![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...เมื่อวันวาน ความสุขยังประทับใจยิ่งนัก แต่วันนี้ความสุขเหล่านั้นมันติดปีกบินไปไกลลิบสุดสายตา ยากที่จะมอง...
เมื่อวันวาน ความสุขยังประทับใจยิ่งนัก แต่วันนี้ความสุขเหล่านั้นมันติดปีกบินไปไกลลิบสุดสายตา ยากที่จะมองหาเท่าไรก็ไม่พบคนเรามีชีวิตตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า เป็นไปตามกรรมของตนเอง มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมหล่อเลี้ยงชีวิต
ชีวิตของสิงห์จึงประสบแต่ความผิดหวังเรื่อยมา ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เมื่อมีความรู้สึกชอบใครสักคนหนึ่ง เขาก็จะได้คัดเลือกและสรรหามาไว้เป็นแม่ศรีเรือน เป็นเพื่อนสนิทนิรันดร เพียงไม่นาน เมื่อสิงห์หลวมตัวทุ่มใจให้จนหมดตัว สิ่งที่ตามมาคงจะเป็นเช่นครั้งก่อนอีก คือ ความผิดหวัง ต้องหาซื้อใบบัวบกมาปั่นไว้กินเป็นขวดโหล อีกครั้งหนึ่ง
มันเจ็บปวด ทรมาน ปานชีพปลิด
ด้วยแรงฤทธิ์ รักลวง ล้วงใจฉัน
เผลอเขาย้ำ ใจขาด ไม่อาจกัน
สุดโศกศัลย์ ร้าวราน ซมซานรอ
หวังคนช่วย ให้ฟื้น คืนชีวิต
กลับเป็นพิษ ซ้ำเติม เสริมปวดหนอ
อยากทิ้งกว้าง ใจเหน็บ เจ็บเพียงพอ
ยังไม่ท้อ ฝืนรัก สักครั้งเอย.
ขณะสิงห์ซมซานทรมานด้วยความเจ็บปวด หวาดระแวง กลัวต่าง ๆ นานา ไม่กล้าไปพบผู้คน คอยหลบอยู่แต่ภายในบ้าน หรือใต้ร่มไม้ ทุกครั้งอารมณ์หมุนกว้างลอยติ้วท่ามกลางความหมองหม่นของจินตนาการและความจริงผสานกัน
ขณะนั้นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคชรา อันเป็นธรรมชาติของคน ที่จะต้องกลับไปสู่สถานะเดิมโดยอัตโนมัติ ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ผู้ทรงญาณที่สามารถถอดดวงจิตไปทิศใดก็ได้ แม้จะสามารถแสดงอภินิหารต่าง ๆ ได้ก็ตาม แม้แต่พระอรหันต์ก็ยังไม่สามารถหลบหลีกเขี้ยวเล็บของพญามัจจุราชได้ สิงห์เองก็คิดถึงสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ด้วยความหวาดหวั่นและกลัว บางครั้งกลัวจนลนลาน
สิงห์สามารถคิดได้ว่า คุณน้า ถึงวาระสุดท้ายก่อนเราแล้ว เราก็ต้องเจอจุดจบเช่นนี้เหมือนกัน แต่ทำไมเรารู้อยู่อย่างนี้แล้ว เรายังวิตกทุกข์เสียใจ สิงห์ไม่อาจหักห้ามความคิดถึงคนที่ตนรัก ซึ่งจากไปโดยไม่ใยดีต่อชีวิตของตนเลย
ขณะที่ประธานรดน้ำศพได้สวมมาลัยคล้องมือศพและรดน้ำเป็นการขออภัย ขออโหสิกรรมให้แก่ตนที่เคยล่วงเกินท่านทั้งในอดีตและปัจจุบันก่อนนี้ ด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม สิงห์รดน้ำศพเสร็จแล้วจึงหลบไปนั่งบนม้าหินขัดใต้ต้นไม้พุ่มเขียวชอุ่มร่มเย็นสดชื่น แต่ใจของสิงห์ยังกระวนกระวาย รุ่มร้อนด้วยคิดถึงคนที่ตนรัก ซึ่งได้หนีจากไปไกลกับชายอื่นที่ร่ำรวยกว่า มีบุคลิกที่ดีกว่า
