![]() |
![]() |
เล็ก โยธา![]() |
...อรุณรุ่ง.....ทุ่งบัวตอง
ดวงอาทิตย์ ดอกไม้ และ ปืน...
อรุณรุ่ง.....ทุ่งบัวตองดวงอาทิตย์ ดอกไม้ และ ปืน...
" บ้าฉิบ.....ข้ามเขามาไม่กี่ลูก น้ำหมดซะแล้ว แล้วจะเอาน้ำทีไหน มาตบตูดเหล้าวะ ? "
" ใจเย็นเพื่อน เมื่อตะกี๊ข้าถามแม้วที่เดินผ่านสวนกัน ข้ามเขาไปอีก 2 ลูก อย่าว่าแต่น้ำเลย เจอหมู่บ้าน เดี๋ยวจะขอซื้อไก่แม้วมาย่างให้เพื่อนกินแกล้มเหล้า "
ภาคเรียนฤดูร้อนปี 1 ปี นั้น ผมจำได้ว่า เราโกหกทางบ้านว่าลงเรียน ซัมเมอร์ จะได้ไม่ต้องกลับบ้านไปช่วยงาน ก็อาศัยช่วงนี้แหละได้เที่ยวป่าเที่ยวเขาตามใจอยาก แต่การเที่ยวป่าของพวกเรา ค่อนข้างจะพิสดารหน่อย เหมือนกับ ครั้งนี้ เกิดจากความคิดไอ้ไก่ และไอ้อ้วน นักผจญภัย เทือกเขาในเชียงใหม่ มันบุกมาหมดแล้ว
" เฮ้ย...เพื่อนดูแผนที่นี่สิ เขาว่าถ้าเราเดินไปตามทางแม้วเดิน เราสามารถขึ้นดอยสุเทพ ลัดเลาะไปเรื่อย เราก็สามารถไปโผล่ที่แม่ริมได้ เผลอ ๆแม่งออกไปโน่นเลย.... แม่ฮ่องสอน ถ้ามีเวลา ก็ภูเขามันติดกัน เป็นเทือก เผลอ ๆ พวกเราอาจจะเจอ เงินที่โจรมันปล้นธนาคารที่ท่าแพ เห็นเขาว่ามันเอาไปฝังไว้บนภูเขา ไม่แน่นะโชคอาจจะเข้าข้างพวกเราก็ได้ " จุดเริ่มต้นจากประโยคนี้ของไอ้ไก่นี่แหละ ที่ทำให้เราต้องมาเดินตากแดดร้อนเปรี้ยงและอดน้ำกันอยู่อย่างนี้
พูดถึงไอ้ไก่ ตลอดเวลาที่ผมรู้จักมัน มันมีเอกลักขณ์ ประจำตัวก็คือ ใส่ชุดทหารและเดินกอดขวดกินเหล้าไปตลอด แม้กระทั่งเวลาสอบ มันก็เคยขออาจารย์เอาขวดเข้าห้องไปด้วย มันบอกว่าไม่เห็นขวดเหล้าแล้วคิดอะไรไม่ออก อาจารย์บอกว่า ถ้าคุณไม่เอาขวดเหล้าออก คุณได้ออกจากมหาลัยแน่ ! และถ้าคุณจะตามตัวมันล่ะ ไม่ยาก มีแค่ 2 แห่ง ที่จะเจอไอ้ไก่ คือ ที่ริมทะเลสาบอ่างแก้วในมหาลัย และประตูเหล็ก (ซ่องโสเภณี) ผมไม่เคยเจอมันที่คณะเลยทั้งที่เรียนคณะเดียวกันด้วยซ้ำ
ตกเย็น ตะวันกำลังลับขอบฟ้า ผมก่อไฟ และกางเต๊น หา ฟืนสำหรับผิงไฟยามดึก อยู่บนเขา ตอนแรกว่าจะลงไปหมู่บ้านด้วยกัน แต่มาติดปัญหา ที่ ผมเดินล้ม จนขาผมดันแพลง เป็นไอ้เป๋นี่สิ เห็นควันไฟหมู่บ้านตีนเขาแล้ว ผมว่าเดินขึ้นลงไปกลับ ไม่น้อยกว่า 10 กิโลเป็นแน่ ขาเป๋อย่างผมเก็บแรงไว้พรุ่งนี้จะดีกว่า
เกือบค่ำ.... เห็นไฟฉายส่งมาลิบ มันสั่นมาสั่นไปยังกับผีกระสือ .........อ๋อ ..ไอ้อ้วนเดิน หิ้วปีกไอ้ไก่ มาแต่ไกล ถามไถ่ ได้ความว่า ไอ้ไก่ เสือกไปกินเหล้าข้าวโพด มันคงคิดว่า เป็นเหล้าขาวบ้านเรามั๊ง คงแรงน่าดู นี่ระดับคอทองแดงอย่างไอ้ไก่ยังจอดเลย ผมเผลอทำหกราดกองไฟ ไฟลุกพรึบ ! ยังกับน้ำมันเบนซินอย่างไงอย่างนั้น คืนนั้น ผมกับไอ้อ้วนเลยนั่งทรมานกับลมหนาวกันสองคน คุยกันเรื่อยเปื่อย ได้ยิน เสียงมอเตอร์ไซค์วิบากเร่งเครื่องดังกึกก้อง เป็นระยะ ๆ
