......ความจริงเขาก็ชอบเรื่องพรรค์ที่ผมชอบเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้หล่อ ไม่หนุ่มและไม่ได้เป็นดาราอย่างผม.......เขาจึงทำได้เพียงแค่กินไก่วัด กินน้ำใต้ศอกจากผมกับดาราในค่าย......

ผมรู้ว่าผมคงจะต้องไปเร็วๆนี้แหละ ผมมีเวลาไม่มากมากนัก จึงอยากจะบอกหลายๆอย่างให้คุณรู้ไว้เสียก่อน...

ผมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกงัวเงียเหมือนกับเพิ่งตื่นนอน ตัวเบาโหวงเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นจากเป็นลม ตายังพร่ามัวและงงงวยต่อสรรพสิ่งที่เป็นอยู่รอบๆตัว ภาพลางๆที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ มีคนกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูอะไรอย่างหนึ่งอยู่ และเมื่อภาพนั้นค่อยชัดขึ้น ผมก็เห็นว่ากลางกลุ่มคนพวกนั้น เป็นซากรถยนต์สีน้ำเงินกองอยู่ข้างเสาไฟฟ้าที่หักสะบั้น รถยนต์คันนั้นพังยับเยิน

ผมขยับใกล้เข้าไปอีกด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เหมือนไทยมุงคนอื่นๆนั่นแหละ ! ใกล้ซากรถคันนั้น มีร่างผู้ชายคนหนึ่งนอนหงายอยู่บนฟุตบาท คงกระเด็นหลุดออกมาจากรถ ร่างนั้นนอนนิ่ง เสื้อยืดสปอร์ตสีเหลืองของเขากำลังกลายเป็นสีแสดบางส่วน เพราะเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าท้อง กางเกงยีนสีฟ้าหม่นขาดกระจุยหลายแห่ง รองเท้าข้างหนึ่งหลุดกระเด็นห่างออกไป อุบัติเหตุอะไรนะ ผมอยากรู้ !

เมื่อขยับตัวเข้าไปให้ใกล้ที่สุด แล้วมองไปที่ร่างชายคนนั้น ผมก็แปลกใจเมื่อเห็นชายคนนั้นแต่งตัวคล้ายผมมาก เสื้อยืดลาคอสต์สีเหลืองสดตัวที่เขาใส่อยู่นั้น วันนี้ผมก็ใส่ ! กางเกงยีนที่แม้จะขาดกระจุยก็คล้ายกางเกงผม ผมมองเพ่งที่ใบหน้าเจ้าคนคนนั้น

เฮ้ย ! หน้าเจ้านั่นเหมือนกับหน้าผมมาก ! มีเลือดซึมออกมาที่ปากกับจมูกนิดหน่อย ผมหันไปดูที่ซากรถยนต์ซึ่งพังคาเสาไฟฟ้า ตรายี่ห้อที่ท้ายรถยังเห็นได้ชัด เป็นรถ บี.เอ็ม.ดับเบิลยู ซีรี่-เจ็ด เหมือนกับรถคันโปรดของผมเลย ผมเข้าไปจนใกล้ร่างชายนั้น ดูให้ถนัด ๆ หน้าเขาเหมือนกับผมยังกับแกะ !

ผมงงไปหมด ฮะ ! มันอะไรกัน ! แล้วกลุ่มไทยมุงก็ต้องแยกออกเป็นสองข้างเมื่อรถพยาบาลคันหนึ่งเปิดไฟแว๊บๆแล่นฝ่าฝูงไทยมุงเข้ามา เจ้าหน้าที่หลายคนลงมาจากรถ เขาตรงเข้ามายังร่างผู้ชายที่นอนอยู่ คนหนึ่งเอามือแตะที่คอ อีกคนจับดูชีพจร คนที่เอามือแตะที่คอเงยหน้าขึ้นมองอีกคนแล้วบอกว่า "ตายแล้ว"

ความมึนงงของผมหายไปเกือบหมดแล้ว ผมเริ่มจะเข้าใจอะไรบ้าง ร่างเจ้าผู้ชายคนนั้นก็คือตัวผมเอง ผมตายแล้ว !! ผมรู้สึกตกใจมาก ผมตายจริงๆหรือ ! ผมพยายามจะกลับเข้าไปในร่างของผมเองเพื่อให้เป็นร่างเดียวกัน แต่ก็เข้าไปไม่ได้ ผมได้แต่เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้นเป็นร่างอีกร่างหนึ่ง ผมอยากไปตรงไหนก็ไปได้ ผมเดินผ่าเข้าไปในกลุ่มไทยมุงก็ได้ โดยไม่กระทบกับใครเลย ไม่มีใครเห็นผม ผมตายแล้วจริงๆ...

ผมพยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมคือดาราหนังจอแก้วสุดหล่อวัยสามสิบสองปี ดารายอดนิยมที่สาวๆ ทั้งสาวน้อยและสาวใหญ่พากันคลั่งไคล้ไหลหลงหลายปีติดต่อกันมาแล้ว เช้าวันนี้ผมห้อเจ้าบี.เอ็ม.ซีรี่-เจ็ด คันโปรดกำลังจะไปพัทยา ผมออกจากบ้านสายไปหน่อย จึงเหยียบเจ้า บี.เอ็ม. ถึงร้อยสี่สิบเพื่อให้ทันเวลานัด ผมเป็นคนตรงเวลาเสมอ เช้านี้ถนนว่างเพราะเป็นวันหยุด

ผมจำได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ! มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเลี้ยวออกจากซอยตัดหน้ารถผมอย่างกระทันหัน ผมจึงหักหลบ รถที่แล่นด้วยความเร็วสูงของผมไถลเข้ากระแทกกับเสาไฟฟ้าข้างถนน แล้วผมก็จำอะไรอีกไม่ได้ ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อกี้นี้เอง ทีแรกคิดว่าสลบไปแล้วฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้สลบ แต่ตายไปแล้วจริงๆ ผมเสียใจมาก ผมยังไม่อยากตาย ! ตายแล้วผมจะไปไหนผมก็ยังไม่รู้ !

ผมเห็นเจ้าหน้าที่รถพยาบาลเอาเปลลงมาจากรถ แล้วช่วยกันยกร่างผมใส่ลงไปบนเปล หามไปใส่รถพยาบาล ผมเดินตามไปและเข้าไปในรถด้วย คนที่หามเปลสองคนนั่นนั่งขนาบอยู่สองข้างร่างผม แล้วรถพยาบาลก็แล่นออกไปจากที่เกิดเหตุ ทิ้งบรรดามุงไว้เบื้องหลัง

ผมเดาไม่ออกเขาจะเอาร่างผมไปไหน แล้วผมก็เห็นเจ้าคนที่นั่งข้างซ้ายพลิกร่างผมให้ตะแคงไปอีกข้างหนึ่ง

"ตัวหนักฉิบหายไอ้รูปหล่อนี่" เขาบอกกับเพื่อนอีกคน แล้วเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าหลังของกางเกงผม เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ผมออกมาเปิดดู ในนั้นมีเงินสดอยู่ประมาณหมื่นหนึ่ง แล้วก็มีบัตรประชาชน ใบขับขี่และบัตรเครดิต เขาหยิบเฉพาะธนบัตรออกมา เอากระเป๋าสตางค์ผมใส่ไว้ที่เดิม แล้วเอาธนบัตรนั้นใส่กระเป๋ากางเกงของเขาเอง และยักคิ้วให้เพื่อนอีกคน... นั่นมันเงินของผม !

"ไอ้ขี้ขโมย" ผมตะโกนด่าแล้วชกหน้ามันเต็มแรง แต่ก็ไม่ถูกหน้ามัน เหมือนกับชกลมและมันก็ไม่ได้ยินที่ผมด่า

อีกคนก็ขี้ขโมยเหมือนกัน เขาถอดแหวนทองหัวทับทิมออกจากนิ้วของผมแล้วเอาใส่กระเป๋าตัวเอง มองหน้าคนที่เอาเงินผมไป

"มึงเอาเงิน กูเอาแหวน" เจ้าคนที่เอาเงินไปพยักหน้า ไม่พูดอะไร คราวนี้ผมนั่งเฉยๆ ผมรู้แล้วว่าผมทำอะไรใครไม่ได้ ผมคือคนตายแล้ว

รถพยาบาลคันนั้นแล่นเข้าไปที่ตึกแห่งหนึ่ง แล้วจอดที่หน้าตึกนั้น เจ้าขี้ขโมยสองคนนั่นช่วยกันหามร่างผมลงมาจากรถ เอาใส่รถเข็นที่จอดรออยู่ แล้วก็มีคนอีกชุดหนึ่งเข็นร่างผมเข้าไปข้างในห้องกว้างซึ่งมีประตูและหน้าต่างปิดหมด เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ ผมเดินตามไปติดๆ เขาเอาร่างผมมาที่นี่ทำไม ?

