นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๐๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
ฉากสุดท้าย
ชาร ทิคัมพร
......​​ยายใส่บาตรให้ลูกชายทุกวัน​​เป็นประจำไม่เคยขาด แก​​ไปวัด​​และถือศีลแปดอย่างเคร่งทุกวันศีล ยาย​​จะทำบุญอุทิศ​​ส่วนกุศลให้ลูกชายทุกโอกาส​​ที่มี...​​....
pic_no_768_1_13346.jpg


ยายนอนมองดูเพดานห้องสีขาวนิ่งอยู่​ จิ้งจกสองหางตัวหนึ่ง​เกาะอยู่​ใกล้โคมไฟเพดาน ถาดอาหาร​ที่ว่างอยู่​บนโต๊ะใกล้ๆ​เตียงแกพร่องลง​ไปนิดเดียว ​เขา​เอาแกมาส่งโรงพยาบาลสวนดอก​เมื่อวาน แกปฏิเสธน้ำเกลือ​และออกซิเจน​ที่หมอ​จะให้แก มิไย​ที่ญาติๆ​​จะข้อร้องเพียงใดก็ตาม ยายจึงเกือบ​จะ​เป็นคนไข้คนเดียวในห้องนี้​ที่ไม่มี โซ่ตรวนแห่งเทคโนโลยีมาพันธนาการชีวิตของแกไว้

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่ยาย​ต้องเข้าโรงพยาบาล ​แม้ตอน​ที่แกคลอดลูก​ทั้งสองคน แกก็คลอด​ที่บ้าน​โดยหมอตำแย ข้างเตียงยายเด็กชายวัยหกขวบหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง​นั่งอยู่​บนเก้าอี้สำหรับเยี่ยมคนไข้ เด็กน้อย​จะชวนยายคุยอยู่​ตลอดเวลา

"ยาย ทำไมยายกินข้าวน้อย ?...​ยาย​เมื่อไรยาย​จะกลับบ้าน ? ...​.ยาย ทำไมจิ้งจกตัวนั้น​จึงมีสองหาง ?...​ยาย เคยจับจิ๊กกุ่งใหม...​. ยาย ผีมีจริงใหมยาย ? "...​.​และอะไร​ต่อมิอะไร​อีกมาก คนไข้เตียงข้างๆ​พากันยิ้มด้วย​ความเอ็นดูเจ้าเด็กน้อย

"เอ็งอย่าพูดดัง เดี๋ยวคนอื่น​เขา​จะรำคาญ​เอา " ยายปรามหลานชายตัวน้อย

"แล้ว​​เมื่อไรแม่เอ็ง​จะมา ? " ยายย้อนถามหลานตัวน้อย เสียงของแกเบาลง

"ไม่รู้ซิยาย ​แต่ป้าบอกว่าโทรศัพท์​ไปแล้ว​" เด็กน้อยตอบ

ยายนิ่ง​ไป แกอยากพบลูกคนเล็ก​ที่​ไปทำงานกรุงเทพ​พร้อม​กับสามี ก็แม่ไอ้ตัวเล็กช่างพูดนี่แหละ​ ​เมื่อห้าปีก่อนตอน​ที่ลูกสาวคนนี้ของแก​จะ​ต้องย้ายเข้ากรุง ยาย​ได้ขอลูกชายคนเล็กของหล่อน​เอาไว้เลี้ยง​เป็นลูก ด้วยหน้าไอ้นี่มันช่างเหมือน​กับลุงของมันเสียเหลือเกิน...​ลุงของมัน ! ลูกชายคนโตของแก​ที่ตาย​ไปนานแล้ว​นั่นเอง เด็กน้อยจึง​เป็นตัวแทนของ​เขา ยาย​จะเรียกมันว่า "ลูก" ทุกคำ​ไป แกทำทุกอย่างให้เด็กน้อยตั้งแต่อาบน้ำ ประแป้ง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ รวม​ทั้งเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้มัน เหมือน​กับ​ที่แกทำ​กับลุงของมัน​เมื่อตอนเด็ก