นั่งคิดเพลินถึงเมื่อครั้งยังได้คบค้าสมาคมกับสุดที่รักที่เพิ่งจากไปโดยไม่มีเยื่อใยไมตรีเหลือไว้แม้เพียงนิด ท่านว่าเด็ดบัวยังมีใยเหลือไว้
ขณะนั้นลมพัดอย่างแรง กิ่งไม้หักตกค้างอยู่บนต้นก็หล่นตกลงทับร่างของสิงห์ ศีรษะแตกเลือดนองทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกด้วยเลือด มือขวาเป็นแผลรอยลึกยาวประมาณ 3 นิ้ว ด้วยอำนาจของน้ำหนักที่กระโจนลงสู่ผิวโลกด้วยแรงดึงดูดของโลก
ผู้ที่รดน้ำศพแล้วหลายคนได้ยืนอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ ได้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิด
อรทัยคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดเกือบโดนกิ่งไม้เช่นกัน ตกใจเช่นกัน พอตั้งสติได้ก็ตรงเข้าไปคว้ากิ่งไม้ไว้และนำออกจากร่างของสิงห์ทันทีเหวี่ยงไปข้างหลัง ขณะผู้ชายคนหนึ่งเข้าจับร่างของสิงห์ไว้ไม่ให้ล้ม
ขณะที่กิ่งไม้ตกนั้น
กรีด กรีด ๆ
หลายคนวิ่งด้วยความตกใจพร้อมกรีดดังๆ มาเพื่อช่วยเหลือสิงห์ บางคนก็กรีดแล้วยืนสั่นเทาไม่สามารถทำอะไรได้ บางคนเป็นญาติกับสิงห์
"พุทธัง ธัมมัง สังฆัง" หลายคนอุทานออกมาพร้อมๆ กัน
" ใครมีรถขอคันหนึ่ง ช่วยบรรทุกสิงห์ส่งโรงพยาบาลด่วน" อรทัยตะโกน
สุรชัยรีบไปที่รถซึ่งจอดอยู่ใกล้ ๆ จึงถอยรถเข้ามา ทันใดมีผู้ชาย 3 คนได้ช่วยกันหามสิงห์ขึ้นรถกระบะส่วนหลัง หลังจากที่ได้สำรวจความปลอดภัยทางด้านร่างกายเรียบร้อยแล้ว ไม่มีกระดูกหัก หรือแตกแต่ประการใด มีแต่แผลแตกเลือดไหลทะลัก มีคนห้ามเลือดตามไปด้วย
เมื่อรถพุ่งออกจากแหล่งปานลูกธนูออกจากแหล่ง มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล อรทัยก็ติดไปกับรถคนป่วยด้วย เธอกลายเป็นญาติของสิงห์โดยปริยาย เธอช่วยตอบคำถามในการซักประวัติและเซ็นรับรองให้แพทย์สามารถเยี่ยวยารักษาและทำการผ่าตัดเย็บแผลได้
การปฐมพยาบาลผ่านไปนานพอสมควร สิงห์ก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา ลืมตา เห็นแต่อรทัยหม้ายสามีหนีไปมีภรรยาใหม่ ซึ่งมีลูกเป็นพันธผูกพัน 1 คน กำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เธอสุดสวย มีฐานะดีแม้จะมีอายุเกือบสี่สิบแล้วก็ตาม สามสิบยังแจ๋วหรือสี่สิบยังแจ๋ว
ขณะนี้อรทัยอาศัยอยู่บ้านตนเอง ใกล้กับบ้านพี่ชาย อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของพี่ชาย ส่วนลูก นาน ๆ จึงจะกลับบ้านสักครั้ง เช่น วันปีใหม่ วันปิดภาคเรียน
อรทัยคิดว่าจะบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยการเป็นหมอหรือพยาบาลจำเป็นในการเยียวยารักษาเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทั้งทางกายและทางใจในครั้งเดียวกัน
