...เมฆดำเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา มันค่อยๆเปลี่ยนสีจากสีดำเป็นสีส้มจาง.... ดูน่ากลัว ! ลมพัดแรงจัดขึ้นอีก แล้วมันก็กลายเป็นพายุร้าย ! นี่คงเป็น 'ลมปากปี๋' ลมร้ายที่ชาวบ้านกลัวกันนัก...

นกกางเขนร้องเพลงเจื้อยแจ้วอยู่ใกล้หน้าต่างห้องนอนตั้งแต่เช้ามืด ปลุกชายสูงอายุให้ตื่นขึ้น วันนี้งานสำคัญรอแกอยู่ตั้งแต่เช้า...

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสงกรานต์แล้ว ชมพู่รุ่นแรกที่ห่อและเก็บขายไปแล้วได้เงินไม่มากนัก แต่สำหรับรุ่นนี้ มันออกดอกและติดลูกมากมายเป็นการชดเชย ลำพังปีเตอร์กับพอล่าและตัวแกรวมสามคน ไม่อาจจะห่อชมพู่รุ่นสุดท้ายของฤดูนี้ได้ทัน และทันทีที่กินข้าวเช้าเสร็จ ตะแกก็รีบเข้าสวนทำงานกับคนงานทันที

ปีเตอร์ช่วยหาคนไทยใหญ่ที่ยังว่างงานอยู่ให้ได้อีกเจ็ดคน ด้วยโทรศัพท์มือถือของเขา มาระดมทำงานได้หลายวันแล้ว เพื่อให้งานเสร็จทันก่อนที่จะถึงวันสงกรานต์ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่คนงานจะยอมทำงาน พรุ่งนี้คือวันมหาสงกรานต์ซึ่งไม่ว่าไทยเมืองหรือไทยใหญ่จะหยุดงานยาวติดกันหลายวัน บางคนเริ่มหยุดไปก่อนนี้แล้วด้วยซ้ำ

พวกคนงานชอบงานห่อชมพู่เพราะไม่ค่อยถูกแดดมากนัก เสียงคุยกันเป็นภาษาไทยใหญ่ดังลั่นสวน แต่อากาศที่ร้อนอบอ้าวและฟ้าหลัวของกลางเดือนเมษายนก็ทำให้ทุกคนมีเหงื่อชุ่มโชก....

บางครั้งจะมีเสียงร้องโอดโอยลั่น เมื่อใครคนหนึ่งเอาหัวมุดเข้าไปในรังแตนใต้พุ่มชมพู่ แต่มันก็แลกกันได้กับโอกาสที่จะพบรังผึ้งมิ้นที่อุดมด้วยน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ในเดือนห้าแทน และพวกเขาก็สนุกสนานที่ต้องเสี่ยงระหว่างรังแตนกับรังผึ้ง

ชายสูงอายุทำงานไปกับพวกนี้ด้วยความรู้สึกว่า แกกำลังเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในบ้านของตัวเอง

ทุกคนเร่งมือเต็มที่ เพราะชายผมสีดอกเลาบอกว่าใครที่ทำงานจนเสร็จวันนี้จะได้ค่าแรงอีกครึ่งแรง เป็นรางวัลตอบแทนที่ไม่ไปเมาเสียก่อน ด้วยว่าบางคนทำท่าจะหยุดไปตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว

ล่วงเข้ายามบ่ายอากาศร้อนอบอ้าวยิ่งขึ้น ที่นี่ฝนไม่ตกมาเกือบห้าเดือนแล้ว หลายอำเภอข้าวนาปรังยืนต้นตาย ผืนนาแตกระแหง ลำเหมืองแห้งผากไปนานแล้ว และบ่อน้ำก็ค่อยๆแห้งไปทีละบ่อๆ น้ำในสระกว้างของตะแกก็ขอดลงจนปลาแทบจะอยู่ไม่ได้ ปีนี้เป็นปีที่ภัยแล้งรุนแรงที่สุดปีหนึ่ง และถ้าไม่มีฝนตกลงมาเร็วๆนี้ ปลาที่เลี้ยงไว้ก็จะต้องตายหมด

อากาศร้อนจัดจนคนงานต้องหยุดพักกินน้ำกันทุกครึ่งชั่วโมง เสียงคุยกันอย่างสนุกสนานค่อยๆ เบาลงๆ และเงียบไปในที่สุดเมื่อบ่ายแก่ ชายสูงอายุต้องคอยวิ่งซื้อน้ำแข็ง และหิ้วกระติกน้ำแข็งบริการคนงานของแก เอาอกเอาใจกันเป็นพิเศษ ไม่ให้เขาทิ้งงานไปเสียก่อน

