![]() |
![]() |
อัญชา![]() |
...สำหรับมาลาตีแล้ว โลกของตัวอักษร คือ โลกแห่งจินตนาการและความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอ ความฝันที่ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้ แต่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นตัวอักษรเพื่อบอกเล่าเรื่องราวได้......
8.มาลาตีเดินออกมาสูดอากาศสดชื่นที่ระเบียงห้อง พระอาทิตย์ดวงกลมโตกลายเป็นสีแดงฉานแบบที่นาน ๆ จะได้เห็นสักครั้ง การจราจรของถนนบางสายค่อนข้างหนาแน่น ขัดกันกับความเวิ้งว้างของท้องฟ้า ฝูงนกที่ออกบินไปหาอาหารในตอนเช้ากำลังบินกลับรังกันเป็นหมู่ เธอนึกอยากรู้ว่านกฝูงนั้นคือนกชนิดไหน แต่ก็จนใจ เพราะจากที่ที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวเห็นพวกมันเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนท้องฟ้าเท่านั้น
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกลั่นทมผสมตัวมาพร้อมกับสายลมเย็น เธอสูดหายใจลึกยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงดอกลั่นทมที่ได้รับชายหนุ่มในวันนี้ แก้มนวลผ่องกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
มาลาตีสะบัดศีรษะขับไล่ภาพความทรงจำที่เกี่ยวกับวศินที่ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว
"ไม่เอาละ มีเวลาอีกตั้งเยอะ แวะไปสำรวจร้านหนังสือดีกว่า"
ร่างของเธอเดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นาน หญิงสาวก็ออกมาพร้อมกับชุดลำลองแบบสบายๆ ด้วยชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวแขนยาวจนเกือบถึงศอก กางเกงผ้ายืดเนื้อนุ่มสีฟ้าอ่อนยาวปิดหัวเข่าของเธอพอดี หญิงสาวเลือกสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว
เธอเลือกการออกกำลังด้วยการเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด เหรียญสิบบาทถูกหย่อนลงในช่องหยอดเหรียญ ครู่เดียว ตั๋วเดินทางที่เป็นการ์ดพลาสติคแผ่นบางขนาดเท่านามบัตรก็ถูกส่งออกมาจากเครื่องจำหน่ายตั๋วแบบอัตโนมัติ
รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบที่ชานชาลา ไม่ถึงห้านาที หญิงสาวก็มายืนอยู่บนถนนสีลม ถนนสายหลักที่ได้ชื่อว่าไม่เคยหลับใหล คนทำงานมากมายพากันเดินจับจ่ายซื้อของ นักศึกษาหลายคนนั่งจับกลุ่มหัวเราะเฮฮาอยู่ในร้านอาหารฟาสท์ฟู๊ดส์ ที่นั่งริมกระจกด้านในสุดของร้าน คุณแม่วัยทำงานคนหนึ่งกำลังสอนการบ้านลูกสาว รอยยิ้มฉาบอยู่บนสีหน้าที่ดูอ่อนล้า เด็กน้อยตั้งอกตั้งใจทำการบ้าน มีบ้างที่เธอเงยหน้า มือหนึ่งคว้าน้ำอัดลมแก้วใหญ่ขึ้นจิบแล้ววางไว้ที่เดิม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำการบ้านของตัวเองต่อ
ภาพที่เห็นในร้านอาหาร สะท้อนภาพโครงสร้างของสังคมเมืองได้อย่างดียิ่ง ชีวิตที่ต้องดำเนินไปพร้อมกับการแข่งขันกับเวลา ทั้งในเรื่องของการทำงานและการเดินทาง ทำให้มนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ก็มีบ้างที่มนุษย์จำต้อง "สร้าง" สภาพแวดล้อมให้เข้ากับตัวเอง
รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวอยู่บนรางเหล็กด้วยความเร็วสูงจนเกิดเสียงดังดังไปทั่วบริเวณ แต่ดูเหมือนผู้คนบนถนนจะชินชากับเสียงนี้เสียแล้ว เสียงล้อรถบดตัวบนรางกับเสาตอม่อขนาดใหญ่บนเกาะกลางถนน ดูจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่จะขาดไปเสียไม่ได้...