อรทัยคิดว่าโอกาสนี้ดีที่สุดแล้ว ที่จะได้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อการกุศลด้วยการเยียวยารักษาความบอบช้ำของหัวใจของสิงห์ได้ดีกว่าน้ำบัวบกหลายเท่านัก เธอพึมพำกับตนเอง
ขณะนี้เธอยังเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ เตียงคนป่วย สิงห์
" เราสามารถช่วยเหลือได้เฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น สำหรับกลางคืน คงเป็นหน้าที่ของญาติของเขา" อรทัยคิดเรื่อยไป
สิงห์ลืมตาตื่นขึ้นมาขอน้ำดื่ม อรทัยก็ลุกขึ้นกวีกะวาดรินน้ำใส่แก้วนำไปยื่นให้สิงห์ ๆ รับไปดื่ม พร้อมกล่าวคำ "ขอบใจ" เบา ๆ สิงห์ดื่มเสร็จส่งคืนแก้วน้ำให้อรทัย
"ขอบใจ"
" ไม่เป็นไร"
อรทัยปฏิบัติอยู่อย่างนี้ จนกระทั้งญาติบางคนคิดระแวงไปว่า อรทัยจะมีอะไรเกินกว่าที่คิดไปก็ได้ แม้จะเป็นญาติห่าง ๆ กันก็ตาม สิงห์ก็เป็นพ่อหม้ายเมียหนีมาแล้ว 3 คน
อรทัยคิดและเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของสิงห์ว่าสิ่งใด จุดใด ความประพฤติใดที่ทำให้ภรรยาต้องตีห่างไปแล้วถึง 3 คน แม้คนสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
อรทัยเฝ้าสังเกตและคิดว่าสิงห์เป็นคนสุภาพ นิสัยเรียบร้อย เป็นคนใจเย็น สุภาพเรียบร้อยมาก นิสัยดี แต่ทำไมผู้หญิงจึงลาจาก ไป 3 คนแล้ว อรทัยอยากจะรู้จริง ๆ เธอกำลังค้นหา
อรทัยได้ทราบข่าวจากบางแหล่งข่าวของคนใกล้ชิดว่า
"สิงห์ไม่ชอบผู้หญิง"
ทำให้อรทัยคิดหาสาเหตุ ว่าทำไมสิงห์จึงไม่ชอบผู้หญิง คงไม่ใช้เกี่ยวกันด้านสุขภาพ เพราะเขามีลูกสามคน การเงินก็คงจะไม่ใช่ เพราะเขาสามารถส่งเสียให้ลูกเล่าเรียนจนได้รับปริญญาบัตรมีงานทำเป็นหลักฐานทั้งสามคนพี่น้อง
อรทัยได้บอกญาติของสิงห์ให้ไปเฝ้าดูสิงห์ที่โรงพยาบาลแทนเธอเพราะเธอต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามใบนัดหมายของแพทย์ ณ โรงพยาบาลมหาราชของอีกจังหวัดหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ระยะการเดินทางชั่วโมงกว่า ๆ
วันนั้นสิงห์ไม่มีอันจะทำอะไร หงุดหงิดอารมณ์ จะนอนก็ไม่สะดวก จะนั่งก็ไม่สะดวก คอยมองแต่ต้นทางตรงช่องประตู แต่ไม่ได้พูดจา นัยน์ตามีแววกังวนและเป็นห่วง เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเช้า เป็นสาย เป็นเที่ยง เป็นบ่าย จนตกเย็น ยิ่งทำให้สิงห์กระวนกระวายยิ่งนัก ไม่มีอารมณ์จะทำอะไร หงุดหงิด งุ่นง่านขาดสมาธิ ขาดความมั่นคงของอารมณ์ สีหน้าบอกอารมณ์ แต่อาการป่วยทางกายไม่มี เพราะถ้ามีแพทย์คงสั่งยาหรือการให้คำแนะนำพิเศษไปแล้ว
"ขณะที่อรทัยนั่งรถไฟไปต่างจังหวัด
" ......นอกจากคุณ ผมไม่รักใคร ทุกห้องหัวใจผมมีไว้ให้คุณ ชื่นชู้ขอเป็นคู่บุญนอกจากคุณผมไม่รักใคร.."
