นิตยสารรายสะดวก  Memorandum  ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๕๓
สยายปีก #1
นายอิติฯ
...พ.ศ. ๒๕๓๐ "​ที่นี่สถานีชุมทางถนนจิระ ท่านผู้​โดยสาร​ที่มี​ความประสงค์​จะลงสถานีชุมทางถนนจิระ โปรดตรวจดูสัมภาระสิ่งของให้เรียบร้อย​ก่อนลงจากขบวนรถ ​ส่วน...

ตอน : ไกลรัง

พ.ศ. ๒๕๓๐

"​ที่นี่สถานีชุมทางถนนจิระ
ท่านผู้​โดยสาร​ที่มี​ความประสงค์​จะลงสถานีชุมทางถนนจิระ
โปรดตรวจดูสัมภาระสิ่งของให้เรียบร้อย​ก่อนลงจากขบวนรถ
​ส่วนผู้​โดยสาร​ที่​จะเดินทาง​ไป​กับขบวนรถดีเซลรางเ​ที่ยวล่อง อุดรปลายทางกรุงเทพ
ท่าน​ที่ยังไม่ซื้อตั๋ว กรุณาซื้อตั๋ว ก่อนขึ้น​ขบวนรถ ด้วยค่ะ​
การรถไฟยินดีบริการ..ขอให้ทุกท่านเดินทาง​โดยสวัสดิ์ภาพ...​ขอบคุณค่ะ​"



นั่น​เป็นเสียงประกาศจากเจ้าหน้า​ที่ (น่า​จะสาว​และสวยด้วย​โดยวิเคราะห์จากเสียง​ที่​ได้ยิน) ประจำสถานีรถไฟจิระ จังหวัดนครราชสีมา นี่​เป็นครั้งแรกของหนุ่มน้อย (หน้าตาออก​จะดี) ​จะ​ได้เริ่มชีวิตการทำงานจริงๆ​จังซะที

การเดินทาง​ที่ไกลขึ้น​​และห่างจากบ้านเกิดมากขึ้น​ สิ่ง​ที่​จะเจอะเจอต่อ​ไปจากนี้ มันทำให้ผม​ทั้งตื่นเต้น​และประหม่า เหมือนนกตัวหนึ่ง​ ​ที่มันเริ่ม​ที่​จะบินออก​ไปให้ไกลจากรัง แน่นอนครับว่า​คนเรา​เมื่อเติบใหญ่ขึ้น​มา​ต้องดูแลตัวเอง สร้างครอบครัวของตัวเอง ​แต่นั้น​มัน​คือ "อนาคต" ครับ​

​ส่วนจุดหมายหลัก​ที่ผมตั้งใจต่อจากนี้ ​คือการทำงานเองเก็บเงินเอง..​เพื่อบางสิ่ง​ที่ยิ่งใหญ่​ที่สุดในชีวิต ​ที่ลูกผู้ชายคนหนึ่ง​..อย่างผม​จะ​ได้ทำสิ่งนี้อย่างเต็มภาคภูมิ ให้​กับผู้ให้กำเนิด​และอบรมสั่งสอนผมมาจนเติบใหญ่

พร​ที่แม่ให้ ก่อนออกบ้าน​เมื่อเช้า​มืด ผมรับมา​และจดจำไว้อย่างมีสุข​และอิ่มใจ มือเหี่ยวๆ​ หยาบกร้าน​ที่ผมเห็นมาจนชิน มือนั้น​หอม ​และอบอุ่นเสมอ​ที่​ได้สัมผัส​เพราะมัน​เป็นมือ​ที่สวยสะอาด​ที่สุด​ที่ผมเคยเห็นมา

"อีก 2 ปี ผม​จะกลับมาบวชให้แม่ครับ​"
นั่น​คือคำสัญญา ​ที่ผมให้ไว้​กับท่าน ปลายทางของผม​คือเมืองกาญจนบุรี ​เพราะน้าชายฝากฝังงานให้ทำ​ที่นั่น
​โดยน้า​ต้องมาคอยรับผม​ที่หัวลำโพง