แล้วเขาก็ช่วยกันยกร่างผมขึ้นไปวางบนอ่างกระเบื้องเคลือบที่มีตะแกรงเหล็กชุบโครเมี่ยมเป็นซี่ๆพาดอยู่ ผมรู้แล้ว ! เขาจะชันสูตรศพผม ก็ผมตายแล้วนี่ ตายด้วยอุบัติเหตุด้วย

สักครู่ก็มีคนสองคนสวมเสื้อคลุมเหมือนหมอ เดินมาที่ร่างผม คนหนึ่งเอากรรไกรตัดเสื้อผ้าผมออกหมด ร่างผึ่งผายสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าเซ็นต์ของผมนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงนั้น ผมรู้สึกอายๆอยู่เหมือนกัน ที่ท้องมีแผลฉกรรจ์เลือดเต็มไปหมด แล้วเขาก็ผ่าท้องผมออกตรวจดูอวัยวะภายใน ผมกลัวจังและรู้สึกคลื่นใส้

"ตับแตก ม้ามฉีก กระดูกซี่โครงหักแทงทะลุปอด" เสียงอู้อี้ดังออกมาจากปากคนหนึ่งที่มีผ้าปิดปากปิดจมูกอยู่ แล้วเขาก็เย็บหน้าท้องผมไว้ตามเดิม
อีกคนหนึ่งลูบคลำที่หัว เขาพลิกหัวของร่างผมดูทั้งสองข้าง แล้วหันไปหยิบเลื่อยสเตนเลสโค้งขาววับสั้นเพียงศอกเดียวออกมาจากตู้ เตรียมจะเอาเลื่อยเปิดกะโหลกร่างผม ตอนนี้ผมทนดูไม่ได้แล้ว ผมกลัวมาก เลยเดินทะลุประตูหนีออกมาข้างนอกห้อง
ที่ม้ายาวหน้าห้อง ผมเห็นพ่อกับแม่นั่งร้องไห้กันอยู่ ผมเข้าไปกราบที่ตักแม่ แต่แม่ก็ไม่รู้ พ่อก็เหมือนกัน อ้อ ผมตายแล้วนี่ ลืมไป ! แต่ไม่เป็นไรขอให้ผมได้กราบพ่อกับแม่ผมก็พอใจแล้ว

สักพักใหญ่ประตูห้องก็เปิดออก ชายสองคนที่เป็นคนช่วยกันผ่าชันสูตรร่างผมเดินออกมา เขาเอาผ้าปิดจมูกออกแล้ว คนหนึ่งบอกกับแม่ผมว่า

"เราผ่าชันสูตรเรียบร้อยแล้วครับ เชิญเข้าไปดูศพได้ ผมเย็บให้ดีที่สุดแล้ว" อีกคนหนึ่งบอกต่อไปอีกว่า

"เดี๋ยวผมจะเอาใบชันสูตรศพให้ไปเป็นหลักฐานเพื่อขอมรณบัตร แล้วก็มารับศพได้เลยนะครับ ผมเสียใจด้วย ผมเคยดูหนังที่เขาเล่นบ่อยๆ" เขากล่าวเหมือนจะปลอบพ่อกับแม่ผม

แล้วคนแรกก็พาพ่อกับแม่เข้าไปในห้องนั้น แต่ผมไม่ตามเข้าไปด้วยหรอก ผมไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ร้องไห้ โดยเฉพาะแม่นั้นคงต้องกอดร่างผมแล้วร้องไห้แน่ๆ ผมจึงนั่งรออยู่แถวนั้น

ไม่นานพ่อก็ประคองแม่เดินออกมา พ่อไม่ร้องไห้แล้วแต่แม่ยังร้องไม่หยุด ทั้งสองคนพากันเดินเลี้ยวลับสายตาผมไป

