![]() |
![]() |
pilgrim![]() |
ตอน : บันทึกวันหยุดที่พารากอน
เมื่อวานได้นัดเจอกับเพื่อนรุ่นน้องอีกสองคนที่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยในอังกฤษมาด้วยกันน้องทั้งสองคนนี้เพิ่งร่ำเรียนจบ กลับกันมาได้หมาดๆ ฉันในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ จึงต้องเปิดชมรมศิษย์เก่า เลี้ยงต้อนรับเสียหน่อย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความหลังที่เคยมีวันชื่นคืนโศกด้วยกันมา
เรานัดกันแถวพารากอน เพื่อตัดสินใจว่าเราจะหาอะไรกินกันดี ระหว่างรอกันก็ใช้สายตาสอดส่ายชมอาหารตาไปเรื่อยๆ
พวกเราแต่ละคน ล้วนทำงานอยู่ชานเมือง นานๆ เข้าเมืองทีก็ตื่นตาตื่นใจกับแฟชั่นของคนเมือง
ฉันเองคงจะตื่นตาตื่นใจมาก เพราะน่าจะเป็นรุ่นแม่ รุ่นป้าของเด็กๆ ที่ไปเดินกันแถวพารากอน
เด็กๆ สมัยนี้ ใส่กางเกงขาสั้นกันเป็นแฟชั่น บางคนก็ขาสวยน่าดู บางคนขาไม่สวย แต่อาศัยความมั่นใจ ก็พอจะดูได้ แต่ไม่กล้ามองนาน ฮี่ๆๆๆๆ
พอเจอกันครบ พวกเราก็ปรึกษากันว่าจะกินอะไรดี
ฉันเลยแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นใน Discovery เพราะอาหารอร่อย และคนไม่เยอะ
ที่ไหนได้ พอไปเข้าจริงๆ คิวยาวมาก เป็นเด็กๆ รุ่นลูก รุ่นหลานก็มี
ชักนึกแปลกใจ...เด็กสมัยนี้มีเงินกินร้านอาหารแพงๆ ด้วยแฮะ..อย่าว่าแต่ใครเลย..หลานฉันเอง วันดีก็คืนดี ก็ขอเงินพ่อแม่ แล้วไปเข้าเหลากินอาหารกับเพื่อน ราวกับอาเสี่ย ฮ่าๆๆๆๆ
เราสามสาวเจอกันที ก็เม้ากระจายไปตามระเบียบ
ว่าด้วยพารากอนและห้างแถวสยามนี้ ครั้งหนึ่งเคยนัดจะกินข้าวเย็นกับเพื่อนอีกกลุ่ม เพื่อนบอกว่า มาพารากอนต้องแต่งตัวหรูๆ นะ ไม่งั้นพนักงานเสิร์ฟจะไม่ค่อยอยากต้อนรับ
วันนั้น ฉันก็แต่งชุดทำงาน เป็นกระโปรงเสื้อเชิร์ต ที่ซื้อมาจากอังกฤษ ถ้ามาขายในไทยก็หลายพันอยู่....เพียงแต่ใส่รองเท้าแตะแบบส้นสูง
ฉันถามเพื่อน (ซึ่งก็คือน้องโพของเรานั่นเอง) ว่า อย่างนี้ยังหรูไม่พอเหรอ
น้องโพบอกว่า ยังไม่พอ ต้องมีเครื่องประดับ สายสร้อย ตุ้มหูใส่ให้แลดูหะรูหะรา เข้าไว้ แล้วก็ชี้ไปที่เพื่อนอีกคนที่แกช่างแต่งตัว
เพื่อนคนนั้นบอกว่า ที่ใส่นี่ของปลอมเฟ้ย
