...ไม่มีเสียงนกร้องตอนเช้า ไม่มีเสียงจักจั่นตอนเย็นและเสียงกบ เขียดและอึ่งอ่างที่เคยร้องตามริมลำห้วยเมื่อฝนจะตกก็พลอยเงียบไปหมด......
....เย็นแล้ว ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาอยู่เหนือสันดอยสูงท่ามกลางหมอกแดดยามเย็นที่ย้อมให้มันเป็นลูกกลมสีหมากสุก อากาศเริ่มเย็นลง โบสถ์เล็กของวัดร้างเก่าแก่ที่อยู่ติดกับเชิงดอยตะคุมครี้มอยู่ในดงต้นยางนาใหญ่หลายต้นที่ขึ้นอยู่รอบๆ แซมด้วยตะเคียน ยางเหียง มะเดื่อ ก่อ มะขามป้อมและไผ่ป่า

โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ เล่ากันเป็นตำนานว่าสร้างขึ้นครั้งพุทธกาลหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ที่ดอยนี้ ตัวโบสถ์นั้นเก่าจนปูนขาวที่ฉาบผนังโบสถ์ภายนอกหลุดล่อนออกไปหมด เหลือแต่อิฐที่ก่อเป็นผนัง โครงหลังคาไม้หักพังลงมากองอยู่บนพื้นโบสถ์ กระเบื้องหลังคา ดินขอเก่าหักกระจายอยู่ทั่วไป บานหน้าต่างและบานประตูส่วนใหญ่ผุพังหลุดไปเกือบหมด แต่พระประธานองค์ใหญ่ที่ก่ออิฐฉาบปูนยังอยู่ในสภาพค่อนข้างดี จะมีปูนฉาบหลุดล่อนออกจนเห็นเนื้ออิฐข้างในบ้างก็เพียงบางแห่งเท่านั้น แสงแดดที่ส่องลอดทะลุหลังคาลงมาต้ององค์พระประธานช่วยปรุงแสงให้กับตะไคร่มอสขึ้นจับองค์พระเขียวครึ้ม โบสถ์เป็นสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของวัดร้าง ขอบพัทธสีมาของวัดนี้อยู่ตรงไหนไม่ปรากฏชัด ! และไม่มีใครสนใจจะตรวจสอบ

ครั้งหนึ่งมีพระรูปหนึ่งมาปักกลดธุดงค์อยู่ใต้ต้นยางใหญ่ในวัด หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนอ้างว่ามีเสือโคร่งเข้ามาเดินอยู่แถวสวนส้มของเขาที่อยู่ใกล้ๆวัด พวกเขาเชื่อกันว่ามันเป็น "เสือเย็น" ! เสือที่เกิดจากอาคมของพระธุดงค์รูปนั้น ตกค่ำไม่ค่อยมีคนกล้าออกจากบ้าน !

ข้างบริเวณวัดด้านใต้เป็นลำห้วยเล็กๆที่ไหลจากดอยไปรวมกับ "ขุนปิง" ซึ่งเป็นธารน้ำต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง ฝั่งตะวันออกของลำห้วยนี้เป็นบ้านคน อีกฝั่งที่อยู่ติดกับดอยเป็นสวนส้มและสวนลิ้นจี่ที่ชาวบ้านบุกเบิกป่าปลูกไว้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ บางที่ก็เป็นไร่งาที่ปลูกแซมกับส้มหรือลิ้นจี่ที่ยังเล็กอยู่ บางแห่งก็ปล่อยให้หญ้าเวียงวายขึ้นแซมสูงท่วมหัวเพราะถางออกไม่ทัน ดินที่นี่เป็นป่าเปิดใหม่ หน้าดินลึกเป็นสีดำ ดินดี น้ำดี อากาศเย็น เป็นที่ต้องการของชาวสวนส้มและสวนลิ้นจี่ยิ่งนัก ชาวบ้านพากันแผ้วถางป่าทำเป็นสวนก่อนที่มันจะถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาเว้นไว้เฉพาะในวัดร้างและบริเวณรอบๆ ให้เป็นเขตอภัยทานสำหรับนก หนู กระรอกและสัตว์ป่าเล็กๆได้อาศัยอยู่