ผมพยายามทำตัวให้คุ้นเคยกับสถานภาพใหม่ว่าผมจะทำอะไรได้บ้าง ที่ผมรู้แล้วคือ ผมมองเห็นอะไรได้ทุกอย่างเหมือนก่อนที่จะตาย ผมได้ยินที่คนพูดกันทุกอย่างที่คนเป็นจะได้ยิน และที่ต่างกับคนเป็น ผมเดินไปที่ไหนก็ได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นผมได้ แต่ผมพูดกับใครก็ไม่มีใครได้ยิน จะถูกต้องใครก็ไม่มีคนรู้สึก ผมเป็นเหมือนอากาศธาตุที่ลอยไปมา

มีอีกอย่างที่ผมเพิ่งจะสังเกตพบที่หน้าห้องชันสูตรศพนี้ ผมเห็นคนหลายคนมีทั้งชายและหญิง เดินไปเดินมาอยู่บริเวณนี้ พวกนี้ไม่เหมือนกับพ่อแม่และคนอื่นๆที่ผมพบมาตั้งแต่ผมตายไปเมื่อตอนเช้า เราติดต่อสื่อสารกันไม่ได้ แต่ก็รู้กันว่าเราเป็นพวกเดียวกัน

ผมรออยู่แถวนั้นนานทีเดียว แล้วพ่อกับแม่ก็กลับมาอีก คราวนี้มีคนมาด้วยกันหลายคน เป็นญาติพี่น้องผมด้วย มีคนช่วยกันแบกโลงลงมาจากรถ พวกเขาพากันเข้าไปในห้องที่มีร่างผมนอนอยู่ แม่กับญาติผมอีกสองสามคนช่วยกันใส่เสื้อผ้าใหม่ให้กับร่างผม มันดูไม่อุดจาดอีกต่อไป แม่เอาหวีมาหวีผมให้ มีรอยเย็บที่หน้าผากตรงที่เขาเปิดกะโหลกผมออกดู รอยนั้นมันขวั้นไปรอบหัว แต่ก็ดูประณีตดี เขาทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ผมเชื่อ

แม่เอามือลูบหัวผมและก็ร้องไห้ออกมาอีก จนพ่อต้องดึงตัวแม่มากอดไว้ แล้วคนสองคนที่แบกโลงมา ก็ช่วยกันยกร่างผมใส่ลงไปในโลง

พ่อเอาน้ำอบไทที่เตรียมมารดลงบนมือผมเป็นคนแรก แล้วทุกคนก็เข้ามารดน้ำศพผม พ่อบอกกับคนที่มาด้วยกันว่าการรดน้ำศพนี้อยากให้เป็นเรื่องในครอบครัวจริงๆ จึงไม่เอาร่างผมไปให้แขกรดน้ำกันที่วัด แล้วเขาก็ปิดฝาโลงตอกตะปูแน่นสนิท ผมมองไม่เห็นร่างของผมอีกแล้ว

ผมตามรถพยาบาลที่บรรทุกโลงใส่ร่างผมไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมไม่ต้องเดินก็ได้ ผมลอยตามไปเรื่อยๆจนถึงวัด วัดนี้ผมรู้จักดี ผมเคยมางานศพออกบ่อยไป พวกเขาช่วยกันยกโลงลงจากรถ แล้วเอาไปตั้งไว้ที่ศาลาๆหนึ่ง เอาหีบทองลายเทพนมมาครอบทับไว้อีกชั้น ก็ดูสวยดี

ค่ำแล้ว ผู้คนทยอยมางานสวดวันแรกของผมมากมาย ทั้งญาติมิตร ทั้งดารานักแสดงค่ายต่าง ๆ ตลอดจนแฟนหนังของผม รวมทั้งคนจากบริษัทหนังที่ผมสังกัด สถานีโทรทัศน์ทุกช่องส่งช่างภาพมาทำข่าวพิธีสวดวันนี้ มีคนเอาพวงหรีดมาวางด้วยทั้งดอกไม้สดและดอกไม้แห้ง วางกันจนล้นออกมานอกศาลา ก็ผมเป็นขวัญใจประชาชนนี่นา !

