![]() |
![]() |
pilgrim![]() |
เขาบอกว่า คนเราเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ก็จะเริ่มคิดถึงความหลังครั้งเก่าก่อนที่ผ่านมาแล้ว อันว่าตัวเราก็คงจะเข้าข่ายนี้ เพราะตอนนี้ เริ่มคิดถึงแต่เรื่องราวเก่าๆแก่ๆ ที่นำมาซึ่งความทรงจำอันสุขใจ และเมื่อวันหนึ่ง เมื่อเพื่อนเก่า ชื่อดอกเข็ม เดินทางมาดูงานด้านสื่อสารมวลชน ที่ลอนดอน เราจึงได้มีโอกาสพบเจอกันด้วยความอิ่มเอมเปรมใจ

เราออกเดินทางวันอาทิตย์หลังจากดอกเข็มโทร.มาบอกตั้งแต่วันเสาร์ที่เธอมาถึงว่าเธอว่างวันอาทิตย์กับวันจันทร์อีกครึ่งวัน เพราะโปรแกรมการดูงานมีการเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องเตรียมพร้อมและออกเดินทางในวันอาทิตย์ทันที
งานนี้ ดอกเข็มหอบเอาของฝาก ประเภทน้ำพริกแกงแดง กระเพาะปลา เห็ดขาว ที่น้องมังกี้สุดที่รักและครอบครัวหรรษา ฝากมาด้วย รวมทั้งของขวัญวันเกิด



เช้าวันอาทิตย์ในเมืองเล็กๆที่เราอยู่ในอังกฤษ ดูเหมือนวันเวลาจะหยุดนิ่ง เพราะโดยปกติแล้ว เช้าวันอาทิตย์ เป็นวันที่ผู้คนส่วนใหญ่จะพากันไปโบสถ์ ดังนั้น ทั้งเมืองจึงเงียบเหงา ไม่มีรถเมล์วิ่งยามเช้าเลย

เราจึงต้องเก็บเงินปอนด์ที่เตรียมไว้เป็นค่ารถลงกระเป๋า สะพายเป้ขึ้นหลัง แล้วก้มหน้าก้มตาเดินไปสถานีรถไฟ จากบ้านถึงสถานีรถไฟ ก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เดินกันเข้าไปเถอะ จะขึ้นแท็กซี่หรือก็เสียดายตังค์ กระเป๋าก็ไม่หนักอะไร อากาศเย็นๆอย่างนี้ ก็ชวนเดินดีอยู่ คิดเสียว่าเดินออกกำลัง

จากนั้น ก็ขึ้นรถไฟเข้าลอนดอน มุ่งสู่สถานี St Pancras ที่อยู่ติดกับสถานี Kings cross ซึ่งใช้เป็นที่ถ่ายทำเรื่อง Harry Potter ตอนที่ Harry และเพื่อนๆจะเดินทางไปโรงเรียน Hogwart
อันว่าสถานี St Pancras นี้เอง ที่เราเคยเล่าว่า ภายในตัวอาคาร ช่างละม้ายคล้ายหัวลำโพงบ้านเรา แต่ตอนนี้ เขาปิดซ่อมบริเวณอาคารเก่า เปิดแต่อาคารใหม่ให้ใช้ เลยอดถ่ายรูปหัวลำโพงอังกฤษมาให้ดูเลย ส่วนที่สถานี Kings cross นั่น ก็ซ่อมแซมภายนอก เห็นซ่อมมาเป็นปีแล้วไม่เสร็จเสียที ไม่มีทัศนียภาพสวยงามที่จะให้ถ่ายรูปเลย มีแต่โครงเหล็ก นั่งร้าน รั้วเหล็กบดบังความงดงามไปหมด
เอาเป็นว่า ดูรูปจากเว็บไปพลางๆก่อนแล้วกันนะคะ ภาพแรกคือ King's cross สถานีของคุณ Harry Potterเขาละค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
นี่คือหน้าตาของสถานี St Pancras ภายในที่ละม้ายหัวลำโพงบ้านเรา อันนี้เอามาจากภาพวาดค่ะ ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นตัวอาคารภายนอกค่ะ
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อถึงลอนดอน ก็นั่งรถ Tube ไปหาดอกเข็ม เธอบอกว่า เพื่อนเก่าคนหนึ่งของเธอ ชื่อ Theresa เป็นชาวสก็อตติช ก็จะพาลูกและแฟนมาหาในบ่ายวันนี้เหมือนกัน เราเลยบอกว่า เออ ก็ดีเหมือนกัน เคยได้ยินชื่อ Theresa มานาน วันนี้ จะได้เห็นตัวเป็นๆ
อย่าแปลกใจว่าทำไม Theresa มีลูก แต่ยังคงมีแค่แฟน เท่าที่ทราบมาพวกชาวเกาะบริเทน เขาไม่นิยมแต่งงานกัน แม้จะมีลูกด้วยกันแล้ว เพราะการเป็น single parent คือ การเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว โดยไม่มีสามีตามกฎหมายนั้น จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากกว่า ทำให้คู่รักส่วนมาก ที่ยังไม่แข็งแรงในเรื่องการเงิน ต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาลมาสร้างครอบครัวกันก่อน
บางคนจะเริ่มแต่งงานกันจริงๆ ก็ต่อเมื่อสร้างหลักปักฐานได้มั่นคงแล้ว บางคู่มาแต่งกัน เมื่อลูกโตจนอายุ 7-8 ขวบแล้วก็มี
ดังนั้น ถ้าเห็นเขาจูงลูกมาด้วยกัน นั่นก็ยังเรียกว่า husband and wife ไม่ได้ ในการกรอกแบบฟอร์มของเขา จึงมักมีรายการให้เลือกว่า คนข้างตัวที่อยู่ด้วยกันนั้น มีสถานะเป็น spouse (คู่สมรส) หรือ partner (คู่ใจคู่กาย) อันนี้แปลแบบให้ไพเราะเพราะพริ้งนะจ๊ะ จะแปลว่า คู่กัด ก็กระไรอยู่

