...... เขาได้เคยเห็นมาแล้วตัวหนึ่งจากนักเลงนกด้วยกัน นกปรอดหัวจุกกลายพันธุ์สีขาวตลอดทั้งตัว มันหายากที่สุด ! ......
หนุ่มใหญ่ในเครื่องแบบตำรวจ เดินช้าๆไปตามทางเดินเล็กในสวนสาธารณะ สองข้างทางเป็นไม้พุ่มหลากทรงและหลากสี ห่างออกไปเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา สวนสาธารณะแห่งนี้ถูกออกแบบเป็นธรรมชาติ ด้วยมีไม้ป่าขึ้นเป็นพื้นอยู่แล้ว เพราะอยู่ติดกับตีนดอยที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ มันเป็นสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัด ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงที่สุดในภาคเหนือก็ว่าได้

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สวนสวยอันเป็นที่ภาคภูมิใจของประชาชนในจังหวัดเริ่มมีปัญหาเนื่องจากความกว้างใหญ่ของมัน ทำให้คนบางพวกอาศัยข้อนี้ประกอบการมิชอบขึ้น นับตั้งแต่ฉกชิงวิ่งราว ต้มตุ๋น การพลอดรักของหนุ่มสาวตามสุมทุมพุ่มไม้ที่มีปฏิบัติการใกล้ขั้นอนาจารเข้าไปทุกที ตลอดทั้งปัญหานักเรียนและวัยรุ่นที่เข้าไปมั่วสุม เล่นการพนัน และเสพยา...

ด้วยเหตุนี้ดาบตำรวจคำปัน จึงได้รับมอบหมายจากทางโรงพักให้มาลาดตระเวนดูแลความเรียบร้อยภายในสวนสาธารณะนี้

เกือบยี่สิบปีในราชการตำรวจ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่เพื่อรับใช้ ประชาชน เขาไม่เคยทั้ง " ตามน้ำ " และ " ทวนน้ำ " บางยุคทั้งโรงพักก็จะมีแต่ตำรวจที่เป็นแกะขาว บางครั้งดาบตำรวจคำปันก็เคยนึกท้อถอยบ้าง เมื่อถึงคราวที่เขาจะต้องกลายเป็นแกะขาวเพียงตัวเดียวของโรงพัก ท่ามกลาง แกะดำ ทั้งนี้แล้วแต่เจ้านายที่จะย้ายมา

ถ้าจะพูดถึงเรื่องชีวิตครอบครัว นายตำรวจชั้นประทวนผู้นี้นับว่าเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ เขามีบ้านของตัวเอง ไม่ต้องไปนอนบ้านหลวงเก่าคร่ำหลังโรงพัก เมียเขาเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของจังหวัด เธอเป็นเมียคนเดียวของเขา นี่ดูจะค้านกันมากกับสุภาษิตเก่า ที่ผู้เฒ่าผู้แก่พร่ำสั่งสอนลูกสาว ให้ระวังพวก รถไฟ เรือเมล์ ยี่เก ตำรวจ ด้วยว่าพวกนี้ไม่ค่อยได้ทำงานประจำที่ ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็เที่ยวมีเมียไปเรื่อย

ดาบตำรวจคำปันมีลูกคนเดียว เป็นชายและเป็นนักเรียนเรียนดีของโรงเรียนประจำจังหวัด ทั้งยังเป็นนักกีฬาเด่นของโรงเรียน ยากที่พ่อคนใดจะมีลูกเช่นนี้ และมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จรรโลงใจเขา เมื่อยามที่ต้องกลายเป็นแกะขาวเพียงตัวเดียวของโรงพัก แต่...

ไม่มีครอบครัวใดที่ไม่มีปัญหา แม้องค์จักรพรรดิบางครั้งก็ยังแก้ปัญหาในครอบครัวมิได้ ดาบตำรวจคำปันจำสุภาษิตนี้มาจากหนังจีนในที.วี. มันปลอบประโลมใจได้บ้าง เมื่อยามนึกถึงความขัดแย้งระหว่างเขากับเจ้าลูกชายวัยหนุ่ม นักเรียนมัธยมปีสุดท้าย ซึ่งนอกจากจะเป็นนักเรียนตัวอย่างของ โรงเรียนในหลายด้านแล้ว เจ้าหนุ่มน้อยยังเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย เขาสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมดูนกแห่งหนึ่งและแห่งเดียวของจังหวัด เเละเอาจริงเอาจังกับกิจกรรมของชมรมนี้ จนได้เป็นกรรมการของชมรมที่อายุน้อยที่สุด นั่นคือการเริ่มต้นของความขัดแย้งในครอบครัว !

