![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
...ผมได้พบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะพบในสถานที่แห่งนี้ เธอพยายามช่วยเหลือเราในฐานะเจ้าของบ้าน หนุ่มกรุงเทพฯ กับผมเป็นแขกต่างถิ่น เธอได้รับการสั่งสมส่ิงท่ีดีไว้...
ณ หาดลำปำ เป็นพื้นที่ขนาบกับลำคลองลงไปจนเกือบสุดหาดทรายสู่ทะเลสาบสงขลาเป็นถนนปูพื้นซีเมนต์ มีเกาะกลางถนนยาวเป็นกิโลเมตรขนานกลับคลอง ด้านตะวันออกของถนนเป็นหาดทรายขาวสะดุดตาสะอาดเหมือนลาดปูด้วยเพชรงามระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงจะวัน ณ ลานจอดรถ ละเป็นที่หลับรถ เข้ามาทางซ้ายมือเป็นรูปปั้นของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวราชการที่5 ทุกต้นสนมีกล้วยไม้ขนาบรอบต้นมีดอกช่อไสวแสวยงามร่มรื่นสบายตาชวนให้มาแวะพักผ่อนสนุกสนาน กลางลานเป็นศาลาเล็ก ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส เป็นที่ว่างรูปของหนังตะลุงศาลาอยู่ห่างกันพอประมาณ ตามจำนวนรูปหนังตะลุง เช่น ตัวพระ ตัวนาง พระอิศวรขี่โค หนุมาณ ฤๅษี และรูปตัวตลก เช่น หนูนุ้ย เท่ง พูนแก้ว ทางขวามือ ระหว่างถนนกับลำคองเป็นที่ตั้งของรูปปั้น มโนรา ตัวพระ ตัวนาง และตัวพรานเลยไปอีกนิดหนึ่งเป็นวงเวียนให้รถที่ผ่านเข้าไปเวียนเป็นรูปของปลาโลมาหัวบากเด่นสง่าเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดของเรา เลยไปเป็นทะเลสาบ มีสะพานยื่นไปในทะเลถึงตำหนับที่เสด็จพระชั่วคราวของพระเทพรัตนราชสุดาครั้งเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในจังหวัดนี้ เด่นสง่าเหมือนวิมานลอยอยู่กลางอากาศเหนือฟากฟ่้าทะเลกว้างเสียงครื่นสาดกระทบฝั่งดังอยู่เป็นระยะผสมกับเสียงใบสนโอดครวญด้วยความโหยหายล้อเลียนกับเวลาที่ผ่านไปโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อยอ่อนหล้าวันแล้ววันเล่า ไม่มีวันพักผ่อน
มีนกนางแอ่นบินโฉบไปโฉบมาแห่งกันหาอาหารทั้งเป็นคู่ เป็นกลุ่มฝูง
วันนี้เมฆตั้งเค้ามาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือดำทมึนทั่วท้องฟ้า แสดงว่าฝนกำลังจะตกพร้อมด้วยลมพัดหวนสนโยกไปไหวมาโอนเอนพร้อมเสียงลมเสียงใบสนโอดครวญ
"แม่ค้าครับ ยังมีรถโดยสารไปพัทลุงอีกไหมครับ" ชายขาวโปร่งวัย 25 แต่งกายด้วยกางเกงสีเทาเสื้อสีชมพูด้วยสำเนียงภาษากลาง
"ปกติ มีค่ะ เวลา 17 นาฬิกาของทุกวันเป็นรถเที่ยวสุดท้าย ถึงเวลาจะมีรถเข้ามาเวียนเพื่อรับผู้โดยสารก่อนจะออกไปพัทลุง แต่วันนี้ ไม่แน่ใจว่าจะมีรถออกหรือไม่เพราะฝนกำลังครึ้มมืดเต็มท้องฟ้ามาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ" แม่ค้า
"คุณจะไปไหนหรือ" แม่ค้าสาวกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับเพื่อน ๆ เป็นวงกลมบนทางเท้าใต้ต้นไม้ใหญ่ใบดกซึ่งอยู่ชิดติดกับฝั่งคลอง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับที่แม่ค้าจำหน่ายของ ถามด้วยความห่วงใย
"ผมจะเดินทางโดยรถๆฟไปกรุงเทพฯ เที่ยว 18.15 นาฬิกา" หนุ่ม กทม.
