![]() |
![]() |
ใบตอง![]() |
...My way ตอน ช่องว่างที่เธอหยิบยื่นให้ น้ำมนต์มาเยี่ยมเพื่อนที่โชว์รูม ที่พิมพ์ลดาทำงานอยู่ เมื่อก่อนเขาก็ทำงานที่นี่แต่เขาออกไปแล้ว และเขาเป็นหลานขอ...
My wayตอน ช่องว่างที่เธอหยิบยื่นให้
น้ำมนต์มาเยี่ยมเพื่อนที่โชว์รูม ที่พิมพ์ลดาทำงานอยู่ เมื่อก่อนเขาก็ทำงานที่นี่แต่เขาออกไปแล้ว และเขาเป็นหลานของเจ้าของเขาจึงมา แวะเวียนหาเพื่อนฝูงอยู่เสมอและครั้งนี้ เขามาเขาจึงพบกับพิมพ์ลดา เมื่อแรกเห็นเขาก็ประทับใจที่นัยน์ตาโศกๆของเธอ แล้วยิ่งเมื่อมาฟังเรื่องครอบครัวของเธอก็ยิ่งสงสาร เขาจึงคิดว่าจะเป็นเพื่อนปลอบใจ เขาจึงบอกกับลุงเขาว่าเขาจะมาทำงานที่นี่สักพัก ลุงเขาก็ไม่ว่าอะไรได้แต่บ่นว่าจะมาช่วยสักกี่วันนี่ น้ำมนต์ก็ตอบว่า " คงเลย ช่วงปีใหม่ไป" "เอะไอ้นี่มาแปลก" ลุงเขาก็ส่ายหัวพึมพำออกไป
เมื่อน้ำมนต์มาทำงานในโชว์รูมก็มีสีสันมากขึ้น และพิมพ์ลดาก็ยิ้มและหัวเราะมากขึ้น น้ำมนต์เป็นคนมีฝีมือเพราะฉะนั้นเมื่อเขามาทำงานจึงมีกิจกรรมเพื่อเพิ่มยอดขายอยู่เสมอ และเวลาผ่านไปพิมพ์ลดาก็ไว้ใจเขาและสนิทกันมากขึ้น เพื่อนๆที่โชว์รูมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็ยุให้จีบพิมพ์ลา อีกฝ่ายคอยรั้งเขาเอาไว้ไม่ไห้เขาสนิทกับพิมพ์ลดาไปมากกว่านี้
นพวัฒน์ก็รู้สึกว่าพิมพ์ลดาเปลี่ยนไปเช่นกันวันนึง เขาจึงบอกกับพิมพ์ลดาว่า
" พิมพ์ พี่ว่าเรามาจดทะเบียนสมรสกันดีกว่า"
"พิมพ์ว่าไม่จำเป็นหรอกสมัยนี้เขาไม่ค่อยจดทะเบียนกันแล้ว" เธอตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจในอนาคตว่าจะอยู่กันไปรอดไหม
" พี่ว่าสำคัญ น้องมุกกำลังจะเข้าโรงเรียนพี่ไม่อยากจะให้ลูกมาถามว่าทำไมพิมพ์และลูกคนละนามสกุลกัน" เมื่อเขาอ้างเหตุผลนี้พิมพ์ลดาก็พูดไม่ออก จึงแต่งตัวตามเขาไปจดทะเบียน เมื่อจดทะเบียนแล้วนพวัฒน์พาปิ่นมุกและพิมพ์ลดาไปเที่ยวและซื้อแหวนให้พิมพ์ลดา น้ำมนต์มาเห็นครอบครัวของพิมพ์กำลังมีความสุข เขาจึงกลับไปถามเพื่อนเขาว่าจริงหรือว่าครอบครัวพิมพ์มีปัญหา เห็นมีความสุขออกจะตายไป เพื่อนเขาบอกก็ต้องคอยดูกันต่อไป
