![]() |
![]() |
ไร้ตัวตน![]() |
...ครั้งแรกที่ฉันได้เข้าห้องเรียนวิชาปรัชญาเบื้อต้น อาจารย์ให้คำถามมาสิบคำถาม และคำถามแรกในสิบคำถามที่ว่านั้นคือ.. เราคืออะไร......
(ก่อนจะอ่านข้อความข้างล่าง อยากให้ผู้อ่านลองตอบคำถามของหัวข้อบทความนี้ก่อนว่า... เราคืออะไร...)
ครั้งแรกที่ฉันได้เข้าห้องเรียนวิชาปรัชญาเบื้อต้น อาจารย์ให้คำถามมาสิบคำถาม
และคำถามแรกในสิบคำถามที่ว่านั้นคือ.. เราคืออะไร...
นักเรียนที่ลงเรียนในวิชานั้น มีอยู่ประมาณห้าสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนตอบคำถามนี้
แตกต่างกันไป บ้างก็ว่า เราคือเรา เราคือคน เราคือสิ่งมีชีวิต และอีกมากมาย
แต่ไม่มีใครเลยที่ตอบเหมือนกับที่ฉันตอบ
คำตอบของฉันคือ ..เรา คือ ความว่างเปล่า...
ที่ฉันตอบอย่างนี้เพราะ
หากสุดท้ายที่ๆเราต้องไปคือนิพพาน และนิพพานคือความว่างเปล่าแล้ว
เราย่อมต้องเป็นความว่างเปล่าด้วยเช่นกัน..
นักปรัชญาผู้หนึ่งได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้น่าสนใจว่า
โดยเนื้อแท้แล้ว เราคือความว่างเปล่า
เมื่อเราเกิดมา มีบิดา มารดา เราจึงเอาสถานะ "ลูก" มาใส่ในตัวเรา
พอเราไปเรียนเจออาจารย์เราก็เอาสถานะว่า "ศิษย์" มาใส่ในตัวเรา
เมื่อเราแต่งงานเราก็เอาสถานะว่า "สามี" หรือ "ภรรยา" มาใส่ในตัวเรา
เมื่อเรามีลูก เราก็เอาสถานะว่า "พ่อ" หรือ "แม่" มาใส่ในตัวเรา
เราล้วนเอาสถานะต่างๆมาใส่ในตัวเรา ตามแต่ว่าตอนนั้นๆเราอยู่กับใคร
หรือแม้แต่เราอยู่กับตัวเอง ที่หลายคนเขียนว่า เราคือเรา นั้นก็เกิดจาก
เราเอา สถานะว่า "เรา" มาใส่ในตัวเองทั้งนั้น
ซึ่งถ้าแท้จริงตัวเรา ไม่ใช่ความว่างเปล่า ไหนเลยจะเอาสิ่งต่างๆมาใส่ในตัวเราได้
และเมื่อเรานำเอาสถานะนั้นมาใส่แล้ว ตัวเราก็จะเต็มจนกว่าเราจะเอาสถานะที่ใส่อยู่ออก
เช่นเมื่อเราใส่สถานะว่า "ลูก" เมื่ออยู่กับพ่อและแม่ เราจะไม่สามารถนำสถานะอื่น
มาใส่กับพ่อและแม่ได้เลย แต่พอเจอเพื่อน เราก็เอาสถานะ"ลูก"ออก เอาสถานะ"เพื่อน"
ใส่เข้ามาแทน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในแต่ละช่วงเวลาเราจะมีอยู่แค่สถานะเดียวเสมอ
ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นๆเราเอาตัวเองไปยึดติดอยู่กับใคร
ในคำอธิบายนี้ จะสามารถอธิบายได้อีกแบบหนึ่งหนึ่งคือ
โดยเนื้อแท้แล้ว เราคือความว่างเปล่า
เมื่อเรามีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆนั้นย่อมเกิดจาก
เราได้นำอารมณ์ความรู้สึกนั้นใส่ลงมาในตัวเราทั้งสิ้น
ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า ดีใจ เสียใจ สิ่งเหล่านี้จะใส่เข้ามาในเราไม่ได้เลย
ถ้าขณะนั้นเราไม่ว่าง...
ดังนี้แล้วจึงอธิบายความหมายของคำว่า เรา คือ ความ ว่าง เปล่า ได้เช่นนี้แล...
สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างไร...
มันจะช่วยให้ง่ายเมื่อเราพบว่าอารมณ์เหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่เราสามารถหยิบเข้า
หยิบออกไปจากเราได้
เมื่อเราพบว่า เรากำลังโกรธ หากเรานึกแต่เรื่องที่เราโกรธ เราก็ยังคงโกรธอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าเรานึกถึงตัวเราว่า ตอนนี้ความโกรธเข้ามาอยู่ในตัวเราแล้ว ก็เพียงแค่หยิบเอา
ความโกรธออก ทำใจให้ว่าง เท่านั้น ความโกรธก็จะหายไป และเมื่อเราสามารถหยิบเอาอารมณ์ไม่ดีออกไปจากใจได้หมด เวลาเราจะทำสิ่งใด ความคิดเราก็จะไม่ถูกยึดติดกับอารมณ์ ก็จะทำให้เราดำเนินหนทางเราไปได้อย่างมีสติมากขึ้น นั่นเอง
เมื่อวันที่ : 22 ต.ค. 2547, 12.54 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...