อากาศนิ่งและร้อนระอุเหมือนเนื้อตัวจะสุก เสียงจักจั่นกรีดปีกร้องแซ่อยู่บนต้นก้ามปูใหญ่หน้าสวน พวกคนงานทายว่าวันนี้ฝนคงจะตกแน่

ก่อนบ่ายห้าโมง ชมพู่ช่อสุดท้ายก็ถูกห่อเสร็จ ชายสูงอายุโล่งอกกับงานที่ทำได้เสร็จทันเวลาก่อนวันหยุดสงกรานต์พอดี จากวันนี้ไปต่อให้เอาช้างไปฉุดหรือจะจ่ายค่าจ้างแพงอีกสักกี่เท่าก็ไม่มีใครยอมทำงานไปอีกหลายวัน

บรรดาคนงานชั่วคราวรับเงินค่าแรงแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป บางคนตรงดิ่งไปที่ร้านเหล้าข้างทาง เริ่มฉลองวันสงกรานต์ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ ชายสูงอายุกับปีเตอร์และพอล่าช่วยกันเก็บข้าวของเครื่องมือเข้ากระต๊อบ พอล่าหันไปมองยังดอยสุเทพที่เห็นวัดพระธาตุอยู่ลิบๆจางอยู่ในหมอกแดด พรุ่งนี้เธอกับปีเตอร์ก็จะไปไหว้พระธาตุที่บนนั้นตามที่ตั้งใจมาแล้วเป็นปี

ลมใต้เริ่มพัดใบชมพู่ไหวพลิ้ว อากาศเย็นลง ท้องฟ้าทางทิศใต้มีเมฆดำทะมึนตั้งเค้าขึ้น แต่ที่ปลายฟ้าด้านล่างกลับเป็นสีส้ม เสียงฟ้าร้องครืนมาแต่ไกล... ลมพัดแรงขึ้นอีก แนวต้นสนที่สวนถัดไปเอนตามแรงลม

เมฆดำเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา มันค่อยๆเปลี่ยนสีจากสีดำเป็นสีส้มจาง สูงขึ้นไปจนเกือบครึ่งท้องฟ้า ดูน่ากลัว ! ลมพัดแรงจัดขึ้นอีก...แล้วมันก็กลายเป็นพายุร้าย ! นี่คงเป็น 'ลมปากปี๋' ลมร้ายที่ชาวบ้านกลัวกันนัก

ต้นสนเอนลู่ส่งเสียงหวีดหวิว ครู่เดียวฝนเม็ดใหญ่ก็สาดซู่ลงมาพร้อมกับพายุหมุนเสียงดังอื้ออึง ไม้ไร่หักโผงผาง ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆลงรอบๆสวน มองไปทางไหนก็เห็นแต่ฝนขาวไปหมด กระต๊อบที่พักของปีเตอร์กับพอล่าไหวยวบ น่ากลัวว่ามันจะถูกพายุหอบลอยไปด้วย ฝนสาดเข้าไปในกระต๊อบทุกทิศทางจนคนที่ยืนหลบพายุอยู่ตัวเปียกโชก ต้นก้ามปูใหญ่ไม่อาจทานทนแรงพายุ มันถอนรากล้มครืนลงทับสายไฟฟ้าขาด พาเสาไฟล้มลงมาด้วย

พอล่าหน้าซีดด้วยความกลัว เธอชี้มือไปที่ผ้าซึ่งตากทิ้งไว้อยู่บนราว มันกำลังจะปลิวหายไปตามแรงพายุฝน ปีเตอร์วิ่งถลันออกไปเพื่อจะเก็บผ้า แต่พอวิ่งออกไปได้เพียงครึ่งทางเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหัว ร้องอู้แล้ววิ่งกลับเข้ามา ลูกเห็บน้อยใหญ่จากท้องฟ้าสาดซัดลงมาบนหัวและตัวเขา จนปีเตอร์ไม่อาจทนวิ่งไปให้ถึงราวผ้าได้ เสียงลูกเห็บตกกราวลงบนหลังคาและผนังกระต๊อบ

พื้นดินขาวโพลนไปด้วยลูกเห็บ สนหลายต้นที่ปลูกไว้เป็นแนวกันลมหักสะบั้นตรงกลางต้น ชมพู่ในสวนโยกโยนอยู่เลือนลางท่ามกลางพายุฝนกับลูกเห็บ สังกะสีหลังคาบ้านคนที่อยู่ไกลออกไปหลายแผ่น ปลิวว่อนมาตกลงในร่องสวน มีแผ่นหนึ่งตกโครมลงตรงหน้ากระต๊อบ พอล่ายกมือขึ้นปิดปาก เธอร้องไห้ด้วยความกลัว ! ....