เป็นเสียงเพลงเตือนจากโทรศัพท์ แทนเสียงกริ่งสัญญาณที่กังวานและแจ่มใส อรทัยดึงมันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหน้า ใต้เข็มขัดขนาดความกว้างพอเหมาะกับโทรศัพท์พอดี เธอมองหน้าปัดไม่ปรากฏชื่อผู้โทรเข้า เธอก็กดรับและแนบโทรศัพท์เข้ากับหู
" ฮัลโล่ สวัสดีคะ มีอะไรให้รับใช้หรือคะ"
"เธอ คืออรทัยใช่ไหม"
"ใช่คะ"
" เธอ ! ขอความกรุณาอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสิงห์มากนัก เดี๋ยวจะเป็นอันตราย ขอเตือนด้วยหวังดี นะจ๊ะ"
"ทำไมหรือ ฉันเพียงเพื่อช่วยเหลือเขาเท่านั้น"
" ก็ไม่ได้ กรุณาหลีกไปให้ไกลจากเขาให้มากที่สุด"
" เธอเป็นใครหรือจึงขอร้องอย่างนี้ด้วย"
" ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร แต่ฉันขอห้ามเธอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอร้องในฐานะที่เราเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน"
" ทำไมหรือ ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"
"เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน เธอควรหลีกไปเสียให้ห่างไกลที่สุด"
"เธอมาดูแลเขาบ้างไหม"
"ไม่จ้า"
"ทำไมหรือ"
"เพราะฉันไม่ชอบเขา เขาเป็นผู้ชายที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิง เขาไม่เคยจริงใจกับหญิงใด ปลิ้นปล้อนตลบตะแลง เชื่อถือไม่ได้ มีแต่หลอกหลอนรีดไถเท่านั้น"
"เธอไม่ช่วยเขาแล้ว ทำไมเธอจึงห้ามผู้อื่นด้วย เปรียบเหมือนหมาในรางหญ้า"
" ใช่จ้า ฉันเปรียบเหมือนหมาในรางหญ้า เพราะเขาเคยเป็นสามีของฉัน เขาหลอกลวงฉัน ฉันได้รับความเจ็บปวดและทรมานที่สุดในชีวิต ฉันเกลียดเขา ฉันไม่อยากให้เขามีความสุขกับใครทั้งสิ้น อยากให้เขาประสบกับความหายนะ และล่มจมไปตลอดชีวิต"
"ฉันขอร้องให้เธอจงได้ไปจากชีวิตของเขาเสีย"
"ยังก่อน ฉันจะช่วยเขาจนกว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น เพราะฉันตั้งใจจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมาน เป็นการสร้างกุศลและสร้างบารมีไว้ชาติหน้า ชาตินี้ สิ่งนี้(ผู้ชาย)ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับฉัน ขอร้องอย่ามาไล่ฉันเลย ถ้าเธอมีโอกาสจะทำร้ายเขา ก็ขอเชิญเธอตามสบาย ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวของเขา เป็นเรื่องของเธอ ถ้าเคยเป็นสามีของเธอ ก็รอช้าอยู่ทำไมเล่า เธอจะจัดการอะไรกับเขาตามสบาย ฉันไม่เกี่ยว แต่ขณะนี้ฉันกำลังสร้างบุญบารมี ถ้าเขามีอาการดีขึ้น เขาคงสามารถออกไปประกอบอาชีพได้ รักษาและช่วยเหลือตัวเองได้ ฉันก็หมดภาระหน้าที่ของฉัน ยกเว้นแต่เธอ..."