ดาบตำรวจคำปัน ก็เป็นคนรักสัตว์เหมือนกัน ในบ้านมีสัตว์นานาชนิด หมา ไก่ เป็ด ห่าน และที่สำคัญเขารักนกเป็นชีวิตจิตใจ รอบบ้านกรงนกหลากหลายพันธุ์เรียงรายอยู่ ทั้งนกป่าตัวใหญ่สีสวย นกกาเหว่าที่ร้องเสียงก้องตอนเช้าตรู่ของหน้าหนาว นกขุนทองที่พูดจ้อทั้งวัน นกซอฮู้ที่ร้องเพลงเพราะได้หลายโน้ต และนกขนาดเล็กที่แขวนในกรงเล็กใต้ชายคาบ้าน ก็พวกนกกางเขนดง นกเขา และนกปิดชะลิว หรือปรอดหัวจุกที่นิยมเลี้ยงกันมากจนสูญพันธุ์จากภาคใต้ไปแล้ว คงเหลืออยู่ก็ที่ภาคเหนือนี่แหละ มีความเหมือนที่แตกต่างระหว่างเขากับลูกชายนักอนุรักษ์เกิดขึ้นในบ้านแล้ว...

ในแต่ละกรงจะมีนกแค่หนึ่งตัว ไม่มากไปกว่านั้น ! นี่เป็นวิธีเลี้ยงนกของเขา...

"นกอยู่ตัวเดียวจะทำให้มันร้องเรียกหาตัวอื่น ถ้าขังรวมกันมันมีเพื่อน มักไม่ค่อยร้อง " นี่เป็นเหตุผลในการเลี้ยงนกแบบ ขังเดี่ยว ของผู้พ่อ...ดาบตำรวจคำปัน !

" ทำไมพ่อต้องจับมันมาขัง ถ้าพ่อรักมันจริงๆ พ่อควรจะปล่อยมันให้อยู่ตามธรรมชาติ " เจ้าหนุ่มน้อยสมาชิกชมรมดูนกถามพ่อในวันหนึ่ง นี่คือความแตกต่างที่มาจากความเหมือน

เรื่องเลี้ยงนกของเขา ดูจะเป็นเรื่องเดียวที่เป็นปัญหาภายในครอบครัว และปัญหาเริ่มทวีขึ้น เมื่อเจ้าหนุ่มบอกว่า เขาไม่กล้าชวนเพื่อนร่วมชมรม ดูนกมาเที่ยวบ้านเหมือนเพื่อนกลุ่มอื่น เขาอายเพื่อนสมาชิกที่มีพ่อเป็นตำรวจ แต่กลับเป็นคนจับนกมาเลี้ยงไว้เสียเองมากมาย
เจ้าหนุ่มนักอนุรักษ์ ออกไปส่องกล้องดูนกกับชมรมตามดงดอยในเขตจังหวัดนี้และจังหวัดใกล้เคียงทุกเดือน และเมื่อกลับมาในตอนค่ำ ก็จะมีกระดาษแผ่นพับใบหนึ่งพิมพ์โดยชมรมดูนกของเขา ถูกเอามาวางไว้ที่เตียงนอนของดาบตำรวจคำปันเสมอ ในนั้นมีข้อความพิมพ์ว่า "เห็นนกป่าถูกกักขัง โปรดแจ้งกรมป่าไม้ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ " .... จะมีกระดาษแผ่นนี้มาวางที่เตียงนอนเขาทุกเดือน เขารู้ถึงเจตนาของเจ้าหนุ่มน้อยดีว่าต้องการให้เขาทำอะไร แต่มันก็ยากที่จะทำตาม เขารักการเลี้ยงนกมาตั้งแต่หนุ่ม