ชายสูงอายุมองออกไปข้างนอกกระต๊อบด้วยความตกใจ แกไม่เคยเห็นพายุที่รุนแรงน่ากลัวอย่างนี้มาก่อนเลย น้ำฝนเจิ่งนองปนกับลูกเห็บขนาดต่างๆ ตั้งแต่ขนาดปลายนิ้วก้อย ขนาดนิ้วโป้ง จนถึงขนาดลูกมะนาว

พายุโหมกระหน่ำอยู่เกือบชั่วโมงจึงก็ค่อยๆลดความรุนแรงลง... ในที่สุดฝนก็หยุด อากาศนิ่งสงบ ฟ้ากลับสว่างดังเดิม ลูกเห็บละลายไปหมดแล้ว ทิ้งไว้แต่น้ำที่เย็นเยือกนองพื้นดิน ความร้อนระอุเมื่อตอนบ่ายหายไป มีความเย็นชื้นเข้ามาแทน ทุกคนเปียกโชกและหนาวจนตัวสั่น ปลาในสระผุดโผขึ้นรับน้ำใหม่อย่างดีใจ คงจะมีแต่ปลาเท่านั้นที่ดีใจ !

พอล่าเดินออกไปเก็บเสื้อผ้าที่ปลิวกระจัดกระจายไปในสวน เท่าที่จะตามเก็บมาได้ เสื้อบางตัวปลิวไปติดอยู่บนยอดชมพู่ ชายสูงอายุกับปีเตอร์ออกเดินย่ำน้ำสำรวจสวน ชมพู่หลายต้นหักโค่นลง บางต้นกิ่งฉีกแบะออก ที่ร่องสวน ถุงชมพู่ซึ่งเพียรห่อกันมานานหลายวันลอยฟ่องอยู่ขาวไปหมดทุกร่องนับเป็นพันๆถุง ชมพู่ทุกต้นใบโปร่งบางลงเกือบครึ่งด้วยแรงพายุ แม้แต่ใบที่เหลือติดคาต้นอยู่ก็ยังขาดวิ่นและทะลุเป็นรูๆ ด้วยความแรงและเร็วของลูกเห็บที่สาดลงมาจากท้องฟ้า สวนทั้งสวนเหมือนถูกทิ้งระเบิดและยิงกระหน่ำด้วยปืนกลจากทางเครื่องบิน

ชายสูงอายุตัวสั่นสะท้าน มองดูสวนที่ยับเยินอยู่ตรงหน้า พายุลูกเห็บเมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำลายผลผลิตของแกที่จะขายได้ในเดือนหน้าไปกว่าครึ่ง มันทำลายแรงใจและความหวังของแกไปหมดสิ้น จนไม่อาจจะสะกดความรู้สึกผิดหวังล้ำลึกเอาไว้ได้ แกกับสวนแห่งนี้ผ่านภัยธรรมชาติมาหมดแล้ว..น้ำท่วม...ฝนแล้ง....และคราวนี้ 'ลมปากปี๋ ' !

ปีเตอร์และพอล่าเองก็เสียใจ เขากับเธอทำงานมาปีหนึ่งด้วยความรู้สึกที่เป็นเจ้าของเหมือนกัน ความหวังที่จะได้มอเตอร์ไซค์เก่าสักคันสำหรับปีเตอร์หมดไป รวมทั้งความหวังของพอล่าที่จะได้ทองด้วย ทั้งสองคนพอเข้าใจในสถานการณ์....

"....พ่อจ๋า ถ้ามันลำบากนักก็อย่าไปทำสวนเลย พ่ออายุมากแล้วไม่ควรทำงานหนัก ลูกจะส่งเงินมาให้ใช้บ้าง..." นั่นคือจดหมายจากลูกสาวคนที่ทำงานอยู่เมืองไกลเขียนบอกแกมาเมื่อเธอทราบข่าวร้าย ....

