ผมสูญเสียอะไรบางอย่างไป |
 |
punei
 |
...หากชีวิตของคนๆนึงไม่ต่างอะไรไปความรู้สึกที่บอบบางของตัวเรา กับความรู้สึกที่เรียกว่า การสูญเสีย...

หากชีวิตของคนๆนึงไม่ต่างอะไรไปความรู้สึกที่บอบบางของตัวเรา กับความรู้สึกที่เรียกว่า
การสูญเสีย

เมื่อสายลมพัดย้อนไปสมัยผมอยู่ ป.6 หากอยู่ดีๆผมไม่ได้จับกีต้าร์ตัวนั้นขึ้นมา และพ่อผมไม่บ้าจี้ตามผม ผมคงไม่มีวันนี้ วันที่ผมได้มันมาทั้งๆที่มีราคาแพงพอสมควร เพียงเพราะพ่ออยากมาให้ผมเล่น แต่ก็ยังมิอาจรู้ซึ้งถึงจิตวิญญาณของ ดนตรี เลย ฝึกได้ไม่นานก็ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของ ของเล่นราคาแพงที่เก็บไว้เปรียบเหมือนความเดียวดายและอ้างว้างของสิ่งที่ไร้ชีวิต

เติบโตมาอยู่ชั้น ม.4 ผมเบื่อหน่ายในชีวิตเหลือเกิน โดดเด่นเรื่องการเรียน แต่ชีวิตก็เหมือนถูกตีกรอบไปกับความกลัว กลัวแม้กระทั่งจับตะเกียบยังมือสั่น มองไปหาเพื่อนก็มีแต่มายาในสังคม เกมส์ออนไลน์เปรียบประดุจการคร่าชีวิตเพื่อนผมไปทีละคน โดดเดี่ยวและเดียวดาย "นั่นสินะ" ฉันขึ้นไปที่ห้องเก็บของ ค้นพบกีต้าร์ที่ไร้เพื่อน "เหมือนกัน"

จากนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไป หลังจากการเรียนทุกวัน ผมรู้จักกับเพื่อนใหม่ เพื่อนที่ไม่เคยทอดทิ้ง แม้การที่จะคบกับเพื่อนคนนี้ให้ถูกใจกันและกัน จะต้องใช้เวลาถึง 1 ปี และ 1 ปีนั้นจะต้องค้นพบกับความกดดันทำสบประมาทมากมายในสังคม จากความเดียวดายทางดนตรีของผม "แต่ถึงอย่างไร ต้องรู้จักดนตรี" นี่คือความรู้สึก สิ่งที่ผมจะต้องมุ่งมั่นมากที่สุดตั้งแต่ผมได้ใช้ชีวิตมา เพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้จะทำให้ชีวิตมีพลัง

และแล้วผมก็คบกับเพื่อนคนนี้ รักเท่าชีวิต เพราะเพื่อนคนนี้คอยปลอบเมื่อตัวฉันทุกข์ระทม ครื้นเครงใจเมื่อฉันได้พบรักใหม่ และยามชีวิตมหาวิทยาลัย ฉันกับเพื่อนได้พากันไปค้นพบโลกที่ไม่เคยคิดว่า ฉันจะได้ทำอย่างนี้มาก่อน "โลกแห่งประกวด โลกแห่งการแสดง" แม้ไม่ได้รับรางวัลอะไรมาเลย แต่มีความสุขที่ได้ทำ ได้สร้าง และได้สัมผัสกลิ่นอายของมัน

สุดท้าย เ้รื่องก็ได้ดำเนินมาถึงจุดของการสูญเสียอะไรบางอย่างไป เกิดบางสิ่งบางอย่างทำให้นิ้วนางมือซ้ายกระแทกกับเหล็กชั้นวางของขณะทำงาน เจาะลงไปที่นิ้ว เลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ผมวิ่งไปห้องพยาบาลที่ทำงาน เสียงอันตระหนกของนางพยาบาล บาดหัวใจผม ที่ต้องเดินทางสู่โรงพยาบาล ทุกอย่างเป็นชะตาชีวิต หมอวินิจฉัยพร้อมบรรจงเย็บรอยแผลที่บอบช้ำ เส้นเอ็นขาดไป นิ้วที่ต้องเข้าเฝือกอ่อน และสิ่งนี้นี่แหละทำให้ผมได้รู้ว่า ผมกำลังสูญเสียอะไรบางอย่างไป กลับมาเฝ้ามองเพื่อนของผม และบ่นตัวเองในใจ "เพิ่งคิดได้เหรอ"

ก่อนที่ผมจะเจ็บมาจนทุกวันนี้ ผมเอาแต่ทำงาน ทำงาน และทำงาน จนไม่ได้มาคุยกับเพื่อน สายกีต้าร์ที่เหลือไว้เพียง 4 สาย พร้อมกับการสูญสิ้นดนตรีในชีวิต คำว่า พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี กลับมาวนเวียนในใจผม ผมเกือบสูญเสียมันไปตั้งแต่ป.6 แต่ด้วยแรงดลใจทำให้ผมได้กลับมารู้จักเพื่อนแท้ แล้วผมกำลังสูญเสียมันอีกเหรอ ผมไม่ยอมหรอก เมื่อวันที่นิ้วของผมได้กลับมา เพื่อนของผมสิ่งนี้จะกลับมาโบยบินตามจังหวะชีวิตของหัวใจอีกครั้ง ผมสัญญา

เมื่อวันที่ : 25 ธ.ค. 2552, 23.48 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...