![]() |
![]() |
เปิดฟ้า ก้องหล้า![]() |
วันนี้จ่าทูนอยู่เวรยามกับจ่าเขียว เพื่อคอยดูแลพิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศนี้ ซึ่งขัดแย้งกับพวกนายทุนและผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง อีกพวกต่างตะแบงว่าตนเป็นเจ้าของประเทศ แค่นี้ไม่ใช้ปัญหาในขณะนี้
"ว. อินทรี 32 ทราบ เปลี่ยน"
"ทราบแล้วเปลี่ยน"
"มีสินค้ามากับรถตู้ใหญ่ขนาด เอ เปลี่ยนด้วย"
"ทราบแล้วเปลี่ยน นี่เราจะช่วยเขาได้อย่างไร"
"ครบทีม " "ทราบแล้วเปลี่ยน"
ขณะนั้นมีรถสิบล้อโตโยต้า เข้ามาจอดหน้าป้อมยาม
" วันนี้บรรทุกสินค้าอะไร"
"แต่งและผลไม้"
" ขอชมหน่อย เดี่ยวจะได้นำไปฝากคนท้องสักผลสองผล"
"อย่าเลย ซื้อเอาใกล้ ๆ ก็ได้"
" ถ้าไม่ให้ดู ลงจากรถเดี๋ยวนี้ " พร้อมเล็งปืนไปข้างหน้าใกล้ ๆกับรถ"
"ได้จ้า ....ไปเปิดให้นายดูหน่อย" โซเฟอรสั่งคนรถของตน
เมื่อเปิดประตูแง้มออก
"ช่วยด้วยจ้า......." คนใดคนหนึ่งในรถตะโกนขึ้น
"เปิดเร็ว ๆ ประตูก็เปิดกว้างออก พร้อมเสียงเรียกของคนในรถกลุ่มหนึ่ง" ในรถทั้งผู้หญิงและผู้ชายฟังไม่ค่อยได้ศัพท์
"เงียบได้แล้ว ลงมา พร้อมกับยกมือขึ้นเหนือศีรษะ"
ตำรวจก็มาร่วมกันหมด จำนวน 5 คน และตำรวจคนหนึ่งได้วิทยุขอทำสำเนาเพิ่มเติมจากหน่วยสูง
ทั้งผู้หญิงและชายกำลังทยอยลงมา ซึ่งขณะนั้นผู้ขับรถและคนในรถซึ่งถูกควบคุมไว้แล้ว"
"กรุณายกมือทั้งสองวางบนศีรษะและเดินไปรวมกลุ่มใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างป้อมได้เลย"
สาวต่างชาติและสาวไทยได้ลงจากรถ ใช้มือทั้งสองข้างประสานกันวางบนศีรษะเดินตามหลังไปเป็นแถว บางคนหันมายิ้มกับจ่าทูนและจ่าเขียว ยักคิ้วแปลบ ๆ"
"จ่าสบายดีหรือ" หญิงไทยถาม
จ่าเขียวได้แต่ยิ้ม มิได้พูดใด
"จ่าช่วยหนูด้วย หนูถูกหลอกมาขายตัวให้พวกต่างชาติ จ่าช่วยหนูด้วย"
"จ่า มีการแจ้งขอหาที่เรา ที่ควรทราบ และนำไปปฏิบัติได้แล้ว"
"ไม่เห็นโทรมาสักคนเลย จะแจ้งความได้อย่างไร"
"นั่น แหละผู้หญิงคนตะกี้นะ"
จ่าเขียวได้บังคับผู้หญิงเหล่านั้นไปรวมกันในที่บริเวณลานกว้างเป็นกลุ่มเดียว จ่าทูนได้ช่วยแยกผู้หญิงออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นชาวไทย อีกกลุ่มหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ
จ่าเขียวจึงได้แยกผู้หญิงที่เป็นชาวต่างชาติออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มเข้าเมืองถูกกฎหมาย กลับกลุ่มไม่มีหนังสือเดินทางถูกต้องตามกฎหมาย
จ่าทูนจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
เพียงไม่กี่นาทีเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนและฝ่ายข่าวก็ไปถึง
จ่าเขียว และจ่าทูนเข้าไปรายงานว่า ตนได้ตรวจรถคันนั้น ซึ่งเจอว่าผลไม้ที่บรรทุกรถมา แฝงเร้นด้วยแรงงานผู้หญิงที่ถูกนำออกไปต่างประเทศ จากการสอบสวนได้ความจากผู้ต้องหาว่า
มีนายหน้าหางานได้ไปติดต่อกับญาติเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เพราะการเงินดี จะได้เหลือเงินมาก ๆ สามารถส่งกลับไปให้พ่อและแม่ได้จ่ายมากมายกว่าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีรายได้ดีพอสมควร
ขณะนั้นฝนตกลงมา มีพายุพัดอย่างแรง ทำให้ต้นไม้ล้มหัก บ้านพัง หลังคาปลิวว่อน ทั้งกระเบื้องและสังกะสีตกลงมาบนบ้าน ทำให้หลังคาที่ยังไม่พัง ก็พลอยพังไปด้วย
จ่าทูนกับจ่าเขียวก็ต้องหาทางป้องกันตนเอง และผู้ต้องหาด้วย ในขณะที่กิ่งไม้ตกลงใกล้ ๆ จ่าทูนและจ่าเขียว
"พวกเราหลบเร็ว ตัวใครตัวมัน" หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ผู้หญิงเหล่านั้นวิ่งกระจายไปคนละทิศละทาง ตำรวจสอบสวนที่อยู่ในอาคารต้องตะลึง และวิ่งออกมาไล่ แต่.......
