![]() |
![]() |
ลุงตุ๋ย![]() |
เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ KSR สีเขียว รุ่นปี 2009
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
แปลกดีมั้ยล่ะ ชื่อผมสะกดเหมือนจะเป็นภาษาไทยแท้ๆก็ไม่ใช่ ภาษาต่างด้าวก็ไม่เชิง จริงๆก็เป็นอย่างนั้นแหละ
"ลุงตุ๋ย"เจ้านายผมให้เหตุผลที่ตั้งชื่อแบบนี้เพราะมันมีที่มาจากหลายสาเหตุ
อย่างแรกเลยก็คือตัวถังผมเป็นสีเขียวมะนาวหรือ Lime ในภาษาอังกฤษซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของคาวาซากิ
ส่วนเหตุที่สอง ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคาวาซากิก็จะดูออกว่า ลายสติคเกอร์ที่ถังน้ำมันกับปีกดักลมข้างๆ มันไม่ใช่ลายเดียวกัน ลายที่ปีกน่ะเป็นของแท้ติดมากับตัวผมตั้งแต่ออกจากโรงงานสีเขียวที่แฟนๆเรียกว่า"ลาย 5.5" ส่วนถังน้ำมันนั้นเป็นสีเขียว "ลาย 4" ผมเลยมีเอกลักษณ์ที่ไม่ค่อยเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคันอื่นๆ คือมีถังน้ำมันสีเขียวและปีกสีเขียว ทั้งๆที่ของเพื่อนร่วมรุ่นจะเป็นปีกสีเขียวและถังน้ำมันสีดำ และลายสติคเกอร์ก็เลยไม่เหมือนใคร
นี่คือที่มาของชื่อ"เจ้าลายม์ (Lime)"
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนกันยายนกลางหน้าฝน แต่วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่เช้า เจ้านายผมจึงเห็นเป็นโอกาสดี จะได้พาผมออกไปวิ่งเล่นซะบ้าง เพราะตั้งแต่ไปรับผมมาจากร้านในเชียงใหม่เมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนถึงวันนี้เจ้านายยังไม่ได้พาผมไปเที่ยวไกลๆให้ฉ่ำปอดกันเลย อย่างเก่งไกลสุดก็ออกจากบ้านที่หางดง ไปแยกแม่เหียะ มุ่งหน้าไปยังสะเมิงแล้วอ้อมหลังดอยสุเทพกลับมาทางแม่ริมหนึ่งครั้ง ขึ้นดอยสุเทพไกลสุดแค่พระตำหนักภูพิงค์ 2 ครั้ง, หางดงไปดอยหล่อแล้วอ้อมไปทางเวียงหนองล่อง สุดทางที่บ้านโฮ่งครั้งหนึ่ง, ไปซื้อ"จิ้นส้มหมก"หรือแหนมเผาที่น้ำพุร้อนแม่ออนครั้งหนึ่ง แค่นั้นละมั้งที่เป็นทริพยาวๆหน่อย นอกนั้นก็ออกวิ่งช่วงสั้นๆตอนเย็น 10-20 กิโลหลังเจ้านายเลิกงาน ระยะเวลาร่วมสิบเดือนที่ผมมาอยู่กับ"ลุงตุ๋ย"เจ้านายใจดี ผมเพิ่งจะวิ่งบนถนนไปได้ 2,000 กม.เศษนิดๆเอง เมื่อเจ้านายออกไอเดียจะพาผมเที่ยวทางไกลๆแบบนี้เลยทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
กว่าเจ้านายผมจะเสร็จจากภารกิจในช่วงเช้า ที่กะว่าจะพาผมออกเดินทางได้ตั้งแต่สายๆ มันก็เป็นเวลาสายโด่งเข้าไปเกือบเพล กระเป๋าเก็บของท้ายรถผมเต็มไปด้วยสัมภาระ มีทั้งเสื้อกันฝน เสื้อหนังกันหนาว ถุงผ้าจ่ายกับข้าว กระเป๋ากล้อง น้ำดื่ม ส่วน GPS ปกติลุงตุ๋ยจะเอาห้อยคอไว้ถ้าฝนไม่ตก ถ้าฝนตกสัมภาระต่างๆที่ติดตัวลุงตุ๋ยก็จะถูกถ่ายเทมาลงกระเป๋าทั้งหมดด้วย