เจ้าลูกชายนักอนุรักษ์เป็นกรรมการ "ชมรมดูนก " เขาก็เป็กรรมการ "ชมรมนักเลี้ยงนกปรอดหัวจุก " ระดับจังหวัดด้วย ! ถึงขนาดผู้ว่าราชการจังหวัดยังเคยจะให้มี "การประกวดนกปรอดหัวจุก" ด้วยซ้ำ หากแต่ถูกไอ้กลุ่มชมรมดูนกที่ลูกชายไปสังกัดอยู่ทำหนังสือประท้วงเอาเสียก่อน งานจึงล้มไป...ความขัดแย้งจากภายนอกย้ายเข้ามาในบ้านแล้ว

นายตำรวจชั้นประทวนวัยกลางคนเดินเลี้ยวเลาะไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินในสวนสาธารณะอันร่มรื่น เสียงนกร้องอยู่บนต้นหว้าใหญ่ที่กำลังมีลูกสุก นกหลายชนิดอยู่บนนั้น รวมทั้งเสียงของนกปรอดหัวจุกที่เขาหลงใหลด้วย เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อตรวจตราดูสิ่งที่มิชอบ

บ่ายวันนี้มีลูกเสือหลายสิบคนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัด มาทำกิจกรรมบางอย่างในสวนสาธารณะนี้ ครูลูกเสือสองคนเป็นคนควบคุมมา ด้วยประสบการณ์ของความเป็นตำรวจ แค่มองผ่าน ๆ เขาก็รู้ว่าลูกเสือพวกนี้เป็น " เด็กดี " แต่ประสบการณ์อีกเช่นกันที่เตือนเขาว่า "อย่าประมาท" เด็กสมัยนี้บางคนร้ายมากจน ผู้ใหญ่นึกไม่ถึง...

ดาบตำรวจคำปันเดินมาถึงจุดที่รกทึบสุดของสวนสาธารณะ ข้างบนหัวเป็นไม้ประดู่และก้ามปูใหญ่แผ่กิ่งก้านครึ้ม สองข้างทางเดินไม้พุ่มที่ปลูกไว้ไม่ได้รับการตัดแต่ง มันจึงแตกกอเบียดเสียดจนรกไปหมด ถ้าจะมีอะไรร้ายๆละก็น่าจะเป็นตรงนี้ละ !

และแล้วสิ่งที่ตำรวจวัยกลางคนคาดไว้ก็ปรากฏ ดาบตำรวจคำปันเห็นสิ่งหนึ่งผลุบๆโผล่ๆอยู่ในพุ่มไม้ทึบข้างหน้า เขาหยุดนิ่งเพื่อจะดูให้เห็น ชัด ๆ ดูเหมือนหัวคน ! ใช่แล้ว ! เป็นหัวผู้ชายเสียด้วย ผู้ชายคนนั้นมองเห็นเขาแล้วด้วยเช่นกัน เมื่อขยับตัวไปอีกก้าวหนึ่งเขาก็เห็นว่า นั่นเป็นลูกเสือคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่

ลูกเสือคนนั้นมองมาที่เขา ดูหมอจะมีท่าพิรุธชอบกล มันคงแอบมาเสพยา ตำรวจนักเลี้ยงนกคิดในใจ มือกุมกระบองที่แขวนอยู่ที่เอว พร้อมที่จะชักออกมาทำในสิ่งที่ต้องทำ แล้วเขาก็กระโดดข้ามรั้วต้นไม้เตี้ยๆข้างหน้า ไปยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าลูกเสือคนนั้น

ภาพที่เขาเห็นคือลูกเสือคนหนึ่งอายุประมาณสิบหก นั่งคุกเข่าอยู่บน สนามหญ้ากลางพุ่มไม้หนาทึบข้างๆตัวเจ้าลูกเสือหนุ่ม หมวกลูกเสือวางอยู่บนหญ้า มือขวาของเจ้าหนุ่มกดหมวกปีกกว้างนั้นไว้แนบกับพื้น

" นายทำอะไร ไอ้หนู ? " ดาบตำรวจคำปันยิงคำถามใส่ทันที

ลูกเสือหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้พิทักษ์สันติราษฎร์รุ่นพ่อ แล้วเอานิ้วชี้ซ้ายขึ้นจรดริมฝีปากทำท่าให้ตำรวจเงียบเสียง