"ไม่ต้องตาม ให้ฝนหายก่อนค่อยจับ ไปไหนไม่รอดเสื้อผ้าเปียก"
"ฝนแล้ง ตำรวจก็เริ่มออกตามหาผู้ต้องหาที่เป็นหญิงสาวที่ถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ แต่ผู้ที่เป็นผู้ต้องหาหลอกคนไปขายนั้น ยังอยู่ในกรงขัง มิได้หลบหนีหายไป
ตำรวจโทร. แจ้งไปยังป้อมปลายทางที่ชายแดนให้สังเกตและจับตาดู แต่ส่วนมากหนีกลับเข้าสู่ตัวเมือง ตำรวจมิได้ตามไป มีบางคนที่หนีไปแอบพบกับคนของนายทุน เมื่อรวมพรรคพวกแล้วได้ประมาณ 7 คน คณะคนจัดหางานได้พาสาวเหล่านั้นหนีออกไปทางด่านอีกด้านหนึ่ง หลุดรอดไปต่างประเทศได้
กลุ่มหนึ่งไม่อยากหนี อยากเอาเงินกลับจากนายหน้า ไม่ต้องการไปทำงานต่างประเทศแล้ว ทุกคนในกลุ่มนี้จึ่งด่าว่า ผู้จัดหางานและจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไว้ กันไว้ มิให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น
ขณะ นั้นจ่าทูนได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเข้าไปทำงานโดยกลุ่มคนงานคณะเดียวกันถูกหลอกให้ไปทำงาน ขณะนี้ได้หนีออกมาได้ เพราะแขกชาวต่างประเทศนั้นได้ให้การช่วยเหลือดูแล ญาติกำลังจะเข้ามาดูแล และให้การช่วยเหลือ กำลังจะเข้ามาฝั่งไทยให้ส่งคนและตำรวจไทยไปรับด้วย
จ่าทูนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทราบและแจ้งความไปยังตำรวจท้องถิ่นของประเทศนั้นทำการช่วยเหลือ
ตำรวจไทยข้ามฝั่งชายแดนไทยเข้าไปสมทบกับตำรวจท้องถิ่นของประเทศนั้น แล้วเข้าทำการล้อมจับ และค้นตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ปรากฏว่า เจ้าของบ้านเช่าได้เผ่นหนีไปพร้อมๆ กันคนละทิศคนละทาง แต่ตำรวจได้คอยอยู่ทุกจุดที่ผ่านทางแล้ว จึงได้ทำการจับกุมและนำส่งสอบสวน
ตำรวจที่เข้าไปในบ้านเช่าก็สามารถจับสาวขายบริการได้ 20 กว่าคน ในจำนวนนั้นมีหญิงไทยอยู่ด้วย 5 คน
"ฉันถูกหลอกไปไปขายด้วยเจ้าของกิจการจัดหาคนงานส่งต่างประเทศ ชื่อ............และชื่อ..........ได้คิดค่านายหน้าในการบริการไปครั้งนี้ สี่แสนกว่า หนูต้องขายโน้นขายนี่จนกว่าจะได้ และบางส่วนได้ขอยืมไปจากเพื่อน ๆ จึงต้องรับผิดชอบในเงินส่วนนี้
ขณะที่ตำรวจไทยได้ออกกวาดจับผู้ที่หลบหนีไป ขณะที่ฝนตกกลับได้มาเกือบหมด จึงนำมารวมกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้นำหญิงที่ช่วยมาได้ จากบ้านเช่านำกลับประเทศไทยได้มาเจอกับผู้หญิงที่กำลังถูกควบคุมอยู่หลายคน ยังสอบสวนไม่เสร็จ ยังไม่ได้สรุปสำนวน รอคอยเวลาจะปล่อยกลับบ้าน
"น้อง ๆ จะไปไหนกัน ทำไมจึงมาอยู่ที่นี้" สาวไทยจากต่างประเทศถาม
"เรากำลังจะเดินทางไปต่างประ เทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ เราหนีไปพร้อมกับสายฝน แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับมาอีกหลังจากฝนหยุดตก"
"นายหน้าว่าจ้างงานเขาอยู่ที่ไหน น้อง ๆ ได้สอบถามไปยังผู้จัดหางานของกระทรวงการต่างประเทศแล้วหรือยัง ได้รับการรับรองว่าบริษัทหางานจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่"