ความมืดเริ่มห่อคลุมท้องฟ้า แสงไฟนีออนหลากสีสว่างไสว ป้ายไฟหลากหลายขนาดต่างเปล่งแสงสีเชื้อเชิญผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้เข้าไปเลือกชมสินค้าภายในร้าน
มาลาตีเดินหลบความแออัดของผู้คนบนท้องถนนเข้าไปในห้างสรรพสินค้ามีชื่อแห่งหนึ่ง สินค้านานาชนิดล้วนถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบสวยงาม พนักงานขายหน้าตาพริ้มเพราคอยเชื้อเชิญผู้ผ่านไปมาให้แวะชมสินค้าของตน
หญิงสาวตรงไปยังร้านขายหนังสือที่อยู่บนชั้นสองของห้าง ภายในร้านหนังสือแห่งนี้ มีสินค้าหลากหลายประเภทให้ลูกค้าได้เลือกชมตามความพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเทปหรือซีดีเพลง รวมไปถึงแผ่นภาพยนตร์ พื้นที่ส่วนหนึ่งของร้านถูกจัดเป็นมุมชา-กาแฟ จำหน่ายเครื่องดื่มให้แก่ลูกค้าและยังมีมุมอินเตอร์เนตอีกด้วย
หนังสือมากมายได้รับการจัดวางในชั้นอย่างเป็นระเบียบ มีการจัดแยกเป็นหมวดหมู่ตามเนื้อหาด้านใน มาลาตีเดินเลยเข้าไปยังส่วนที่เป็นมุมหนังสือ เธอกวาดสายตาไปยังมุมหนังสือใหม่ นิยายเรื่องล่าสุดของเธอวางเด่นอยู่บนชั้นหนังสือ เธอยิ้มให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่เธอได้เห็นตัวหนังสือที่มาจากการ กลั่นกรองด้วยมันสมองของเธอวางรวมอยู่กับหนังสืออื่น ๆ ในร้าน ความรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำก็เกิดขึ้นทุกครั้ง
ทุกคนล้วนมีความฝัน บางคนอาจฝันอยากเป็นนักธุรกิจ บางคนอยากเป็นนักร้องนักแสดง บ้างก็รู้สึกภาคภูมิใจกับอาชีพในเครื่องแบบ หรืออาจใฝ่ฝันจะสถาปนิก ผู้ออกแบบสิ่งปลูกสร้างคอยคุมงาน แล้วเฝ้ามองจนภาพร่างบนกระดาษกลายเป็นอาคารหรือที่พักอาศัย แต่ฝันของเธออาจไม่เหมือนของใครอื่น สำหรับมาลาตีแล้ว โลกของตัวอักษร คือ โลกแห่งจินตนาการและความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอ ความฝันที่ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้ แต่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นตัวอักษรเพื่อบอกเล่าเรื่องราวได้...
เธอกำลังยิ้มให้กับความฝันนั้น...
ความฝันที่เปลี่ยนรูปร่างจากตัวอักษรที่สุดแสนจะธรรมดา กลายมาเป็นตัวอักษรนับร้อยนับพันในหนังสือปกแข็งอาบมัน รูปแบบที่เธอหรือใครก็สามารถสัมผัสรับรู้ไปกับเรื่องราวในตัวอักษรเหล่านั้นได้
"หนังสือเล่มนี้มีมาแค่นี้หรือคะ?"
มาลาตีถามพนักงานขายหญิงที่ยืนอยู่ใกล้เธอ
"มีอีกค่ะพี่ อยู่ในห้องสโตร์ค่ะ" พนักงานขายบอก
"อืม ถ้างั้นจัดมาให้พี่สัก 9 เล่มนะจ๊ะ"
"ได้ค่ะ หนังสือของคุณรุ้งตะวัน 9 เล่มนะคะ"
"ใช่จ้ะ" มาลาตีพยักหน้ายืนยันความต้องการ
"ได้ค่ะพี่ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูจัดการให้ค่ะ"
พนักงานสาวยิ้มร่าเดินเข้าไปยังห้องสโตร์ที่อยู่มุมในสุดของร้าน
มาลาตีเดินดูหนังสือเล่มอื่นบนชั้นวาง นักเขียนหน้าใหม่หลายคนเริ่มปรากฏชื่อบนชั้นหนังสือ พวกเขาเหล่านั้นก็คงมีความฝันไม่ต่างไปจากเธอ แต่โอกาสคือสิ่งที่ทุกคนต่างต้องการ และใครหลายคนในจำนวนนักฝันนั้น... ทำสำเร็จแล้ว...