"ผมก็จะไปตลาดด้วยมีรถโดยสารอีกไหมครับ" ชายสูงวัยเพิ่งมาใหม่
"ลุงจะไปไหนหรือ"แม่ค้าสาวถามขณะกำลังรับประทานอาหาร
"ไปเมืองลุงจ๊ะลูก" ชายสูงวัย
"หนุ่มคนนี้ต้องการเข้าไปพัทลุงเพื่อกลับกรุงเทพฯให้ทันรถไฟกระบวนที่ซื้อตั๋วไว้แล้ว" แม่ค้าสาวบอกลุงพร้อมชี้นิ้วมายังชายหนุ่ม
"รถจักรยานยนต์รับจ้างมีไหมหนู" ชายสูงวัย
"ปกติ ก็มีเหมือนกัน ฝนเธอโทร.ไปติดต่อให้หน่อยก็ได้" แม่ค้าวัยกลางคนขอร้องให้ช่วย
"หนุ่มบ้านอยู่พัทลุงหรือ" แม่ค้าอีกคนหนึ่งถาม
"ผมมางานแต่งของเพื่อนที่อำเภอป่าพะยอม สองวันแล้ว" หนุ่มร่างดีจาก กทม.ตอบ
"ซื้อตั๋วโดยสารแล้วหรือยัง" ฝนก็สนใจด้วย
"ซื้อแล้วครับ"
"หนูโทร.ไปแล้วค่ะ ไม่มีคนรับสาย เลยไม่ทราบว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ปกติจะมีรถรับจ้างทุกวัน แต่วันนี้อากาศไม่คอยจะดี" ฝนช่วยบริการประสานให้อย่างใจดี
"ปกติรถโดยสารจะหมดเวลาเท่าไร" ชายสูงวัย
"วันก่อน ๆ เวลา 17.00 นาฬิกา จะมีรถสองแถวโดยสารมารับคนที่นี้เป็นประจำ วันนี้ไม่ทราบเป็นอย่างไรยังไม่เห็นมา" ฝนแม่ค้าคนสวยผมยาว เสียงจริงจังและจริงใจ
ณ ที่นี้เป็นหาดแสนสุขหาดลำปำ สถานที่ที่กำลังสนทนากันอยู่นี้เป็นลานกลับรถและจอดรถของเทศบาลเมืองพัทลุง จัดไว้บริการประชาชนทั่วไปมาเที่ยวตากอากาศ ชมทิวทัศน์ สวยงาม ฝั่งทางซ้ายจดหาดทรายและทะเลสาบสงขลา ซีกขวาติดกับคลองลำปำ ซึ่งเป็นที่รวมของกระแสน้ำจากเทือกเขาบรรทัดระหว่างพัทลุงกับตรัง ไหลผ่านมาจากอำเภอ กงหรา อำเภอศรีนครินทร์ และอำเภอเมืองพัทลุง อีกฝั่งหนึ่งของคลองเป็นเกาะที่อากาศร่มรื่นมีสะพานข้ามไปมาสะดวก ปัจจุบันเป็นตลอดน้ำบนเกาะซึ่งมีชาวพื้นเมืองและนักท่องเทียวมาพักผ่อนซื้อจ่ายกันเป็นจำนวนมาก
ตรงที่พวกเราคุยกันอยู่เป็นท่าเรือ มีสายน้ำแยกไปทางขวาทำให้พื้นดินที่เหลือเป็นเกาะสวยงามดังที่กล่าวมาแล้ว ในพื้นที่ประมาณ 15 ไร่
"อย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อแก้ปัญหาให้คนต่างถิ่นและผู้สูงวัยในคราวเดียวกัน หนูจะไปส่งทั้งสองคนที่พัทลุงเอง จะไปไหมจะ" ฝนกล่าวแสดงขอความเห็นจากบุคคลทั้งสองให้เป็นผู้ตัดสินใจ
"ไป"
"ไป"
ฝนนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ของเธอแบบทันสมัย 100 ซี.ซี พร้อมสตาร์ทเครื่องรถด้วยมือ