ที่เก้าอี้โซฟาหน้าสุด พ่อกับแม่ผมนั่งอยู่ มีคนเข้าไปไหว้ทักทายตลอดเวลา ทั้งสองคนดูจะทำใจได้บ้างแล้ว เพราะมีแขกมามากมายให้คอยต้อนรับ ข้างๆพ่อผม ผู้จัดการบริษัทหนังที่ผมสังกัดนั่งหนวดจิ๋มอยู่ ผมไม่ชอบเขาและเขาก็ไม่ชอบผม แต่เราก็ต้องอยู่ด้วยกัน เหมือนต้นไม้กับกาฝาก

ผมเป็นเสมือนห่านที่ไข่ออกมาเป็นทองคำให้เขา และเพื่อความมั่นคงของเขาเอง เขาก็กำลังหาห่านตัวใหม่มาสำรองไว้ เผื่อว่าไข่ทองคำของผมจะมีน้อยลง หรือเผื่อว่าห่านตัวนี้จะบินหนีไปอยู่ที่เล้าอื่น ความจริงมันยังมีเรื่องมากกว่านี้ระหว่างเขากับผม ถ้ายังมีเวลาผมจะเล่าให้ฟัง....

ผมเดินเล่นไปด้านหลังศาลา ตรงนี้ไฟสลัวหน่อย ผมเห็นคนสองคน คงจะเป็นเจ้าหน้าที่วัด เขาแต่งตัวด้วยชุดสีกากีกำลังนั่งกินเหล้ากันอยู่กับคอเป็ดย่าง มีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งร่วมวงอยู่ด้วย เสียงผู้ชายคนนั้นพูดว่า

"น้า งานนี้พวงหรีดคงจะมาก ผมเหมาพวกดอกไม้แห้งทั้งหมดเลยนะ เผาเสร็จเมื่อไรรีบแกะป้ายชื่อออก ผมจะเอารถบรรทุกมาขนไปที่ร้านเลย" เขาคงเป็นเจ้าของร้านขายพวงหรีดหน้าวัด

แขกมาเต็มศาลาและล้นออกมาจนต้องเสริมเก้าอี้ข้างนอก ได้เวลาแล้ว พระสี่รูปขึ้นประจำที่ ชายคนที่นั่งกินเหล้าอยู่หลังศาลาเมื่อกี้นี้เข้ามาจุดธูปจุดเทียนไหว้พระที่ๆบูชา ต่อมาเขาก็กล่าวอาราธนาศีล แขกพากันยกมือขึ้นพนม บางคนกล่าวตาม บางคนแค่ทำปากขมุบขมิบและบางคนนิ่งเงียบ โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยรุ่นสมัยนี้ พวกเขา สวดมนต์กันไม่เป็นหรอก แล้วพระก็เริ่มสวดพระอภิธรรม

ถึงตรงนี้คุณคงจะคิดว่าผม ดาราสุดหล่อแห่งจอแก้วคนนี้คงจะเป็นคนดี เคร่งในจริยธรรมและจรรยาบรรณแห่งนักแสดง ใช่สิ ! ผมไม่เคยมีภาพที่เสียหายเลย ผมคือนักแสดงสุดหล่อขวัญใจสาวๆ ผมคือพระเอกที่ยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่คิดจะแต่งงาน เป็นสุภาพบุรุษและไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ใดๆเลย ไม่เหมือนพระเอกบางคนที่มีเรื่องขึ้นโรงพักปีละหลายหน... ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้นคุณก็คิดผิด !

ผมเดินดูแขกที่มางานศพผม เยอะแยะไปหมด แขกแถวหลังเก้าอี้ที่พ่อกับแม่ผมนั่งอยู่มีทั้งชายและหญิง นั่น ! ผู้หญิงคนที่นั่งเก้าอี้ตัวที่สอง คนซึ่งสวยหยาดเยิ้มคนนั้นแหละ คือนางเอกที่เคยแสดงร่วมกับผมมาเมื่อสองปีที่แล้ว ทั้งในจอและนอกจอแต่นอกจอนั้นมากกว่า เรื่องนอกจอไม่มีใครรู้นอกจากเธอกับผมและผู้จัดการผมเท่านั้น