เคย​แต่​ได้ยินครับ​ ว่า "หัวลำโพง" ​แต่ไม่เคยเห็นไม่เคย​ไป ​เอาวะ!!!...​มันคงไม่ต่างจากบ้านเราหรอกมองหาแป๊บเดี๋ยวก็คงเจอน้าชาย ผมก็ขึ้น​รถไฟ​ไปแบบสบายๆ​ ​โดยไม่​ต้อง​ไปเครียดเรื่อง​น้าเลย​ วันนั้น​บนขบวนรถคนไม่ค่อยเยอะผมหา​ที่นั่งเหมาะๆ​ริมหน้าต่างตู้ขบวนสดท้ายกะนั่งกินลมชมวิวเต็ม​ที่ครับ​ ชั้น 3 เหมาะสุดๆ​แล้ว​...​สำหรับผม



ปู้น.น.น.น...​.!!!!!


​เมื่อขบวนรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจนค่อยยืนระยะปรกติไม่เร็วมากนัก มองสองข้างทาง​เมื่อก่อน​กับทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนซักเท่าไร การปลูกผักของชาวสวน​ที่นี่ดู​จะมีให้เห็นมาจนถึงทุกวันนี้ครับ​ ขบวนรถจอดสถานีนครราชสีมาอีกครั้ง

​ที่นี่​จะ​เป็นชุมทาง​ที่ใหญ่กว่าจิระนิดหน่อย​ ซักพักขบวนรถก็เคลื่อนออก..การเดินทางออกจากบ้านเกิดก็เริ่มต้นขึ้น​ด้วย​ความตื่นเต้นของผมเอง ตลอดสองข้างทาง​ที่รถวิ่งผ่านสถานี แล้ว​..สถานีเล่า ผ่านลำตะคอง..ปากช่อง..มวกเหล็ก..สระบุรี

ทุกๆ​​ที่​ที่ผ่านภาพ​ที่ผมเห็นมันช่างเจริญตาดีจริงๆ​ ป่า​เขาทุ่งหญ้า ท้องนา บวก​กับสายลม​ที่พัดกระทบผิวหน้ามันช่างเย็นสบายให้ชวนหลับ​เป็นอย่างยิ่ง เสียงรถไฟ​ที่วิ่ง​ไปมันก็เหมือนเสียงดนตรี​ที่คอยขับกล่อมผู้​โดยสารแบบดีๆ​นี่เอง แล้ว​ผมก็เผลอม่อยหลับ​ไปด้วยบรรยากาศของธรรมชาติจริงๆ​

แป่กๆ​

แป่กๆ​

ผมมาสะดุ้งตื่นอีกที..​เมื่อ​ได้ยินเสียงดังแป่กๆ​ อยู่​ตรงหน้า
"อูย..นึกว่าตำรวจ" เจ้าหน้า​ที่ตรวจตั๋วรถไฟครับ​
"ถึงไหนแล้ว​ครับ​" ผมถามผู้​โดยสาร​ที่นั่งข้างๆ​
"​จะเข้าอยุธยาแล้ว​"
"ขอบคุณครับ​"

จังหวัดอยุธยานี่ ​เขาก็ทำนาเหมือนบ้านผมเลย​ เท่า​ที่รู้มาแถบนี้​จะทำนาปรัง ปีละ ๒ ครั้ง ต่างจากบ้านผมทำ​ได้ครั้งเดียวเอง ​เมื่อถึงสถานีรถไฟอยุธยา ผมนึกถึงรัชกาล​ที่ ๕ ​เพราะ​ที่เคยเรียนมา ตัวอาคารสถานีของเก่าสร้างตั้งแต่สมัยของ​พระองค์ท่าน ​และ​ได้มีการมาบูรณะขึ้น​ใหม่ในภายหลัง ​ที่นี่​เป็นสถานีระดับ​ที่ ๑ ขบวนรถไฟทุกขบวน ​จะจอดรับส่ง​ที่สถานีนี้

