![]() |
![]() |
สะพานกระดาษ![]() |
...วันสิบ ๔ กันยายน ๒๕๕๓ เป็น หลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องอยากบอกเล่าไว้เป็นความทรงจำ วันเวลามันไม่อยู่กับที่ ชีวิตคนเราก็เดินทางเช่นกัน สามสี่เด...
วันสิบ๔ กันยายน ๒๕๕๓
เป็น
หลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องอยากบอกเล่าไว้เป็นความทรงจำ วันเวลามันไม่อยู่กับที่ ชีวิตคนเราก็เดินทางเช่นกัน สามสี่เดือนอาจจะดูนานหรือดูรวดเร็วขึ้นอยู่กับการเดินทางของแต่ละชีวิต ส่วนของพวกเราทั้งครอบครัวก็คงตอบว่าไม่ช้าไม่เร็ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากไปได้ไกลกว่านี้สักนิดก็คงดีไม่น้อย เมื่อมาได้เท่านี้ก็ควรพอใจกับมัน พ่อว่ายังไงก็ดีกว่าสามเดือนผ่านไปแล้วยังเหมือนเพิ่งได้เดินสองสามวัน เพราะหากไม่พอใจกับมันก็จะหมดกำลังใจเดินต่อไปอีก มันก็คงจะแย่กันใหญ่
พ่อได้เริ่มทำอะไรใหม่ขึ้นมาหลายอย่าง ที่เคยทำมาเป็นกิจวัตรก็ยังคงพยายาทำอยู่ให้เสมอต้นเสมอปลาย ที่ได้ทำก็เกิดจากที่ได้คิดไว้นานแล้ว บางความคิดก็แช่แข็งข้ามปี บางอันก็ข้ามหลายปี พอมันสุกงอมจึงเกิดการลงมือทำ หรือทำเพราะทนกับการผลัดวันประกันพรุ่งของตัวเองไม่ได้ อายุมากขึ้น เวลาที่จะมานั่งคิดนั่งฝันโดยไม่ลงมือมันมีน้อยลง คล้ายมวยมีเชิงแต่ไม่ยอมชก ยกหลัง ๆ จะมาเร่งมันอาจแพ้คะแนนได้ พ่อจึงต้องลงมือทำ
ได้เริ่มเอาใจใส่กับสุขภาพมากขึ้น พ่อเกิดปีมะโรง คนจีนเรียกปีมังกร ซึ่งเป็นปีที่ควรเกิด คนปีนี้จะสุขภาพดี มีความสุข พ่อก็ไม่ถึงกับเอาชีวิตไปฝากไว้กับปีมังกรหรอก แต่ระยะหลัง ๆ รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นมังกรกระออดกระแอด ไม่สมศักดิ์ศรี จึงต้องหันหน้าเข้าหามัน แม่เขาเป็นคนเอาใจใส่สุขภาพมาก ถึงขั้นมังกรเดินหลบเข้าห้องไม่กล้าสบตา เพราะต้องถูกชวนไปเป็นเพื่อนวิ่ง พ่อก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่แม่เขาเสมอต้นเสมอปลายมา คำโบราณกล่าวไว้ว่า คนเราเวลาไม่เจ็บป่วยก็ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องสุขภาพ พ่อว่าคำนี้คมทิ่มแทงใจมังกรแก่จริง ๆ
ไปซื้อยาไวตามินชนิดกินวันละเม็ดมา เป็นของดีที่เคยกินหลายปีก่อน แม้จะไม่ค่อยถูกกับมันนัก แต่เมื่อร่างกายต้องการได้อะไรที่มันควรได้ในแต่ละวันและพ่อให้ไม่ได้ เพราะกินไม่ครบหมู่หมวด ก็ต้องเสริมมันไป ดีกว่าจะให้มันขาด เมื่อขาดมันก็เสื่อมและสึกหรอ ซึ่งยิ่งหนัก การกินยาวันละเม็ดก็ไม่ต่างกับแปรงฟันตอนเช้า พ่อจึงคิดว่าการเห็นฟันในปากสำคัญกว่าร่างกายทุกส่วนมันก็ไม่ดีนัก
