![]() |
![]() |
ใบตอง![]() |
...MY WAY ตอน รักต้องห้าม เมื่อทางฝ่ายขายต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด น้ำมนต์ก็เห็น พิมพ์ลดา เอาใจใส่ในงานที่มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้...
MY WAYตอน รักต้องห้าม
เมื่อทางฝ่ายขายต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด น้ำมนต์ก็เห็น พิมพ์ลดา เอาใจใส่ในงานที่มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่เมื่อเวลาพักผ่อนพิมพ์ลดาก็ดูสดใสขึ้น เมื่อเธอได้ออกมาอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติ เธอเดินชมต้นไม้ใบหญ้าตามลำพังให้อาหารปลา อาหารนก ถึงเธอจะไม่ได้พูดหรือหัวเราะ แต่หน้าตาก็ดูแช่มชื่นขึ้น เหมือนต้นไม้ที่ได้น้ำค้าง เขายืนดูด้วยความสุข ทำไมนะแค่เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจึงนำความชุ่มชื่นมาสู่ชีวิตเขาขนาดนี้ เขาคิดไม่ออกว่าว่าจะทำยังไงดี ที่จะเก็บความแจ่มใสนี้ไว้ให้นานเท่านาน แค่คิดว่าเขาไม่สิทธิ์ ก็เหมือนมีภูเขาสูงใหญ่มาขวางข้างหน้าเสียแล้ว......
นพวัฒน์เมื่ออยู่บ้านเขาก็ไปดูที่โต๊ะหนังสือของพิมพ์ลดา เขาเห็น แผ่นพับของบ้านจัดสรร หลายแบบ หลายราคา และพิมพ์ลดาก็ทำรายการเปรียบเทียบราคาและความสะดวกในการเดินทาง และยังมีแบบรถที่ทำรายการเปรียบเทียบไว้เช่นกัน นี่คืออะไรกัน พิมพ์ลดาจะทิ้งเขาหรือ ? เขาจะไปปรึกษาใครดี พ่อตาหรือ? แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว
ตั้งแต่พิมพ์ลดาป่วยหนักคราวนั้นเขายังเข้าหน้าพ่อตา ไม่ติดเลย และเมื่อมาคิดดูอีกทีพิมพ์ลดาคง ไม่ไปปรึกษาพ่อหรอกเพราะถ้าเพียง พิมพ์ลดา เอ่ยว่าจะซื้อบ้านป่านนี้ พ่อตาเขาคงซื้อให้แล้ว โดยไม่ต้องเปรียบเทียบราคาด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่บ้านหรือรถเลย ถึงเป็นดาวอังคารก็เถอะถ้าพิมพ์ลดาอยากได้ พ่อตาเขาคงไปติดต่อองค์การนาซ่าให้แน่ ๆ
เขาคิดอย่างหงุดหงิดหรือจะเป็นแม่เขา ก็ไม่ได้อีกระยะหลังนี่แม่เขาก็ดูไม่พอใจพิมพ์ลดาเช่นกัน เดี๋ยวก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่อีก เพื่อนหรือก็ไม่ได้อีกเพื่อนเขามีแต่จะสมน้ำหน้ากันทั้งนั้น อ้อยังมีอีกหนึ่งคน
นพวัฒน์เข้าไปปรึกษาพี่ชายใหญ่ของเขาเป็นการส่วนตัวและขอให้เก็บเรื่องไว้เป็นความลับด้วย พี่ชายเขาจึงให้ข้อคิดมาว่า