" เบาๆ ลุง ! ผมจับนกได้ตัวหนึ่ง มันลงมากินหนอนที่สนามหญ้า" เจ้าลูกเสือหน้าซื่อตอบคำถาม

" นกอะไรของนาย ไอ้หนู ! " ดาบตำรวจนักเลี้ยงนกชักจะสนใจ

" ผมว่าคงจะเป็นนกปรอดหัวจุก " เจ้าลูกเสือตอบ แล้วขยับหมวกที่พื้นให้เผยอขึ้นนิดหนึ่ง ก้มมองลงไปแล้วก็รีบปิดมันลงแนบกับพื้นหญ้าโดยเร็ว

" เกือบไปแล้ว แหม ! ถ้าผมปิดไม่ทันมันหนีแน่ " เจ้าลูกเสือหนุ่มบอกอย่างตื่นเต้น ท่าทางของเจ้าลูกเสือทำเอานักเลี้ยงนกมืออาชีพพลอยตื่นเต้นไปด้วย แล้วเขาก็ซักต่อไปด้วยความอยากรู้

" นกของนายมันหน้าตายังไง ? " เขาถามเพื่อให้แน่ใจในนกที่ถูกเจ้าลูกเสือหนุ่มน้อยจับไว้ได้ ว่ามันจะเป็นนกอย่างที่เขานึกไว้หรือไม่

" ก็นกปรอดหัวจุก จุกมันสีดำ ตาแดง ก้นแดง ตัวมันขาว ๆ ผมว่างั้นนะลุง "

" จุกสีดำ ตาแดง ก้นแดง ตัวขาว !! " ดาบตำรวจนักเลี้ยงนกทวนคำเจ้าลูกเสือหนุ่ม

" นายพูดเป็นเล่นนะ ! ตัวขาวแน่หรือ ? " ตำรวจนักเลี้ยงนกถามย้ำ และคำตอบที่เขาได้รับก็คือ

"มันก็เหมือนนกปรอดหัวจุกธรรมดานี่แหละลุง เพียงแต่ตัวมันสีขาวเท่านั้น " ลูกเสือหนุ่มน้อยยืนยัน

ดาบตำรวจคำปันมองตาเจ้าหนุ่มน้อยเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในสมอง สิ่งที่เขาเห็นก็มีแต่สายตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเท่านั้นที่มองตอบกลับมา ตำรวจนักเลี้ยงนกขนลุกซู่ทั้งตัว จุกสีดำ ตาแดง ก้นแดง ตัวขาว !!!

เขาได้เคยเห็นมาแล้วตัวหนึ่งจากนักเลงนกด้วยกัน นกปรอดหัวจุก กลายพันธุ์สีขาวตลอดทั้งตัว มันหายากที่สุด ! นกกลายพันธุ์สีขาวตัวนั้นถูกขายให้พ่อค้านกคนหนึ่งในราคาสามหมื่นบาท และอีกเจ็ดวันต่อมาพ่อค้านกคนนั้นก็ขายต่อให้กับนักการเมืองปักษ์ใต้ซึ่งหลงใหลนกปรอดหัวจุกเช่นเดียวกันในราคาถึงหนึ่งแสนบาท
เขาเล่นนกปรอดหัวจุกมานานแล้ว นานนับสิบปี รู้จักนกนี้ดีเหมือนรู้จักตัวเอง นกลักษณะอย่างใดร้องเพราะ อย่างใดร้องไม่เพราะ นกลักษณะไหนราคาอย่างไร เมื่อไรนกที่ผลัดขนจึงจะเริ่มร้องอีก ....คนในวงการที่แท้จริงคุยกันเรื่องอย่างนี้ไม่กี่คำก็รู้ว่าใครมือระดับไหน ดั่งอรหันต์ย่อมรู้ในอรหันต์... ....ไอ้หนูเอ๋ย ข้าจะทำยังไงกับเอ็งดี ดาบตำรวจคำปันคิดหนัก !

แล้วภาพกระดาษแผ่นพับของชมรมดูนกที่ถูกเอามาทิ้งไว้บนเตียงนอนของเขาก็ฉายวาบขึ้นในความคิด เห็นนกป่าถูกกักขัง โปรดแจ้งกรมป่าไม้หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ...