หลังจากจดทะเบียนกันแล้ว นพวัฒน์ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมและยิ่งหนักข้อขึ้นบางครั้งไปกางเต้นนอนกับเพื่อนครั้งละหลายวันด้วย และในครอบครัวเมื่อเด็กโตขึ้นปัญหาก็มีมากขึ้นและคนเราเมื่ออยู่กันนานๆความเกรงใจก็ไม่ค่อยจะมี บางครั้งพิมพ์ลดากลับมาเห็นลูกนอนหลับทั้งชุดนักเรียน บางครั้งก็ไม่ได้กินข้าวเย็น และวันนี้ เมื่อพิมพ์ลดากลับมา พบลูกนอนตัวร้อนอยู่ไม่มีใครดูแล เธอจึงอุ้มลูกไปหาหมอกลางดึกเพียงลำพัง นพวัฒน์กลับมารู้เรื่องเข้า ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเติมโต มากับครอบครัวที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เขาจึงนิ่งเสียเพื่อปิดบังความผิดของตัวเอง
พิมพ์ลดารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับครอบครัวมากไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ตรงไหน ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดไปเธอคงทนไม่ได้แน่ เธอกลับไปที่บ้านบ่อยขึ้นแต่ไม่ได้เล่าปัญหาให้พ่อและพี่ได้รู้ แต่สีหน้าอมทุกข์ของเธอมันคงฟ้องได้ดี พิชิตชัย และพ่อปรึกษากันว่าจะให้พิมพ์ลดากลับมาอยู่ที่บ้าน แต่ระพีไม่เห็นด้วย เธอแย้งมาว่า "ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รักน้องแต่น้องพิมพ์ควรได้สู้ชีวิตด้วยตัวเองเสียทีเมื่อมีพ่อและพี่คอยกางปีกปกป้องอย่างนี้เมื่อไรน้องจะเข้มแข็ง" ทั้งสองได้ฟัง ก็เห็นด้วยควรจะรอให้พิมพ์ลดาออกปากขอความช่วยเหลือเสียก่อนดีกว่า
พิมพ์ลดาอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจวันหนึ่งเพื่อนๆต้องหามเธอเข้าโรงพยาบาลเพื่อนๆ นพวัฒน์รู้ข่าวก็มาเยี่ยม มีพี่วรวรรนา ที่นพวัฒน์และพิมพ์ลดานับถือเธอมากเธอเป็นคนพาพิมพ์ลดามาทำงาน เพราะฉะนั้นเรื่องราวในโชว์รูมไม่อาจจะพ้นสายตาเธอไปได้ เมื่อมีโอกาสเธอจึงเรียกนพวัฒน์มาคุย เธอออกตัวว่า " พี่ไม่อยากที่ยุ่งครอบครัวคนอื่นนะ นี่สนิทกันพี่ก็เห็นเธอทั้งสองคนเหมือนน้องของพี่ทั้งคู่"
"พูดได้เลยครับพี่ ผมภูมิใจด้วยซ้ำที่มีพีสาวที่แสนดีคอยดูแล" วรวรรนาจึงพูดเข้าประเด็นทันที่ก่อนที่ นพวัฒน์จะทันตั้งตัว
"พี่ว่าเธอปล่อยปละละเลยเมีย เธอมากไปหรือเปล่า พี่มักจะพบเธอกับเพื่อนๆเสมอในเวลาที่เธอควรจะอยู่กับครอบครัว"
"โถพี่ ผมไม่ทำอะไรผิดไม่ได้ไปติดผู้หญิง ไปกินเหล้าหรือการพนันที่ไหนล่ะ แค่คุยกับเพื่อน"
"แล้วเธอต้องคุยกับเพื่อนทุกวันหรือ พี่ได้ข่าวว่าเธอมีกิจกรรมนอกบ้านอยู่เสมอ" นพวัฒน์นึกขำคำเหน็บแนมนั้น
"ก็ผมมันคนเพื่อนเยอะ และพิมพ์ก็ไม่เห็นเป็นอะไรอยู่กับแม่ผมก็สะดวกสบายจะตายไป ไม่ได้มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ด้วย"