ลุงตุ๋ยพาผมออกจากบ้านตอนเกือบ 11 โมง มุ่งหน้าหาข้าวเหนียวหมูปิ้งรองท้องไว้ก่อนแถวตลาดบ้านน้ำโท้งใกล้ๆบ้าน เหลือข้าวเหนียวเปล่าๆอีกครึ่งถุงพอกินได้อีกมื้อถูกโยนลงไว้ในกระเป๋าท้ายรถอีกเช่นกัน
เจ้านายควบผมมุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน จากบ้านแถวหางดง กว่าลุงตุ๋ยพาผมไปเติมน้ำมันเบนซิน 91 อาหารโปรดของผมได้ก็เลยตัวเมืองสันป่าตองจนเกือบถึงทุ่งเสี้ยว เดี๋ยวนี้น้ำมันเบนซิน 91 เพียวๆเริ่มหายากขึ้น ส่วนใหญ่จะมีแต่น้ำมันผมแอลกอฮอล์ที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร ลุงตุ๋ยชำนาญเรื่องเครื่องจักรเครื่องยนต์ดีรู้ว่าถ้าเติมน้ำมันผสมแอลกอฮอล์ให้ผมแล้วใช้ไม่หมด ปล่อยให้ค้างอยู่ในถังเป็นเวลานานๆ ก้นถังก็มีโอกาสเป็นสนิมได้ ยิ่งลุงตุ๋ยเติมน้ำมันให้ผมทีใช้ไปได้ตั้งหลายเดือน แบบนี้ถ้ามีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในน้ำมันท้องไส้ผมมันจะแย่เอาน่ะดิ
น้ำมันเต็มถังแล้วออกเดินทางกันต่อ เรามาถึงแยกขึ้นดอยอินทนนท์เอาตอนเกือบบ่ายโมง โอ้เอ้ใช้ได้เลยนะ
แวะจ่ายค่าผ่านด่านเข้าเขตอุทยานแห่งชาติ ลุงตุ๋ยจอดรถล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจะจ่าย ฮ่าๆ คุณป้าที่ทำหน้าที่เก็บตังค์อยู่ในบูธสปี๊คอิงก์ลิชกับลุงตุ๋ย 555 "..Two hundred Baht.." เล่นเอาลุงตุ๋ยต้องร้องบอก "..คนเมืองเหมือนกั๋น.." ป้าถึงได้บอก "..คนสี่ซิบ..รถซาวบาท.." เค้าดูยังไงเห็นลุงตุ๋ยเป็นคนต่างชาติไปได้ ก็แกแต่งตัวง่ายๆตามปกติ เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นตัวเดียว ห้อย GPS สีเหลืองไว้ที่คอ กางเกงเดินป่าสีกากี รองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลก็แค่นั้น ใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มหน้าสีดำและแว่นกันลมปิดบังอำพรางใบหน้าเหี่ยวย่นและผมสีขาวบนศีรษะเอาไว้แบบนี้ละมั้ง นี่ถ้าถอดหมวกกันน็อกออกมาตอนจ่ายตังค์ เค้าจะถาม "..เอายาดมไปตวยก่อลุง.."รึเปล่า?
![]() |
![]() |
|
![]() |
||
![]() |
![]() |
![]() |
โปรดติดตามตอนต่อไป..
เมื่อวันที่ : 08 ก.ย. 2553, 11.39 น.
โอ้..ลุงตุ๋ย สวัสดีและยินดีต้อนรับครับ เจ้าลายม์คันนี้เท่และเหมาะกับลุงตุ๋ยมาก ได้อ่านบรรยายการเดินทางแล้วคิดถึงเจ้าเต่าจอมโม้ขึ้นมาเลย อยากไปแอ่วโตย จะหาโอกาสแว้บไปเยือนครับ
ดีใจจริง ๆ เห็นลุงตุ๋ยสดชื่น แข็งแรงดีอย่างนี้ ผมก็พลอยมีไฟไปด้วย
สุขี สุขี ครับ