อาทิตย์ลับเหลี่ยมดอยลงไปแล้ว คงทิ้งแสงสีบานเย็นไว้แทนตัวแดงฉานอยู่ทางทิศตะวันตกของดอย จักจั่นที่เกาะอยู่บนต้นไม้รอบๆโบสถ์พากันกรีดปีกส่งเสียงดังเซงแซ่ไปทั่วบริเวณ นกกระปูดร้องมาจากดงบัวตองริมลำห้วย.... นอกจากนี้ไม่มีเสียงอื่นใดอีก เหยี่ยวคู่หนึ่งที่มาทำรังบนยอดยางต้นใหญ่กลับมานอนที่รังกับลูกที่ฟักเป็นตัวแล้วสามตัว ยางอีกต้นหนึ่งมีผึ้งหลวงทำรังอยู่หลายรัง ไม่มีใครปีนขึ้นเอาน้ำผึ้ง ด้วยมันเป็นเขตอภัยทาน...

ทันใดก็มีเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง !... แล้วก็อีกหลายนัดตามมา เสียงคนโฮ่เกรียวกราว เสียงปืนสะท้อนก้องกลับไปกลับมาอยู่ในหุบดอย ... จักจั่นที่กรีดปีกส่งเสียงอยู่พากันหยุดทันที ชาวบ้านออกมาซุ่มยิงเลียงผาหนุ่มตัวหนึ่ง มันหนีไฟป่าที่ถูกคนจุดเผาลงมาจากดอยเมื่อเดือนที่แล้ว มันกลับขึ้นไปบนดอยไม่ถูกเลยอาศัยอยู่บริเวณดงไม้ทึบในวัดร้าง กลางวันก็หลบเข้าไปนอนในโบสถ์ แทนถ้ำที่มันเคยอาศัยนอนเมื่ออยู่บนดอย ตกค่ำก็ออกหากินอยู่แถวนั้น จนลูกไม้ป่าที่หล่นอยู่รอบๆโบสถ์และต้นไม้ใบหญ้าหมด มันก็ออกไปหากินหญ้าระบัดที่เพิ่งจะงอกในสวนส้มและสวนลิ้นจี่และตามริมทางเดินนอกบริเวณวัด บางวันด้วยความหิวมันก็กล้าออกไปกินข้าวนาปรังที่กำลังออกรวงในนาริม ลำห้วยที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน มันออกไปแต่เช้าตรู่หรือไม่ก็ตอนใกล้ค่ำ ยอมเผยโฉมตัวเองให้ชาวบ้านเห็น

พวกเขายิงมันไม่ถูก ! มันเผ่นแผลวหลบลัดเลาะต้นส้มและดงหญ้าเวียงวายกลับมาถึงวัดร้างได้ เข้าไปหลบอยู่ในโบสถ์หลังน้อย ยืนนิ่งตัวสั่นกลัวอยู่หลังองค์พระประธาน และไม่ออกไปไหนอีกสองวัน ชาวบ้านที่ออกล่าไม่ตามเข้าไปในวัด ใจหนึ่งกลัวบาป อีกใจหนึ่งคิดว่ามันไม่อยู่ในนั้น นี่เป็นอีกครั้งที่เลียงผาหนุ่มรอดชีวิตมาได้ วันนี้ไม่ใช่วันแรกที่มันถูกดักยิง !

สองปีที่ผ่านมานี้กระเทียมราคาแพงที่สุดในรอบหลายสิบปี ชาวบ้านที่ปลูกงาแซมระหว่างต้นส้มหรือต้นลิ้นจี่พากันถางต้นงาออก ทั้งงาขาวและงาดำพวกเขาเอากระเทียมลงแทน ทำฝายกั้นน้ำทดน้ำในลำห้วยน้อยขึ้นมาใส่ไร่กระเทียม และสวนผลไม้เป็นการใหญ่

