![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...ณ ร้านจำหน่ายอาหารประจำหมู่บ้าน อยู่บริเวณสี่แยกกลางชุมชน มีโต๊ะ เครื่องใช้สะอาดอีกส่วนหนึ่งจัดเป็นที่จำหน่ายของชำและอาหารแห้ง "สวัสดีครับ...
ณ ร้านจำหน่ายอาหารประจำหมู่บ้าน อยู่บริเวณสี่แยกกลางชุมชน มีโต๊ะ เครื่องใช้สะอาดอีกส่วนหนึ่งจัดเป็นที่จำหน่ายของชำและอาหารแห้ง"สวัสดีครับ สวัสดีครับ" สมชาย ช่องลม ผู้ลงสมัครหมายเลข 3 ของสมาชิกสภาเทศบาลตำบลกระท้อนยักษ์ พนมมือไหว้เข้ามาภายในร้านจำหน่ายอาหาร ผู้นั่งอยู่ก่อนยกมือไหว้ตอบบ้าง ไม่ไหว้ตอบบ้าง
"กรีดยางกันเสร็จแล้วหรือ" สมชาย ช่องงาม
"ครับ ก็เกือบเที่ยงวันแล้ว ตอนนี้มิต้องทำแผ่นยางหรอกน้า ยางสด ๆ ก็ได้ราคาดี ลดการเหนื่อยลงเยอะ" ชาวบ้าน
"ดีแล้วละ ที่เราจะได้มีอาชีพที่มั่นคง" สมชาย
"ท่านจะเป็น ส.ท. ภายในไม่กี่วันข้างหนี้นี้แล้ว จะไม่ดูแลพวกเราบ้างหรือ"
"เลี้ยงดูไม่ได้หรอกครับ เดียวผิดกฎหมาย พ.ร.บ. การเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง" สมชาย
"พวกเราทั้งนั้น คงไม่มีโทษมากหรอก" ชาวบ้าน
"อย่าเอะไป คุณอย่าโวยวายนะ ผมก็เป็นคนในหมู่บ้านเคยช่วยเหลืออยู่เสมอ ถ้าท่านทุกคนที่นี้ ผมจะช่วยท่านเอง ทุกคนไม่ต้องจ่าย กินให้เต็มที่ แต่จะไม่บอกใครนะ" สมชาย
"ครับ"
"ตกลง ได้เลย"
"วันนี้วันเกิดลูกเจ้า ของร้าน คือ น้องอุทัยวรรณมิใช่หรือ" สมชาย
"ใช่ คะ"
"เพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกคุณในวันเกิด ผมจะเลี้ยงปลอบขวัญวันเกิดหลานอุทัยวรรณ ผมจะจ่ายให้คุณ ใครจะกินอะไรก็ตาม ผมจ่ายหมดแต่ คุณไม่ต้องบอกว่า "ผมจ่ายเงินแล้ว" เพียงแต่แจกบัตรชื่อให้เขาด้วย ไม่มีเบอร์หรอก ชื่อเฉย ๆ"
"ท่าน ส.ท. เลือกตั้งทั้งทีน่าจะสละเพื่อช่วยประชาชนบ้างก็ได้ คะแนนสียงจะได้ดี จะได้ช่วยกันใส่คะแนนให้อย่างทุ่มเท" ชาวบ้านกลุ่มดื่มสุรา
"อย่าเลย ผิดกฎหมาย ผมจะถูกปรับเป็นแพ้ พวกคุณจะถูกจำคุก"สมชาย
"เรากินเหล้าก็เฉย ๆ คุณไม่พูด พวกเราไม่พูด แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น"
"ก็ไม่เหมาะละครับ"
"ถ้านั้น พวกเราก็โบกมือลาท่านตั้งแต่วันนี้" ชาวบ้านกลุ่มดื่มเหล้า
"ได้จะน้า แต่คุณจะต้องเงียบ ๆ นะ รับรองได้ไหมละ"
"ได้ครับ ระดับนี้แล้วรับรองได้"
"ก็ขอเชิญพวกคุณดื่มต่อ แต่อย่าลืมผมนะครับ ห้ามพูดเรื่องดื่มวันนี้ด้วย ขอให้เราได้ช่วยกัน คุณช่วยผม ผมช่วยคุณก็ยุติธรรมดีนี้" สมชาย