ขบวนรถออกจากสถานีอยุธยา สภาพสองข้างทางรถไฟเริ่มเปลี่ยน​ไป ถนนหนทาง บ้านช่อง รถรา เริ่มเห็นบ่อยขึ้น​​และถี่ขึ้น​เรื่อยจนกลาย​เป็นตึก สองชั้นสามชั้น
โอ้ว!! ​เป็นสิบชั้นก็มี รถก็เยอะ คนก็เริ่มแยะอีกต่างหาก ​เมื่อรถไฟจอด สถานีบางซื่อ เอ..สถานีก็เล็กๆ​ คน​ที่สถานีก็ไม่เยอะ ​จะมีเดินกันขวักไขว่ให้เห็นก็​แต่ภายรอบนอก มองหาต้นไม้ใหญ่ๆ​แทบไม่เจอ จริงๆ​แล้ว​มันไม่มีต่างหากล่ะ

สักพักขบวนรถเริ่มวิ่งช้าลงเรื่อยๆ​จนกลาย​เป็นเคลื่อนขบวน​ไปอย่างช้าๆ​ ฉึกกะฉักๆ​ ประมาณนั้น​นี่แสดงว่าเรา​จะถึง..กรุงเทพแล้ว​รึนี่ เราก็​จะ​ได้เหยียบ..หัวลำโพงแล้ว​สิ (เริ่มคึกอีกแล้ว​เรา ฮาๆ​)

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

โอ้โฮ...​ทำไมรถไฟมันเยอะอย่างนี้ ลายตามึนงง​ไปหมดเลย​ครับ​ ในใจก็คิดว่า นี่คง​เป็นหัวลำโพง แน่ๆ​

​ซึ่งผมก็คิดไม่ผิดครับ​ ไอ้หย๋า...​มันใหญ่กว่า​ที่เราคิดไว้เสียอีก ผู้คนก็มากซะด้วย ​เอาแล้ว​ๆ​งานเข้าแล้ว​ทีนี้

ผม​จะหาน้าชายของผมเจอไหมหนอทีนี้ บัดนี้​ความเครียดเข้ามาเต็มหัวขมอง​และเริ่มปวดขมับแล้ว​ครับ​ ​เพราะมันไม่​เป็นอย่าง​ที่เราคิด มันไม่หมูอย่าง​ที่ตั้งใจ​เอาไว้เลย​ คนเยอะๆ​แบบนี้ต่อให้กวาดสายตาจนตาเหล่ตาเหลือกก็หาไม่เจอ ตาย..ตาย..ตาย..หยั๋งเขียดล่ะทีนี้ ​เอาไงดีล่ะ แล้ว​​ใคร​จะ​ไปรู้ว่าคนมัน​จะเยอะแบบนี้

เอี๊ยด.ด.ด.ด...​

ขบวนรถ​ที่ผมนั่งมาจอดอย่างแน่นิ่ง ผู้คนก็กรูกันลงสร้าง​ความลายตามึนงงให้ผมเข้า​ไปใหญ่ ไม่รู้​จะรีบ​ไปไหนกันพี่น้อง ช่างไม่กลัวหลงกันมั่งเลย​น๊อ!! ​ส่วนตัวผมยังนั่งคุมเชิงอยู่​บนรถ​โดยสายตาพยายามโฟกัส มองหาน้าตัวเองอย่างตั้งใจ​และจริงจัง

คนบนรถเริ่ม​จะลงหมดแล้ว​ผมก็ลุก​จะลงมั่ง​ต้องลงครับ​ ไม่ลงไม่​ได้..ก็คน​เขาลงกันหมดแล้ว​..ผมจึงจำ​เป็น​ต้องลง

ผมพยายาม..ทำตัวไม่ให้เงอะงะ เดี๋ยวเค้า..หาว่าบ้านนอกเข้ากรุง พอลง​ไป ก็เดิน มอง​ไปเรื่อยซ้ายทีขวาที ชะโงกข้างหน้าทีมองข้างหลัง​ที่ ไม่เปิ่นครับ​ไม่เงอะงะแน่นอน
"น้าจ๋า..อยู่​ตรงไหนหนอ"
​เมื่อผู้คนก็เริ่มบางลงบ้างแล้ว​ ​แต่สำหรับผม มันก็ยังเยอะอยู่​​และดูขวักไขว่พลุกพล่านอยู่​ดี ​เมื่อมันมองหาจน​เมื่อยแล้ว​ คนมันก็​ต้องท้อแท้สิ มีหวัง​ได้นอนตากยุงแน่ๆ​ คิดแล้ว​อยาก​จะร้องให้ครับ​ มาถึงบางกอกกรุงเทพวันแรก ก็ไม่​เป็น​ไปอย่าง​ที่คิดซะแล้ว​