เสร็จจากการพบแพทย์แล้ว อรทัยรีบกลับบ้านไปโรงพยาบาล เพื่อดูแลเขา ปรากฏว่าไม่มีสิงห์อยู่ เธอถามพยาบาล ๆ ตอบว่า
"เมื่อตอนเช้ามีคนกลุ่มหนึ่ง เขาบอกว่าเป็นญาติกันได้มานำสิงห์ไปรักษาในโรงพยาบาลที่อื่น ที่มีเครื่องมือและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค"
อรทัยโทรศัพท์ไปยังบ้านญาติของสิงห์ ถามถึงสิงห์ที่ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพื่อไปรักษาตัวที่ใด
"สิงห์ไปที่บ้านเธอหรือไม่"
"ไม่มี"
"เขาไปไหนละ"
"ไม่ทราบคะ"
อรทัยโทรไปถามบ้านของญาติทุกแห่ง ปรากฏว่าไม่มีใครรู้ใครเห็น เธอจึงไปถามหาและปรึกษานายแพทย์ และไปปรึกษาตำรวจ
ตำรวจก็ตรวจสอบ ไม่พบไม่เจอ
ภรรยาของสิงห์คนที่เพิ่งหนีตามชายไปใหม่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทราบข่าวก็ได้โทรมาถามข่าวจากอรทัย
"เธอเฝ้าอยู่อย่างไร สามีหายทั้งคน ทำอะไรอยู่...." อรทัยตะลึงตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีลักษณะอย่างนี้
" ขอโทษ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอว่า แล้วเธอโทรมาทำไม หรือว่าห่วงใยเขา"
"ฉันอยากบอกอะไรให้เธอรู้สักอย่าง ก่อนที่ฉันจะเลิกร้างแยกทางกับสิงห์ มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาขู่ด้วยคำหยาบต่าง ๆ นานา จนไม่มีเวลาทำมาหากิน คอยคุกคามแม้ยามกินยามนอน"
"เธอทราบไหมว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
"ยัง... ฉันเองก็ยังไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครบอกได้ จะถามไปทำไม เบอร์โทร.ก็ไม่มีใครทราบ"
"ฉันก็โดนเช่นเธอเหมือนกัน เธอบังอาจมาก ทำไมเขาทำอย่างนั้น เธอมีประโยชน์อะไร หรือเธอต้องการอะไร"
"ตกลง สิงห์ยังไม่กลับมาโรงพยาบาล"
เมื่อตำรวจจะตรวจเช็คไป ทางโรงพยาบาลอื่น ๆ ก็ไม่มี ทำให้ญาติหลาย ๆคนของสิงห์มีความเป็นห่วงเขามาก ตามหากันให้วุ่น
"ทำไมหนอ ชีวิตของเราก็มีแต่ความผิดหวัง ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งพอจะเป็นแสงเรื่อเรืองอยู่บ้าง แต่เขาก็มีอันเป็นไปเสียอีก จากการกระทำของเขา อันเป็นผลให้เราที่พยายามจะคลำตัวให้ลึกลงไปในใจเขาที่ต้องปวดร้าวเจ็บซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ความปวดร้าวรอยเก่ายังปวดบวมและซ้ำอยู่ เพียงแค่สงบลงเล็กน้อย กลับเบ่งบวมเช่นเดิม หรือมากไปกว่านั้นอีก
ญาติของสิงห์แจ้งคนหายต่อสถานีตำรวจภูธรประจำจังหวัดพร้อมประกาศหาตัว 2 วัน แล้วก็ไม่มีวี่แวว ทุกคนต่างมาเริ่มต้นกันใหม่
" ข่าวคราวไม่มี" น่าเป็นห่วงจริงอรทัยคิดตามลำพัง
"เราพลาดโอกาสอีกแล้ว หรือนี่ถ้าเขาหายไปจริง หรือคนที่โทร.ขู่เรานำสิงห์ไปเก็บไว้ หรือฆ่าเสีย เราจะต้องถอนใจออกจากปลักตมเหล่านี้อีกครั้ง ใยพระเจ้าไม่เข้าข้างเราบ้างเลย" อรทัยพึมพำ
"นอกจากคุณผมไม่รักใคร ........."