"ยังคะ"
"นายหน้าเป็นใครที่ไหน รู้จักหน้าไหม เชื่อได้หรือไม่ ว่าจะไม่โดนหลอกลวงเหมือนพี่ ๆ เหล่านี้"
"มีการหลอกแรงงานไปต่างประเทศด้วยหรือ พวกน้อง ๆ กำลังดีใจ ที่จะได้ไปทำงานต่างประเทศ เขาบอกว่าการเงินดี จะได้ร่ำรวยเร็ว ๆ พ่อแม่จะได้อยู่สุขสบายเสียที"
"นายหน้าที่น้องติดต่อชื่ออะไร อยู่ที่ไหน"
"อยู่โน้น พวกเธอบอกพร้อมชี้มือไปในทางกรงขังบนรถ 6 ล้อ ที่จอดอยู่ถัดไปอีกนิดหนึ่ง"
สาวที่มากับตำรวจจากต่างประเทศหันไปพร้อม ๆ กัน พร้อมกับชี้หน้าด่าทันที
" พวกเปรตนี้ แหละมันหลอกพวกพี่ ๆ ไป มันเอาไปปล่อยให้อดอยาก ยึดหนังสือเดินทางและบังคับให้พวกเราขายบริการ เราจะต้องฆ่ามัน เจ็บใจนัก " หญิงเหล่านั้นก็วิ่งไปที่รถกรงขัง พวกเธอพยายามหาอะไรทุบตีได้ก็ทุบตี มีอะไรแหย่ได้ก็แหย่เข้าไป พร้อมส่งเสียงด่าฟังไม่ได้ศัพท์
"แย่แล้ว พวกเรา พวกเราถูกหลอกอีกแล้วหรือนี่ " คนหนึ่งอุทานขึ้นและอีกหลายเสียงอุทานขึ้นมาทำนองเดียวกัน พร้อม ๆ กับเสียงแช่งด่า
ตำรวจจึงกันสาว ๆ ที่รับมาจากต่างประเทศออกไปจากกรงขังบนรถ 6 ล้อ
"ใจ เย็น ๆ เถอะครับ " เขาลอบถอนใจ " เราไปแจ้งความกันดีกว่าที่สถานีตำรวจ จับพวกมันยัดคุก เรียกว่าเสียหาย ค่าเวลา ค่าทำขวัญคืนไม่ดีกว่าหรือ คงจะดีกว่าทุบตีว่าด่าอยู่อย่างนี้"
" สะใจคะ ถ้าได้ทำร้ายมันบ้าง จะได้หายแค้นให้สาสมกับที่มันทำกับพวกหนู ๆ ซึ่งมากกว่านี้"
ทุกคนรับแบบฟอร์มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมลงชื่อ ชื่อสกุลที่อยู่ อาชีพ ชื่อบิดามารดาและแจ้งความจำนง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงโทษ นายอะไร นางอะไร ร่วมกี่คน ด้วยสาเหตุใด และผู้แจ้งความได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง ทั้งด้านทรัพย์สิน ร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนชื่อเสียงเกียรติยศ เมื่อกรอกข้อความเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่รวบรวมส่งผู้กำกับการฯ จะได้ทำเรื่องเสนออัยการและศาลต่อไปให้ดำเนินการตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้หญิงที่กลับมาจากต่างประเทศทุกคนแล้วก็ให้กลับบ้าน
ก่อนจะกลับบ้าน ผู้หญิงที่กลับมาจากต่างประเทศได้ไปพบปะกับกลุ่มน้องที่กำลังจะเดินไปต่างประเทศให้รีบกลับบ้าน ก่อนที่จะเสียหายมากเกินไป เช่น พวกพี่ ๆ แลให้แจ้งความพวกนายหน้าหาคนทำงานต่างประเทศในฐานะกลอกลวงไว้ก่อนทุกคน
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบสวนผู้หญิงที่กำลังจะไปต่างประเทศว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน มีใครชักชวนไป เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร จะไปทำงานอะไร ที่เมืองอะไร ใครเป็นคนรับผิดชอบ การจัดสวัสดิการช่วยเหลือเป็นอย่างไร มีใครเป็นหัวหน้ากลุ่ม จะติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ไหน