![]() |
![]() |
เล็ก โยธา![]() |
...ซึ่งในวัยนี้ถ้าเราแค่ไปสนิทกับเพื่อนหญิงสาวๆคนไหน ก็ไม่พ้นที่จะถูกให้จับคู่กัน จนบางทีต้องเลยตามเลยเป็นแฟนกันจริง ๆ...
" เฮ้ย....กูขอวนอีกรอบ ยังไม่อิ่มใจเลยว่ะ "ชีวิตวัยเด็กนักเรียนมัธยมปลายในต่างจังหวัดเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่มีกวดวิชากันหน้าดำคล้ำเครียดเหมือนสมัยนี้กันหรอก หลังจากเลิกเรียนก็จะนัดกันชี่จักรยานตะเวนในตลาด ( ที่กลุ่มพวกเราเรียกกันว่า..ร่อน ..) คือปั่นไปแล้วก็แวะกินขนมข้างทางที่จะมีแม่ค้าสวยๆแต่งตัวจี๊ดจ๊าดมารับจ๊อบขายขนมบัวลอยไข่หวานหน้าบ้านของตัวเอง ไอ้เรื่องอยากได้สตางค์ก็เรื่องหนึ่ง แต่ความต้องการลึกๆของพวกหล่อนคงอยากให้หนุ่มๆหล่อๆมากหน้าหลายตามาขายขนมจีบนั่นเอง
แต่แม่ค้าเหล่านี้มันไกลสุดเอื้อม มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กมัธยมขาสั้นอย่างพวกเรา เธอไม่สนใจหรอก ดังนั้นกิจกรรมการขี่รถจักรยานวนบ้านสาวที่เราแอบชอบที่โรงเรียน จึงเป็นจะเป็นกิจกรรมหลักของพวกเรามากกว่า ซึ่งในวัยนี้ถ้าเราแค่ไปสนิทกับเพื่อนหญิงสาวๆคนไหน ก็ไม่พ้นที่จะถูกให้จับคู่กัน จนบางทีต้องเลยตามเลยเป็นแฟนกันจริง ๆ
และ " เธอ " ก็เหมือนกัน ด้วยเหตุที่เธออ่อนภาษาอังกฤษมาก ผมจึงได้มีโอกาสติวเธออยู่บ่อยครั้ง จนเพื่อนๆพาเอาไปล้อว่าเป็นแฟนกัน เด็กๆที่คบกันสมัยนั้นคบกับโรแมนติคมาก แค่ได้เห็นหลังคาบ้านก็ชื่นใจแล้วล่ะ การนอกลู่นอกทางไม่มากมายเหมือนสมัยนี้ คบกันไปเป็นปีถึงจะกล้าไปดูหนังด้วยกันแถมพาเพื่อนเธอไปอีกเป็นโขยง แบงค์ร้อยใบใหม่เอี่ยมที่ได้จากการสะสมค่าขนมนับเดือนแทบจะหมดเอาเลยในวันนั้น
จะว่าไปการเรียนๆเล่นแบบพวกเรา ชะตาชีวิตก็ไม่ใช่ว่าจะปิดโอกาสไปเสียหมด ชีวิตมันถูกลิขิตและมีทางไปของมันเอง พวกเราติดมหาลัยคณะที่ดีเอาก็เยอะ เป็นหมอเป็นวิศวะเอาก็มาก บางคนเรียนดีพอได้ไปดูประกาศสอบนายสิบไม่ติดเอาซะอย่างงั้น เดินปีกตกกลับหอ รุ่งขึ้นดันมาติดนายร้อยนี่สิ จะไม่ว่าลิขิตฟ้าหรืออย่างไร?