"เดินมาถึงบ้านของคนสนิท มีคนจำนวนหนึ่งกำลังชำแหละหมูตัวหนึ่งและชั่งเป็นพวง ๆ ละ 1 กิโลกรัม เพื่อแจกจ่ายกันตามหุ้น"
"สวัสดี ท่าน ส.ท. ผมอยากกินหมูแต่ไม่ได้พาเงินติดตัวมา จะทำอย่างไรดี"
"ผมจะซื้อให้ก็ได้แต่ ก็ไม่ได้อีกมันเป็นการผิดกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง อาจถูกจำคุก ถูกปรับ หรือปลด" สมชาย
"ผิดด้วยกันนะ อยากให้ท่าน ส.ท. ซื้อหมูตัวนี้บริการแก่พวกเราบ้าง จะได้เป็นเครื่องเตือนใจ เราจะไม่พูดว่าท่าน ส.ท.แจกหรือซื้อ เราเพียงจะบอกว่าอะไรดี" ชาวบ้าน
"บอกว่าหมูมันไล่กัดกันล้มลงขาหักก็แล้วกัน เจ้าของฟาร์มยกให้ช่วยเหลือพวกเรา เราจะรู้กันภายในว่า ท่าน ส.ท.บริการประชาชน" ชาวบ้าน
ตอนเย็น ๆ จนค่ำถึงดึก ส.ท.สมชาย ก็จะไปเที่ยวในหมู่บ้านพบญาติพี่น้อง และมิตรสหายทั้งหลาย สมชายจะตระเวนไปเรื่อย ๆ พร้อมช่วยเหลือชาวบ้านโดยการ ให้เงินซื้อเหล้าและกับแกล้มกินกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ลืมกำชับให้ทุกคนทราบว่าตน เบอร์อะไร บางทีก็แจกนามบัตรให้ ได้พูดคุยแสดงความคิดเห็นไปเรื่อย ๆ ซื้อเหล้า และกับแกล้ม เล็ก ๆ น้อย ๆ จนเป็นเรื่องธรรมดาประจำวันไปแล้ว
"ก่อนสมัคร ส.ท. ผมก็ทำอยู่อย่างนี้บ้างแล้ว" สมชาย
"เราสังสรรค์ในหมู่คณะญาติพี่น้องมิใช้ซื้อเสียงกับชาวบ้าน" สมชายทำอยู่อย่างนี้เป็นธรรมดาประจำวันแล้ว
"อุเทน ทรมาน ก็เป็นผู้สมัคร เป็น ส.ท. คนหนึ่งด้วยได้เดินไปหาเสียงพร้อมด้วยบัตรชื่อและเบอร์ของตน พูดคุยกันเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันกับชาวบ้าน แจกบัตรไปเรื่อย ๆ ทุกบ้าน
"อุเทน ไหน ๆ ก็จะเป็น ส.ท. อยู่แล้ว ซื้อเหล้าให้พวกเราขวดเถอะ จะได้เป็นกำลังใจในการเลือกตั้ง ตอนนี้ไม่ช่วยชาวบ้านเสียแล้ว ถ้าเป็น ส.ท. จะช่วยเหลือพวกเราได้อย่างไร จริงไหมพวกเรา" ชาวบ้าน
"ผมไหว้ละครับ ผมขออภิปรายด้วย ผมไม่สามารถซื้อเสียงท่านได้ เพราะผมไม่มีเงิน ขอความกรุณาให้ท่าน เลือกคนจน เข้าสภาบ้าง เพราะผมได้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ผมจะได้เสนอกฎหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชน" อุเทน
"คุณไม่เลี้ยงเหล้าพวกเรา เราไม่เลือกคุณหรอกนะ" ชาวบ้าน
"คุณต้องเลือกผม ผมจริงใจ ซื่อสัตย์ และสร้างความยุติธรรมในสังคม ผมจะช่วยเหลือสังคมให้มีความสุข" อุเทน
"ตอนนี้คุณไม่สนเหมือนสมชาย ก็ไม่มีสิทธิหรอก"
"คุณสมชายซื้อสิทธิโดยการเลี้ยงเหล้าหรือ และพวกท่านก็ขายสิทธิ์ให้เขาเรียบร้อยแล้ว คุณก็ผิดกฎหมาย" อุเทน