เมื่อ Theresa มาถึง เธอก็จูงลูกสาวอันแสนจะน่ารักราวตุ๊กตา มาคนหนึ่ง มีชื่อเป็นภาษา Irish ว่า นีฟ ซึ่ง มีความหมาย ว่า bright and shining คุณพ่อของน้องนีฟ ชื่อ Jimmy เป็นชาวไอริช จึงตั้งชื่อให้ลูกสาวอย่างเก๋ไก๋มาก น้องนีฟเพิ่งจะอายุหนึ่งขวบ กำลังน่ารัก น่าเอ็นดู ซุกซนเป็นกำลัง แข็งแรงราวกับเด็กผู้ชาย ผมก็บางๆ ไม่ค่อยมี Theresa เล่าว่า เวลาไปไหน ถ้าเธอไม่จับลูกสาวแต่งชุดสีชมพู คนมักชอบคิดว่าน้องนีฟเป็นเด็กผู้ชาย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ดูจากคุณพ่อของน้องนีฟแล้ว เราว่าน้องนีฟหน้าเหมือนคุณพ่อมากกว่า โดยเฉพาะทรงผม...แหะ แหะ ขอแซวหน่อยนะ Therasa กับ Jimmy คงอ่านหนังสือไทยไม่ออก แต่สำหรับ Theresa นั้น เธอพอพูดไทยได้ และฟังภาษาไทยรู้เรื่อง เพราะเคยไปทำงานอยู่เมืองไทยมาสี่ปี
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
พวกเรา พากันเข้าไปเดินเล่นใน Kensington Park ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมที่ดอกเข็มพักอยู่ พอเจอสนามเด็กเล่น ดวงตาสีเขียวมรกตของน้องนีฟก็เริ่มเป็นประกายขึ้นมาทันที รบเร้าให้พวกเราพาไปเล่นชิงช้าบ้าง ม้าโยกบ้าง กระดานหกบ้าง แล้วก็ลงไปคลานตามหญ้า หยิบเอาต้นหญ้า ใบไม้ กิ่งไม้มาดูเล่น Theresa ก็ไม่ห้าม ปล่อยให้ลูกคลานไปอย่างอิสระ ได้แต่คอยยืนดูอยู่
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เด็กหญิงนีฟจึงได้เรียนวิชาธรรมชาติศึกษาไปตามสบาย ทำให้เราเห็นว่า พ่อแม่เด็กฝรั่ง เขาให้อิสระลูกสูงมาก ไม่คอยหวงห้าม ไม่กังวลว่าเด็กจะเนื้อตัวมอมแมม เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ดอกเข็มบอกว่า วิธีนี้ ทำให้เด็กมีสุขภาพจิตดี และมีความก้าวหน้าทางพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
จากนั้น Theresa กับ Jimmy ก็พาพวกเราไปกินอาหารกลางวันสไตล์กรีกกัน เด็กหญิงนีฟก็มีอาหารเหลวของตัวเองกิน Theresa เปิดกล่องอาหารที่เหมือนถ้วยโยเกิร์ตขนาดเล็ก เอาช้อนชงชาให้ลูกตักกินเองตามสบาย เลอะเทอะเปรอะเปื้อนก็ช่าง อ้อ คุณแม่เตรียมเอี๊ยมมาให้ใส่กันเปื้อนไว้อีกชั้นหนึ่ง