"นพลองคิดอย่างไตร่ตรองซิว่ายังรักน้องพิมพ์อยู่หรือเปล่า อย่าคิดอย่างที่จะเอาชนะนะ เพราะเท่าที่พี่ดูแล้วน้องพิมพ์คงรับสภาพบ้านเราไม่ได้หรอก นี่เขาก็ทนมานานแล้วเขาคงไม่ทนไปตลอดชีวิตหรอก ถ้าคิดว่าไม่รักแล้ว และน้องพิมพ์มาขอหย่า ก็แสดงว่าน้องพิมพ์เค้าตัดสินใจแล้ว พี่ว่านพควรจะปล่อยให้เค้าเป็นอิสระไป แต่ถ้ายังรักอยู่ นพก็ควรจะขยับขยายหาบ้านที่สามารถให้เค้าอยู่ด้วยแล้วมีความสุขจะดีกว่า"
"แล้วทำไมสะใภ้คนอื่นไม่เป็นล่ะครับ อย่างเมียพี่ใหญ่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คุยกับแม่ถูกคอเสียอีก"
"คนเราไม่เหมือนกัน มาจากที่ต่างกัน แต่น้องพิมพ์ก็ทำงานก้าวหน้าดีใช่ไหมล่ะดูแลเอาใจใส่ลูกก็ดี เมียพี่กี่ปีก็ยังอยู่ที่เดิมก็เพราะคุยเก่งนี่ล่ะ และพี่ก็ไม่เคยไปบังคับให้เขาเป็นอย่างที่น้องพิมพ์เป็นเลย ได้แค่ไหนก็แค่นั้น"
"ครับผมเข้าใจแล้ว ผู้หญิงนี่ก็มีหลายแบบเหมือนกันนึกว่าเป็นแต่ผู้ชาย"
"เออ...ลองคิดดูแล้วกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมาแล้วกัน"
"ครับ ขอบคุณมากครับ"
ทางฝ่ายพิมพ์ลดาก็เช่นกันเมื่อมีเวลาว่างเพื่อนๆก็เอาเรื่องครอบครัวของเธอมาเป็นหัวข้อสนทนาวิจารณ์อย่างสนุกสนานเธอก็ได้ฟังอย่างนึกขำ เหมือนได้ฟังเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเธอ อย่างอุมาพรที่เป็นทั้งเพื่อนเธอและนพวัฒน์
"พิมพ์ แกลองแยกกันอยู่กับพี่นพสักพักก็ดีนะแก จะได้มีเวลาไตร่ตรองซึ่งกันและ กันถ้ายังต้องการกันอยู่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่ถ้าทนกันไม่ไหวก็แยกกันไปแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ดูแลกันอย่างห่างๆก็ดีนะ เป็นอิสระดีด้วย"
อีกคนคือสุชาติ คนนี้เชียร์ น้ำมนต์สุดลิ่ม
"ฉันว่าเลิกไปเลยดีกว่า น้องพิมพ์เก่งจะตายเรื่องอะไรต้องไปเสียเวลาให้กับคนที่เห็นคุณค่าของเรา มีคนที่ดีพร้อมเหมาะสมกับน้องพิมพ์รออยู่ อย่างพี่น้ำมนต์ตาเชื่อมรออยู่ทุกวัน หล่อก็หล่อกว่ารวยด้วย และที่สำคัญรักน้องพิมพ์มากด้วย
ส่วนประวิทย์ และบุปผาสองคนนี้มีครอบครัวแล้วจึงมีความเห็นเหมือนกันว่า
" น้องพิมพ์อย่าไปฟัง สองคนนี้ยุดี แกสองคนพูดอย่างคนเห็นแก่ตัวแกไม่คิดถึงปิ่นมุกหรือ ถ้าพ่อไปทางแม่ไปทางลูกจะอยู่อย่างไง"
อุมาพรเถียงมาว่า
"แล้ววันนี้เด็กมีความสุขหรือ พ่อก็ไปอยู่กับเพื่อน แม่ก็นั่งอมทุกข์อยู่ทุกวัน"
สุชาติช่วยเถียงมาอีกคน
"จริงด้วยอยู่กับใครซักคนให้เป็นหลักไปเลยรับรู้ ไปเลยว่า พ่อแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ เด็กเดี๋ยวนี้เขาฉลาดแล้ว และเขาก็จะมั่นคงขึ้น ดีกว่าอยู่กันอย่าง อึมครึมอย่างนี่ ฉันเห็นแล้วยังอึดอัดแทนเลย"
และก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่ พิมพ์ลดาก็โบกมือห้าม
