![]() |
![]() |
ใบตอง![]() |
...ทุกคนคงเคยที่จะเดินมาถึงทางแยกบางครั้งเราอาจจะเลือกทางซ้ายเพื่อไปเร็วขึ้นหรือทางขวาเพื่อที่จะสะดวกและปลอดภัยกว่า และถ้าเราเลือกแล้วแต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเราอาจจะย้อนกลับมาตั้งต้นใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นทางชีวิตแล้วถ้าเราเลือกทางผิดเราอาจจะหลงทางและไม่อาจจะจุดตั...
my...wayตอน ทางที่ไม่ได้เลือก
ทุกคนคงเคยที่จะเดินมาถึงทางแยกบางครั้งเราอาจจะเลือกทางซ้ายเพื่อไปเร็วขึ้นหรือทางขวาเพื่อที่จะสะดวกและปลอดภัยกว่า และถ้าเราเลือกแล้วแต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเราอาจจะย้อนกลับมาตั้งต้นใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นทางชีวิตแล้วถ้าเราเลือกทางผิดเราอาจจะหลงทางและไม่อาจที่จะมา จุดตั้งต้นใหม่ได้เลย
พิมพ์ลดาและนพวัฒน์เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมา และจากความเป็นเพื่อนก็เลยเถิดไปทำให้พิมพ์ลดาเกือบจะเรียนไม่จบ เธอต้องคลอดลูกสาวหลังจากเรียนจบไม่เท่าไรทั้ง สองต้องปะคับปะครองครอบครัวไป ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ พิมพ์ลดาเป็นลูกสาวคนเล็กพ่อแม่ตามใจตั้งแต่เป็นเด็ก ก็ไม่กล้าดุกันเต็มปากเต็มคำนักเมื่อปิ่นมุกคลอดออกมาทุกคนก็ทุ่มเทความรักให้กับปิ่นมุกกันจนหมด แม้แต่ ระพีพี่สะใภ้ของพิมพ์ลดาก็บ่นให้ พิชิตชัย พี่ชายฟังว่า " บ้านคุณนี่ก็ประหลาดจังลูกสาวทำตัวผิดขนาดนี้ยังไม่เคยว่าอะไร เวลา คลอดลูกออกมายังชื่นชมปะคบปะหงมกันอีก ถ้าเป็นที่บ้านฉันนะป่านนี้ถูกตีหลังขาดไปแล้ว"
" คุณก็คิดแค่นี้เองคุณไม่รู้หรือไงว่ายายพิมพ์ก็ได้บทเรียนไปแล้ว ทุกวันนี้น้องก็ต้องขายหน้าผู้คนแล้วถ้าไปตีให้ตายจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ" เขาทำเสียงเข้มตอบถึงแม้นว่าเขาจะรู้ว่าน้องผิดแต่ก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาว่า ระพีก็นึกเหมือนกันว่าเธอผิดจริงๆแล้วพิมพ์ลดาก็เป็นเด็กดีเธอเห็นมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว เสียแต่ว่าเป็นลูกคนเล็กจึงถูกตามใจจนเคยตัวเท่านั้น " ค่ะทีหลังฉันจะไม่พูดอีก"
นพวัฒน์ได้งานทำแล้วครอบครัวก็ค่อยยังชั่วขึ้น แต่ลึกๆแล้วนพวัฒน์เห็นเช่นเดียวกับระพีคือพิมพ์ลดาถูกตามใจมากไป และไม่รู้จักโตสักที เช่น เขาเห็นพิมพ์ลดาแอบไปเล่นกับลูกแมวที่ใต้ถุนในขณะที่ไม่มีใครเห็น บางครั้งลูกงอแงมากๆ เธอทำอะไรไม่ถูกก็จะร้องไห้ไปกับลูกด้วย เขาอยากจะพาเธอไปอยู่ที่บ้านเขา ไม่อยากที่จะให้ปิ่นมุกถูกตามใจมากอีกคน