"ไม่ครับ เขาไม่เคยซื้อเสียง อย่างที่คุณคิดว่า แต่เขามีน้ำใจเท่านั้นเอง "
อุเทนขี้เกียจพูดจะเป็นการชวนทะเลาะ ย่อมไม่มีผลดีหรือประโยชน์อะไรเกิดขึ้น อุเทน ทรมาน ก็โทรศัพท์ติดต่อไปยังเลขานุการพรรคที่เขาสังกัดอยู่ เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ทางเลขานุการทราบ
"ผมจะปรึกษาหารือกับคณะกรรมการพรรคก่อน ตอนเย็นนี้ผลการประชุมจะเป็นอย่างไร ผมจะแจ้งให้ท่านทราบทันที ขอบใจมาก"
อุเทนคิดว่าหากชาวบ้านมีแนวคิดอย่างนี้ ตนคงจะแย่แล้วละ ชาวบ้านหลงงมงายอยู่แต่ในอามิสสินจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยใช้คำว่า สินน้ำใจแทน มันจะทำให้ประชาธิปไตยบอบช้ำเพราะมันถูกขยี้และทำร้ายโบยตีโดยของราคาเล็ก ๆ น้อย ซึ่งมันแฝงเร้นอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะแยกออกนั้นยากแสนยาก มันกลายเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งของสังคมไปแล้ว"
พรุ่งนี้เป็นวันเลือกตั้ง ทุกคนต้องออกไปใช้สิทธิ์ หย่อนบัตรแค่ 4 นาทีก็จบโดยปริยาย ซึ่งหลังจากนั้นนักการเมืองน้อยนักที่จะกลับมาสนใจสภาพการเป็นอยู่ การดำรงชีวิตของประชาชนอย่างจริงจัง ไปเยี่ยมเยียนประชาชนก็เพียงพอ แต่ การไปร่วมพิธีงานศพในวันเผาศพ พร้อมร่วมพิธีทางพุทธศาสนา นอกนั้นไม่มีเวลาที่จะให้บริการประชาชน แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปประชุมในสภาเพื่อร่างกฎหมายออกมาช่วยเหลือประชาชน แล้วเขาไปช่วยเหลือใครที่ไหนอยู่ละ ที่บ้านก็ไม่ค่อยเห็น"
มีประชาชนส่วนหนึ่งสงสัยและถามผมว่า "อุทัย การที่ครูไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ ขาดทำการสอน มีความผิดถูกตั้งคณะกรรมาการสอบสวน อาจจะถูตัดเงินเดือน หรือลงโทษอย่างอื่นตามลักษณะของความผิด เจ้าหน้าที่แผนกอื่น ๆ ที่เขามีจิตใจอาสาพัฒนาประเทศชาติ เขาก็ทำงานกัน เช่นนักการเมืองที่ไม่ทำหน้าที่ของตน เหมือนครูขาดโรงเรียนอย่างนี้ ทำไมไม่ไล่ออก ปลดออก หรือมีโทษอย่างอื่น หรือพวก ส.ส. เหล่านี้ มีอภิสิทธิ์เหนือใครทั้งหมด เมื่อทุกคนอยากเป็นอภิสิทธิ์ชน ก็จะทำให้เดือดร้อนกันทั่ว ถ้า ส.ส. เข้าไปเป็นอภิสิทธ์ชน ไม่เข้าร่วมการประชุม เงินเดือนก็เป็นแสน หลายแสนต่อเดือน พร้อมเงินเดือนของเลขานุการ ผู้ติดตาม ซึ่งได้ค่าอภิสิทธิ์ในการเดินทางอยู่แล้ว แล้วเราจะเลือกบุคคลที่เอาเปรียบประชาชนเข้าไปทำไม เขากินเงินเดือนของประชาชน ไม่ทำงานให้ประชาชน เขาควรหมดสิทธิ์นั้นได้แล้วในสมัยต่อไป"