"เชิญผู้สูงวัยนั่งก่อน หนุ่มค่อยซ้อนหลัง" ฝนทำงานคล่องรวดเร็ว ตัดสินใจเร็ว องอาจคล้ายผู้ชาย
ชายสูงวัย ทำอาการลังเลอยู่ ไม่กล้าตัดสินใจ
"ไม่เป็นไรหรอกลุง ที่นี้เขาไม่ถือกัน การซ้อนรถในภาวะรีบเร่งอย่างนี้" แม่ค้าวัยกลางคน
ชายสูงวัยนั่งคร่อมรถชิดในสุดเพื่อให้อีกคนได้นั่งไปด้วย แต่พยายามที่จะไม่ให้แนบชิดกับคนขับรถ รักษาระดับไว้ตลอดทาง แม้บางครั้งต้องเบรกรถ แต่ชายสูงวัยก็พยายามใช้เท้ายันที่วางเท้าไว้ไม่ให้เผลอตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร
รถวิ่งมาได้ทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนถึงสะพานนิดหนึ่ง อยู่ตรงระหว่างหน้าวัดกับหน้าโรงเรียนฝนตกลงมาแต่ไม่มากนัก แต่คนขับเริ่มเปียกนิด ๆ คงจะเป็นห่วงผู้โดยสาร จึงเลี้ยวแวะเข้าจอดที่ร้านขายขนมฝั่งหน้าวัดวิหารเบิก
เมื่อรถจอดสนิทฝนก็ตกหนักมาก เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ซึ่งนาฬิกาบอกเวลา 17.20 นาฬิกา
เมื่อฝนซา ยังมีเม็ดปริบ ๆ ฝนโซเฟอร์สาวเก่งก็สตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์คู่ชีพ มีชายสูงวัยและหนุ่มโปร่งชาวกรุงเทพฯเป็นผู้โดยสารเช่นเดิม
รถวิ่งมาเกือบสองกิโลเมตร ล้อรถกระทบพื้นดัง ทึง ทึง ฝนจอดรถแล้วก้มลงมาดูยางรถล้อหลัง ปรากฏว่ายางแฟบเสียแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลา 17.25 นาฬิกา
"แบนแบ้นแบน! เราจะไปกันอย่างไรละ" ฝนอุทานกับตนเอง ด้วยเสียงดัง
"มีร้านปะยางรถไหมเธอ ในบริเวณนี้" หนุ่มชาวกรุง
"มีค่ะ เลยจากนี้ไปประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า ๆ" ฝนยอดนักขับที่ทรหดอดทน
"จำเป็นต้องจูง ถ้าแบกได้ก็จะแบก" ฝนผู้น่าสงสาร
เธอลงจากรถดับเครื่องยนต์ เริ่มลงมือจูง เพราะมันแฟบล้อหลังจึงจูงได้ยากกว่าล้อหน้า และต้องใช้แรงจูงมากกว่าล้อหน้า ขณะนี้เวลา 17.30 นาฬิกา
ฝนจูงรถมาประมาณ 200 เมตร ถึงร้านช่างซ่อมประยางรถทุกชนิด มีอุปกรณ์ดี จากท้องฟ้ามืดครึ้มกลายเป็นฝนตกลงมาพร้อมด้วยพายุและความปั่นป่วนของท้องฟ้า
ฝนจูงรถวิ่งเข้าในร้านซ่อมรถ ศีรษะของเธอเริ่มเป็นรอยเปียกฝน ผู้สูงวัยและหนุ่มชาวกรุงก็วิ่งตามมาจนเปียกบ้างแล้ว เขาจึงตามเข้าในร้านช่างซ่อมจักรยานยนต์ ฝนตกหนักลงมาทันที พร้อมลมแรงเศษใบไม้ฟุ้งตะลบเป็นเวลา ขณะนั้น 17.42 นาฬิกา
"นายช่างอยู่ไหม" เจ้าของจักรยานยนต์