"พอแล้วพวกแก สนุกกันใหญ่แล้ว ฉันยังไม่ตัดสินใจอะไรเวลานี้หรอก ฉันยังให้โอกาสพี่นพอยู่ และฉันยังไม่คิดที่จะมีครอบครัวใหม่ด้วยบอกตรงๆ...เข็ด"
เมื่อถึงเวลาที่พิมพ์ลดาใกล้จะกลับบ้าน นพวัฒน์ ก็ชวนปิ่นมุกลูกสาวออกมาซื้อขนมที่ปากซอย เพื่อที่ว่าจะได้รับพิมพ์ลดาที่ป้ายรถด้วย ขณะที่คอยอยู่นั้นก็เห็นพิมพ์ลดานั่งรถแท็กซี่เข้าไปในซอยพร้อมกับผู้ชายคนนั้นเขาจำได้แม่น(ไอ้คนที่ชอบถือกระเป๋าให้ผู้หญิง)
นพวัฒน์เดินตามไปสองคนนั้นกำลังขนของลงพอดี นพวัฒน์ หมั่นไส้จึงทักขึ้นว่า "ขอบคุณนะครับ อุตส่าห์ดูแลภรรยาผมเป็นอย่างดี"
น้ำมนต์จากไปพร้อมกับรอยยิ้มขันๆ และเมื่อคิดได้รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆจากหายไปเหลือแต่เพียง สายตาหม่นมัวลง
นพวัฒน์เขาต่อสู้เพื่อแย่งชิงพิมพ์ลดากลับมาอย่างสุดฤทธิ์ เพราะดูแล้วน้ำมนต์คงชอบพิมพ์ลดาจริงๆแน่ และถึงพิมพ์ลดาจะยังอยู่กับเขา แต่ใจก็คงมีหวั่นไหวไปบ้าง เขาคงประมาทไม่ได้แล้ว เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาหลายอย่าง นอกจากการตามรับตามส่งแล้ว ยังไปรอตามงานเลี้ยงอีกบ่อยๆ นับว่าเขามีความอดทนอย่างสูง
น้ำมนต์นับวันเขาก็ยิ่งรักพิมพ์ลดาจริงๆแล้ว เขามารู้ตัวเมื่อเห็นนพวัฒน์มารับพิมพ์ลดาและพาเดินจาก ไปต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งหัวใจ เขาจะทำอย่างไรดีเพราะเหมือนกับว่ายิ่งแข่งก็ยิ่งแพ้
เขาจึงสารภาพความในใจให้แก่พิมพ์ลดารู้ในวันหนึ่ง และบอกว่าพร้อมที่จะให้ความสุขที่พิมพ์ลดาต้องการได้ และเขายังบอกอีกว่าที่เขามาทำงานที่นี่เพราะเขาต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับพิมพ์ลดา
พิมพ์ลดาก็รู้ไม่ใช่จะไม่รู้ แต่เธอจะทำตัวเป็นคนโลเลหลายใจได้อย่างไร ถึงน้ำมนต์จะรักเธอมากขนาดไหน เธอก็คงได้แต่เก็บเขาไว้ในหัวใจ เป็นเหมือนของขวัญอันมีค่าที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น
"พี่รักน้องพิมพ์ตั้งแต่แรกเห็น" พิมพ์ลดามองน้ำมนต์ด้วยความสงสาร
" อย่ามารักพิมพ์เลยค่ะ พิมพ์ไม่ดีพอสำหรับพี่หรอก พี่มนต์คงแค่สงสารพิมพ์เท่านั้นเอง"
"พิมพ์อย่าเพิ่งปฏิเสธพี่ ชีวิตคนเรายังต้องดำรงอยู่อีกยาวนาน น้องพิมพ์ควรให้โอกาสตัวเองได้เลือกบ้าง พิมพ์จะต้องฝืนใจอีกนานเท่าไหร่ เวลาผ่านไปนับวันก็จะมีแต่อับเฉา ดูซิเมื่อตอนไปสัมมนามายังดูสดชื่นอยู่เลย พอมาวันนี้ก็ซีดเซียวอีกแล้วพี่อยากให้พิมพ์ใช้ชีวิตในที่ที่เหมาะสม
พิมพ์เหมือนดอกไม้สวยและบอบบาง แต่เจ้าของเลี้ยงไม่เป็นปล่อยให้ตากแดดร้อนและลมแรง วันหนึ่งดอกไม้นั้นก็จะทนไม่ได้และค่อยๆตายไปอย่างทรมานที่สุด"