ประชาชนอีกท่านหนึ่งถามว่า "เมื่อ ส.ส. เขาประกาศว่าเขาจะเข้าไปในนามตัวแทนของประชาชน เพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่เขาไม่เคยออกกฎหมาย หรือพระราชบัญญัติเพื่อช่วยเหลือประชาชนเลย มีแต่ออก พระราชบัญญัติหรือกฎหมายเพื่อช่วยเหลือนายทุน ให้สามารถทำลายป่าพาไปขายได้สะดวก ทำลายทรัพยากรได้สะดวก ลงทุนค้าขายไม่ต้องเสียภาษี เมื่อลงทุนแล้ว สามารถเรียกทุนคืนได้หมดพร้อมกำไรมหาศาล ในด้านการเอาเปรียบผู้บริโภคต่าง ๆ นานา แล้วทั้ง ๆ ที่เรารู้อยู่อย่างเต็มหูเต็มตาว่าเขาซื้อเสียง แล้วเขาเข้าไปถอนทุนคืน การเมืองเป็นเกมกลของการค้า แล้วจะเลือกเขาเข้าไปทำไม"
อีกคนหนึ่งถามว่า " ถ้า ส.ส.ที่เป็นญาติพี่น้องของเรา มีพฤติกรรมที่ช่วยเหลือนายทุน ถอนทุน จนได้กำไรร่ำรวยจากภาษีอากรของประชาชน เราควรจะเลือกเข้าไปอีกหรือไม่ แต่ถ้ามีคนที่มีความซื่อสัตย์ประจำตัว แต่ยากจน ไม่โลภไม่อยากได้ เราควรจะเลือกเขา หรือเลือกญาติของเราดี ถ้าจะให้นึกก็ควรนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวม มิใช่ประโยชน์ของส่วนตัว และของนายทุน หรือของชนบางกลุ่มเท่านั้น คนประเภทไหนที่เราควรจะเลือกเป็นตัวแทนของเรา เพื่อบริหารประเทศ และนำประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า"
มีบางคนถามว่า " ถ้า ส.ส. คนนั้น มีญาติพี่น้องมีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เวลาประมูลสร้างอาคาร สร้างถนนหนทางก็ประมูลได้บริษัทนั้นทุกครั้ง ส.ส. ประเภทนี้เราคงจะเลือกหรือไม่"
คืนนั้นหลังจาก 19 นาฬิกาไปแล้ว สมชายและคณะได้แบ่งสายหัวคะแนนให้ไปพบประชาชนตามหมู่บ้าน ไปเยี่ยมถึงหัวบันได มีสมาชิกในครอบครัวกี่คนก็เรียกมาพบ พร้อมให้ชื่อ หมายเลขสำหรับการเลือกตั้งเข้าคูหา พร้อมเงิน 500 บาท พร้อมขอทะเบียนบ้านสำหรับเจ้าบ้าน สำหรับบุคคลอื่น ๆ ก็ขอบัตรโรงพยาบาลหรือใบขับขี่รถ (ได้ทุกประเภท) หรือบัตรทางราชการออกให้ได้ทุกอย่าง ไม่รับบัตรประชาชน เพราะต้องพาไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง คืนพรุ่งนี้จะมาอีกครั้ง เขาจะเอาบัตรต่าง ๆ มาคืนพร้อมเงินอีกครึ่งหนึ่งหลังจากที่ได้รับไปแล้วในคืนนี้" สมชายให้คณะหัวคะแนนของเขาเดินเยี่ยมเยือนทุกบ้าน ถ้าสมชายไม่ได้รับคัดเลือกหรือแพ้ ก็จะได้รับบัตรคืนและอาจจะไม่ได้รับเงินส่วนหนึ่งเพิ่มเติม หรือได้รับก็ไม่แน่นอน ต้องดูสถานการณ์