หนุ่มผมยาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านเดียวกันกับที่มาลาตียืนเลือกหนังสืออยู่ เขากำลังมองหาซีดีเพลงเป็นการฆ่าเวลา
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตรงชั้นซีดีนั้นเอง สายตาของเขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นมาลาตีเสียก่อน ชายหนุ่มรีบหลบหลังเสา อีกมือหยิบแว่นสายตาสีดำที่เหน็บกับกระเป๋าเสื้อขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว แล้ว "นักดนตรีนิรนาม" ก็ลอบมองมาลาตีอยู่ห่าง ๆ
"ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอที่นี่ ดีนะที่เธอไม่เห็นเราไม่งั้นล่ะเรื่องใหญ่"
"ไม่ทราบว่ากำลังหาเพลงของใครอยู่หรือครับพี่?"
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง พนักงานขายทำหน้าจ๋อย ๆ กลัวจะถูกเขาต่อว่า
"เปล่า พี่ดูเรื่อย ๆ น่ะ" เขาพูดออกไป
พนักงานขายทำท่าจะหันหลังกลับ
"เดี๋ยวก่อนน้อง พี่นึกออกแล้วล่ะ"
หนุ่มนิรนามรีบเรียกพนักงานขายเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้
"เอ่อ..คือ... น้องช่วยหาเพลงนี้ให้พี่ที เปิดลองให้พี่ฟังด้วยนะ"
พนักงานขายยิ้มแป้น "ได้ครับพี่ เพลงอะไรครับ?"
"เพลง....." ชายหนุ่มกระซิบกระซาบกับพนักงาน
ครู่ต่อมา พนักงานสาวคนเดิมถือหนังสือมาให้ส่งให้มาลาตี หญิงสาวตรวจดูความเรียบร้อยของหนังสือทั้ง 9 เล่มนั้น ก่อนจะเดินไปชำระเงินที่เคาท์เตอร์ เสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ถูกปิดลง บทเพลงใหม่ถูกเปิดขึ้นมาแทน มาลาตีชะงักมือที่กำลังจะชำระค่าสินค้า
"Lovers Moon?"
หญิงสาวทำหน้างง ๆ ที่จู่ ๆ เพลงนี้ก็ดังขึ้นคล้ายจงใจ มาลาตีกวาดตามองไปทั่วร้าน
"ทั้งหมด 1,125 บาทค่ะ"
"อ่ะ.. ค่ะ 1,125 บาทนะคะ"
มาลาตีนับเงินตามจำนวนที่พนักงานบอก ก่อนจะหยิบส่งให้เธอ "นี่ค่ะ"
พนักงานขายอีกคนหนึ่งห่อปกหนังสือทั้งเก้าเล่มให้กับมาลาตีก่อนจะบรรจุลงในถุงพลาสติคใบใหญ่แล้วส่งให้เธอ
"ขอบคุณมากค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ" พนักงานสาวพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ขอบคุณค่ะ" มาลาตีกล่าวขอบคุณก่อนจะรับถุงหนังสือนั้นมา
เธอกวาดตาไปรอบ ๆ ร้านหนังสือแห่งนั้นอีกครั้ง แล้วสายตาของมาลาตีก็คล้ายกับจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาและทรงผมคล้ายกับนักดนตรีนิรนามที่เธอพบที่ร้านอาหาร
มาลาตีรีบเดินตรงไปยังแผนกเทปเพลงที่เธอเห็นเขาคนนั้น เสียงเพลง Lovers Moon ยังคงดังกังวานไปทั่วทั้งร้าน แต่เธอไม่เห็นเขาคนนั้น...
เพลง Lovers Moon จบลงแล้ว บทเพลงใหม่ถูกเปิดขึ้นแทน เธอพยายามมองหานักดนตรีนิรนามคนนั้นอีกครั้งแต่ก็ไม่พบ
"สงสัยจะตาฝาด"
มาลาตีบอกตัวเองก่อนที่เธอจะพาร่างบางออกจากร้านหนังสือแห่งนั้น
ร่างของมาลาตีเดินหายไปลับตาแล้ว ชายหนุ่มนิรนามจึงออกจากที่ซ่อน เขารีบเดินตรงไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าผู้หญิงคนสวย ๆ เมื่อกี้นี้มาซื้อหนังสืออะไรหรือครับ?"
เมื่อวันที่ : 13 เม.ย. 2548, 11.16 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...