"ปีเตอร์ เราจะไม่ทำสวนอีกแล้ว เราเหนื่อยและจะให้เขาเช่าสวนนี้ นายต้องไปหางานอื่นทำ" แกบอกปีเตอร์กับพอล่าไว้ล่วงหน้าเมื่อเริ่มเก็บชมพู่ที่เหลืออยู่ขาย

ชายสูงอายุไม่สามารถจะรักษาไม้งามจากป่าใหญ่แห่งรัฐฉานทั้งสองต้นนี้ไว้ได้ตามที่ตั้งใจ และทั้งปีเตอร์และพอล่าก็ดูจะไม่แปลกใจเมื่อรู้เรื่องนี้ เขาคงจะเดาอะไรบางอย่างได้

ปีเตอร์ใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวันก็หางานใหม่ให้ตัวเองและพอล่าได้ โดยผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของพวกเขา เป็นงานทำสวนกุหลาบขนาดใหญ่ที่อำเภอทางเหนือ คนอย่างปีเตอร์หางานไม่ยากเลยถ้าต้องการจะย้ายงานใหม่ ปีนี้เขาดูแข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ เดี๋ยวนี้ปีเตอร์พูดภาษาไทยเมืองและไทยกลางได้คล่อง อ่านเขียนภาษาไทยง่ายๆได้ดี เขากำลังหัดร้องเพลงชาติไทยทุกๆวันพร้อมกับวิทยุตอนแปดโมงเช้า ปีนี้ปีเตอร์อายุครบยี่สิบปีแล้ว

ปีเตอร์กับพอล่าเก็บของเสร็จแล้ว ทั้งสองคนเดินแบกสมบัติมาด้วยสามถุงปุ๋ยมีเชือกผูกไว้ที่ปากถุงเรียบร้อย ปีเตอร์แบกมาสองถุง พอล่าแบกมาอีกถุงหนึ่ง เอามาใส่รถกระบะของชายสูงอายุ แกจะพาทั้งสองคนไปส่งที่ท่ารถ

เมื่อวันที่เขากับเธอมาถึงที่นี่วันแรก ทั้งสองคนมีสมบัติส่วนตัวคือเสื้อผ้าและหม้อข้าวหม้อแกงมาด้วยเพียงสองถุงปุ๋ย ของที่มากขึ้นอีกถุงหนึ่งคงจะเป็นข้าวของอื่นที่เขาซื้อหาเพิ่มเติมกันมา และอย่างน้อยในถุงนี้ก็คงจะมีผ้านวมใหม่อย่างดีสองผืนที่ชายผมสีดอกเลาให้ไปใช้เมื่อตอนหนาวจัด แกยกให้เขาเป็นที่ระลึก

"ปีเตอร์ นายเอาทองที่ซ่อนไว้ไปด้วยหรือยัง ? อย่าลืมนะ! " ตะแกเตือน
"บ่ามีแล้วเจ้านาย ผมขุดไปขายส่งเงินไปบ้านหลายเดือนแล้ว แม่พอล่าเขาไม่สบาย" ปีเตอร์บอก

แล้วนกน้อยจากป่าใหญ่แห่งรัฐฉานก็บินไปจากสวนชมพู่ที่เคยอยู่อาศัย หนทางชีวิตของเขาทั้งสองยังอยู่อีกยาวไกลนัก ปีเตอร์มีของที่ระลึกไว้ให้ตะแกดูต่างหน้าด้วยเหมือนกัน นั่นคือศาลเพียงตาซึ่งปลูกขึ้นตรงหน้ากระต๊อบ มันต่างจากของคนอื่น เพราะที่เสามีตัวหนังสือเขียนไว้ด้วยปากกาแมจิกเป็นภาษาไทยใหญ่อ่านได้ว่า "ปีเตอร์-พอล่า"...

สำหรับชายสูงอายุ แกยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อ แต่ก็ตั้งใจจะอยู่ที่บ้านไม้ไผ่หลังน้อยนี้ไปเรื่อยๆ แกนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมายาวนานในอดีต และคิดว่าถ้าแกเป็นนักเขียนละก็ คงจะเขียนเรื่องราวที่อยากจะเขียนในปัจฉิมวัย ไว้ให้ลูกหลานอ่านกันได้เยอะทีเดียว...O

เมื่อวันที่ : 08 เม.ย. 2548, 10.27 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...