คนเฒ่าคนแก่รุ่นยายในหมู่บ้าน​ที่ยังอยู่​ตอนนี้ ​จะเห็นแกเลี้ยงดูเด็กน้อยอย่าง​ที่แกเคยเลี้ยงลูกชายคนโต​เมื่อหลายสิบปีก่อน แกสอนมันอ่านหนังสือ กอไก่ ขอไข่ ​ได้ก่อนมัน​จะเข้าโรงเรียนเสียอีก

มัน​ต้องมาตักบาตร​ที่หน้าบ้านด้วยกัน​กับแกในตอนเช้า​ทุกวัน ​และแก​จะจูงมัน​ไปวัดด้วยในวันศีล ​เมื่อมันโตหน่อย​ก็​จะ​ใช้ให้มันช่วยถือของเดินตามหลัง​ไปวัด ยาย​จะดุ​เมื่อมันพูดคำหยาบ​และ​เอาไม้เรียวอันเล็กๆ​ตีสั่งสอน​เมื่อมันพูดโกหก ​และ​จะเล่านิทานพื้นบ้านให้มันฟังก่อนนอน หลังจากตรวจว่ามัน​ได้สีฟันแล้ว​

นานๆ​แม่ของมัน​จะขึ้น​มาเชียงใหม่ มาเยี่ยมแก​กับลูกคนเล็กของหล่อนเสียทีหนึ่ง​ หล่อนไม่ห่วงอะไร​ ​เพราะเห็นว่าแกเลี้ยงลูกคนเล็กของหล่อนเหมือน​กับ​ที่เคยเลี้ยงพี่ชายหล่อน​และตัวหล่อนมา ไม่ผิดเพี้ยน​แม้​แต่น้อย ก็ดีแล้ว​หล่อน​จะ​ได้เลี้ยงดูลูกสองคนแรก​ได้เต็ม​ที่

วัน​ที่สองในโรงพยาบาล ญาติพี่น้องบ้านใกล้ผลัดกันมาเยี่ยมยายแล้ว​ก็กลับ​ไป ​แต่เจ้าเด็กน้อยนั้น​​จะนั่งอยู่​ข้างเตียงเกือบ​ทั้งวัน เฝ้าป้อนข้าวป้อนน้ำยายเก้ๆ​กังๆ​ ตามประสาเด็ก ​เมื่อพยาบาลป้อนข้าวยาย​จะกินนิดเดียว ​แต่​ถ้าเจ้าหลานชายป้อนแก​จะกิน​ได้มาก ​แต่รวมแล้ว​ยายก็กินข้าว​ได้นิดเดียวอยู่​นั่นเอง แล้ว​วันนี้ยายก็ถามหลานของแกอีก

"​เมื่อไรแม่เอ็ง​จะมา ?" ยายถามแล้ว​ก็ถอนใจ ดูแกกระสับกระส่าย

"ผมไม่รู้ยาย ​แต่ป้าว่า​เพื่อน​เขา​ไปตามให้ถึงบ้านแล้ว​ ​เพราะ​ที่บริษัท​เขาไม่ให้คนงานรับโทรศัพท์" หลานตัวน้อยตอบ

ในชีวิตนี้ ยายมี​ความเสียใจมากอยู่​เพียงสี่ครั้ง สองครั้งแรก​เมื่อพ่อ​กับแม่แกตาย ​แต่มันก็​เป็น​ไปตามอายุขัย แกยอมรับ​ความสูญเสีย​ได้ในเวลาไม่นาน

​ความเสียใจครั้ง​ที่สาม​เมื่อสามีของแกเก็บเสื้อผ้า ทิ้งแก​ไปอยู่​​กับหญิงอื่น ​ทั้งๆ​​ที่ลูกคนเล็กเพิ่ง​จะอายุ​ได้ไม่กี่ขวบ แกเสียน้ำตา​ไปเพียงวันหนึ่ง​เท่านั้น​ แล้ว​ก็ก้มหน้าเลี้ยงลูกชาย​กับลูกสาวมาคนเดียว ภาพของสามีไม่เคยกลับมาอยู่​ใน​ความคิดของแกอีกเลย​ ​และดู​จะลืมเสียแล้ว​ด้วยซ้ำว่า​เขาหน้าตา​เป็นอย่างไร