" ดึกดื่นแล้ว แม่ง ยังเสี้ยนขับรถไปประตูเหล็ก กันอีก" ไอ้อ้วนพูดยังกับเอาตัวมันเป็นที่ตั้ง ก็ไอ้อ้วนนี่แหละ สมัยเรียนด้วยกัน ที่ตี 1 มันมาเคาะประตู ชวนไปเป็นเพื่อนที่ประตูเหล็ก หน้าหนาวปีนั้นหนาวมาก จำได้ว่า ผมเอาผ้าห่มคลุมตัวนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ฝ่าความหนาว ร่างกายทุกส่วนแข็งเป็นน้ำแข็ง แต่ของที่อยากให้แข็งกลับ อ่อนปวกเปียกซะ นี่
เราเผลอหลับกัน ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ ผมมาสะดุ้งตื่น ตอนเกือบสว่าง และนอนไม่หลับอีกเลย เจ้าที่น่าจะแรงเหมือนมีคนคอยจ้องเราตลอดเวลา กลัวก็กลัวนะ แต่ไม่กล้าปลุกใคร กลัวเสียฟอร์ม และถูกกล่าวหาว่าเป็นมือใหม่
เช้าแล้ว.....ไอ้ไก่ เดินงัวเงียไปทำธุระ หลังกอไผ่ ห่างจากเต๊นพอควร สงสัยจะปวดท้องหนัก เราเลยไล่มันไปไกล ๆ เงียบไปพักใหญ่ ที่มันหายไป ตะโกนเรียกเท่าไรก้ไม่ตอบ จนผมกลับไอ้อ้วน ต้องเดินกันไปตามเพราะเป็นห่วง และภาพที่เราได้เห็น......ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้.................
ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นยามเช้า ภาพที่เห็นเป็นภาพย้อนแสง เป็นเงาดำ ๆ ผมเห็นกลุ่มคนนั่งในท่ากำลังเตรียมยิงปืน (แบบตอนเรียน รด. เลย ) รอบรอบเต๊นซ์ เรา เกือบ 30 กระบอกได้ มีพุ่มดอกบัวตองเป็นฉากหลังเป็นเงาไหวๆ ไอ้ไก่ วิ่งแจ้นมาพร้อมกับผลักเราล้มลงทั้ง3 คน ปากก็พูดว่า...... "เด็กมช.ครับ......เด็กมช.ครับ" มันพูดซ้ำ ๆ อย่างไร้สติ
ชายในชุดพรางประมาณ 10 กว่า วิ่งกรูมาทางเรา ด้วยภาษาตะโกนที่ดัง จนเราฟังไม่รู้เรื่อง ตอนแรกผมคิดว่า เราคงถูกโจมตีด้วยกองกำลังอะไรซักอย่าง หรือว่าเราหลงมาในเขตแดนพม่า ซักพักเสียง เสียงนกหวีดดังขึ้น พร้อมกับ ปลายกระบอกปืนที่ถูกกดทิ่มมาที่หัว งานนี้เห็นว่าจะไม่รอด.....เป็นแน่แท้
เราถูกพยุงตัว ขึ้นมา ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เห็นเขาเรียกว่าผู้กอง เดินมาสมทบ
" ตำรวจ จริงด้วยว่ะ เรารอดตายแล้ว"
"พวกลื้อเกือบตายด้วยตำรวจแหละไม่ว่า ไอ้ห่า ทำให้พวกอั๊ว เสียเวลา นั่งล้อมทั้งคืน ต้องไปเตะไอ้พ่อหลวงแม้ว เสือกรายงานไม่ดูตาม้าตาเรือ นี่ถ้าอั๊วไม่เป่านกหวีด พวกลื้อได้มีพวงหรีดคนละพวงแล้ว .....ว่าไง ? จ่าโชค งานนี้เหลวอีกแล้ว" เสียงผู้กองบ่น พร้อมกับส่ายหน้า