เมื่อแม่ของพิมพ์ลดาได้ป่วยและเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วเมื่อปิ่นมุกอายุได้ประมาณขวบครึ่ง และพิมพ์ลดาก็ได้งานทำที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของนพวัฒน์นัก เมื่อไม่มีใครช่วยดูแลปิ่นมุก พิมพ์ลดาจึงต้องยอมมาอยู่ที่บ้านของเขา เธอก็รู้สึกกลัวเหมือนกันเพราะรู้สึกบ้านเขาจะมีคนอยู่มากมาย
รสชาติชีวิตของพิมพ์ลดาคงได้เริ่มต้นที่นี่ล่ะ เมื่อเข้ามาอยู่บ้านเป็นที่มีญาติพี่น้องมากมาย ลูกชายสามสะใภ้สามลูกเขยสี่ ลูกสาวสี่ หลานๆรวมกันแล้วเกือบสิบคน มีเรื่องพูดคุยและทำอาหารการกินกันทั้งวัน บ้านทั้งบ้านกว่าจะเงียบสงบได้ก็ต้องเลยเที่ยงคืนไปแล้วทุกวัน พิมพ์ลดาเมื่อว่างงานต้องคอยไปแอบถอนใจในห้องนอนอยู่เสมอ ดีที่เธอได้วันหยุดที่ตรงกับวันธรรมดาจึงไม่ต้อง ไปแย่งวันสักรีดกับใคร
เมื่อกลับมาอยู่บ้านนพวัฒน์ก็แสดงนิสัยดั้งเดิมออกมาเขาเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก และเพื่อนของเขาก็มากกลุ่ม เพราะฉะนั้น เมื่อพิมพ์ลดาเริ่มปรับตัวเข้ากับบ้านเขาได้เขาก็เริ่มไปสังสรรค์กับเพื่อน บางครั้งปล่อยให้พิมพ์ลดาต้องคอยตลอดคืน เขาเห็นว่าบ้านเขาก็อบอุ่นดีพิมพ์ลดาก็ไม่เหนื่อยมาก มีคนทำกับข้าวให้กินเลี้ยงลูกให้ เขาคิดแต่เพียงว่าเขาไม่ได้นอกใจไปไหนเพียงแต่เขาแค่ไปคุยกับเพื่อนๆเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าพิมพ์ลดาจะว้าเหว่สักแค่ไหน เธอเหมือนคนแปลกหน้าในบ้านของเขา เธอมีเพื่อนปรับทุกข์ก็คือ อุมาพรเพื่อนที่ทำงานของเธอเท่านั้น
พิมพ์ลดามาทำงานไม่เคยหยุดเลยบางครั้งมาทำงานแทนเพื่อนในวันหยุดเลยด้วยซ้ำไป เธอต้องการที่จะมีเวลาอยู่ในบ้านให้น้อยที่สุด ความหมางเมินเมื่อมันมีมากขึ้นนพวัฒน์ก็รู้สึกได้เหมือนกัน วันนี้เขาจึงบอกกับพิมพ์ลดาว่า " วันนี้พิมพ์มีเลี้ยงลูกค้าหรือเปล่าถ้าไม่มีพี่จะกลับมากินข้าวด้วย" " ไม่มีค่ะ" เธอรับคำเพราะครั้งนี้ถ้าเขาผิดนัดอีกก็จะเป็นครั้งที่ห้าแล้ว
จริงๆแล้วนพวัฒน์ไม่ตั้งใจจะผิดนัด แต่เมื่อเขาแวะไปห้างสรรพสินค้าจะไปซื้อของขวัญเพื่อเอาใจพิมพ์ลดาสักหน่อยก็เผอิญเจอกลุ่มเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมพยายามปฏิเสธแล้วแต่เขาก็ใจอ่อนให้เพื่อนๆเสมอคิดว่าจะนั่งเพียงครู่เดียว เมื่อดูนาฬิกาก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้วและเขาก็คิดง่ายๆว่าป่านนี้ พิมพ์คงเข้านอนแล้ว เขาก็คุยกับเพื่อนต่ออย่างออกรส......
เมื่อวันที่ : 08 ก.ย. 2553, 18.08 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...