หลังจากยี่สิบนาฬิกาไปแล้ว อุเทน ทรมาน ได้ไปถึงบ้านต่าง ๆ หลังจากที่คณะของสมชายได้ผ่านไปแล้ว อุเทนแจกบัตรใบหนึ่งพร้อมหมายเลขเลือกตั้งให้คนละใบ ซึ่งมีความกว้างยาวขนาด กระดาษ เอ. 4 สำหรับเป็นความรู้ในวันเลือกตั้งพรุ่งนี้ พร้อมยกมือไหว้และคำกล่าวขอบคุณ แล้วจากไปบ้านถัดไปเรื่อย ๆ จนหมดทุกหลังคาเรือน
สำหรับข้อความในกระดาษมีดังนี้
นโยบายของพรรค สร้างคน สร้างชาติ บำรุงศาสน์ ปราชญ์แสนดี กิฬาเลิศ เทิดราชา
คำขวัญ "พัฒนาเพื่อประชาชน พัฒนาคนเพื่อช่วยชาติ ไม่มีทาสในสังคมมนุษย์ ใช้พุทธนำใจ เทิดไท้ราชัน"
จากการพัฒนาเทคโนโลยี และความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนทุกคนต้องเสาะแสวงหาความรู้ เสาะหางาน ทรัพยากรต่าง ๆ จึงทำให้ทุกคนสาละวนอยู่กับการทำงาน บางบ้านไม่มีบุตรอยู่ที่บ้าน ไปทำงานต่างจังหวัดเกือบทั้งหมด คนที่บุตรทำงานในจังหวัดของตน อยู่ใกล้บ้าน ก็เป็นลาภอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีคนอยู่บ้าน จึงเกิดมีปัญหาอีกมากมาย เช่น
1. ไม่มีคนรับจ้างเลี้ยงลูก
2. ไม่มีคนรับจ้างทำนา ทำสวน กรีดยาง ฯ
3. ไม่มีคนคอยดูแลบุพการี เช่นสมัยก่อน พอท่านอายุมาก ถูกลูกหลานทิ้งให้อยู่ตามลำพัง น่าสงสาร ครอบครัวขาดความอบอุ่น
จากปัญหาเหล่านี้จึงมีการประชุมวางนโยบายของพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนดังนี้
1. รัฐรับเลี้ยงดูแลเด็กเอง จากงบประมาณแผ่นดิน จ้างคนทำงานอีกมากมาย
2. เลี้ยงดูคนชราหรือผู้สูงอายุ จัดบริการทุกอย่าง เรื่องที่อยู่หลับนอน อาหาร การออกกำลังกาย บำบัดสุขภาพจิต ให้ความเพลิดเพลิน และให้ทำงานช่วยเหลือสังคมด้วย
3. จัดพาหนะบริการในการเดินทาง การขนส่งทั่วประเทศ แม้แต่การเดินทางระหว่างตำบล กับตำบล ประชาชนไม่ต้องมีรถใช้เอง มีลูกจ้างของรัฐเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
4. ทุกอาชีพ จัดให้เป็นงานของรัฐทั้งหมด ทำงานหน้าเดียว ไม่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น ครู ทำงานในโรงเรียนไม่เปิดสอนพิเศษ ถ้าครูคนใดสอนพิเศษก็ไม่ต้องเข้าทำงานในสถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน หรือหมอ ซึ่งมีเงินเดือนแพง ให้เลือกทำงานหน้าเดียว ถ้าเปิดคลินิกแล้วไม่ควรจะทำงานที่สถานที่โรงพยาบาล เป็นหมอหรือพยาบาลโรงพยาบาลรัฐก็ไม่ควรเปิดคลินิก สรุปแล้วรัฐรับรักษาคนป่วยทั้งหมด นักกีฬาทุกประเภทจัดตำแหน่งให้ มีเงินเดือนเช่นเดียวกับข้าราชการแผนก อื่น ๆ จะได้ส่งเสริมกันอย่างเต็มที่ อสม. อพปร. ก็มีเงินเดือนจากภาครัฐ หรือท้องถิ่น ดีกว่าใช้งบประมาณให้นักการเมืองปล้นหรือโกงไปไม่ว่าจะเป็นนโยบายใดก็ตาม