นอกจากกระเทียมแล้ว ปีนี้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ขยับราคาขึ้นไปอีก มีประกันราคารับซื้อด้วย เนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ไม่พอแล้ว ชาวบ้านพากันขึ้นไปบนดอย ด้วยมีด พร้า ขวาน จอบ พวกเขาช่วยกันตัด ฟันและขุดตอไม้ที่ไหม้ไม่หมดออกมากองรวมกันกับต้นข้าวโพดแห้งเมื่อปีก่อน แล้วจุดไฟเผาอีกทีให้เป็นเถ้าถ่านให้หมด เอารถไถขึ้นมาไถกลบมันลงไปในดินอุดมสีดำ ไถแปร แล้วชักร่อง ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่นายทุนนำเมล็ดพันธุ์มาขายให้ เดือนเดียวป่าที่ถูกเผาไว้ก็กลายเป็นไร่ข้าวโพดกว้างอยู่บนลาดดอย ป่าผลัดใบและป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ก็กลายเป็นไร่ข้าวโพดกว้างใหญ่ไพศาล ครั้นฝนต้นฤดูโปรยลงมาสองครั้ง เมล็ดข้าวโพดที่หยอดไว้ก็งอกเป็นต้นเขียวขจีไปทั้งดอย แต่ป่าผลัดใบบนสันดอยยังถูกแผ้วถางออกไปเรื่อยๆจนถึงเขตป่าดิบชื้นที่อยู่สูงขึ้นไปเพื่อปลูกข้าวโพด จนเกือบไม่มีต้นไม้เหลือสักต้น ต้นไม้ใหญ่เช่นยาง ตะเคียนและก่อเมื่อโค่นลงแล้วจะมีคนมารับซื้อ เขาจะเอาเลื่อยยนต์มาให้ใช้ เลื่อยแปรรูปเป็นไม้กระดาน เศษกิ่งไม้เล็กๆที่ขายไม่ได้ก็จุดเผา... ควันไฟลอยคลุ้งไปทั่วทั้งอำเภอจนบดบังดวงอาทิตย์เสียทั้งวัน

ราคากระเทียมทะยานสูงขึ้นไปอีก! ดงไม้เล็กๆรอบบริเวณวัดร้างที่เป็นเขตอภัยทานก็ถูกบุกรุกเข้าไปตัดต้นไม้ออก เผา ปรับเป็นไร่กระเทียม บริเวณวัดจึงเป็นไร่กระเทียมแทนดงไม้ที่มืดครึ้ม เลียงผาหนุ่มถูกตามรอยจนเจอว่ามันหลบอยู่ในโบสถ์ตอนกลางวัน พวกเขาไม่กลัวบาปแล้ว เข้าไปไล่มันออกมาแล้วดักยิงจนตาย แล่เนื้อไปแบ่งกันกิน คนที่เป็นเจ้าของปืนนำซากโครงกระดูกพร้อมเขาขายให้คนรับซื้อสัตว์ป่า เอาไปเคี่ยวทำน้ำมันเลียงผาทาแก้ปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอกขายคนที่เชื่อ...

เหล่าแมลงที่เคยอาศัยป่าอยู่พากันบินเข้ามาในไร่และในสวนกัดกินใบข้าวโพด ใบกระเทียม ใบส้มและใบลิ้นจี่จนต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเป็นการใหญ่ รวมทั้งยาฆ่าโรคราน้ำค้างด้วย กลิ่นยาฆ่าแมลงคละคลุ้งปนไปกับกลิ่นควันไฟทั่วทั้งอำเภอ อากาศร้อนและแห้งแล้ง !

บริเวณวัดร้างและเชิงดอยที่เตียนโล่งรวมทั้งเรือกสวนทั้งหมด บัดนี้เงียบสงัด ไม่มีเสียงนกร้องตอนเช้า ไม่มีเสียงจักจั่นตอนเย็นและเสียงกบ เขียดและอึ่งอ่างที่เคยร้องตามริมลำห้วยเมื่อฝนจะตกก็พลอยเงียบไปหมด ไม่มีผึ้งที่เคยบินมาตอมดอกหญ้าเวียงวาย เหยี่ยวที่ทำรังบนยอดยางข้างวัดทิ้งรัง ทิ้งลูกน้อยไปเพราะทนควันไฟไม่ไหว

หลังจากฝนต้นฤดูโปรยลงมาสองครั้งแล้วมันก็เงียบหายไป ไม่มีฝนอีกเลย ข้าวโพดที่เพิ่งจะงอกเริ่มเหี่ยวเฉา ชาวบ้านต้องการฝนที่สุด บนลาดดอยไม่มีแหล่งน้ำสำหรับข้าวโพด ต้องรอฝนอย่างเดียว