ฉันก็อดนึกในใจว่า ฉันไม่ได้ใส่อะไรวิบๆ วับๆ ไม่ได้แต่งตัวหรูแฟ่ แต่ฉันก็พอจะมีตังค์นะ แม้จะไม่ใช่ไฮโซ มหาเศรษฐี แต่ก็มีเยอะพอที่จะกินอาหารร้านนั้นได้หลายๆ มื้อด้วยซ้ำ
ฟังแล้วก็ได้แต่ปลง..ชวนให้นึกถึงบางครั้ง เมื่อเราไปซื้อของบางร้าน พนักงานขายมักจะมองเราแบบประเมินว่ายายป้านี่ จะมีเงินซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ในร้านไหมเนี่ย
ฉันเองคงเป็นป้าตอลดกาล เพราะไม่ค่อยชอบลุกขึ้นแต่งตัว ถึงว่าสิ ใน Facebook ถึงได้มีเว็บโฆษณาให้เช่ากระเป๋าแบรนด์ดังไปออกงานหรือเอาไปใช้แสดงฐานะ (ปลอมๆ) ของตัวเองด้วย ไอ้พวกนี้ คงไม่มีวันได้ตังค์ฉันหรอก
เพราะอย่างนี้เอง..สมัยนี้คนถึงได้เป็นหนี้กันเยอะ...เพราะใช้จ่ายเกินรายได้ เรียกว่า รสนิยมวิ่งหนีไปไกลจากรายรับ
ระหว่างนั่งเล่นตรงสวนน้ำตก ในพารากอน เราเจอชายกลางคนคนหนึ่งนั่งพูดคนเดียว ดูจากลักษณะการแต่งตัวก็ดี สะอาดสะอ้าน ผมเผ้าไม่รุงรัง ทำให้พวกเราฉงนทำไมคุณน้า นั่งพูดอยู่คนเดียว แถมนั่งร้องเพลงให้พวกเราฟังอย่างดังเสียด้วย
ที่นั่งข้างแกว่าง คงไม่มีใครกล้านั่ง เพราะเห็นท่าไม่ดี
แต่เพื่อนคนหนึ่ง ถลาเข้าไปนั่ง ไอ้เพื่อนคนนี้มันเป็นคนกล้าๆ อยู่แล้ว
เราก็เลยไปนั่งเป็นเพื่อนมัน
คุณน้าคนนั้น หันมาดูพวกเราใหญ่ แล้วพูดอะไรกับเพื่อนเราสอง-สามคำ
จากนั้น แกก็ลุกหนีพวกเราไป ...ท่าทางจะไม่ไว้ใจพวกเรา อิๆๆๆๆ
ชักอยากรู้จัง...พนักงานขายเหล่านั้น จะต้อนรับคุณน้าคนนี้บ้างไหมนะ เพราะดูท่าแกก็แต่งตัวแบบคนมีสตางค์
ฤาคนเราจะดูกันที่เปลือกภายนอกกันไปอย่างนี้เรื่อยๆ
อือม์...ที่พารากอนก็มีอะไรสนุกๆ แบบแปลกๆ ดีเหมือนกันแฮะ
เมื่อวันที่ : ๒๐ มิ.ย. ๒๕๕๓, ๒๐.๑๐ น.
๕๕๕ ผมเคยไปสยามพารากอนตอนเปิดใหม่ ๆ ครั้งเดียว ไปนั่งจิบกาแฟทำเท่อยู่แถว ๆ น้ำตกนะแหละ เขาทำเป็นลานไม้ยื่นเข้าไปในสระจำลอง ใกล้ ๆ นั้นเป็นบันไดเลื่อน เห็นผู้คนแต่งตัวสวยเกาะราวบันได ลอยขึ้น ลอยลง อยู่ตรงหน้า
เหมือนเทวดานางฟ้ากลางเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ สมชื่อ กรุงเทพ จริง ๆ
หลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าไปอีก เพราะกาแฟถ้วยเดียวนั้น
ราคา ++ แล้วเกินร้อยไปหลายบาท แพงเกินฐานะคนบ้านนอกไปหลายขีดครับ