..."คิงโดนแน่ ไอ้แสน ! เปิ้นจะเอาคิงไปล้างส้วม เพราะคิงยังซ้ายหันขวาหันบ่าจ้าง คิงมันถึงล้างส้วมลูกเดียว ! " เพื่อนคนที่ผอมชะลูดขู่เขา...

คำแสนเข้าแถวอยู่เป็นคนที่ห้า หนุ่มปีระกาที่อายุครบเกณฑ์ทั้งสิบคนซึ่งอ้างว่า "พิการ" ยืนรอการตรวจจากหมอทหารอยู่ที่ลานหน้าวัด เพื่อยกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร ! นั่นคือหนุ่มแถวที่หนึ่ง

อีกแถวหนึ่ง เป็นหนุ่มปีระกาที่ครบเกณฑ์ปีนี้อีกเช่นกัน นับได้เกือบร้อยคนที่ถูกคัดขนาดไว้แล้วทั้งรอบอกและส่วนสูง รอเพื่อจับใบดำใบแดงเข้าเป็นทหารเกณฑ์ถึงแปดสิบคน ปีนี้กองทัพต้องการเพิ่มกำลังพล ! ตรงโต๊ะที่เขาจับใบดำใบแดงกัน มีพ่อแม่ญาติพี่น้องมายืนดูการคัดเลือกเข้ารับใช้ชาติครั้งนี้คับคั่ง มันเป็นอย่างนี้ทุกเดือนเมษายน ก่อนวันปี๋ใหม่เมือง

มีเสียงเฮ ! สนั่น ถ้าคนไหนจับได้ใบดำ เขาไม่ต้องเป็นทหาร ! ... ใครที่จับได้ใบแดงก็หน้าซีดเซียว ที่เป็นลูกแหง่หน่อยก็ร้องไห้โฮออกมา เข้าไปกอดแม่ไว้ บางคนมีเมียมายืนลุ้นระทึกให้กำลังใจ หนุ่มคนหนึ่งกำ 'พระรอด' ของพ่อไว้แน่น สวดมนต์พึมพำตอนล้วงจับสลาก เขาจับได้ใบแดง ! คนที่เอา 'ผ้ายันต์ร้อยแปด' พันไว้รอบเอวก็โดนเช่นกัน

คำแสนยังรู้สึกปวดหนึบที่เหงือก ตรงที่ฟันกรามซี่ในสุดของเขาถูกถอนออกเมื่อวานนี้ เลือดยังไม่หยุดดีและคางเขายังโย้อยู่ข้างหนึ่ง คำแสนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนด้วยความเจ็บ ยาแก้ปวดพาราช่วยเขาได้น้อยมาก ฟันมันยังดีอยู่แท้ๆ แต่เขายอมเจ็บเพราะคนที่ฟันหลอถือว่า "พิการ" ราชการทหารไม่ต้องการ ก็มีคนบอกเขามาอย่างนี้นี่นา !

"ไอ้แสน สูฮู้ก่ ! คนพิการเปิ้นบ่เอาเป็นตะหาน ! " อ้ายแก้วเพื่อนรุ่นพี่ บอกคำแสนเมื่อก่อนวันไล่ทหารไม่กี่วัน แล้วอีกคนก็สาธยายถึงลักษณะความเป็นคนพิการ

"หูหนวก ตาบอด แขนด้วน นิ้วด้วน ฟันหลอ เป็นคนพิการบ่ต้องเป็น ตะหาน ..อู้ง่ายๆ มีอวัยวะบ่ครบ บ่ต้องเป็น "

ความจริงเขาไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาสักเท่าไร คำแสนมักจะถูกล้อเล่น ถูกหลอกให้เป็นตัวตลกเสมอจากหนุ่มๆรุ่นพี่ เพราะเขาเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่สอบ ชั้น ป.หนึ่งถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่ผ่าน และเดี๋ยวนี้ก็ยังนับเลขเกินหลักร้อยไม่ได้

มีหนุ่มปีระกาในหมู่บ้านสี่คนที่จะต้องไปไล่ทหารปีนี้ สองคนกำลังเรียนหนังสือ เขาเรียน ร.ด. จึงได้ยกเว้น อีกคนผอมชะลูดวัดอกยังไงก็ไม่ถึง มีแต่คำแสนผู้ไม่จบ ป.หนึ่งเท่านั้น ที่สูงสง่าเหมือนยักษ์ปักหลั่น เขาต้องไปคัดเลือกด้วยการจับใบดำใบแดง

"คิงโดนแน่ ไอ้แสน ! เปิ้นจะเอาคิงไปล้างส้วม เพราะคิงยังซ้ายหันขวาหันบ่าจ้าง คิงมันถึงล้างส้วมลูกเดียว ! " เพื่อนคนที่ผอมชะลูดขู่เขา

คำแสนคิดหนักอยู่หลายวันจนกระทั่งพบทางออก เขาเข้าไปในเมืองขอให้หมอฟันถอนฟันกรามออกซี่หนึ่ง เพราะว่ามันจะทำให้อวัยวะของเขาไม่ครบตามที่มีคนบอกไว้.. แล้วก็ไม่ต้องเป็นทหาร เขาไม่อยากล้างส้วม ! คราวนี้ ไอ้พวกที่ชอบเยาะเย้ยและล้อเขาต่างๆนานาจะได้รู้เสียบางว่า นายคำแสนไม่ได้โง่อย่างที่พวกเขาคิดหรอก ! ...

