![]() |
![]() |
เรไร![]() |
รัตติกาล เงียบงัน วันเหงาเหงา ความว่างเปล่า ดาวเดือน ก็เลือนหาย เคยทอแสง วิบวับ ก็กลับกลาย ซ่อนประกาย ใต้เงาเมฆ วิเวกใจ น้ำค้างพรม ลมโชย โบกโบยพลิ้ว ลอยละลิ่ว พัดปลิว ทิวไม้ไหว ละอองฝัน ทาบทับ จับทรวงใน ครวญหวนไห้ หลงละเมอ เพ้อรำพัน แต่คืนนี้ มีเจ้า เคล้าคลอคู่ โฉมพธู น้องน้อย ร่วมร้อยฝัน ซบแขนหนุน แทนหมอน นอนเคียงกัน อุ่นไอนั้น หอมกรุ่น ละมุนละไม เจ้าผุดผาด ผ่องใส วัยสะพรั่ง ดูเปล่งปลั่ง เย้ายวน ชวนหลงใหล กายร้อนรุ่ม ยากนัก สุดหักใจ ระรื่นใน รสสวาท พลาดพลั้งเพลิน เปรียบเจ้าเป็น ขุนเขา สูงตระหง่าน พี่ซมซาน ลัดเลาะ เกาะโขดเขิน ฝ่าพงไพร รกร้าง ตามทางเดิน สั่นสะเทิ้น เหงื่อโทรม ชะโลมกาย พบปากถ้ำ ลางลาง เป็นทางลัด ไม่ข้องขัด รีบเร่ง เล็งที่หมาย เข้าหลืบลึก ซอกแซก ชำแรกกาย เหมือนจะคล้าย อากาศหมด ระทดระทวย รีบรุดไป ไม่เกร็ง เร่งฝีเท้า ข้างหน้าเรา ยอดเขางาม อร่ามสวย แม้แรงกาย ใกล้สิ้น ระรินระรวย หากมิม้วย รีบเล็ดลอด คงปลอดภัย แสงรำไร ใกล้ถึง ซึ่งจุดหมาย คงมิวาย ซวนซบ สลบไสล ตะเกียกตะกาย โถงถ้ำ ย่ำขึ้นไป มองฟ้าใส แข็งขืน ตื่นตะลึง สายลมโชย ผะแผ่ว ตามแนวเขา สมที่เรา ฟันฝ่า เพื่อมาถึง เย็นสบาย ปลอดโปร่ง โล่งใจจึง หวนคนึง หันไปกอด ยอดดวงใจ |
เมื่อวันที่ : 11 ธ.ค. 2547, 20.48 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...