" พี่มนต์คะ อีกหนึ่งเดือนเรามาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง แต่พี่มนต์ก็อย่าตั้งความไว้สูงนะค่ะ เพราะพิมพ์อาจจะไม่ใช่เป็นคนดีอย่างที่พี่คิดก็ได้ พิมพ์ก็เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเท่านั้นเอง"
"ไม่เป็นไรพี่มีชีวิตทั้งชีวิตที่จะตามใจน้องพิมพ์ จะไม่บ่นหรือเบื่อเลย"
"พี่ลองไปคิดดูให้ดี ก่อนแล้วเราค่อยคุยกันใหม่ ปัญหาไม่ใช่รักหรือไม่รัก พิมพ์เชื่อในรักของพี่แต่เรายังมีคนอื่นอีกมากมายที่อยู่รอบๆตัวเรา"
MY...WAY
ทางที่...เลือกไม่ได้
เมื่อก่อนพิมพ์ลดาคิดว่าผู้ชายอย่างพ่อเธอคงหมดโลกไปแล้ว เพราะพ่อตามใจแม่มาตลอดและเมื่อมีพิมพ์และพี่ พ่อก็ตามใจมาตลอดไม่เห็นว่าพ่อจะบ่นเบื่อตรงไหนเลย อย่างนี้เองที่เขาเรียกว่าว่าความรัก คือทำให้คนที่รักมีความสุขที่สุด เสียสละเพื่อที่จะให้คนรักมีความสุขโดยไม่หวังสิ่งใดเป็นการตอบแทน.......
ถ้าเธอเลือกน้ำมนต์ เธอก็จะได้ผู้ชายที่ดีอย่างพ่อมาดูแลตลอดชีวิตและจะมีความสุขที่สุด ดูอย่างแม่ซิ พิมพ์ไม่เคยเห็นแม่มีความทุกข์เลย คุณย่ายังเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเธอแพ้ท้องแทนแม่ ในขณะที่แม่กินอิ่มนอนอุ่น พ่อคลื่นเหียนแทบตายอะไรก็กินไม่ได้ และเป็นทั้งสองท้องเลย แล้วแต่ว่าใครมากน้อยกว่ากัน เมื่อก่อนพิมพ์คิดว่าเป็นเรื่องอำกันเล่นของผู้ใหญ่ซะอีก แต่มาวันนี้พิมพ์คิดว่า คงเป็นพลังแห่งรักแน่ๆ พ่อ จึงยอมที่ทนทุกข์ลำบากเสียเอง
แต่นพวัฒน์ก็ทำให้เธอเป็นคนเข้มแข็งขึ้น มีความมุ่งมั่นมากขึ้น สามารถฟันฝ่างานยากๆให้พ้นผ่านไปได้ ถ้าอยู่ท่ามกลางคนตามใจป่านนี้เธอคงปวกเปียกทำอะไรไม่เป็นอยู่นั่นแหละ ที่เธอสามารถภูมิใจตัวเองอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะแรงบีบคั้นจากบ้านนพวัฒน์
และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ปิ่นมุกใครจะดูแลคงเป็นเรื่องใหญ่ นพวัฒน์คงไม่ยอมให้เธอเอาลูกไปด้วยแน่นอน และถ้าทิ้งไว้พิมพ์ลดาก็ทนไม่ได้เหมือนกันลูกกำลังโตต้องมีคนสั่งสอนให้ความอบอุ่น ดูอย่างเธอซิขนาดพ่อแม่เอาใจใส่อย่างดี ยังพลาดได้เลย
หลายวันมานี้นพวัฒน์เห็นพิมพ์ลดามองเหม่อ ใจลอยและมองอยู่ที่ปิ่นมุกอยู่ตลอดเวลา เขาก็ใจหายเหมือนกันกลัวว่าพิมพ์ลดากำลังตัดสินใจอะไรอยู่เขาไม่กล้าเดาเลย เขาเหมือนกับว่าเขากำลังถือแก้วเนื้อบางราคาแพงเอาไว้ ถ้าเขาไม่ระวังให้ดีแก้วนั้นก็จะตกลงมาแหลกลาญ และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง .......