​และสำหรับครั้งสุดท้าย วันนั้น​เย็นแล้ว​ มีรถจี๊ปคันหนึ่ง​แล่นเข้ามาในบ้าน ตอนแรกแกคิดว่า​เขามาส่งลูกชายคนโต​ที่​ไปอยู่​ชายแดน ​แต่กลับไม่ใช่กลาย​เป็นนายทหารสองคน ​เขาลงจากรถเดินเข้ามาหาแกแล้ว​ทำ​ความเคารพ ยายงงไม่รู้ว่า​เขามีธุระอะไร​ จนกระทั่งนายทหารคนหนึ่ง​บอกว่า ทางค่ายให้มาแจ้งว่าลูกชายของแกตายเสียแล้ว​​ระหว่างการลาดตระเวนในป่า​ที่ชายแดน ​เขาเหยียบ​กับระเบิด !

ยายรู้สึกเหมือน​กับถูกควักดวงใจ ! แก​ได้เสียลูกชายคนโต​ไปแล้ว​อย่างไม่มีวันกลับ พุทโธ่เอ๋ย ! ​เขายังหนุ่มแน่นอยู่​แท้ ๆ​

ยายจำอะไร​ไม่​ได้อยู่​หลายวัน ​แม้กระทั่งในงานศพลูกชาย​ที่ทางค่ายทหารจัดให้ แกก็​ไปนั่งเหม่อลอย ยังไม่เชื่อเสียทีเดียวว่าลูกชายคนนี้​ได้ตาย​ไปแล้ว​...​.หรือว่าทางค่ายทหาร​เขา​จะบอกผิด ! แกไม่แน่ใจนักว่าหีบศพคลุมด้วยธงชาติ​ที่ตั้งอยู่​นั้น​ มีลูกชายแกนอนอยู่​ข้างใน อาจ​จะ​เป็นคนอื่นก็​ได้ ​แต่ก็ไม่กล้าขอดู กลัวว่ามัน​จะ​เป็นจริง !.. ไม่มีน้ำตาสักหยดเดียวจากแก ไม่รู้ว่ามันเหือดหาย​ไปไหน...​

จนงาน​พระราชทานเพลิงศพผ่าน​ไปแล้ว​หลายวัน แกจึงเริ่มยอมรับ​ความจริง​ที่ทยอยเข้ามา...​หนังสือแสดง​ความเสียใจจากผู้บัญชาการค่าย คำสั่งกองทัพบก เลื่อนยศลูกชายแกจากสิบเอก​เป็นนายร้อยเอก...​​แม้นอนอยู่​บนเตียงคนไข้ในวันนี้ยายก็ยังเห็นภาพคำสั่งเลื่อนยศลูกชายแก​ได้ดี​และจำ​ได้ทุกถ้อยคำ แก​เอาคำสั่งนั้น​ใส่กรอบติดข้างฝาไว้คู่​กับรูปทหารหนุ่มท่าทางองอาจในเครื่องแบบยศสิบเอก...​ลูกเอ๋ย ทำไมจึงอาภัพอย่างนี้ ! ​ได้เลื่อนยศ​เป็นถึงนายร้อยเอก ​แต่ลูกก็ไม่อาจ​จะถ่ายรูปในเครื่องแบบยศใหม่ของลูก​ได้

ยายใส่บาตรให้ลูกชายทุกวัน​เป็นประจำไม่เคยขาด แก​ไปวัด​และถือศีลแปดอย่างเคร่งทุกวันศีล ยาย​จะทำบุญอุทิศ​ส่วนกุศลให้ลูกชายทุกโอกาส​ที่มี...​.