ในที่สุด ข้าวโพดที่งอกได้คืบกว่าๆก็พากันแห้งตายไปหมด....ที่สวนกว้างเชิงดอยใกล้หมู่บ้าน ส้ม ลิ้นจี่และกระเทียมต้องการน้ำโดยเฉพาะกระเทียม ชาวบ้านพากันกั้นฝายเพิ่มขึ้น ทดเอาน้ำขึ้นไปใส่สวนจนน้ำทางท้ายฝายลดลง พาเอาน้ำในขุนปิงลดตามไปด้วย และในที่สุดลำห้วยนั้นก็แห้งหมดทั้งสาย อากาศร้อนขึ้นไปอีก ความแห้งแล้งแผ่ไปทั่ว ส้มในสวนที่ไม่มีน้ำมารดลูกเล็กฝ่อห้อยเหลืองอยู่คาต้น ลิ้นจี่พากันทิ้งลูกร่วงหล่นก่อนที่มันจะถูกเก็บขายได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีกระเทียมเท่านั้นที่กำลังถูกขุดขึ้นตากไว้ในไร่รอมัดเอามาแขวนผึ่งใต้ถุนบ้านรอขาย

...ชาวบ้านพากันทุกข์ระทมถึงผลผลิตที่เสียหาย ! หลายคนเริ่มเจ็บป่วย ส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ ! สถานีอานามัยที่อำเภอมีคนแน่น ทุกวัน ! คนในหมู่บ้านพากันสรวมผ้าปิดจมูกแม้ขณะกำลังขุดกระเทียม !

ตอนนี้พวกเขาต้องการแค่ฝนเท่านั้นที่จะมาช่วยชะล้างควันไฟป่า อย่างอื่นช่างมันเถิด แต่แม้จะย่างเข้าหน้าฝนแล้ว ฟ้าก็ยังใส แดดร้อนเปรี้ยง ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกอย่างปีก่อนๆ ลมที่พัดมาอ่อนๆร้อนวูบๆ น้ำในบ่อน้ำตื้นที่เคยใช้อาบกินแห้งลงไปตามน้ำในลำห้วย แม้แต่ธารขุนปิงก็ยังมีน้ำไหลรวยริน !

จนย่างเข้ากลางฤดูฝน อากาศที่เคยร้อนแห้งเปลี่ยนเป็นร้อนอบอ้าว ไอน้ำในอากาศมากขึ้น ฟ้าเริ่มมีเมฆครึ้มเป็นบางวัน มันคอยมีเมฆทวีขึ้น แล้ววันหนึ่งในกลางฤดูฝน ลมตะวันตกก็พัดแรง มันพาเอาเมฆดำมาด้วย แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทั่วไปในเขตดอย มันตกหนักไม่ลืมหูลืมตาอยู่สามวันสามคืนติดต่อกัน แล้วในคืนวันที่สาม...

น้ำบนลาดดอยก็ไหลทะลักลงมายังเชิงดอยที่เป็นสวน แล้วไหลเทลงสู่ลำห้วยน้อย ท่วมท้นทั้งสองฝั่ง มันชะเอาหน้าดินของไร่ข้าวโพดบนสันดอยลงมาด้วย ทั้งน้ำและดินโคลนถล่มทับลงมายังสวนส้ม สวนลิ้นจี่ข้างล่าง มันไหลต่อลงไป ทะลักเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านหลายหลังที่อยู่ริมลำห้วยใกล้เชิงดอยถูกดินโคลนทับพังพินาศ หลายคนติดอยู่ในซากบ้าน หลายคนถูกกระแสน้ำปนโคลนพัดถล่มพาไปรวมกันที่ลำห้วยสบกับธารขุนปิง ซากบ้านซากสัตว์ซากมัดกระเทียม ต้นส้มและต้นลิ้นจี่รวมทั้งซากศพคนสุมรวมกันอยู่ที่นั่น มันเป็นฝันสยองกลางฤดูฝนของหมู่บ้านที่นี่ !

เมื่อวันที่ : 30 มี.ค. 2555, 09.58 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...