และแล้ววันนั้นก็มาถึง พิมพ์ลดาหายออกจากบ้านไปแต่เช้ามืด เมื่อตื่นมาเขาก็ไม่พบเธอแล้ว เขาวูบขึ้นที่หัวใจไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะความคิดสับสนไปหมด จึงโทรไปลางาน หนึ่งวัน เขาค้นดูข้าวของยังเห็นอยู่เป็นปกติอยู่ ค่อยยังชั่วหน่อยและไปดูที่โต๊ะทำงานพิมพ์ลดาเห็นในปฏิทินวงวันที่เอาไว้แสดงว่าเป็นนัดสำคัญ เพราะวงใหญ่และวนหลายครั้ง เขารู้จักนิสัยพิมพ์ลดาดีถ้าเธอมีเรื่องสับสนวุ่นวายใจคิดไม่ตกเธอจะวน หรือวาดรูปอะไรซ้ำๆแบบนี้แหละ
วันนี้เป็นวันนัดของน้ำมนต์และพิมพ์ลดาจริงๆ พิมพ์ลดาเห็นเขายืนหันหลังให้ เธอมองเขาอย่างสุดเสียดาย ผู้ชายดีๆอย่างนี้ ต้องเกิดอีกสักกี่ครั้งถึงจะได้พบ ผู้ชายแสนดีที่เธอต้องสูญเสียเขาไป เมื่อน้ำมนต์หันกลับมาเห็นสายตาของพิมพ์ลดาเขาก็รู้แล้วว่าเขาพ่ายแพ้ เขาแทบจะพูดอะไรไม่ออก
"พิมพ์ไม่ให้โอกาสพี่เลยหรือจ้ะ" พิมพ์ลดาสงสารเขาจับใจ
"วาสนาพิมพ์ไม่ถึงพี่มากกว่าค่ะ ไม่ใช่ว่าพิมพ์ไม่เชื่อพี่มนต์แต่พิมพ์ต้องทำตามความถูกต้องค่ะ พิมพ์ทิ้งลูกไม่ได้"
"แล้วถ้าพี่บอกพิมพ์ว่าพี่รอได้ล่ะ นานแค่ไหนก็จะรอ พี่จะไม่ใครอื่นพี่จะรอพิมพ์คนเดียว"
"เพื่ออะไรคะพี่ ไม่มีประโยชน์มีแต่จะเจ็บปวด พี่มนต์เป็นคนดี รักคนอื่นเถอะค่ะ ผู้ชายควรมีคนดูแล และอย่ารอพิมพ์เลย ลืมพิมพ์เถอะค่ะ"
"ไม่ พี่จะมารอที่นี่ วันนี้ของทุกปี จำไว้และพี่จะไม่มีใครอีกเพราะพี่รักพิมพ์รักจนหมดใจแล้ว พิมพ์จะมาพบกับพี่ได้ไหม"
"ไม่ค่ะ เราไม่ควรจะพบกันอีก ที่ทำงานเหมือนกันถ้าพี่มนต์ไม่ออก พิมพ์ก็จะเป็นคนออกเอง" ให้เขาเจ็บแค่วันนี้ดีกว่า ที่จะให้มันเรื้อรังต่อไป
"พี่ไปเอง พี่คงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีพิมพ์"
"แต่พิมพ์จะให้สัญญากับพี่ไว้อย่างหนึ่ง ถ้าพิมพ์เป็นม่าย พิมพ์จะไม่มีใครอีกพิมพ์จะอยู่คนเดียวไปจนตาย"
"ขอบใจจ้ะ จำไว้นะพี่จะมาที่นี่ทุกปี จำไว้"
ทั้งสองต่างนั่งอยู่ด้วยกันเป็นการสั่งลาเพราะมันปวดใจเกินกว่าที่ จะพูดออกมา...และแล้ว ก็ต้องจากกันจริงๆ น้ำมนต์มองดู พิมพ์ลดาเดินจากไปจนลับตา เขาไม่สามารถชนะใจเธอแล้วจริงๆ.....