"นายช่างไม่อยู่ค่ะ" ภรรยานายช่างยืนอยู่กับลูกสาวเล็ก ๆ สองคน
"ไปไหนหรือ" ผู้สูงวัย
"ออกไปธุระเดี่ยว ๆ ก็กลับ หนูจะโทร. บอกให้นายช่างได้ทราบ เขาจะได้รีบกลับมา
เร็ว ๆ" ภรรยานายช่าง
"พี่ ธุระเสร็จแล้วหรือยัง คุณฝนนำรถมาปะยางที่ร้านรีบหน่อยนะ เพราะผู้โดยสารของเธอจะต้องรีบไปให้ทันรถไฟเข้ากรุงเทพ ฯ เย็นนี้ ฟังว่าเขาซื้อตั๋วรถไฟ รถไฟออก 18.15 นาฬิกา"
"นายช่างจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คงจะติดฝนอยู่ เหมือนพวกคุณในขณะนี้" ภรรยานายช่าง
"นายช่างอยู่ไกลจากที่นี้มากไหม" ชายสูงวัย
"ไม่ไกลหรอกค่ะ ประมาณ 4 -- 5 กิโลเมตรได้" เจ้าของบ้าน
ฝนตกประมาณ 10 นาทีก็ซาเม็ด ท้องฟ้าเริ่มโปรงใส ทางด้านตะวันตกที่พายุพัดหอบเอาเมฆฝนไปนั้น เมฆยังลอยเป็นก้อนดำทะมึนเป็นแถบยาวเกือบตลอดขอบฟ้าในระดับต่ำ
17.40 นาฬิกา หนุ่มกรุงเทพฯมีอาการกระวนกระวาย มองดูนาฬิกาบ่อย ๆ
ฝนเองก็รู้สึกหนาวสั่นด้วยเสื่อผ้าด้านหน้าเปียกกว่าทุกคน เพราะเธอเป็นคนแรกที่สัมผัสกับเม็ดฝนและป้องกันมิให้คนข้างหลังเปียกมากนัก
17.50 นาฬิกา นายช่างก็มาถึง มือข้างซ้ายเลือดเปื้อนแดง จับรถได้ด้วยมือข้างขวา เสื้อผ้าเปื้อนโคลนแถบข้างซ้าย นายช่างจอดรถเข้าที่
"ทำไมจึงมีเลือดติดมาอย่างนี้" ภรรยาเจ้าของบ้าน
"เพราะรีบจะมาช่วยน้องฝน ลุงและน้อง จึงขี่มาด้วยความเร็วพอสมควร ถนนดินแดงทางมันลื่น รถลื่นไถลออกนอกทางตกถนนทางด้านซ้าย ไม่ทราบว่าโดนอะไร เห็นมีเลือดที่มือซ้าย มีแผลนิดหน่อยและเจ็บปวดด้วย คงต้องไปโรงพยาบาลในตำบล หรือไปโรงพยาบาลในตัวเมือง" นายช่าง
"ผมจะช่วยคุณได้อย่างไร" นายช่าง
"ผมต้องไปให้ทันรถไฟออก 18.15 นาฬิกา" หนุ่มกรุงเทพฯ
"ผมเจ็บมือคุณก็เห็นอยู่" นายช่าง
"โทร. เรียกเพื่อนของคุณมาช่วยเขาได้ไหม" ภรรยานายช่าง
"ได้ครับ"
"ฉันจะโทร.ให้เดียวนี้"
"ไม่ต้องหรอกเธอ" นายช่าง
"ทำไมหรือ"
"น้องสาว เอารถที่ร้านไปก่อน พี่ซ่อมไว้เสร็จแล้ว ไปส่งคุณลุงและน้องเขาก่อน ทางนี้พี่จะแก้ปัญหาไว้ให้" นายช่าง
"จะได้หรือพี่ พี่ต้องช่วยรถน้องด้วยนะ" ฝน
"ไม่เป็นไรหรอกน้อง เราคนบ้านเดียวกัน พี่ไม่รู้จักน้องส่วนตัว แต่เห็นน้องขี่รถอยู่บ่อย ๆ"นายช่าง
"ได้จ๊ะพี่ ขอบคุณพี่มาก ๆ" ฝน
เวลา 17.55 นาฬิกา
จากนี้ไประยะทาง 5 -- 6 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งประมาณ 10 นาที