" ไอ้หนู " คราวนี้เขาพูดเสียงเบาดูเป็นมิตร "นายจับนกป่าไว้ มันผิดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า เราเอาไปให้สวนสัตว์ด้วยกัน ให้ในชื่อนายเพราะนายเป็นคนจับได้ มันเป็นนกปรอดหัวจุกสีขาวที่หายากเหมือนเก้งเผือกที่เขาดินตัวนั้นเลย นายจะได้มีชื่อไง รับรองว่าได้ลงหนังสือพิมพ์แน่ " ดาบตำรวจคำปันบอกเจ้าลูกเสือหนุ่มอย่างเอ็นดู แล้วเขาก็พูดต่อไป

"ตอนนี้นายรีบไปหากรงมาใส่เร็วๆเข้า ลุงจะรออยู่ที่นี่ อย่าช้า ! เดี๋ยวมันจะหายใจไม่ออกตายเสียก่อน" มันเป็นทั้งคำแนะนำและคำสั่งของตำรวจผู้มีประสบการณ์

เจ้าลูกเสือหนุ่มเห็นด้วย เขาค่อยๆเลื่อนมือตัวเองออกจากหมวกใบนั้น แล้วจับมือของตำรวจผู้หวังดีมากดไว้แทน และก่อนที่จะไป ก็ยังไม่วายหันมากำชับว่า ให้กดหมวกไว้ให้แน่นอย่าให้นกหนีได้ แล้วเจ้าลูกเสือก็กระโดดข้ามรั้วต้นไม้ข้างๆไป

ดาบตำรวจผู้มีประสบการณ์ ยิ้มอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะตรงนั้น... ไอ้ลูกเสือเอ๋ย ! เอ็งมันลูกเสือไม่ทันหย่านม ข้าว่าเอ็งมันลูกสมันเสียมากกว่า เดี๋ยวเอ็งกลับมา นกของวิเศษของเอ็งก็ไม่อยู่เสียแล้ว ของมันผิดกฎหมาย เอ็งจะไปฟ้องร้องเอากับใคร !...

ตำรวจนักเลี้ยงนกปรอดหัวจุกรอให้แน่ใจว่าเจ้าลูกสมันของเขาออกจากสวนสาธารณะไปแล้ว จึงค่อยเผยอหมวกลูกเสือที่กดไว้กับสนาม อีกมือหนึ่งค่อยๆล้วงเข้าไป เขาเผยอหมวกให้พ้นดินนิดเดี๋ยว ไม่งั้นเจ้านกที่มีค่ามหาศาลจะบินลอดหนีออกมาได้ นกพวกนี้เปรียวยังกับอะไรดี เพราะมันยังเป็นนกป่า เขาเลี้ยงนกมานานทำไมเขาจะไม่รู้

ดาบตำรวจคำปัน คว้าหมับตรงที่นกคงจะซุกตัวอยู่ ไม่มีเสียงดิ้นรนกระพือปีก ไม่มีเสียงร้องอย่างที่เขาเคยล้วงจับนกชนิดนี้ออกมาจากกรง แต่โดยประสาทสัมผัส ดาบตำรวจคำปันรู้สึกว่า มือเขากำได้สิ่งหนึ่งที่เหนียวๆนุ่มๆ หยุ่น และเหนอะหนะ บางส่วนของมันทะเล็ดลอดง่ามนิ้วมือออกมา ยังอุ่นๆ อยู่ด้วยซ้ำ !

เขารู้สึกขนลุกซู่ขึ้นอีกครั้ง และดูจะมากกว่าครั้งที่แล้ว ตำรวจนักเลี้ยงนกลุกขึ้นยืน หน้าบูดเบี้ยว เขาเตะหมวกลูกเสือใบนั้นกระเด็นไปไกลแล้วสะบัดมือเร่า มีเสียงคำรามออกมาจากลำคอของตำรวจวัยกลางคน...

" ไอ้เหี้.. ! กูจับมืงได้กูจะเอามึงเข้าคุก !!! " แล้วเขาก็รีบเดินไปที่ก๊อกสนามริมทางเดิน ....O

เมื่อวันที่ : 18 มี.ค. 2548, 12.48 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...