คนหัวแถวผ่านการตรวจจากหมอไม่ยากเพราะมือด้วนข้างหนึ่ง มันเกิดจากอุบัติเหตุหลายปีมาแล้ว คนที่สองก็ผ่านไม่ยากเพราะตาบอดสนิททั้งสองข้าง บอดชนิดหนังตาติดกันจนลืมตาไม่ได้

คนที่สามทำท่าทางบอกหมอทหารว่าหูหนวกและเป็นใบ้ เขามีบัตรประจำตัวจากสมาคมคนพิการมาแสดง แน่นอนเขารับใช้ชาติไม่ได้เพราะรับฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาไม่ได้ ...

มีเสียงไชโยโฮ่ฮิ้วดังมาจากแถวที่ต้องจับใบดำใบแดง ใครคนหนึ่งจับได้ใบดำอีกแล้ว คำแสนหันไปดู แถวนั้นสั้นลงเหลือคนรอจับใบดำใบแดงอีกครึ่งเดียว
ส่วนพวกที่ได้รับใช้ชาติถูกกันตัวไว้ห้ามกลับบ้าน และเมื่อการคัดเลือกวันนี้จบลง พวกเขาก็จะได้รับเกียรติให้ขึ้นรถ ยี.เอ็ม.ซี. ไปค่ายทหารทันที มีหลายคนที่พ่อแม่เดินคอตกกลับไปบ้านเพื่อเอาเสื้อผ้ามาให้ แต่ที่ค่ายก็มีเครื่องแบบและเครื่องนอนครบครันรออยู่แล้ว พร้อมกับอาหารทุกมื้อสำหรับรั้วของชาติ

"เฮ้ ! เป็นอะไรหนุ่ม ? " เสียงหมอทหารถามหนุ่มคนพิการคนที่สี่ คนที่อยู่หน้าคำแสนเพียงคนเดียว เสียงของหมอเรียกสติคำแสนให้หันกลับมาที่แถวของตัวเองอีกครั้ง

"ผมเป็นริดสีดวงครับ" หนุ่มร่างใหญ่เกือบเท่าคำแสนบอกหมอ

"ฮ้า จริงหรือ ? " เสียงหมอถาม

"แต๊ๆนาครับหมอ ผมเป็นเรื้อรังมาเมินแล้วครับ คงเป็นทหารบ่ได้ " เขาบอกหมอว่าเป็นมานานแล้ว

"เอ้า ! งั้นก็ถอดกางเกงออก โก้งโค้งลง" คำแสนรู้สึกขวยเขินแทนเจ้าหนุ่มร่วมแถวคนนี้ ราชการทหารนี่ช่างทำอะไรตรงไปตรงมาและเปิดเผยอย่างนี้เอง ! ...เขาเห็นหมอใช้นิ้วมือตรวจเจ้าคนที่เป็นโรคนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

"เอ้า เป็นจริง ! ใส่กางเกงได้อ้ายน้อง สุขภาพไม่ดี... ลื้อไม่ต้องเป็น ทหาร ! " หนุ่มลำดับที่สี่เดินโขยกเขยกออกจากแถวไป

คราวนี้มีแต่คำแสนเท่านั้นที่ยืนอยู่ต่อหน้าหมอ... เดี๋ยวเขาก็จะได้กลับไปบ้านแล้ว ไปบอกไอ้พวกที่คอยล้อเลียนเขาอยู่ว่า นายคำแสนถึงจะตัวใหญ่ ไม่ได้จบ ป.หนึ่ง ไม่ได้เรียน ร.ด. ก็ไม่ต้องเป็นทหารได้โว้ย ! เขาจะตะโกนคำว่า โว้ย ! ให้ดังทีเดียวละ

"นายเป็นอะไร หนุ่ม ? " หมอถาม หนุ่มคนขาเป๋ที่อยู่อันดับหกชะเง้อดูคำแสน เขาอยากรู้เหมือนกันว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพิการอะไร

"ผมฟันหลอครับ" คำแสนตอบเสียงอู้อี้ มันยังปวดปลาบไปถึงขากรรไกร... หมอเอามือซ้ายแตะคางคำแสนให้เงยขึ้น เอียงคอมองไปมองมาอยู่ครู่หนึ่ง

" เอาละ อ้าปากสิ ! " เสียงหมอสั่ง แล้วยกนิ้วชี้ขวาขึ้นรอ...คำแสนใจหายวูบ ! เขาผะงะถอยไปชนหนุ่มขาเป๋ข้างหลัง แม้จะสอบ ป.หนึ่งไม่ผ่าน แต่เขาก็มีสติที่จะพูดเสียอู้อี้ออกมาว่า

"หมอครับ ! ถึงผมจะฟันหลอแต่ผมก็เป็นตะหานได้ครับ ! " แล้วก็รีบเดินออกจากแถวคนพิการ ไปต่อแถวที่เขาจับใบดำใบแดงกันทันที เขายอมที่จะไปล้างส้วม ถ้าจับได้ใบแดง!..... O

เมื่อวันที่ : 10 เม.ย. 2548, 21.15 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...