"ถ้าสบายจริงจะเจ็บหนักอย่างนี้หรือ คนนะไม่ใช่ต้นไม้ที่ปล่อยทิ้งไว้ให้มันโตเอง เธอก็รู้ว่าพิมพ์เขาโตมากับครอบครัวคนละแบบกับเธอ"
"แล้วมันจะเป็นปัญหาอย่างไงพี่ช่วยพูดให้ชัดๆหน่อย ครับ"
"พิมพ์เขาเป็นคนที่บอบบางเกินกว่าที่เธอจะมาทิ้งๆขว้างๆอย่างนี้"
นพวัฒน์ยิ่งทำหน้าไม่เข้าใจ วรวรรนาจึงพูดต่อไปว่า
"แล้วถ้ามีคนเขาเห็นคุณค่าล่ะ สามารถสละความสุขมาดูแลได้จะทำอย่างไร พิมพ์เขาหน้าตาก็สะสวยทำงานก็เก่งรายได้ของเขาก็ดีเขาสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเธอ ทุกวันนี้เขาต้องทนแล้วนะจนร่างกายเขาทนไม่ไว้แล้ว ที่พี่รู้มาความจริงเขาได้สิทธิ์หยุดวันอาทิตย์แล้วนะแต่เขาก็สละให้คนอื่นไป เขาทุ่มเทให้งานเพื่อหลีกหนีอะไรหรือเปล่า เธอลองเอาไปใคร่ควรดูให้ดีแล้วกัน พี่เตือนแค่นี้ล่ะ"
เพื่อนๆ ของเขาก็ เห็นด้วยกับพี่วรวรรนา
นพวัฒน์ อึ้ง "???????????"
My...way
ตอน....มือที่สาม
พิมพ์ลดาเมื่อออกจากโรงพยาบาลก็มาทำงานเลยทันทีโดยไม่ฟังคำทัดทานจากใคร ส่วนน้ำมนต์ก็คิดว่าเขาควรจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจริงจังสักที เพราะเขาได้พบกับสามีของพิมพ์ลดาแล้วและเป็นผู้ชายที่ทอดทิ้งภรรยาจริงๆอย่างที่ใครๆพูดกัน เขาพยายามหาเหตุผลว่าทำไมนพวัฒน์ จึงปล่อยให้พิมพ์ลดาต้องทนทุกข์ขนาดนี้ เมื่อเขาไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนเขาจึงพูดว่า " คงไม่มีอะไรหรอก เขาก็แค่ติดเพื่อนแค่นั้นแหละ ไม่ใช่ว่าไม่ได้รักหรอก" เพื่อนเขาพูดและหยิบเอกสารบางอย่างให้ดู " ใจเย็นก่อนดูนี่ซะ น้องพิมพ์เพิ่งเอาทะเบียนสมรสมายื่นให้นี่ ถ้าเอ็งทำอะไรพรวดพราดไปมันผิดกฎหมายนะโว้ย" น้ำมนต์มองอย่างงงๆ "ทำไมต้องยื่นทะเบียนสมรสด้วยวะ ไม่เข้าใจ"
"เอ้าไอ้โง่ ก็เรื่องภาษีไงล่ะ เขาจดทะเบียนกันมานานแล้วด้วย ดูวันที่ซิ แต่เพิ่งมายื่น"
เพื่อนของเขาอบรมต่อ " ถ้าเอ็งเข้าไปยุ่งมากๆ เอ็ง ก็จะเป็นชายชู้ คนที่เสียหายก็เป็นน้องพิมพ์" น้ำมนต์ตกใจ "เฮ้ยข้าไม่ได้จะไปแย่งเมียใคร ข้าแค่สงสารโว้ย ไอ้บ้า"
"แล้วถ้าผัวเค้าไม่อยากให้เอ็งไปสงสารเมียเค้าล่ะ" น้ำมนต์เดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย
เพื่อนเขาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้า " ไอ้นี่ ไอ้หมามองเครื่องบิน"