นายช่างยื่นกุญแจรถรุ่น 110 ซี.ซี. ให้ฝน เธอรับพร้อมไหว้ขอบคุณนายช่าง
ฝนถอยรถมาจอดหน้าร้าน เธอนั่งบนรถพร้อมติดเครื่องรถด้วยมือเสียงนิ่ม ๆ
"เชิญทั้งสองท่านครับ"นายช่าง
"เชิญค่ะ" ฝน
"ขอบใจมากนายช่างและหลานสาวที่ช่วยเหลือ" ชายสูงวัย
"ขอบคุณมาก" หนุ่มกรุงกล่าวพร้อมกับยกมือไว้นายช่างและภรรยา
รถวิ่งมาประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า ฝนก็เริ่มตกลงมาประปรายพร้อมพายุเบา ๆ ฝนไม่ยอมหยุดรถเพื่อหลบฝน ทั้งที่ตนเองเสื้อผ้าส่วนหน้าเปียกกว่าคนทั้งสอง
ฝนเร่งความเร็วรถด้วยความระมัดระวัง เธอขับแซงรถกระบะและรถจักรยานยนต์มาหลายคัน นับว่าเป็นโชคดีที่ฝนยังตกไม่หนัก
เวลา 18.10 นาฬิกา ฝนขับรถมาถึงสี่แยกที่ถนนรถไฟตัดกับถนนรถยนต์ ขณะนี้รถยนต์กำลังจอดเป็นแถวรอรถไฟผ่าน เพราะมีเครื่องหมายและที่กั้นปิดมิให้รถยนต์ผ่านขณะรถไฟผ่านตัดถนนรถยนต์ ด้วยรถจักรยานยนต์มีพื้นที่การใช้ถนนน้อยกว่ารถ 4 ล้อ 6 ล้อ ฝนจึงสามารถแซงผ่านขึ้นมาเกือบถึงทางรถไฟ
ประมาณ 1 นาทีรถไฟผ่านมาถึงที่กั้นบนถนนและผ่านไปจนกว่าจะเปิดทางให้ผ่านประมาณ 1 นาที รถไฟผ่านไปจอดที่สถานี 3 นาที
หนึ่งนาทีผ่านไปรถของฝนสามารถข้ามทางรถไฟได้ เมื่อข้ามทางรถไฟเมื่อก่อนสามารถเลี้ยวเข้าถนนที่ยาวไปตามขอบเขตของสถานีรถไฟ ปัจจุบันทางส่วนนี้เป็นทางเดินรถทางเดียว ห้ามเลี้ยวเข้าไป
ฝนจึงต้องขับเลยไป 1 ช่องถนน แต่ไปไม่ถึง เพราะฝนทราบทางลัดได้ดี จึงเลี้ยวเข้าในตลาดตอนเย็นหลังสถานีรถไฟ ขอทางผู้คนไปประมาณ 20 เมตร เลี้ยวขึ้นถนนสายติดกับสถานีเรียบไปจนถึงถนนรถยนต์ที่เขาห้ามเข้า พอขึ้นถนนได้ ก็ขับไปประมาณ 15 เมตรถึงประตูทางเข้าชาญชลาสถานีด้านหลัง อยู่ตรงกับที่รถไฟจอดอยู่พอดี ฝนจอดรถเทียบกับฝากั้นติดกับช่องประตู ขณะนั้นเวลา 18.15 นาฬิกา
ฝนตกโปรย ๆ หนุ่มจากกรุงเทพฯ ลงจากรถ ล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละ 100 บาทให้ฝน
นายสถานีกำลังโบกสัญญาณธงสีเขียว หลังจากมีสัญญาณระฆัง
"พี่เก็บไว้เถอะ รีบไปขึ้นรถเถอะจะไม่ทันรถกลับบ้าน" ฝนพูดเสียงเครื่อ ๆ เพราะความหนาวสั่น
"เอาไปเถอะ น้องซื้อน้ำมันมาแพง และเธอ มิได้มาเปล่า ๆ " หนุ่มกรุง
"พี่รีบไปขึ้นรถเถอะ เอากลับไป แล้วค่อยมาเที่ยวใหม่นะ โชคดีนะพี่"
รถไฟกำลังเลื่อนกระบวนออกจากที่ ที่ละเล็กที่ละน้อย เสียงเครื่องจักรดังรัวขึ้น