ติดต่อใครได้บ้าง เบอรโทรว่า อะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตำรวจจะต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสะดวกในการยื่นฟ้องจำเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อสอบปากคำ ผู้หญิงคนคนที่หนีออกมาได้และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจผสมไทยกับต่างประ เทศสามารถจับแก่งคนร้ายและทลายซ่องโสเภณีนั้นได้
มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและฝ่ายต่างประเทศ เมื่อต้องการหลักฐานพยานในการยื่นฟ้อง โดยมีรัฐบาลเป็นโจทก์ฟ้องคนจัดหางานเหล่านั้น
ตำรวจต่างประเทศได้ให้ประกาศเกียรติบัตรขอบคุณและมอบเงินเป็นจำนวนคนละ 2 แสนบาท (เทียบจากเงินต่างประเทศ) ทั้งสองคน สำหรับผู้อื่น ได้รับคนละ ห้าหมื่น เป็นขวัญกำลังใจและเป็นทุนในการประกอบอาชีพครั้งใหม่
ตำรวจไทยก็บอกแก่เธอว่าจะเสนอเรื่องไปยังรัฐบาลและให้ทำการช่วยเหลือเป็นขวัญและกำลังใจ ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นสามารถให้ความกระจ่างแก่รุ่นน้องที่กำลังจะออกไปหางานทำต่างประเทศ ได้ทราบข้อเท็จจริงและไม่โดนหลอก ต้มตุ๋นจนเปื่อย เจ้าหน้าที่จะได้ป้องกันปราบปรามร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทุกคนที่จะไปทำงานต่างประเทศจะต้องติดต่อสอบถามกระทรวงต่างประเทศเสียก่อน เพื่อความแน่ใจ และไม่ประมาท ดังที่พระพุทธองค์ไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ ให้เชื่อเหตุ เชื่อผล เหตุและผลย่อมสัมพันธ์กัน
น้อยซึ่งเป็นสาวที่หนีจากซ่องนรกมาได้และได้ขอความช่วยเหลือตำรวจให้เข้าช่วยเหลือสาวไทยอีกจำนวนหนึ่งและจับกุมทะลายซ่องนรกนั้นได้ เธอได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
" ผู้จัดหาแรงงานไปต่างประเทศนั้น เป็นญาติของตนมาก่อน ได้ออกจากบ้านไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ หลายปีแล้ว ปีปลายนี้เขากลับไปเยี่ยมบ้าน มีรถตู้ มีเครื่องใช้ดี ๆ เขาจ่ายช่วยเหลือญาติพี่น้องด้วยเงินจำนวนหนึ่ง ไม่อั้น จนเป็นที่ชอบพอรักใครของญาติ เป็นที่ไว้เนื้อเชื้อใจของญาติ และ คนสนิทสนมกันมาก ๆ ยิ่งขึ้น
น้อยจึงตัดสิ้นในไปต่างประเทศกับเขา และได้ชำนำขายของไปหลายรายการ เพื่อแลกเปลี่ยนกับความสุขความสบายในภายหน้าของตนและครอบครัว
เมื่อไปถึงต่างประเทศ เขาขอหนังสือเดินทางไว้ เขาบอกว่าฉันจะต้องหาเงินเป็นค่าไถถอนตัวเอง เพราะถูกนายหน้าทำการขายพวกเราและนำค่าบริการต่าง ๆไป ซึ่งถ้าหนูอยากจะมีอิสระก็ต้องหาเงินจ่ายให้เขา พร้อมดอกเบี้ย เมื่อครบแล้วก็จะเป็นอิสระ
พวกแมงดา ใช้วิธีการบังคับข่มขืนหลาย ๆ ครั้ง สร้างความเจ็บปวดแก่หนูมาก ที่ปวดเจ็บกว่านั้น คือโดนญาติหลอกหลอนเงินไปและนำหนูไปขายให้นำเงินไถ่ถอนตัวเองอีกด้วย
พวกนั้นให้ขายตัวพวกเราโดยติดต่อแขกมา เมื่อไม่ยินยอมจะถูกซ้อมถูกทำร้ายและต้องรักษาตัวฟักฟื้นกันหลาย ๆ วัน เราจึงต้องจำยอม