หลายวันมานี่นพวัฒน์ก็ลดการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้างมีเวลากลับมาสอนหนังสือลูกบ้างแต่ พิมพ์ลดาก็ยังหมางเมินกับเขาอยู่ เขานั่งนึกเจ็บใจตัวเองว่าไม่เคยรู้เลยว่าเมียตัวเองหยุดงานวันไหน เขาอุตส่าห์ไปรับที่โชว์รูมหน้าแตกซะไม่มี เมื่ออุมาพรบอกว่าเป็นวันหยุดของพิมพ์ลดา สมควรแล้วที่เขาจะถูกเพื่อนๆด่า และเพื่อนของเขาหลายคนก็เริ่มพูดอย่างที่พี่วรวรรนาพูด คือทุกคนเห็นคุณค่าของพิมพ์ลดา มากกว่าตัวเขาเอง
นพวัฒน์คิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะสายเกินไปวันนี้เขาเช็คดูแล้วพิมพ์ลดาไปทำงานแน่นอน และฝนตั้งเค้าว่าจะตกเขาจึงถือร่มเตรียมไปรับที่โชว์รูมขณะที่เขาจะข้ามถนนนั้นภาพที่เห็นฝั่งตรงกันข้ามทำให้ เขาอึ้งจนก้าวขาไม่ออก
มีชายท่าทางและหน้าตาดี คนหนึ่ง กางร่ม ถือกระเป๋าแล้วจูงพิมพ์ลดาออกมาจากโชว์รูมเรียกรถแท็กซี่ให้และพยุงขึ้นรถแล้วยื่นกระเป๋าให้ และยืนคอย จนรถออกไปจนลับตา ภาพที่เห็นนี้เขาเคยเห็นแต่ในภาพยนตร์ไม่คิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนจะทำได้ แค่ถือกระเป๋าให้ผู้หญิงนี้ก็จะขำตายอยู่แล้ว มันไม่เคยอยู่ในหัวสมองเขาเลย แต่วันนี้มีคนทำแล้ว และดูอ่อนหวานซาบซึ้งใจมาก ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียเขา...
นพวัฒน์แอบสืบดูพฤติกรรมเมียเขาอยู่เงียบๆเมื่อวันหยุดไม่ตรงกันเขาก็ไปแอบดูพิมพ์ลดาที่โชว์รูม เนื่องจากโชว์รูมเป็นห้องกระจกทั้งหมดเขาเห็นผู้ชายคนนั้นแวะเวียนไปที่โต๊ะทำงานพิมพ์ลดาบ้าง ตามปกติของคนที่ทำงานร่วมกันและพิมพ์ลดามีท่าทีสดใสกว่าตอนที่อยู่ที่บ้าน พูดคุยเล่นหัวกับเพื่อนไม่เห็นทำท่าอมทุกข์เหมือนอยู่ที่บ้านเลย
นพวัฒน์คิดได้ว่าเขาประมาทเกินไป คิดว่าน้องพิมพ์ เป็นของตายของเขา ลืมคิดไปว่า วันนี้น้องพิมพ์คนนี้ได้โตแล้วและมีหลายคนที่พร้อมจะปกป้องเธอ เมื่อคิดได้ก็ได้แต่เสียใจ แต่วันนี้ยังไม่สายเกินไปเขายังมีโอกาสที่จะดูแลน้องพิมพ์ก่อนที่จะเสียเธอไปจริงๆ......
โปรดติดตามตอนต่อไป (ตอน รักต้องห้าม)
เมื่อวันที่ : 13 ก.ย. 2553, 21.47 น.
สนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะคะ
เรื่องชีวิตจริงหรือเปล่า
ถ้าเว้นบรรทัดบ้าง ก็จะทำให้อ่านง่ายขึ้นนะคะ
ที่แนะนำเพราะเห็นว่า เนื้อเรื่องเป็นเรื่องดราม่า-ครอบครัวดีมาก และท่าทางจะมีอะไรสอนใจได้หลายอย่าง หากนำเสนอให้น่าอ่าน (มีย่อหน้า เว้นบรรทัด ฯลฯ) ก็จะทำให้เป็นงานเขียนที่ดีขึ้นค่ะ