เราก็ได้แต่นั่งมองอย่างประหลาดใจ เด็กอายุ หนึ่งขวบ ทำอะไรเองได้ทุกอย่าง พ่อ แม่ไม่ต้องมาคอยนั่งป้อนข้าวป้อนน้ำกันมากมายเลย พอกินเสร็จ เธอก็นั่งร้องเพลง อือๆ อาๆ ภาษาทารก เอาช้อนเคาะจานกระเบื้องเล่น (เหมือนคนเมาบ้านเราเลยแฮะ) พร้อมกับจะคอยซุกซน หยิบนั่น ฉวยนี้ ประมาณว่าจะเปิดรายการสำรวจโลก คราวนี้แหละ ที่ผู้ใหญ่ต้องคอยดู เพราะน้องนีฟอาจจะทำจาน ชาม ถ้วย แก้ว ของร้านเขาแตกได้
เวลาผู้ใหญ่คุยกัน เธอก็จะคอยหัดเลียนแบบพูดตาม บางทีก็พูดภาษามนุษย์ต่างดาวออกมาเป็นประโยคยาวๆ อย่างรวดเร็ว ราวกลัวใครจะแย่งพูด เหมือนกับว่าเธออยากจะมีส่วนร่วมคุยกับพวกเรา เรียกร้องกลายๆว่า ฟังหนูคุยบ้างสิจ๊ะ พวกเราก็ได้แต่หัวเราะแล้วก็คอยช่วยกันแปลเอาตามใจชอบว่า น้องนีฟพูดว่าอะไร
น้องนีฟเป็นเด็กที่สนใจความเป็นไปรอบตัวเป็นอย่างมาก เวลาคนเดินผ่านไปมา เธอจะมองเขาจนเหลียวหลัง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นกำลัง พอเราตั้งข้อสังเกตนี้ขึ้น Jimmy ก็หันไปแซว Therasa ว่า นิสัยนี้ มันก็เหมือนแม่เขาน่ะแหละ ช่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน Theresa ก็ยิ้มหวานแล้วบอกว่า อะไร ก็มาเหมารวมว่าเหมือนแม่หมดแหละ
คู่นี้น่ารัก น่าเอ็นดูจริงๆ ดอกเข็มบอกเราในตอนหลังว่า Jimmy แก่กว่า Theresa หลายปี เป็นพ่อม่ายมีลูกติดโตเป็นหนุ่มแล้ว เลิกกับภรรยามาก่อนหน้าที่จะมาเจอกับ Theresa ส่วน Theresa เองก็มีหนุ่มๆหล่อๆมาจีบหลายคน แต่ท้ายสุดเธอเลือกที่จะอยู่กับ Jimmy เพราะ ความเป็นคนใจดี มีเมตตา เป็นผู้ใหญ่ มีความเข้าใจในโลกและชีวิตของ Jimmy
ผิดกับหนุ่มหล่อล่ำ ทั้งหลายที่มักจะเอาแต่ใจ หวือหวา เรรวนปรวนแปร หาความแน่นอนไม่ได้ และมักยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ Jimmy จะตามใจ Theresa ทุกอย่าง ปล่อยให้ Theresa ได้มีอิสระในขอบเขตที่เธออยากทำ ตอน Theresa ต้องไปทำงานที่เมืองไทย Jimmy ก็ยังคอยตามไปดูแล เป็นระยะๆ ไม่ทอดทิ้งกัน เรียกว่า มีจิตใจแน่วแน่ ดีเสมอต้นเสมอปลาย มั่นคงในความรักที่มีต่อ Theresa อย่างแท้จริง ท้ายสุด Theresa ก็ขอเลือกคนแก่ ผมน้อยคนนี้แหละ