เว้นมาอีกสามคนแถวเดียวกัน เป็นสาวสังคมวัยสามสิบแปด ร่ำรวยและยังสวยสดใส ผมเคยไปอยู่ที่หัวหินกับเธอสามวันที่คอนโดหรูของเธอ ถึงจะไม่ใช่นักแสดง แต่เธอก็เล่นบทนางเอกนอกจอกับผมได้อย่างชนิดตีบทแตกทีเดียว ตลอดเวลาทั้งสามวันกับสองคืน ! เก่งกว่านางเอกอาชีพคนสวยที่บอกเมื่อกี้นี้เสียอีก ผมยังมีคิวที่จะต้องแสดงกับเธออีกอาทิตย์หน้านี้ ดาราสุดหล่ออย่างผมก็มีงานไซด์ไลนอย่างนี้แหละ

ยังมีอีกที่ผมจะบอกคุณในเรื่องพรรค์นี้ ที่เก้าอี้เสริมชั้นล่างแถวแรก ที่สาวสวยคนนั้นนั่งอยู่ เธอนั่งซับน้ำตาอยู่ตลอดเวลา เธอคือดาราหน้าใหม่ซึ่งผมกำลังจะรับเธอไปค้างที่พัทยาที่เซฟเฮ้าส์ของผม เพื่อทดสอบการแสดงนอกบทด้วยกันเป็นครั้งที่สอง แต่ผมมาด่วนตายไปเสียก่อน เธอคนนี้แหละที่เป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างผมกับผู้จัดการด้วยเรื่องหนึ่ง

เรา คือผมกับเจ้าผู้จัดการหนวดจิ๋มคนนั้น มีอะไรที่ไม่เหมือนกันหลายอย่างเช่น เขาเป็นนายจ้างคู่สัญญา ส่วนผมเป็นลูกจ้าง เขาเป็นคนปั้นผมให้เป็นพระเอก จนผมติดตลาดกลายเป็นดาราใหญ่ไปเสียแล้ว แต่ผมกลับเป็นคนปั้นนางเอกให้บริษัทเขา ผมจะเป็นคนตัดสินใจเองว่านางเอกหน้าใหม่ที่เขาเลือกมานั้น จะแสดงร่วมกับผมได้หรือไม่ โดยผมจะทดสอบการแสดงนอกบทนอกจอกับเธอก่อน และถ้าผมพอใจในการแสดงของเธอ ผมก็จะยอมรับแสดงในบทและในจอกับเธอให้บริษัทเขา

เรื่องนี้เขารู้ และนี่ก็เป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งของเราอย่างหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นคนตัดสินใจคนเดียวในการเลือกนางเอกใหม่ๆ ดูเหมือนว่าผมกลับมีอำนาจตัดสินใจเลือกนางเอกมากกว่าเขาด้วยซ้ำไป

ยังมีอีกเรื่องที่เขาควบคุมผมไม่ได้และไม่พอใจผม นั่นคือผมจะไม่ยอมแสดงให้กับเขาแบบหักโหม หรือแบบหามรุ่งหามค่ำเหมือนดาราบางคนและบางค่าย โปรแกรมการถ่ายทำของผมต้องกำหนดล่วงหน้า และผมจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็ผมมีนัดหมายที่เป็นงานไซด์ไลนของผมเหมือนกัน

ผมมีตารางนัดกับสาวไฮโซ ทั้งที่เป็นโสดและเป็นหม้าย ทั้งหม้ายผัวตาย หม้ายผัวทิ้งรวมทั้งหม้ายผัวเผลอ ซึ่งน่าจะเรียกว่าลูกค้าก็ได้ จนผมเองก็แทบจะสับหลีกลูกค้าพวกนี้ไม่ทันอยู่แล้ว ว่าที่จริงการรับจ๊อบนอกจอนี่มันทำรายได้ให้กับผมไม่น้อยกว่ารายได้จากการแสดงในจอเลย ทั้งยังเป็นงานที่ท้าทายกว่าด้วย

สำหรับเรื่องรับจ๊อบนอกจอพวกนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่ผู้จัดการของผม คนที่รู้ก็มีแต่ผมกับลูกค้าของผมเท่านั้น ก็ผมสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าเซ็นต์ อดีตนักกีฬา อดีตดรัมเมเยอร์ ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่และเต็มไปด้วยพลกำลัง หล่อออกอย่างนี้ ทั้งในจอและนอกจอ กิริยาท่าทางก็ยังแสนสุภาพ แล้วก็บอกคุณตรงๆนะ ผมน่ะ "สุดพิเศษ" ทีเดียว ไม่มีสาวน้อยหรือสาวใหญ่คนไหนจะลืมผมได้ชั่วชีวิตของเธอ หากได้ร่วมแสดงบทนอกจอกับผม พวกเธอจะได้รับบริการที่เต็มด้วยปริมาณและคุณภาพจากผม ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม เชื่อเถอะ ! คนตายไม่โกหกหรอก !