ส่วนพิมพ์ลดาต้องเสียผู้ชายหัวใจทองคำไปตลอดชีวิต เธอไม่กล้าที่จะบอกว่ารักกับน้ำมนต์ ยอมเป็นคนใจดำตัดขาดเขาอย่างไม่มีเยื่อใย เพราะถ้าน้ำมนต์รู้ว่าเธอรักเขา เขาคงไม่ยอมแพ้แน่ๆ และเธอก็อาจจะไม่ได้พบกับปิ่นมุกอีกเลยก็ได้ เพราะเขาคงพาเธอหนีไปให้ไกลสุดหล้าเลยทีเดียว......
เมื่อนพวัฒน์เห็นพิมพ์ลดาเข้าบ้านมาอย่างคนไร้หัวใจ เขาจึงได้รู้ตัวว่าเขารักพิมพ์ลดามากแค่ไหน คนเรากว่าจะรู้ว่ารักอะไรก็เมื่อเกือบจะเสียของรักนั้นไป เขาต้องจำไว้เป็นบทเรียน ถ้าพิมพ์ลดาจากเขาไปวันนี้ เขาจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เมื่อเขาทำตัวให้เกิดช่องว่างให้คนอื่นได้แทรกตัวเข้ามา
เขาปล่อยให้พิมพ์ลดาอยู่นิ่งๆทำใจซักพักให้เวลารักษาแผลใจ แล้วเขาก็เอาพิมพ์เขียวแบบบ้านมาให้ดู
"น้องพิมพ์ลองดูแบบบ้านสิ ชอบไหมถ้าไม่ชอบตรงไหนก็บอกแล้วกันจะได้แก้ไข"
"บ้านใครคะ"
"บ้านเราไงจำที่ดินที่เราซื้อไว้ ตอนนั้นได้ไหม มันไกลไปหน่อยแต่อากาศดี พี่ว่าจะไปปลูกอยู่ตรงนั้น แต่ว่าที่ดินมันเล็กไปนิด ร้อยตารางวาเอง น้องพิมพ์ว่ายังไงดีล่ะเห็นไหมพี่วาดแบบให้เขาทำบ่อปลาคาร์พให้น้องพิมพ์ด้วย พี่ว่า ถ้าวันหลังเรามีเงินแล้วค่อยขอแบ่งซื้อที่ข้างๆ เอาไว้ก็ได้ ดีไหม"
พิมพ์ลดามองดูแบบบ้านเป็นชั้นเดียวทรงยุโรป ที่เธอชอบ เธอเรียกว่าบ้านทรงกระท่อมฝรั่ง และมีบ่อปลาคาร์พรอบบ้านและทำเป็นสะพานข้ามบ่อปลาใช้เดินเข้าบ้านน่ารักเป็นที่สุด เธอประทับใจในแบบบ้านมากนพวัฒน์ออกแบบที่เธอวาดฝันไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะจำได้....
"ถ้าแบบบ้านนี้ไม่ต้องแก้ไขก็ดีแล้ว อีกเรื่องหนึ่ง ต้นเดือนหน้าพี่ต้องตามเจ้านายไปญี่ปุ่นประมาน 10 วัน พี่อยากให้น้องพิมพ์และปิ่นมุกไปด้วย พิมพ์พอจะลาพักร้อนไปได้ไหมเพราะปิ่นมุกก็ปิดเทอมพอดี"
"ค่ะ พิมพ์จะลองขอดู คงได้ค่ะเพราะพิมพ์ไม่เคยลาพักร้อนเลย" เมื่อนพวัฒน์อ่อนมาเธอก็ควรตามใจเขาบ้าง
"ดีแล้วถ้ายังไง พี่จะได้นัดคนทางโน้นให้เขาพาเที่ยวเพราะพี่ต้องทำงานเดี๋ยวน้องพิมพ์รอเบื่อแย่"
"ขอบคุณค่ะพี่นพ ขอบคุณมาก"
ทั้งสองครอบครัวพากันไปดูที่ดินที่จะปลูกบ้านทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเล็กเกินไป และบ่อปลาไม่ควร อยู่ รอบบ้านเดี๋ยวลูกตกน้ำ และ ฯลฯ พ่อของพิมพ์ลดาลงทุนไปถามหาซื้อที่ดิน ที่อยู่ข้างๆว่าใครจะแบ่งขายให้บ้าง ก็ได้แปลงหนึ่ง แต่เขาขายยกทั้งไร่ จึงขอซื้อมาไร่หนึ่ง แม่ของนพวัฒน์เห็นว่าเธอไม่เคยให้อะไรพิมพ์ลดาเลยช่วยออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง บ้านจึงมีบริเวณกว้างสมใจพิมพ์ลดา