นิทาน เอ๊ย บทเรียนเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า รูปโฉมภายนอกนั้น ไม่สำคัญเท่าจิตใจอันเป็นทองเนื้อแท้ภายในของใจคนเรา นี่แหละ ความรัก บางครั้งมันยากแสนยาก กับการที่เราจะได้ค้นพบหัวใจของใครสักคน สุภาษิตที่ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นับเป็นคำกล่าวที่ไม่มีวันล้าสมัย
เราได้รับฟังเรื่องราวของหนุ่มไอริชกับสาวสก็อตช์คู่นี้ด้วยความประทับใจ ทำให้พลอยเปรมปลื้มไปกับแง่มุมความรักอันงดงามของคนสองคน


เมื่อยามบ่ายคล้อย เราก็ล่ำลาคู่รักตัวอย่างด้วยความประทับใจ

เพลิดเพลินใจ ในร้านหนังสือ Waterstones
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
พระอาทิตย์ขึ้นที่ลอนดอนค่ะ
วันรุ่งขึ้น ดอกเข็มบอกว่า อยากไปเดินหาซื้อหนังสือหรือสื่อสำหรับเด็ก ที่จัดทำออกมาดูดี มีคุณค่า และหาได้ยากในเมืองไทย เนื่องจากงานที่เธอทำอยู่เกี่ยวข้องกับการผลิตสื่อสำหรับเด็กกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะเด็กที่ด้อยโอกาส ดอกเข็มบอกว่า หนังสือในไทยมีมากมาย แต่จะหาหนังสือดีๆ สวยๆ ที่ทำให้เด็กๆรักการอ่านยาก และยังมีเด็กอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงสื่อเหล่านั้น
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
เราไปถึงร้าน Waterstones เมื่อตอนที่ร้านเพิ่งเริ่มเปิดตอนเก้าโมงครึ่ง แล้วก็เดินวนเวียนกันอย่างไม่รู้เบื่อ ราวกับเจอขุมทรัพย์อันล้ำค่า ดอกเข็มประทับใจกับแผนกหนังสือเด็กมาก เธอบอกว่า มีหนังสือหลากหลายประเภทให้เด็กได้อ่าน และเขาทำรูปเล่ม สีสันออกมาได้สวยสะดุดตา แต่ที่เธอสนใจเป็นพิเศษ คือ มีการนำนิยาย นิทานมาอ่านบันทึกเทปลงในม้วนเทป หรือซีดี เธอบอกว่า เป็นสื่อที่ดีและมีคุณค่าสำหรับผู้พิการทางตามาก เธอประทับใจแนวคิดของผู้ผลิตสื่อ ที่ยังมีความห่วงใยและให้โอกาสแก่เด็กพิการ
ในเทปที่เขาบันทึกนั้น ไม่ใช่เป็นแค่การอ่านปาวๆเฉยๆ แต่เขาจะใช้ผู้อ่านในลักษณะของการเล่าเรื่อง ชวนให้ผู้ฟังชวนติดตาม อันว่าการอ่านนิยายหรือเรื่องของเด็กใส่เทปนี้ นอกจากจะเหมาะกับผู้พิการทางตาแล้ว ยังมีประโยชน์กับเด็กทั่วๆไป สำหรับไว้ใช้เปิดฟังในรถหรือในยามว่างได้อีกด้วย
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตอนแรก ดอกเข็มเธอก็เดินดูและเลือกซื้อหนังสือด้วยอาการสงบเสงี่ยม แท้จริงแล้ว เธอมุ่งที่จะซื้อหนังสือเกี่ยวกับงานศิลปะภาพวาดสีน้ำด้วย เพราะเป็นงานอดิเรกของเธอ แต่แล้วเมื่อเราพาเธอเดินไปดูที่ชั้นหนังสือแผนกทำสวน (gardening) เธอก็ลืมตัว หลุดอาการตื่นเต้นออกมา อย่างอดใจไม่อยู่ ตลอดเวลา เธอจะเอ่ยอุทาน ว่า โอ้ พระเจ้า จอร์จ มันยอดมาก สลับกับเสียง อื้อฮือ.... โอ้โฮ..... อา....

จนในที่สุด เราต้องบอกให้เธอ โทรเดี๋ยวนี้ ภายในห้านาที...เอ๊ย หยุดเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น เดี๋ยวใครเดินผ่านมาได้ยินเข้า เขาจะนึกว่านี่เป็นแผนกหนังสือ XXX ก็เธอเล่น อุทาน อือๆ อาๆ อย่างนั้น