นายสถานีกำลังโบกธง พร้อมหันมามองหนุ่มกรุงเทพฯ
"ขอบใจมาก" หนุ่มกรุงเทพฯ เริ่มออกวิ่งไปหารถไฟซึ่งอยู่ห่างเพียง 5 - 6 เมตร รถเริ่มเร็วขึ้น หนุ่มกรุงเทพฯ เร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่ จับบันไดรถได้ นายสถานีก็หยุดโบกธง
เวลา 18.16 นาฬิกา
หนุ่มกรุงเทพฯ หันมาโบกมืออำลา พร้อมโปรยยิ้ม ฝน ลุง ต่างโบกมือลาเช่นกัน
ฝนและลุงต่างยืนดูรถไฟจากไปจนสุดราง
"ลุงจะไปลงที่ไหน"
"ลงที่ป้ายรถไปกงหรา" ชายสูงวัย "ถ้าไม่มีรถแล้ว ลุงก็จะไปท่ามิหรำเพื่อต่อรถหาดใหญ่ตรังไปครึ่งทาง
"ฝน ลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้เถอะ ต่อไปนี้ลุงจะจัดการกับชีวิตของลุงเอง เธอเปียกปอนเกือบทั่วตัวคงจะหนาวมาก และเธอจะได้กลับไปรับรถคืนด้วย"
"ไม่เป็นไรหรอกลุง ฝนจะไปส่งลุงก่อน"
ผู้สูงวัยได้วักธนบัตรราคาใบละ 100 บาทจำนวน 2 ใบออกมา ส่งให้ฝน ราคาปกติ 30 บาทเท่านั้น พร้อมกับพูดว่า
"รับไปเถอะลูก ลุงขอบใจเธอมากที่ช่วย นี่ลุงให้ในราคาสองคนนะ คือลุงกับหนุ่มกรุงเทพ ฯ เธอก็ต้องประกอบอาชีพ รับไปเถอะนะ"
"ไม่เป็นไรหรอกลุง ลุงเก็บไว้ เราคนบ้านเดียวกัน ต้องช่วยกันยามทุกข์ยาก ยามวิกฤติเช่นวันนี้"
"ไม่ได้หรอกฝน ลูกได้สละเวลาอันมีค่ามหาศาลและเงินทองซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายน้ำมัน ค่าประยาง ค่าสึกหรอต่าง ๆ"
"ลุงเก็บไว้เถอะ"
"ลุงได้เห็นน้ำใจอันแสนดี และประเสริฐของหนูในวันนี้ ซึ่งลุงคิดไม่ถึงเลยว่า น้ำใจอันดีอย่างนี้จะหลงเหลืออยู่ในสังคมไทยให้ได้พบเห็นอีก สำหรับลุงภูมิใจ มาก แต่หนุ่มกรุงเทพฯ เขาจะคิดอย่างไร
"ลุงอย่าคิดมาก หนูอยากช่วยลุงก็เป็นความดีเยอะแล้วนะลุง"
"ลูกเปียกปอนอย่างนี้ ถ้าเธอเจ็บป่วยลง ลุงก็เป็นห่วงนะหนู"
"ป่วยก็ไปหาหมอซิลุง"
"นี่ฝน ไม่ได้นะลูก ลุงตั้งใจที่จะช่วยเหลือหนู อยากช่วยเหลือหนูเป็นการตอบแทน โปรดรับเงินไปเถอะ แค่ 2 ใบไม่มากหรือ หรือว่าน้อยเกินไป" ลุงจึงเปลี่ยนเป็นใบละ 500 บาท
"ลุงเก็บไว้เถอะหนูจะกลับแล้ว" พร้อมติดเครื่องรถด้วยมือ
"ไม่ได้หรอกลูก อย่าเพิ่งไป ดับเครื่องก่อนลูก ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
"มีอะไรอีกละลุง"