พอถึงวัน​ที่สามในโรงพยาบาล ยายก็ไม่กินอะไร​เสียแล้ว​ ​แม้ว่าเจ้าเด็กน้อย​จะคะยั้นคะยอ​จะให้แกกินข้าวต้มเพียงใดก็ตาม ​แต่ยายก็ยังรู้สึกตัวดีทุกอย่าง แกยังพูด​ได้ชัด​แม้​จะช้า​และเบาลงมากก็ตาม ยายยังมีสติดีพอ​ที่​จะดึงเข็มน้ำเกลือ​ที่หมอแอบเข้ามาใส่​ที่แขนให้ออก​ไป แกหลับตลอดเช้า​วันนี้ ยายขึ้น​ตื่นในตอนบ่าย เด็กน้อยนั่งเก้าอี้ตัวเดิมรออยู่​แล้ว​

"ยาย ​เป็นไงบ้าง ยายหลับตั้งนานวันนี้" ​และเจ้าเด็กน้อยก็จัดแจง​เอาน้ำให้ยายดื่ม

ยาย​ใช้​ความพยายามอย่างมาก แกเอื้อมมืออันผอมบาง​ไปจับหัวเด็กน้อยไว้ เผยอยิ้มน้อยๆ​แล้ว​บอก​กับมันด้วยเสียงเบาว่า

"วันนี้ข้าฝันเห็นลุงเอ็ง ​เขา​แต่งเครื่องแบบนายร้อยเอก" ยายยิ้มอย่างมี​ความสุข เด็กน้อยไม่อาจเข้าใจเรื่อง​​ที่แกบอก​ได้ ​แต่แกก็ฝันอย่างนั้น​จริงๆ​ ในฝันแกเห็นลูกชายในเครื่องแบบนายร้อยเอกเต็มยศ ดาวสีทองบนบ่าส่องประกายวาววับ ​ที่หน้าอกมีเหรียญกล้าหาญติดอยู่​เต็ม ​เขายิ้มให้แกด้วย

"ยาย ป้าบอกว่าแม่โทรศัพท์มาแล้ว​ว่า​จะมาถึงนี่พรุ่งนี้เช้า​ มารถทัวร์" เจ้าเด็กน้อยรายงานยาย

"พรุ่งนี้เทียวหรือ ? มัน​จะช้า​ไปนะ" ยายพึมพำ

"ช้าอะไร​ยาย พรุ่งนี้แม่ก็​จะมาแล้ว​ แม่คงซื้อขนมมาฝากยายด้วย" เด็กน้อยฉอเลาะ​กับยายของมัน

"ช้าสิ ! ก็ข้า​จะ​ต้องส่งเอ็งคืน​กับแม่เอ็ง" ยายบอก ​แต่เจ้าหนูน้อยก็ไม่เข้าใจอะไร​มากนัก

"ทำไม ? ยาย​จะ​ไปไหน ? ผมไม่อยาก​ไปอยู่​​กับแม่ ผมอยากอยู่​​กับยาย ก็ยายบอกว่าผม​เป็นลูกไม่ใช่หรือ ? " เด็กน้อยถามด้วย​ความสงสัย

ไม่มีคำตอบจากยาย แกนิ่งเฉยเสีย แกคิดว่าแล้ว​​เมื่อถึงเวลามันก็​จะเข้าใจเอง

เย็นแล้ว​เด็กน้อยกลับ​ไปบ้าน พรุ่งนี้มัน​จะมาเยี่ยมยายใหม่​พร้อม​กับแม่ แม่คง​จะซื้อของมาฝากยาย​กับมันมากมาย​อย่างเคย

พยาบาลมาเก็บถาดอาหารเย็น​ที่ไม่มีรอยแตะ​ต้อง​แม้​แต่นิด อีกคนมาวัด​ความดัน วัดปรอท แล้ว​ป้อนยาหลังอาหารให้ยาย ​ความจริงมันไม่ใช่​ทั้งยาก่อนอาหาร​และหลังอาหาร ​เพราะวันนี้แกไม่กินอาหารแล้ว​ เธอห่มผ้าให้ยายแล้ว​ก็​ไปนั่งประจำ​ที่โต๊ะของเธอ