"ผู้กอง ไปโทษสายเรา ก็ไม่ได้ ก็พ่อหลวงรายงานมา รูปพรรณตรง ตามรูปพรรณพวกโจรปล้นธนาคารที่ท่าแพทุกอย่าง มี 3 คน , มีใส่ชุดทหารสะพายเป้คนนึง อีกคนก็ขาเป๋ ยังดีนะ ถ้าบุกกันเมื่อคืน ล่ะรอดยาก คงต้องขุดหลุมฝัง กันแถวนี้แหละ ขืนปล่อย เรื่องไปถึงนักข่าว ล่ะ ยุ่งตายชัก ........ แล้วผู้กองทำไมเป่านกหวีด แทนที่จะยิงให้สัญญานตามที่ตกลงกัน " จ่าโชค รายงานเสียงอ่อย
"ผมก็กะยิงก่อนแล้ว เครียดจะตายชัก คราวที่แล้วปะทะกัน เราเสียเพื่อนไป 2 นาย นี่ถ้าไม่สังเกตุว่า พวกโจรไม่มีใครใส่แว่นเลย และไอ้ทหารเกณฑ์ขี้เมาไม่ช่วยล่ะก้อ ตายฟรีกันแน่...." ผู้กองพูดเสร็จ ทุกคนก็พากันหัวเราะ ผมเองก็งง ไม่เห็นมีอะไรที่ตลกเลย คนเพิ่งรอดตาย มันตลกตรงไหน?
ขากลับค่อนข้างสบาย เพราะนั่งรถตำรวจมาโดยตลอดทาง จนลงที่ตลาดแม่ริม และต่อสองแถวเข้ามหาลัย ตลอดทางเราเจอด่านตำรวจเป็นระยะ ๆ รอบเทือกเขานั่นและ นี่เล่นปิดภูเขาจับตายกันเลยหรือไง !
เรื่องมันผ่านมาก็เกือบ 20 ปี แล้ว ผมเพิ่งมาไขปริศนาคำพูดผู้กองได้ตอนเลี้ยงรุ่นเมื่อปีที่แล้ว เรื่อง ไอ้อ้วนใส่แว่นไม่เหมือนพวกโจร ที่ทำให้เรารอดกันมาได้นะ ผมเข้าใจ แต่ไอ้ทหารเกณฑ์ที่ผู้กองพูดน่ะมันหมายถึงใคร หรือจะเป็นพวกแม้วที่นำทางตำรวจ ก็ไม่น่าใช่ เพิ่งมาเข้าใจผ่องแท้เมื่อตอนเจอไอ้ไก่ มัน เฉลยคำตอบ ที่คิดไม่ถึงจริง ๆ
" ข้ามีเรื่องจะสารภาพถึงเรื่อง ตอนที่ตำรวจล้อมจับเราบนเขานะ จริง ๆแล้วข้าไม่ได้ไปขี้หรอก ข้าแอบไปสำเร็จกิจช่วยตัวเองหลังกอไผ่ พูดแล้วยังอายไม่หายเลย กลางวงล้อมข้าศึก พวกตำรวจที่นั่งเตรียมเล็งยิงมาทางพวกเรา คงหัวเราะกันท้องแข็ง คลายเครียด จนมีสติ และ สังเกตได้ว่า ไม่มีโจรที่ใส่แว่น ข้าเอง ..... ทหารเกณฑ์ที่ผู้กองเขาพูดถึงล่ะ.....ก็บรรยากาศมันเป็นใจ...จริง ๆว่ะเพื่อน
.เราสามคนกอดคอหัวเราะกัน ดังกว่าที่คราวตำรวจหัวเราะกันเสียอีก นี่ต้องขอบคุณทหารเกณฑ์ไก่.....จริง ๆว่ะ ที่พาพวกเรารอดตายมาได้
เมื่อวันที่ : 28 ก.พ. 2554, 14.27 น.
ประทับใจมากครับ คุณเล็ก โยธา/มาจากวิศวะโยธาหรือเปล่าครับ คุณเล็กน่าจะเป็นรุ่นพี่ผมหรือเปล่าหนอ เพราะผมคุ้น ๆ เรื่องโจรปล้นธนาคารส่วนประตูเหล็กผมไม่รู้จักครับ รู้จักแต่กำแพงดินกับนางฟ้านะครับ
ผม Dew Geo รหัส 3504323 ครับ
ขำมากครับ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มีกลิ่นของดอกทองกวาวด้วยกัน เอามาเล่าใหม่นะครับ ผมอยากฟัง