ได้แบ่งเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น พ่อเป็นคนหนักเอาเบาสู้ มีงานก็ทำอย่างเต็มความสามารถ แต่เมื่อได้ตรวจสอบคุณภาพชีวิตของครอบครัวก็รู้ว่ามันไม่สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น ใจคิดว่าไปทำงานดูแลครอบครัว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มาคิดอีกทีชีวิตครอบครัวก็เหมือนร่างกายคนเรา ต้องกินอาหารให้มีประโยชน์ ต้องออกกำลังกายเอาใจใส่สุขภาพ ต้องมีเวลาได้พักผ่อน ไม่อย่างนั้นสุขภาพก็แย่ เรียกว่าต้องให้มันสมดุลย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อจึงหันมาแบ่งเวลาให้กับลูก ๆ และแม่มากขึ้น พวกเราจึงได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านมากขึ้น ได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี
ได้จับตัวเองเข้าโรงเรียนดัดสันดาน แม้จะฟังดูดุเดือดไป แต่พ่อว่าคำนี้เหมาะที่สุด เพราะหลายต่อหลายอย่างที่พ่ออยากเป็นแต่เป็นไม่ได้เพราะใจไม่เอา หรือทำบ้างไม่ทำบ้าง หลายต่อหลายอย่างที่เป็นไม่ได้มันก็หันมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิต บางทีก็วุ่นวายกันทั้งครอบครัว เมื่อรู้ว่ามันเป็นมะเร็งร้ายกัดกินชีวิตทั้งเป็น พ่อจึงหันมาใช้ไม้แข็งกับมัน ทุกวันตื่นเช้าพ่อจะคอยจับผิดตัวเอง ทุกครั้งที่ใจมันอยากมั่วหากรู้ทันก็จะเข้าไปขวางหน้ามันไว้ ทำมาหลายวัน ยอมรับว่าก็ร่อแร่เหมือนกัน เพราะนึกไม่ถึงว่ากิเลสมันจะหมัดหนักถึงขนาดนี้ มันเป็นนักมวยมืออาชีพที่ผ่านสังเวียนมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม หรืออาจตั้งแต่เรียนประถมโน่น พ่อเป็นเพียงมวยที่เอาแต่ซ้อมแต่ไม่ค่อยได้ขึ้นชก เมื่อฟาดปากกันมันก็เจ็บตัวพอสมควร
พ่อเรียกการเข้าโรงเรียนดัดสันดานใจนี้ว่า การทำดีทีละวัน แม้คนอื่นจะมองพ่ออย่างไร แต่ในสายตาของพ่อเองก็รู้ว่ายังต้องปรับปรุงตัวเองอีกมาก และยังปรับปรุงต่อเติม หรือซ่อมแซมได้ไม่มีที่สิ้นสุด หากเปรียบชิวีตเป็นบ้านหลังเล็ก พ่อคิดว่าคงต่อเดิมได้ไม่มีวันสิ้นสุด คงเป็นเพราะเป็นคนชอบทำ ไม่ดีก็ต้องทำให้จนมันดี
ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่จับตาดูตัวเองมา รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสงบเสงี่ยมมากขึ้น สำรวมเหมือนพระบวชใหม่ ไม่วู่วามโวยวายเหมือนก่อน พ่อเคยพูดกับลูกเสมอ ๆ เวลาพากันทำอะไรไม่คิดว่า อย่ามั่วสิลูก วันนี้ก็คงต้องบอกกับลูกว่า พ่อจะไม่พยายามมั่วโดยตั้งใจให้มากกว่าที่เป็นมาก็แล้วกัน ลูกยังเป็นเด็ก ดี ชั่ว ก็ยังแยกแยะไม่ค่อยออกมาก พ่อหนวดหงอกแล้ว ดี ชั่ว ควรทำ ไม่ควรทำ ก็รู้กระจ่างเป็นอย่างดี ไม่ต้องให้ใครมาบอกย้ำอีก เมื่อรู้ดีแล้วไม่ทำดีพ่อจึงคิดว่าต้องปรับปรุงตัวเอง ขอปรับปรุงซ่อมแซมให้มันเข้าที่ก่อนก็แล้วกัน เรื่องต่อเติมค่อยว่ากันต่อจากนั้น
พ่ออยากเป็นคนที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น เรื่องนี้ไม่มีใครทำแทนได้ ในชีวิตคนเราการจะเป็นอะไรสักอย่างมันต้องเป็นจากภายใน หล่อหลอมชีวิตจิตใจให้เป็นจนแยกไม่ออกจากชีวิตเลือดเนื้อเรา นี่คือการเป็นที่แท้และคงทน ไม่ต้องให้ใครมาตีตราประทับ เราเอาชีวิตประทับชีวิตให้กับตัวเอง ตราประทับที่ได้มาด้วยความไม่ยอมแพ้แก่ตัวเอง เมื่อควบคุมตัวเองได้ โลกทั้งใบมันก็อยู่ในกำมือเรา ลูกจงจดจำคำโบราณที่พ่อเอามาอ้างนี้ไว้ วันหนึ่งข้างหน้าลูกจะรู้ว่าคำนี้แม้เรียบง่ายรวบรัด แต่สร้างปาฎิหาริย์ให้กับชีวิตคนเราได้ทุกครั้งไปไม่เคยโกง