ยายคิดถึงภาพนายร้อยเอกหนุ่ม​ที่มีเหรียญกล้าหาญเต็มหน้าอกอีกครั้ง..แกยิ้มอย่างภูมิใจแล้ว​ก็หลับ​ไป

แกตื่นขึ้น​มาอีกครั้งตอนเช้า​ตรู่ ​ที่เก้าอี้ข้างเตียงมีคนนั่งอยู่​แล้ว​ แกมองเห็นรางๆ​ ​และคิดว่าคง​เป็นเจ้าหลานชาย ​แต่ทำไมมันจึงมาเช้า​นัก แกพยายามมองจากตา​ที่ฝ้าฟางเต็มที...​.ไม่ใช่เจ้าเด็กน้อยหลานแกดอก ​แต่​เป็นภิกษุรูปหนึ่ง​นั่งอยู่​ ! ท่านยิ้มให้ยาย แกเพ่งมอง​ไป​ที่ภิกษุรูปนั้น​​และคิดว่าแกคงฝัน​ไป ​พระ​ที่ไหน​จะมาเยี่ยมแก ?

ยาย​เอามือลูบแขนอีกข้างหนึ่ง​ของตัวเอง แล้ว​ก็ลูบหน้า ยายรู้สึกถึงสัมผัสนั้น​​ได้ แกไม่​ได้ฝันดอก ภาพ​ที่เห็น​เป็นภาพจริง ! ยายพยายามเพ่งมองอีกครั้ง ภิกษุ​ที่แกเห็นนั้น​​คือคนคนเดียว​กับ​ที่​แต่งเครื่องแบบนายร้อยเอก​ที่แกเห็นในฝัน​เมื่อวานนี้นั่นเอง ! ปีติซาบซ่าน​ไปทั่วสายเลือดในตัวยาย​ที่ไหลเอื่อยล้าเต็มที ยายพยายามยกมือ​ทั้งสองขึ้น​ประนม​ที่หน้าอก แกพึมพำคำว่า "สาธุ " เบาแสนเบา ​และยิ้มอย่างมี​ความสุข...​

พยาบาลเวรเช้า​เดินดูคนไข้​ไปเรื่อยๆ​ เธอหยุดชะงัก​เมื่อถึงเตียงยาย เธอ​เอามือแตะ​ที่ข้อมือยายแล้ว​ก็รีบเดิน​ไปตามหมอ

หมอคนหนึ่ง​มาถึงเตียงยาย ​เขาค่อยๆ​ยกมือของแก​ที่ประนมอยู่​​ที่หน้าอกออก ​เอาหูฟังกดลง​ไป ครู่เดียวก็ยกหูฟังขึ้น​แล้ว​จับมือ​ทั้งสองข้างของยายขึ้น​ประสานไว้บนหน้าอกอย่างเดิม ตาของยายปิดสนิทริมฝีปากยังมีรอยยิ้มละไม หมอคนนั้น​คลี่ผ้าห่ม​ที่คลุมอยู่​ครึ่งตัวยายขึ้น​​ไปคลุมหน้าของยาย !

ประตูห้องคนไข้รวมถูกเปิดออก คนกลุ่มหนึ่ง​เดินเข้ามา วิ่งนำหน้า​โดยเจ้าเด็กน้อย ตามมาด้วยแม่ของมัน​กับญาติคนอื่นๆ​...​ ​แต่พวก​เขามาช้า​ไปนิดหนึ่ง​ ไม่ทัน​ที่ยาย​จะส่งมอบหลานชายคืนให้​กับแม่ของมัน...​ O

 

F a c t   C a r d
Article ID A-768 Article's Rate 11 votes
ชื่อเรื่อง ฉากสุดท้าย
ผู้แต่ง ชาร ทิคัมพร
ตีพิมพ์เมื่อ ๐๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๘๖๒ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๑ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๕๐
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-3069 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 02 ก.พ. 2548, 03.48 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น