คิดถึงแม่ครับ​ บอกตรงๆ​ว่าตอนนี้คิด​ได้แค่นี้ หิวก็หิว ว่าแล้ว​ก็ลงนั่งปั้นข้าวเหนียว​ที่แม่ห่อมาให้ลงท้องกันหิว ในใจก็คิดว่าน้านะน้าอยู่​กรุงเทพฯมาก่อน มารับหลานแค่นี้...​ไม่เวิร์กเลย​ปล่อยให้มองหาอยู่​คนเดียว กิน​ไปคิด​ไป บ่นในใจ​ไป

อั๊ก..อั๊ก.อั๊ก..
ผมยกน้ำขวดดื่มด้วย​ความน้อยใจ กลืน​ไป​ได้แค่สามอึกเท่านั้น​แหล่ะครับ​ ไม่รู้มือ​ใครมาตบหัวไหล่..ซะพลั๊ว!!! ใหญ่ ​แต่ไม่หนักพอสะดุ้ง!! สำลักสิครับ​พี่น้อง หัน​ไปกะชกหน้า​และต่อว่าซะหน่อย​ ช่างไม่รู้เลย​ว่าคน​กำลังเครียด ตบมา​ได้ พอหัน​ไป ชกไม่ลงครับ​ สองมือประกบกัน ​โดยอัตโนมัติ

"หวัดดี..ครับ​น้า"
โอย...​ฟ้าเปิดแล้ว​ครับ​พี่น้องเอ๋ย ทำไมหัวลำโพงมันสวยงามอย่างนี้หนอ
"เฮ้ย!!! หน้าตาเอ็งดูซีเรียด น่ะเนี่ย" น้าชายกล่าวชื่นชม
"​ใครมัน​จะเบ่งบาน​ได้ล่ะครับ​กลัวไม่มี​ที่นอน"
"ข้าเห็นเอ็งตั้งนานแล้ว​..ชะโงกหน้าชะโงกหลัง..ยังกะบ้านนอกขนาดนั้น​ไม่เห็นก็บ้าแล้ว​"

 

F a c t   C a r d
Article ID S-3194 Article's Rate 7 votes
ชื่อเรื่อง สยายปีก --Series
ชื่อตอน ไกลรัง --อ่านตอนอื่นที่ตีพิมพ์แล้ว คลิก!
ผู้แต่ง นายอิติฯ
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๒ กรกฏาคม ๒๕๕๓
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ ฉันเขียนให้เธออ่าน
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๒๐๘ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๓ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๓๒
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ลุงปิง [C-17175 ], [58.10.234.123]
เมื่อวันที่ : ๐๖ ก.ค. ๒๕๕๓, ๐๑.๒๗ น.

เสียงจากคนบ้านนอกเข้ากรุงยุคหนึ่ง​​ ​​ซึ่งก็คง​​จะรู้สึกคล้ายๆ​​กัน
ตามมาอ่าน​​เพื่อให้​​กำลังใจครับ​​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : ลุงเปี๊ยก [C-17179 ], [115.67.226.209]
เมื่อวันที่ : ๐๖ ก.ค. ๒๕๕๓, ๑๑.๕๕ น.

ผมชอบวิธีเล่าเรื่อง​​ของคุณอิติฯ มาก ๆ​​ เลย​​ครับ​​
อ่านแล้ว​​สบายใจ เหมือนมี​​เพื่อนนิสัยดีมาโม้เรื่อง​​สนุกให้ฟัง

ชอบครับ​​ชอบมาก

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : Rotjana Geneva [C-17191 ], [193.134.193.5]
เมื่อวันที่ : ๐๗ ก.ค. ๒๕๕๓, ๒๑.๒๕ น.

หุ หุ หุ น้าแซวว่า เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง แถมแอบดูอยู่​​ห่าง ๆ​​ น้าใจร้าย

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น