![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ทำไมฉันจะต้องพบเจอแต่ความเจ็บช้ำมาตลอดนะ..ทั้ง ทั้ง ที่ฉันก็รักพวกเขาอย่างจริงใจ ความรักที่คิดว่าจะไปได้ดีก็มักจะต้องจบลงด้วยน้ำตาและความเสียใจทุกทีไป...
ทำไมฉันจะต้องพบเจอแต่ความเจ็บช้ำมาตลอดนะ ทั้ง ทั้ง ที่ฉันก็รักพวกเขาอย่างจริงใจ ความรักที่คิดว่าจะไปได้ดีก็มักจะต้องจบลงด้วยน้ำตาและความเสียใจทุกทีไปน้อต แฟนคนแรกของฉัน เป็นคนไม่หล่อ แต่เขาเป็นคนดี รักฉัน ดีกับฉันทุกอย่าง คนนี้เป็นคนเดียวที่ฉันเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลิกกัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักเขาหรอกนะ ตรงกันข้ามฉันรักเขามาก เขาเป็นความรักครั้งแรกของฉัน เค้าสอนให้ฉันรู้ถึงความเสียใจ สอนบทเรียนให้ฉันรู้ว่า "ความรักคือความเข้าใจ เห็นใจ ห่วงใย"
ตอนนั้นฉันยังเด็ก ยังรักไม่เป็น ความรักของฉันตอนนั้นคือความเห็นแก่ตัว มักคิดเสมอว่า ถ้าเขารักเราจริง เขาต้องทนเราได้ ต้องยอมเราทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ไม่ฟัง ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ฉันต้องถูกเสมอ
จนวันนึงความอดทนคงมีที่สิ้นสุด เขาบอกเลิกฉันอย่างไม่มีเยื่อใย เขาหมดรักฉันแล้ว ฉันเสียใจมากพยายามทำทุกอย่างให้เขากลับมารักฉันอย่างเดิม ร้องไห้ คร่ำครวญ แต่มันคงสายเกินไป เขาคงเบื่อหน่ายกับนิสัยของฉันจนสุดจะทานทน เฮ้อ..แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันคนนึง บางครั้งฉันคิดว่าเราไม่ควรที่จะรักกันเลยตั้งแต่แรก เราควรที่จะเป็นเพื่อนรักกันมากกว่า ตอนนี้เราเข้าใจกันมากกว่าตอนที่เป็นแฟนกันซะอีก
น้อตมักจะบอกเล่าถึงนิสัยของฉันตอนนั้นที่เรารักกันให้ฟังเสมอว่าฉันไม่ดียังไง ควรปรับปรุงอะไร ทำให้ฉันเข้าใจเกี่ยวกับความรักมากขึ้น รู้ว่าสิ่งไหนที่ควรทำ หรือไม่ควร นิสัยแบบไหนที่ผู้ชายไม่ชอบ อย่างเรื่องของอ้น ฉันก็ไม่พลาดที่จะต้องปรึกษาน้อต แต่เขาบอกกับฉันว่าให้อดทน ถ้ายังไม่มีอะไรก็อย่าไปคาดคั้นหรือเซ้าซี้ ทำตัวให้เหมือนปกติ แล้วเขาจะเกรงใจ ฉันก็เชื่อนะ แต่ไหงมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันแอบหัวเราะเบา ๆ
ฉันไม่โทษน้อตหรอกทฤษฎีนี้คงใช้ได้กับบางคนเท่านั้น ไว้ถ้าว่าง ๆ ฉันคงจะโทรไปบอกข่าวคราวนี้กับน้อต เขาคงแปลกใจน่าดู อืม..แต่อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ ใยจอยคงทำหน้าที่นี้แทนฉันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ..
ระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ใครกันนะ โทรมา น้อตนั้นเอง คิดไว้ไม่มีผิด คงรู้แล้วล่ะจากใยจอย ฉันปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นจนดับไป ไม่อยากรับ ไม่อยากคุย ตอนนี้ขอเวลานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปก่อนดีกว่า ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ขอนั่งทบทวนวันเวลาเก่าๆ ขอปล่อยใจคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตก่อน
อรรถชัย แฟนคนที่สองของฉัน เราเจอกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ฉันปิ๊งเขาตั้งแต่แรกเห็น เขาเป็นคนที่จัดว่าหน้าตาดี รูปร่างสูง ผิวเข้มเหมือนนักกีฬา เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน เรามักจะทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ เจอกันทุกวัน แทบจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ จนเพื่อนๆ ในกลุ่มมักจะล้อเราว่าเป็นปาท่องโก๋ เห็นเขาต้องเห็นฉัน ถ้าคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รู้จักเราก็จะคิดว่า ฉันกับเขาเป็นแฟนกัน เขามักจะหันมายิ้มให้ฉันที่กำลังอายหน้าแดงอยู่เสมอเวลาที่โดนเพื่อน ๆ ล้อ โดยไม่มีทีท่ารำคาญหรือปฏิเสธ เหมือนจะยอมรับด้วยซ้ำ จนบางครั้งฉันก็อดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เขาคงมีใจกับฉันบ้าง ใจเราคงตรงกัน
วันหนึ่งเพื่อน ๆจัดไปเที่ยวทะเลกัน เลี้ยงฉลองที่ทำกิจกรรมได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เราสนุกสนานกันมาก เลี้ยงฉลองกัน ดื่มกัน ชัยเป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง เขามีความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม เขามักจะเป็นศูนย์รวมของเพื่อน ๆ กิจกรรมทุกอย่างที่สำเร็จลุล่วงไปได้มักจะมาจากฝีมือของเขา เขาคือหัวเรือใหญ่ของกลุ่ม เพราะเหตุนี้ฉันเลยปลื้มเขามาก ทั้งรักและนับถือในความสามารถของเขา
คืนนั้นทุก ๆ คนสนุกสนานกันมาก บางคนก็เมามาย เรานั่งร้องเพลงด้วยกันอยู้ข้างกองไฟ ไม่รู้ยังไง ไม่รู้ตอนไหน เหมือนทุก ๆ คนเป็นใจ เหลือเราแค่สองคน ชัยดีดกีต้าร้องเพลงให้ฉันฟัง ฉันยังจำได้ "รักเธอแต่เธอไม่รู้ มองก็มองหวั่น ๆ ในใจก็พลันนึกกลัว กลัวใจกลัวผิดหวังครั้งใหญ่" เราร้องด้วยกันจนจบเพลง มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมากที่สุด
ชัยชวนฉันไปเดินเล่น ฉันตอบตกลงทันที นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาจับมือฉัน ตอนนั้นฉันตื่นเต้นมาก เราเดินกันมาได้สักพัก เกือบสุดหาด บริเวณนั้นเงียบสนิท ไม่มีผู้คน ได้ยินแต่เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ลมทะเลพัดมาปะทะตัวฉัน จนรู้สึกได้ถึงความเย็น ฉันชวนชัยกลับ เพราะเราเดินมาไกลมากแล้ว แต่ชัยบอกกับฉันว่า เขายังไม่อยากกลับ อยากอยู่แบบนี้นานๆ กับฉัน ฉันหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เราเลยนั่งเล่นกันอยู่บริเวณนั้น ปราศจากการพูดคุยใด ๆ ชัยเอื้อมมือมาจับมือฉันไปหอม ฉันอายมากไม่กล้าสบตาเขา เขาโอบกอดฉัน มือไม้ลูบไล้ไปตามร่างกาย ฉันหลับตาปี๋ด้วยความอาย แต่ก็ไม่ขัดขืน ปล่อยให้เขาทำตามใจของเขา ทำไมนะฉันถึงยอมให้เขาทำแบบนั้น ฉันคงรักเขามาก มากจนยอมได้ทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง...อะไรจะเกิดก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันรักเขา รักเขา ฉันคิดแบบนั้น ในที่สุดฉันก็เป็นของเขาอย่างง่ายดาย..