เรื่องของเรื่อง คือ คุณดอกเข็มเธอชอบทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ และหนังสือการแต่งสวนของอังกฤษนั้นก็งดงามขนาด เพราะคนประเทศนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องการทำสวนอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อเธอได้เห็นภาพต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้อันสดใส ได้เห็นดีไซน์อันเก๋ไก๋ ทำให้อาการของคนบ้าต้นไม้ บ้าสวนหลุดกระจาย แล้วเธอก็หันมาถามว่า ซื้อเล่มนี้ ดีไหม เล่มนั้นดีไหม อยากซื้อเล่มนี้ แต่มันแพงนะ
เราเห็นแล้ว ท่าทางเธออยากได้จริงๆ เธอก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพื่อให้เรายุให้ซื้อ เราก็เลยแปลงร่างกลายเป็นบ่างช่างยุ(ให้ซื้อ) ไปในทันใด เพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของคุณดอกเข็ม ปรากฏว่าคุณดอกเข็มก็ปฏิบัติตามการยุอย่างเคร่งครัด เธอก็ซื้อๆๆๆ ท่าว่าจะหมดเงินไปหลายอยู่ เราเลยบอกว่า ให้ซื้อไปเถิด ถึงมันจะแพง แต่ถึงอย่างไรหนังสือมันก็อยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต (ถ้าเราไม่ทำหาย หรือปล่อยให้ปลวก มอดเข้ามากินไปเสียก่อน) เราบอกว่า ซื้อเลย งานนี้ เจ๊สั่งลุย...

มีอยู่สองเล่มที่เธอชอบมาก คือ เล่มหนึ่ง เป็นการสอนเด็กให้รักการปลูกต้นไม้ เขาจะสอนให้เด็ก รู้จักประเภทต้นไม้ การเตรียมดิน การปลูกต้นไม้ในกระถาง นอกกระถาง การจัดแต่งสวน นับว่าเป็นการปลูกฝังนิสัย รักธรรมชาติให้เด็ก อย่างมีกระบวนการในการเรียนรู้ ที่สำคัญ คือ พ่อแม่ลูกได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้สร้างความสุขในครอบครัวร่วมกันแบบสร้างสรรค์ ง่ายๆ เพราะในปัจจุบัน พ่อแม่หลายๆบ้าน จะหาพี่เลี้ยงจอตู้มาให้ลูก ไม่ว่าจะเป็น ทีวีที่ส่วนใหญ่จะมีรายการที่เหมาะสมสำหรับเด็กน้อยมาก หรือเป็นเกมส์คอมพิวเตอร์ เพลย์สเตชั่นต่างๆ แล้วก็จบลงด้วยเกมส์ที่ไล่ล่ากัน ไล่ฆ่า ทำลายล้างกัน คิดดูเอาเองแล้วกันว่า เด็กจะมีพัฒนาการทางความคิดอย่างไร
อีกเล่มหนึ่งที่ ดอกเข็มชอบมาก คือ แนว concept ของสวนแบบ healing garden หรือสวนเพื่อการบำบัดเยียวยารักษา ธรรมชาติคือยารักษาใจและกายที่ดีที่สุด ประโยชน์ที่ได้จากต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้านั้น มีคุณอเนกอนันต์
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
ตัวอย่างที่เห็นกันง่ายๆ คือ พืชสมุนไพรช่วยในการรักษาอาการทางกาย ส่วนกลิ่นหอมของดอกไม้และไม้หอมบางชนิด ก็ช่วยในแง่ของการเยียวยารักษาความเครียด ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ที่เรียกกันว่า aroma therapy ความงามของสีสันไม้ดอกตามธรรมชาติ ความเขียวสดของสนามหญ้า ต้นไม้ใบไม้ ล้วนแต่ให้ความรื่นรมย์แก่สายตาและจิตใจโดยที่เราแทบไม่รู้ตัว
ถึงตอนนี้ เราเลยกลายเป็นบ่างช่างยุอีกครั้ง บอกให้ดอกเข็มแปลเรื่องในหนังสือเล่มนั้นมาให้ชาวนกน้อยได้อ่านกันบ้าง ซึ่งเธอก็ทำท่าอยากจะแปลอยู่ หวังว่า ต่อไปเธอคงไม่แปลงร่าง บิดๆเบี้ยว เป็นมดเขียววีสามไปเสียก่อน (บิดๆเบี้ยวๆ ไม่ยอมแปลนั่นเองค่ะ) อันนี้ พวกเราคงจะต้องติดตามกันต่อไป
เมื่อหมดเวลาแห่งการสังสรรค์ เรากับดอกเข็มก็ต้องล่ำลาจากกัน ด้วยต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่จะต้องไปทำ

มันเป็นช่วงเวลาแห่งการรำลึกความหลัง และทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในกาลเวลา ที่เราก็อยากจะบอกว่า โอ้ พระเจ้า จอร์จ มันยอดมากเลยค่ะ.

เมื่อวันที่ : 26 พ.ค. 2548, 18.37 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...