ชาวนา ชาวสวนก็มีเงินเดือนทำงานเพื่อเลี้ยงคนทั้งประเทศ ถ้ามีส่วนที่เหลือจะนำส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทุกอาชีพคือคนของรัฐ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนสำหรับข่าวสารและภาพยนตร์รัฐจัดการทั้งหมด
นักการเมืองผู้อาสาเข้ามาบริหารเพื่อช่วยเหลือประเทศและประชาชน มีเงินเดือน มีเงินรับรอง มีค่าโดยสาร มีค่าที่พัก แล้ว ไม่สมควรที่จะมีค่านายหน้า หรือ คอมมิสชั้นจากโครงการงานต่าง ๆ เพราะเป็นการปล้นชาติโดยตรง แต่ปล้นอย่างถูกกฎหมาย รัฐสภารับรองว่าจะได้รับ 3 % 5% หรือ 10% หรือ 20% หรือ 30 % ถ้าอาสาจะเข้าไปช่วยชาติจริง และมีความจริงใจควรยกเลิก กฎหมายหรือพระราชบัญญัติสิ่งเหล่านี้เสีย ประชาชนจึงจะคิดว่าผู้นั้น หรือรัฐบาลชุดนั้นทำงานเพื่อประชาชนจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ทำไมต้องเก็บจากผู้บริโภค ทำไมไม่เก็บจากผู้สร้างผลผลิตและมีกำไร ผู้บริโภคมีกำไรอะไร มีของกินบางอย่าง ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบเช่นของกิน มีสารพิษเจือบน ผู้บริโภคไม่รู้ เจ้าหน้าที่หรือรัฐบาลต้องช่วยเหลือประชาชน ผู้บริโภคตายผ่อนส่งแล้วยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 % ผู้ลงทุนไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ได้แต่กำไร นี่ก็น่าจะเป็นกฎหมายเอื้อประโยชน์แก่นายทุนดี ๆ นี้เอง หรือเป็นการปล้นประชาชน
การรักษาพยาบาลรัฐให้บริการทุกคนทุกระดับ ทุกวัย ค่าน้ำ ค่าไฟ และสาธารณูปโภคต่างให้บริหารฟรีทั้งหมด ทุกคนทั่วประเทศได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ต้องจ่ายเงิน มีแต่รัฐทีนำผลผลิตจำหน่ายต่างประเทศ ได้นำมาเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสื่อต่าง ๆ ก็เป็นของรัฐ รัฐจัดการหมด
ประชาชนมีส่วนช่วยกันประกอบอาชีพ ช่วยกันใช้ จึงจะได้ชื่อว่าทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปจำหน่ายต่างประเทศ ทุกอาชีพเพื่อส่วนรวมเพื่อประชาชน
วันเลือกตั้งมาถึง เวลาประมาณ 20 นาฬิกาของวันนั้น ผลปรากฏว่า คะแนนของอุเทนนำคะแนนของสมชายเยอะมาก ๆ วันต่อมา ก.ก.ต.ก็รับรองผลการเลือกตั้ง เพราะไม่มีการคัดค้านจากกลุ่มชนใด
......................
เมื่อวันที่ : 28 พ.ค. 2558, 04.15 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...