ก็ดูสาวใหญ่ทรงเสน่ห์เมียประธานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง คนที่นั่งน้ำตาซึมอยู่ตรงเก้าอี้หลังแม่ผมคนนั้นไง เธอตอบแทนค่าบริการที่ผ่านมายาวนานของผมด้วยรถ บี.เอ็ม. ซีรี-เจ็ด ที่พังไปคันนั้น สามีของเธอรวยเป็นร้อยๆล้าน เขาบริหารงานบริษัทเก่งจนทำงานบ้านไม่เป็น มันเลยกลายเป็นหน้าที่ของผมไป

อ้อ ! เกือบลืมเล่าให้คุณฟัง เรื่องความเหมือนระหว่างผมกับเจ้าผู้จัดการนั่น ความจริงเขาก็ชอบเรื่องพรรค์ที่ผมชอบเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้หล่อ ไม่หนุ่มและไม่ได้เป็นดาราอย่างผม เขาเพียงแต่มีเงิน มีอำนาจในบริษัท และเมื่อเขาต้องการในเพศรสนอกบ้าน เขาจึงทำได้เพียงแค่กินไก่วัด กินน้ำใต้ศอกจากผมกับดาราในค่ายที่ ปลดระวางการแสดงนอกจอจากผมไปแล้วเท่านั้น

นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบผม มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของเขาที่ต้องต่ำต้อยลงถ้าเข้ามายุ่งเรื่องใต้ถุนวัดพรรค์นี้ แต่เขาอดใจไม่ได้เองต่างหากเล่า

พระสวดใกล้จะจบแล้ว ผมคงอยู่อีกได้ไม่นาน ขอเดินสำรวจดูอดีตลูกค้าของผมให้ทั่วหน่อย ผมเห็นอีกคนแล้ว นั่น ! นั่งอยู่แถวที่ห้าคนสุดท้าย คนที่ผมยาวๆนั่นแหละ เธอคนนี้เป็นเมียน้อยของนายพลหนุ่มใหญ่ที่คุมทหารเป็นกองทัพ อนาคตทางทหารของเขายังจะก้าวไปอีกไกล แต่พลังทางเพศของเขาได้ขอเกษียณอายุไปก่อนเวลา ผมจึงต้องเข้าไปรับใช้แทน...

ผมว่าเท่านี้ก็พอที่จะบอกคุณได้แล้วว่า พระเอกรูปหล่อคนนี้ไม่ใช่คนดีผู้มีคุณธรรมอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกันหรอก ขอให้เข้าใจเสียใหม่ด้วย !

ผมใกล้จะต้องไปเต็มทีแล้ว เขามาเตือนอีกแล้ว ไปไหนก็ยังไม่รู้ แต่ถ้านรกมีจริง ผมคงต้องผมปีนป่ายต้นงิ้วมากมายหลายต้น และหากคุณเชื่อเหมือนที่บางคนเชื่อว่าการพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบพันตัวจะทำให้คนป่วยหายได้ละก็ คุณอาจจะทำบุญให้กับผมได้ โดยช่วยกันเอากระดาษมาพับเป็นรูปอีกาปากเหล็ก แล้วเอามันเผาศพผมแทนดอกไม้จันทน์ดู เผื่อว่าอีกาปากเหล็กจริงๆที่รอผมอยู่บนต้นงิ้วจะลดจำนวนลงบ้าง !

พระสวดจบแล้ว แม่ผมกำลังถวายผ้าบังสุกุลอยู่ ผมขอเข้าไปกราบเท้าพ่อกับแม่ผมอีกที ผมเสียใจอยู่อย่างหนึ่ง ผมไม่ทันได้บวชให้แม่ได้เห็นผ้าเหลือง...เขาเร่งผมใหญ่แล้ว เอาละ คราวนี้ผมต้องไปจริงๆเสียที ..... ลาก่อน - ผมเอง
ชาร ทิคัมพร ดารายอดนิยมของคุณไง !

เมื่อวันที่ : 24 มี.ค. 2548, 03.37 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...