อรทัยครับ
"ฮัลโล่ นี่อรทัยพูด"
"สวัสดีจ้า เธอเป็นภรรยาของสิงห์หรือ"
"ไม่ใช่คะ"
"เธอไม่ใช่ภรรยาไปเฝ้าเขาอยู่ที่โรงพยาบาลทำไม"
"ฉันเพียงอยากช่วยเหลือเขา เราเป็นญาติกัน เป็นเพื่อนกัน การทำบุญช่วยเหลือผู้อื่น เราทำได้ทุกเมื่อทุกเวลา แล้วเธอต้องการอะไร"
"เราเป็นเจ้าชีวิตของสิงห์ เพราะมันเป็นลูกหนี้ของเรา มันต้องเป็นของเรา ใครจะเอาไปไม่ได้"
"เราไม่เข้าใจหมายความว่าอะไร"
"หมายความว่า สิงห์เป็นสามีของเรามาก่อน แต่เขาโหดร้ายทารุณกับเรา ดูดเลือดเรา ทำร้ายเรา ฉะนั้นเขาต้องเป็นของเรา"
"เพื่ออะไร"
"แก้แค้น"
"บาปนะอย่าคิดเลย จงให้อภัยเขา จะได้บุญมหาศาล ประเทศชาติและสังคมจะมีความสงบสุข"
"เธออย่ามายุ่งนะ" ระวังตัวไว้ด้วย ขอเตือนอย่ามายุ่งกับเขาเลยนะ"
"แล้วเธอนำเขาไปไว้ที่ไหน "
"ฉันไม่รู้ ไม่รู้หายไปไหน ฉันกำลังหาอยู่เหมือนกัน"
"เรามาช่วยกันหาเถอะ และยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องการตัวเขาอยู่ เธอเป็นใครรู้ไหม"
"ฉันไม่รู้"
"เราจะทำอย่างไรดี"
"ช่วยกันคิดซี พรุ่งนี้ค่อยคุยกันไหม"
"สวัสดี"
"นอกจากคุณผมไม่รักใคร .......ฯ " อีกสายหนึ่งที่อรทัยต้องรับสาย
"นี่เธอ....อย่าเกี่ยวข้องกับสิงห์เลย จะบอกให้เป็นอันตรายนะ แล้วสิงห์อยู่ไหนละ"
" ฉันไม่รู้"
"แล้วเธอมาขู่ฉันได้อย่างไร"
"ฉันอยากให้เขาตายมากกว่า เพราะเขาใจดำอำมหิตต่อฉันเหลือเกิน ไม่ใช่เขาอกหักหรอกนะ พวกเราต่างหากที่ถูกเขาต้มตุ่น"
" เราจะช่วยบ้างทำอย่างไรดี"
"พรุ่งนี้มีข่าวอะไร ช่วยโทร.มาบอกด้วย"
"จ้า"
"นอกจากคุณผมไม่รักใคร ..........ๆ "อรทัยกดรับสัญญาณพร้อมยกโทรศัพท์มือถือแนบกับหูซ้าย"
" อรทัยพูดคะ"
" สวัสดี..อรทัย ฉันมีข่าวดีจะแจ้งให้เธอทราบ จะว่าเป็นข่าวร้ายก็ได้"
" อะไรหรือ"
" เชิญรดน้ำศพคุณสิงห์ วันนี้ ที่วัด.......เวลา 13.30 น."
" ? "
.................................
เมื่อวันที่ : 20 ต.ค. 2558, 08.29 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...