หลังจากวันนั้นเราก็สนิทกันมากขึ้น แต่ก็ยังทำตัวเป็นปกติ ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของฉันกับเขาในวันนั้น เราแอบมีอะไรกันบ่อยขึ้น แทบจะทุกวันเลยด้วยซ้ำ ฉันมักจะบอกเขาเสมอว่า "อรรักชัยนะ แล้วชัยล่ะ?" เขามักจะกอดฉัน หอมแก้มฉันทุกครั้งเหมือนเป็นคำตอบว่าเขาก็รักฉันเหมือนกัน แต่แปลกตรงที่ว่าเขาไม่เคยพูดคำว่ารักกับฉันเลย ฉันน่าจะเอะใจ แต่ก็ไม่เลย ช่วงเวลานั้นฉันรู้แต่ว่าฉันรักเขา รักเขาจนไม่คิดอะไรมากไปกว่าคำว่ารักเท่านั้น
จนกระทั่งเวลาผ่านไป เราขึ้นปีสอง ฉันกับชัยเลือกเรียนคนละสาขาวิชา ไม่ค่อยได้เจอกันตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อนเพราะเวลาเรียนไม่ตรงกัน บางวันชัยไม่มีเรียน ฉันก็จะโทรหาเขาตลอด บางทีก็จะไปหาเขาที่อพาร์ทเม้นท์หลังเลิกเรียน แต่เวลาที่เขามีเรียนฉันก็มักจะมานั่งรอเขา รอเวลาที่เขาเลิกเรียน แล้วก็ไปหาอะไรทานกัน ไปเดินเล่นกัน บางทีก็มาช่วยเขาทำกิจกรรมของมหาลัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงหลัง ๆ ฉันไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมแล้ว เพราะฉันเรียนหนัก ไม่มีเวลามากเหมือนแต่ก่อน ถ้าวันไหนที่เราไม่เจอกัน ฉันก็จะไม่พลาดที่จะโทรหาเขา รายงานให้เขาฟังว่าฉันทำอะไรบ้างวันนี้
ฉันมักจะนึกน้อยใจชัยอยู่บ่อย ๆ ที่เขาดูเหมือนจะไม่กระตือรือร้นเหมือนอย่างที่ฉันเป็น ไม่เคยโทรหาฉันเพื่อพูดคุยจีบกันยันสว่างเหมือนโฆษณา จะว่าเขาเป็นคนประหยัดเพราะที่บ้านเขาไม่ได้ร่ำรวยก็คงไม่ใช่ ขนาดฉันเป็นฝ่ายโทรหา เขาก็มักจะขอตัววางก่อนอยู่เสมอ บอกว่าง่วงนอนบ้างล่ะ กลัวฉันเปลืองบ้างล่ะ บางครั้งฉันแกล้งไม่โทรหาเขา เผื่อว่าเขาจะโทรหากันบ้างก็ไม่มี สุดท้ายฉันก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้โทรหาเขาเองทุกทีไป จะว่าเขาไม่เคยโทรหาฉันเลยก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ก็นับครั้งได้เลย แม้กระทั่งวันเกิดฉันเขายังจำไม่ได้เลย
นี่เราเป็นแฟนกันแน่เหรอ? หรือว่าฉันคิดไปเองฝ่ายเดียว บ่อยครั้งที่ฉันสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา อยากจะถามเพื่อให้แน่ใจแต่ก็ไม่กล้า กลัวเขาจะหาว่าเรื่องมาก งี่เง่า ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ ไม่กล้าคุยกับใครเพราะไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งของฉันกับเขา ฉันอาย รู้สึกผิด และไม่กล้าบอกใคร แม้แต่กับน้อตที่ปรึกษากิติมศักดิ์ หรือใยจอยเพื่อนรัก จนถึงวันนี้เรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากฉันกับชัยแค่เราสองคนเท่านั้น
เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ก็ได้แต่คิดกันไปเองว่าเราเป็นแฟนกัน เพราะเห็นเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยได้ยินคำยืนยันจากปากของเราสองคน บางครั้งฉันอยากจะให้เพื่อนโพร่งถามออกมาเลยว่าเราสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า ต่อหน้าฉันกับชัย อยากได้ยินคำตอบจากปากของเขาเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครเคยทำแบบนั้น คงคิดว่ามันเป็นการเสียมารยาท ได้แต่แซวกันไปต่าง ๆ นา ๆ
ฉันกับชัยก็ยังคบกันเหมือนเดิม ทุกอย่างยังเป็นเหมือนปกติ เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เคยไม่เป็นยังไงก็ยังคงไม่เป็นอยู่แบบนั้น...เรื่อยมา...จนวันหนึ่งฉันยังจำได้ดีถึงสีหน้าถอดสีของชัย ความจริงที่ฉันได้รู้ ความเศร้าที่ฉันจะต้องเผชิญกับมัน อีกครั้ง
เมื่อวันที่ : 01 พ.ย. 2547, 18.17 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...