ในบรรดาหลาย ๆ อย่างที่ได้เริ่มทำมา พ่อรู้สึกว่าการเอาตัวเองเข้าโรงเรียนดัดสันดานใจภายในตัวเองส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อชีวิตประจำวันมากที่สุด เป็นโครงการที่ให้ผลกำไรมากที่สุด เรียกว่าเป็นโครงการพันล้านที่พ่อต้องสานต่อไม่ให้มันขาดทุน ส่วนโครงการพันสองพันหรือสองหมื่นก็มีโครงการใหญ่นี้คอยอุ้มชู เรื่องขาดทุนคงเป็นไปได้ยาก นี่เป็นการมองจากสายตาของพ่อที่เป็นเจ้าของธุรกิจอยู่ในชีวิตจริง
สามสี่เดือนผ่านไป อย่างน้อยที่เคยทำก็ได้ทำมาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ที่ไม่เคยได้ทำก็มีโอกาสได้ทำเพิ่มเข้ามาอีก พ่อถือว่าเป็นกำไรในการเดินทาง ทำให้เดินได้อย่างไม่เบื่อหน่าย สามสี่เดือนให้หลังเราค่อยมาย้อนดูรอยกันอีกที
พ่อก็อยากให้ลูกเอาใจช่วยแหละนะ แต่ในความเป็นจริงเรื่องอย่างนี้มันช่วยกันไม่ได้ อยากเป็นต้องหาทางเป็นเอาเอง อยากได้ก็หาทางไขว่คว้าเอาเอง อยากมีก็ดิ้น
รนให้มันมี แม้จะเคยได้ยินได้ฟังมาบ่อย แต่มันก็จริงอย่างยิ่ง โต้แย้งความจริงนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาด
แม้จะเป็นชีวิตหนึ่งที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา แต่โครงการพันล้านที่งดงามพ่อจะไม่ปล่อยให้พวกกิเลสตัณหาหน้าด้านทุกประเภทมาทำให้ล่มจมเด็ดขาด เพราะหากมันล่มจม ชีวิตของพวกเราทั้งครอบครัวก็ล่มจมสิ้นเนื้อประดาตัวไปด้วย นี่เป็นเรื่องที่พ่อยอมไม่ได้เด็ดขาด
รักลูกเช่นเคย
พ่อ
เมื่อวันที่ : 05 ก.ย. 2553, 07.54 น.
อ่านแล้วคิดถึงหนังสือชื่อ โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝาน ครับ
คุณสะพานกระดาษทำให้ผมคิดถึงพ่อครับ
ค่าที่ว่าเป็นเรื่องที่เขียนเพื่อคุยกับลูกเหมือนกัน และน้ำเสียงของพ่อก็อบอุ่น อาทรแบบเดียวกัน อ่านแล้วพลอยคิดถึงป่าป๊าของผมที่เสียไปหลายปีแล้ว(คิดแล้วก็ใจหาย) ผมเป็นลูกจีนเหมือนกันครับ โอกาสที่จะได้คุยกันแบบพ่อ ๆ ลูก ๆ มีน้อยมาก ความจดจำที่มีต่อพ่อ จึงเป็นภาพมากกว่าเสียง
นีกย้อนกลับไปแล้ว ตลอดชีวิตผมได้คุยกับพ่อ ๓ ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกพ่อพาไปนั่งเรือเมล์จากถนนตกไปท่าน้ำเมืองนนท์ เป็นการไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก ครั้งที่สองที่ขั้นบันไดขึ้นเหล่าเต้ง พ่อหยุดคุยกับผมเรื่องว่าโตขึ้นผมอยากจะเป็นอะไร และครั้งสุดท้ายเมื่อครอบครัวเรามีโอกาสไปเที่ยวเกาะเสม็ดด้วยกัน ผมกับพ่อเดินเล่นตอนเช้าบริเวณเนินหินสุดแนวหาด คุยกันเรื่อยเปื่อย จำได้ว่า พ่อพูดถึงเนื้อหมู เนื่อไก่ เดี๋ยวนี้ไม่อร่อยเหมือนแต่ก่อน
น่าเสียดายที่ผมคุยกับพ่อน้อยมาก
ขออภัยที่มาพร่ำเรื่องพ่อตัวเสียหลายย่อหน้า