ผ่านมาเกือบครึ่งปี
คืนหนึ่งหนุ่มคนหนึ่ง เขาแต่งกายแบบชาวบ้านธรรมดาไปขอใช้บริการชั่วคราวของยามค่อนดึกนี้ เขาหันหน้ามาที่หนู เรายิ้มกัน เขายืนมองหนูอยู่ครู่หนึ่ง และชี้ไปที่หนู" คนนี้แหละ"
ประตูตู้กระจกถูกเปิดออก หนูได้ถูกยินยอมให้ออกมาพบเขาแล้ว เราก็พากันไปในห้องส่วนตัวของหนู
เรามีอัชฌาศัยตรงกันพูดคุยกันรู้เรื่อง ได้ไถ่ถามความเป็นมา ต้น ๆ หนูก็เล่าไปตามความเป็นจริง เขาเห็นใจหนูมาก
"ผมจะพยายามช่วยคุณให้กลับบ้าน แต่โอกาสจะมีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดวงของคุณแล้วละ" หนุ่มพยายามให้กำลังใจ
คืนนั้นเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย เพียงแต่ลูบไล้บ้าง หอมแก้มบ้างเป็นบางครั้ง แต่ดวงใจของเรานั้นมันดื่มด่ำลึกสุดขั้วอันเกิดจากความจริงใจที่เป็นจริง
"หมดเวลาแล้ว" เจ้าหน้าที่สถานบริการเตือน
เรากอดกันแน่น ๆ เหมือนจะไม่อยากจากกัน
"ลาก่อน ขอให้คอยด้วยความหวัง ขอให้โชคดี"
"ลาก่อน สวัสดีจ้ะ ขอให้คุณโชคดี เช่นกัน"
วันต่อมา ฉันป่วย เจ้าหน้าที่นำหนูไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นเวลา 2 -- 3 วัน วันนั้นมีโอกาสเผลอหนูได้แอบหนีออกมาและขอเสื้อผ้าของผู้หญิงคนหนึ่งด้วยราคาแพง ที่เธอมาเฝ้าคนป่วย เปลี่ยนชุดแล้ว หนูออกมาจากโรงพยาบาล
ไม่รู้จะไปไหนดี จะเริ่มต้นอย่างไร คิดไม่ออก สมองตื้อหมด จึงเดินไปเรื่อย ๆ
ชายหนุ่มคนที่ไปหาคืนก่อนขี่รถผ่านมาพอดี ได้นำหนูไปที่สถานีตำรวจในท้องถิ่น ซึ่งไกลออกไป และใกล้จะชายแดน เขาพาหนูขึ้นบนสถานีตำรวจ หนูแปลกใจมากที่เขาสามารถนำหนูเข้าไปพบผู้กำกับได้อย่างง่ายดาย
เขาทำวันทยหัตถ์ผู้กำกับการ และผู้กำกับการทำความเคารพตอบ
"เป็นมาอย่างไรหมวด จึงได้ถึงที่นี้"
"เรื่องมันยาวครับ จะเล่าให้ฟัง เมื่อมีโอกาส แต่ผมพาเธอออกมาจากซ่องนรก ท่านผู้กับต้องช่วยเธอด้วยนะครับ ผมฝากละครับ"
"หมวดนำเธอมาจากไหนหรือ"
"ผมนำเธอมาจากช่องที่บ้าน....เลขที่....หมู่ที่....อำเภอ...จังหวัด....ประเทศ........ ของท่าน"
"สภาพภายในเป็นอย่างไรบ้าง มีคนควบคุมมากน้อยเท่าไร มีกี่ชั้นควบคุม"
"มีเจ้าหน้าที่ 20 คน ผู้บริหารชื่อ .....มีทางเข้าและออกคือ.........."
"เขาอธิบายให้ผู้กำกับการฯทราบทุกอย่าง หลังจากนั้น เขาก็พาหนูข้ามมาฝั่งไทย เขาฝากหนูไว้กับญาติของเขา และกลับไปดำเนินการกวาดล้าง และมาพร้อมกับตำรวจที่นำผู้หญิงที่ออกมาจากซ่องนรกเหล่านั้นทั้งสาวไทยและสาวต่างประเทศ
ผู้กำกับการฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในพิธีรดน้ำสังข์อวยพรบ่าวสาวและเลี้ยงฉลองพร้อมอวยพรให้มีความสุข ให้มีลูกหลานเต็มบ้าน และมีรักยืนยาว...ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร"
"ขอบคุณครับ ขอบคุณคะ ท่านผู้กำกับการฯ "
............................
เมื่อวันที่ : 25 เม.ย. 2558, 15.44 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...