หลังจากที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเกือบปี ผมเองในฐานะที่ไปเรียนเอาไกลกว่าเพื่อนที่เชียงใหม่ ก็อาสาเป็นโต้โผจัดงานเลี้ยงรุ่นภายในห้องเป็นครั้งแรก ความหวังอย่างลึกๆที่จะได้เจอเธออีกครั้งมันแน่นลึกๆในใจ แอบจินตนาการเอาอย่างลึกๆ ว่าความสัมพันธ์เราจะได้ข้ามขั้นไปกว่าเดิมไหม?หลักจากย่ำซ้ำๆอยู่กับขั้นเดิมมาหลายปี
" เธอ " เธอมาพร้อมกับเพื่อนชายที่กรุงเทพฯที่เรียนมหาลัยเดียวกัน ที่มือเขาหนีบหนังสือนิตยาสาร " แพรว " นิตยสารที่วัยรุ่นในบางกอกนิยมกันมากในสมัยนั้น แต่สำหรับกลุ่มพวกเราที่เราตั้งฉายากันว่า กลุ่มสกั๊งค์ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า " Skunk in soul " เจอกันเมื่อไหร่ พากินเหล้ากันตายกันไปข้าง สาวๆที่นั่งด้วยวงแตกกันกระจาย และกับแกล้มชั้นยอดในวันนี้ก็หนีไม่พ้นการเอาเรื่องมา " เผา " ประเด็นหนุ่มบ้านนอกโดนไอ้หนุ่มแพรวเมืองบางกอกมาแย่งแฟน (หล่อนจะรู้หรือเปล่านะ?) เผาซ้ำๆเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ดึกๆดื่นๆ จนคอพลับหลับกันไป
รุ่งเช้ามหกรรมน้ำเหล้าก็เริ่มชั้นตามตะวันที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากฟ้า การได้กินเหล้ากับเพื่อนๆดูจะเป็นความลงตัวสำหรับผมมากที่สุดแม้จะโดนเผาเอาตลอดงานแต่มันแค่เจ็บจี๊ดๆคัน ไม่ถึงกับอกหักตีพงตีพาย ชงเหล้าเข้มๆหน่อยเดี๋ยวมันก็หาย ตลอดงานสังสรรค์คราวนั้นผมก็ได้แต่คุยกับแก้วเหล้าจนเราสนิทกัน
ผ่านงานเลี้ยงรุ่นปีแล้วปีเล่านับสิบๆปี ความรู้สึกลึกๆในใจก็ยังติดคาอยู่ตรงนั้น แม้ความพัฒนาการในใจของเราต่างวิวัฒนาการกันแบบทางใครทางมันแล้วก็ตาม จนกระทั่งต่างคนต่างมีครอบครัว มีลูกมีเต้าจบจบมหาลัยกันแล้ว จนผมเปลี่ยนความรู้สึกมาชื่นชอบไอ้หนุ่มบางกอกคนนี้ที่มันจริงจังมาตลอดนานนับ 30ปี ไม่เกเรเหมือนหนุ่มบางกอกหน้าไหว้หลังหลอกแบบในเพลงลูกทุ่งหลายๆเพลง ........... มันสอบผ่านหัวใจผมจริงๆ
และงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นครั้งที่เท่าไร ผมก็ยังเป็นโต้โผในการจัดงานเหมือนกับหลายๆครั้งที่ผ่านมาแต่ครั้งนี้งานดูจะเงียบวังเวงไปหน่อยในใจผมเพราะวงเหล้าที่เคยเป็นเพื่อนพึ่งพิงในยามยาก พอผมเลิกดื่มเหล้าไอ้แก้วเหล้าเพื่อนสนิทมันก็ขัดใจกับผมแล้วเราก็ขาดจากความเป็นเพื่อนกัน มาคราวนี้ผมได้เจอและพูดคุยกับเพื่อนหลายกลุ่มมาหน้าหลายตามากขึ้นมากกว่าเพื่อนเก่าเดิมๆ ที่มีแค่น้ำแข็งกับโซดา ผมพยายามแสดงให้เธอรู้ว่ามีผมยืนอยู่ตรงนั้นแต่ดูเธอไม่สนใจเอาเลยจริงๆ จนสุดท้ายต้องกล้าเข้าไปคุยกับกลุ่มเพื่อนของ " เธอ " แต่คราวนี้เธอดูเย็นชากับผมมาก เหมือนไม่รู้จักกันเลยในชีวิต
ก่อนงานจะเลิกผมเข้าไปกระเซ้าเย้าแหย่ในกลุ่มเพื่อนๆของเธอรวมทั้งไอ้หนุ่มบางกอกคนนั้นด้วย
" งานคราวหน้าอีก 10 ปี ข้างหน้า ผมตั้งชื่อชื่องานเอาไว้แล้วแหละ " กินข้าวฉลองแซยิด คิดถึงกันบ้างไหม ? "
นัดอาจารย์หลายท่านไว้แล้ว ท่านบอกว่าใกล้ ๆจะ Confirm อีกที ? .......
เรียกเสียงหัวเราะได้จากหลาย ๆคน รวมทั้งรอยยิ้มรอยเดิมที่เคยได้เห็นเมื่อหลายปีก่อน เธอมองมาที่ผมเหมือนจะทำความรู้จักผม...อีกครั้ง....ใจผมเต้นแรงขึ้นมาแต่มันเต็มไปด้วยความสงสัย
" " เธอ " พยายามที่จะจำทุกคนให้ได้ ให้เวลาเธอหน่อยนะ เธอเป็นอัลไซเมอร์มาหลายปีแล้วล่ะ "
พูดจบไอ้หนุ่มบางกอกรักแท้คนนั้น ก็จูงมือเธอขึ้นรถขับออกจากงานไป
เมื่อวันที่ : 03 มิ.ย. 2558, 11.44 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...