ต้องถูกจับมากินแบบนี้แหละ​ มันไม่ใช่สิ่ง​ที่โหดร้ายอะไร​เลย​ จริงๆ​แล้ว​หนูมันก็เยอะด้วย ดังนั้น​​ต้อง​เอามันมากิน...​ครับ​ ไม่​ต้องยกเว้นหรือสงสาร พี่แกวางกรงดักไว้ สามกรง สองกรงแรกอยู่​ในมือผม​กับพี่ตัวเล็ก เหลือกรงสุดท้าย

​เมื่อเดินเข้า​ไปใกล้ๆ​ ก็​ได้ยินเสียงแกรกๆ​อีกแล้ว​

นี่​ถ้าแกวางไว้ ๑๐๐ กรงนี่คง​เอา​กับบ้านไม่ไหวแน่ๆ​ ​แต่กรงนี้มันมีเสียง ดัง ฟู่ๆ​ดังออกมาด้วยพี่แกไม่สนใจไม่กลัวด้วยเดินเข้า​ไป​เพื่อเก็บหยิบกรงออกมา

"เฮ้ย พังพอนเว้ย"

แกบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ​เฉยปรกติ ดูไม่ตื่นเต้น ​และหน้าตาแกไร้อารมณ์มากเลย​

"ห๊า!! ไหนครับ​ไหน พังพอน"
ผมพุ่งตัวเบียดพี่ตัวเล็กจนถอยรูด ​ไปอยู่​ข้างหลังอย่างงงๆ​
นี่หรือ ​ที่คนเค้า เรียกกันว่าพังพอน เคย​ได้ยิน​แต่คนแก่แถวบ้าน​เขาโม้ให้ฟัง เรื่อง​งูเห่า ​กับพังพอน หน้าตา​เป็นแบบนี้เองหรือ พังพอน ​ที่สามรถต่อกร​กับงูเห่า​ได้ ​ซึ่งดูๆ​แล้ว​รูปร่างของมัน ก็ดูปราดเปรียวเข้าทีเหมือนกัน

"ดุซะด้วย..ฟันแหลมเชียว"

พี่ใหญ่แกบอกไอ้ตัวนี้อร่อยกว่าหนูซะอีกขอบอก
"เออพี่ตัวเล็ก..ผมขอซื้อไม่​ได้หรือ..​จะ​เอา​ไปใสกรงเลี้ยงไว้ดูน่ะครับ​..พูดให้หน่อย​สิ...​นะ.นะ"

ไม่มีปัญหาครับ​ พี่ตัวเล็กนี่ไม่รู้​เป็นคนยังไง ไหว้วานอะไร​ๆ​ ​จะทำให้ผิดหวังมั่งก็ไม่​ได้ ​เป็นอันว่าผม​ได้พังพอนไว้ดูเล่นแล้ว​จ่าย​ไป ๕๐ บาท​ ​ใคร​จะว่าผมกักขังหน่วงเหนี่ยวก็ยอมล่ะครับ​ อย่างน้อยๆ​ ผมก็ช่วยไม่ให้มันกลาย​เป็น พังพอนผัดกระเพราก็แล้ว​กันล่ะ

วันแรกของการทำงานนอกเขื่อน​เป็น​ไปอย่างราบรื่น เสียอย่างเดียวร้อน​ไปนิด​แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ​ งานซ่อมก็ไม่ค่อยเยอะเหมือนอยู่​​ที่เขื่อน เลิกงานกลับเข้าเขื่อนถึงบ้านก็ราวๆ​ หกโมงเย็น

ก่อนกลับพี่ใหญ่แกก็​เอากรง​ไปดักวางไว้อีกเหมือนเคย ​แต่วันนี้ ​ใช้​ได้แค่สองอัน ​ส่วนอีกอันผมขอยืมแกใส่พังพอนยอดนักสู้ก่อน เดี๋ยวค่อย​เอามาคืน

​ส่วนเจ้าหนูสองตัวนั่นไม่​ต้องบอกก็รู้ว่า เย็นนี้กลาย​เป็น​กับแกล้มชัวร์ๆ​

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3199 Article's Rate 7 votes
ชื่อเรื่อง สยายปีก --Series
ชื่อตอน ตะขาบกับพังพอน --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง นายอิติฯ
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๕๓
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ฉันเขียนให้เธออ่าน
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๘๙ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๐ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๓๒
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t

สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น