"ลุงจะให้ลูกสาวบริการเปล่า ๆ ไม่ได้ เพราะลูกจะต้องประสบกับความยากลำบากมาเยอะแยะ ทั้งค่าซ่อมรถ ค่าน้ำมัน ค่าเหนื่อย ค่าจากความทรหดอดทน เมื่อร่างกายเปียกปอนเพราะโดนฝนตลอดทางและขอความกรุณาฝากความขอบใจถึงนายช่างและภรรยาด้วย"
"ขอร้องเถอะลุง หนูตั้งใจจริงแต่เริ่มบริการแล้วว่า เที่ยวนี้ฉันจะทำความดี จะไม่รับเงินของใคร"
"ลูกต้องรับเงินลุง จะทำให้ลุงมีความสุขเพราะลุงได้ช่วยเหลือเพื่อนในสังคมแล้ว"
"ลุงกรุณาอย่าพูดหลายเรื่อง หนูตั้งใจแล้วว่าจะไม่รับค่าบริการเที่ยวนี้ โปรดเอาคืนไปเถอะนะลุง"
"ทำไมหรือลูก"
"หนูตั้งใจช่วยลุง และหนุ่มตั้งแต่แรกแล้ว ในฐานะเจ้าของบ้าน"
"หนูไม่รับเงินของลุงจริงหรือ"
"จริง ๆ จ๊ะลุง ด้วยความตั้งใจจริงตั้งแต่ตอนเริ่มลงมือช่วยลุงและหนุ่มแล้ว"
"ลูกไม่รับเงินของลุงก็ได้ แต่ลูกจะต้องให้สัญญากับลุงข้อหนึ่งได้ไหม"
"อะไรหรือลุงว่ามา หนูหนาวจนสั่นแล้ว ถ้ารับได้หนูก็จะรับ ถ้ารับไม่ได้หนูก็ปฏิเสธทันที"
"คืออย่างนี้นะ ลูกสาวฟังแล้วอย่าตกใจนะ ลองพิจารณา หลาย ๆ ครั้ง"
"อะไรของลุงหรือ"
"ลูกสาวแต่งงานแล้วหรือยัง"
"ยังคะ มันเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานด้วยหรือ"
"คืออย่างนี้ ลุงจะมาสู่ขอลูกสาวให้กับลูกชายของลุง ซึ่งทำงานเป็นตำรวจยศนายร้อยอยู่ในจังหวัดนี้เช่นกัน"
"เป็นอย่างนั้นเชี่ยวหรือลุง" ฝนตาลุกวาวเป็นประกายแก้มชมพูระเรื่อ ทั้งที่ยืนหนาวสั่นคางกระทบกัน
"ลุงจะพาลูกชายมาให้เธอรู้จัก ถ้าเธอไม่ชอบก็สามารถปฏิเสธได้ ไม่ว่ากัน ถ้าเธอจะใช้เวลาเพื่อการศึกษาซึ่งกันและกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของเธอ แต่ตอนนี้ขอให้เธอรับปากไว้ก่อนนะ"
"ค่ะ"
"นี่..ลูกสาวหรือลูกสะใภ้ในอนาคต กรุณารับเงินค่าปะยางรถไปด้วย" ลุงยืนให้เป็นซองยาวหนาพอประมาณ
"ค่ะ" ฝนรับแล้วยกมือไหว้ "ฝนจะรับไว้ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
"อย่างนั้นซิ ลูกสาว น่ารักมาก ลุงขอเบอรโทร.ของลูกไว้ด้วย นี่เบอร์โทร. ของลุงและลูกชาย เผื่อมีธุระจะได้ติดต่อประสานงานกันง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น"
"ติดเครื่องรถลูก..ลูกไม่ต้องไปส่งลุงที่ท่ารถ หรือ ที่ท่ามิหรำหรอก ขอให้ลูกรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าหนาวมากกว่านี้ ลุงอาจจะขาดทุนก็ได้"
เมื่อวันที่ : 30 เม.ย. 2558, 17.07 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...