บทส่งท้าย
วันเวลาผ่านไปจากวันที่พิมพ์ลดาจากน้ำมนต์มาจนถึงวันนี้ก็หลายปีแล้วไม่มีใครเอ่ยชื่อน้ำมนต์ต่อหน้าพิมพ์ลดาเลย ไม่มีใครได้ข่าวของเขาอีกเลย นพวัฒน์ ก็ไม่ ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เขาทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น แม้บางครั้งเขาเห็นพิมพ์ลดานั่งเหม่อลอยทอดถอนใจแอบกรีดน้ำตาอยู่คนเดียว เขาก็ไม่ซักไม่ถามปล่อยให้เวลาผ่านไปและหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเอง นพวัฒน์ไม่เคยเข้าใจหรอกเรื่องบางเรื่อง ไม่ได้ต้องไปจำมัน แต่มันไม่เคยลืมเลยต่างหาก ถึงแม้ไม่ได้ไปนึกถึง แต่มันก็เจ็บจี้ดขึ้นมาเองเมื่อบรรยากาศเก่าๆ ผ่านเข้ามา.....
เมื่อน้ำมนต์หายไปเหมือนกับไม่เคยมีเขาอยู่บนโลกนี้ บางครั้งพิมพ์ลดาก็คิดว่าน้ำมนต์อาจจะเป็นเทวดาแปลงมาเพื่อจะเปลี่ยนนิสัยของนพวัฒน์ ไม่ได้มีตัวตนจริง ๆ
... แต่การเจ็บลึกๆในหัวใจทุกครั้งที่คิดถึงล่ะ..........
............................. เกิดจากอะไรถ้าน้ำมนต์เป็นเทวดาแปลงมา.
.....................................จบ.............................................
ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันอ่านพร้อมกับน้อมรับคำแนะนำ เพราะเป็นกำลังใจที่จะฝึกคิดฝึกเขียนงานใหม่ขึ้นมากอีก
เมื่อวันที่ : 20 ก.ย. 2553, 00.25 น.
ขอปรบมือให้กับตอนจบ ที่จบได้อย่างกินใจค่ะ
หากเพิ่งเขียนเป็นเรื่องแรก ก็ขอบอกว่า เริ่มต้นได้ดีในแง่ของโครงเรื่อง ปมปัญหา ความรู้สึก รักสามเส้า ความเป็นหญิงที่รักครอบครัว ความผิดพลาด การแก้ตัว ฯลฯ ค่ะ
เห็นได้ชัดว่า ผู้เขียนอยากจะถ่ายทอดบทเรียนชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
ทว่าเรื่องมายเวย์นี้ยังขาดอรรถรสของความเป็นนิยายในแง่การดำเนินเรื่อง อ่านแล้ว คล้าย ๆ กับบันทึกสรุปประวัติของพิมพ์ลดา มากกว่าเป็นนิยายขนาดสั้น
หากคุณใบตองอยากจะเขียนต่อไป ขอแนะนำให้พัฒนาเรื่องดำเนินเรื่อง การบรรยาย บทเจรจาระหว่างตัวละคร สร้างความลึกและสีสันของตัวละครต่าง ๆ สร้างบริบทให้ลึกขึ้นอีกนิด ขยายแต่ละตอน แต่ละซีนให้มีการเจรจา มีการรำพึงความคิดมากขึ้น ก็น่าจะเป็นนิยายที่กินใจ ได้สาระ ได้ข้อคิดที่ดีเรื่องหนึ่งค่ะ
แต่โดยรวมแล้ว รจนาชอบเนื้อเรื่องค่ะ และชอบบทเจรจาระหว่างนพวัฒน์กับพี่ชายใหญ่
เป็นกำลังใจต่อไป อย่าได้ท้อนะคะ