![]() |
![]() |
ข้าวฟ่าง![]() |
...
พ่อจดจำทุกเรื่องราวของลูก ๙ คนที่มี จดจำรูปภาพของแม่ พี่ชายคนโต พี่สาวคนโต และน้องชายคนเล็กที่จากไปหลายปีได้ดีมาก พ่อไม่เคยลืมของใช้ทุกชิ้นว่าเป็นของใคร ไม่น่าเชื่อว่า พ่อจดจำเสื้อผ้าของฉันได้ทุกตัว ถ้ามีใครเอาไปใส่ พ่อจะแสดงอาการด้วยการชี้มือว่า สิ่...


บ้านนอกของฉันคนแก่ทั่วไป มักหลงลืมหรือจำอะไรไม่ได้ ใครๆจะพากันบอกว่า
"คนแก่ก็เป็นอย่างนี้แหละนะ จำอะไรไม่ค่อยได้ หลงๆลืมๆไปบ้าง เรียกว่า ใครขี้ลืมก็แก่แล้ว"
แต่ยายของฉันจดจำเรื่องราวและการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาได้ดี ฉันคุยกับยายบ่อยๆ และยายจำทุกเรื่องราวได้ อ่านหนังสือสวดมนต์หรือหนังสืออื่น ๆ ได้ดี หูได้ยินชัดเจน จำลูกหลานได้ทุกคน ความจำของยายเป็นเลิศจนยายตายทีเดียว วันที่ยายตายพระมาบิณฑบาตตอนเช้า พอพระเดินกลับวัด แล้วยายไอค็อกแค็กสองสามครั้งก็หมดลม ใครๆ บอกว่า "ยายเขามีบุญเยอะ ตายก็ยังตามพระไป" ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นม. ๑ แล้ว ก็ร้องไห้ตามแม่บ้างพี่บ้าง แต่ไม่ได้เศร้ามาก คงเป็นเพราะยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ งานศพยายจัดที่บ้าน มีการสวดศพถึง ๗ คืน มีคนมางานของยายมากทีเดียว
พ่อกับยายไม่ค่อยได้พูดกันเท่าไหร่ แม่บอกว่าลูกเขยกับแม่ยายเป็นอย่างนี้ ยายอยู่เฉพาะที่ของยาย พ่อก็อยู่เฉพาะที่ของพ่อ ไม่เคยก้าวก่ายกัน ฉันเลยไม่ค่อยได้เห็นยายคุยกับพ่อเท่าไหร่
พ่อเป็นคนไข้ที่เส้นเลือดในสมองแตก เพราะความดันโลหิตสูงจากผลของการกินเหล้ามามาก และเป็นเหล้าโรงเสียด้วย พ่อไปนอนโรงพยาลบาลเสียนาน ใส่สายอาหารและสายอะไรอีกสารพัด จนใคร ๆ คิดว่า พ่อคงไม่ได้กลับมาเป็นคนเดิมได้อีก วันที่พ่อเข้าโรงพยาบาล เพราะกินเหล้าแล้วฟุปไปกับโต๊ะในงานแต่งงานของพี่สาวที่เป็นลูกของป้าคนโต หมอที่โรงพยาบาลจังหวัด ส่งตัวพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไทฉันยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัดและทำงานไปด้วย จึงโทรศัพท์มาถามพยาบาลเรื่องอาการของพ่อเป็นระยะๆ พอเคลียร์งานกับเรื่องที่มหาวิทยาลัยเสร็จก็มาเยี่ยมพ่อ ไปฝึกให้พ่อทำกายภาพ และพาพ่อออกจากโรงพยาบาลไปดูแลที่บ้าน พ่อดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่พูดไม่ได้
หมอบอกว่า " พ่อจะเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกนะ ต้องช่วย ๆ กันดูแล ทำกายภาพ จะได้ฟื้นตัวเร็ว ๆ "
ลูก ๆ ได้แต่หวังว่า พ่อจะดีขึ้นและเป็นปกติเหมือนเดิม ตั้งแต่นั้นพ่อก็ต้องใช้ไม้เท้า พูดได้บ้างแต่ไม่ค่อยชัด ยกเว้นเวลาอารมณ์เสียแล้วด่าเท่านั้น ที่จะฟังได้เป็นคำ ๆ ฉันดูแลพ่อเพียงไม่กี่วันก็กลับไปเรียนและทำงานที่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม แต่ยังคงกลับไปเยี่ยมพ่อในทุกๆปีเท่าที่โอกาสจะอำนวย หรือมีวันหยุดพิเศษติดต่อกันหลายๆวันพ่ออยู่คนเดียวได้ในตอนกลางวัน เพราะลูก ๆต้องไปทำงาน มีครอบครัวของพี่สาว ๒ คน กับน้องสาวคนสุดท้องที่ไม่ได้แต่งงานอยู่ดูแลพ่อ
พ่อขยันที่สุดในสายตาของฉัน เพราะพ่อไม่เคยอยู่นิ่งแม้จะใช้ร่างกายได้เพียงซีกเดียว พ่อยังคงตักข้าวกินเอง ถอนหญ้ารอบๆ บ้าน และตามโคนต้นไม้ กวาดใบไม้ ไม่ว่าพ่อจะเห็นอะไรรกพ่อก็จะเก็บกวาดจนสะอาดไปทุกที่ พ่อเป็นคนไข้ที่ดีเสมอ ไม่เคยงอแง ไม่เคยวุ่นวาย มีวินัยกับตัวเอง กินยาง่าย ไม่เคยบ่นที่ต้องกินยาทุกวัน ที่สำคัญพ่อจดจำกิจวัตรทุกอย่าง การจัดวางข้าวของในบ้านอะไรอยู่ที่ไหน วางอย่างไร ลูกหลานคนไหนทำอะไรอยู่ที่ไหน ชื่ออะไร มีอะไรเป็นของใช้ของกินประจำตัว แม้แต่เสื้อผ้าชุดไหนเป็นของใคร พ่อจะจำได้ทั้งหมด เรียกว่า ความจำเป็นเลิศที่สุด
พ่อจดจำทุกเรื่องราวของลูก ๙ คนที่มี จดจำรูปภาพของแม่ พี่ชายคนโต พี่สาวคนโต และน้องชายคนเล็กที่จากไปหลายปีได้ดีมาก พ่อไม่เคยลืมของใช้ทุกชิ้นว่าเป็นของใคร ไม่น่าเชื่อว่า พ่อจดจำเสื้อผ้าของฉันได้ทุกตัว ถ้ามีใครเอาไปใส่ พ่อจะแสดงอาการด้วยการชี้มือว่า สิ่งนี้เป็นของใคร พ่อรู้ว่า ลูกคนไหนเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ทั้งที่พ่อนอนป่วยมา ๑๐ กว่าปี พ่อเบิกบานทุกครั้งเราพี่น้องกลับมารวมกัน... นอกจากเรื่องของลูกๆแล้ว พ่อยังจดจำเพื่อนและญาติของพ่อได้ดีอีกด้วย เวลาที่มีคนมาเยี่ยมพ่อ พ่อจะพยักหน้ารับรู้ว่า...พ่อรู้นะว่า เขาเป็นใคร พ่อจำได้อย่างไรกันนะ กับรายละเอียดพวกนี้ แม้บางเรื่องฉันเองยังลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
ฉันไม่ชอบเวลาเดียวที่พ่อเมาแล้วของขึ้น แม่เป็นคนบอกว่า " รีบหนีไปไกล ๆ ก่อนจะถูกตีหัว ตอนนี้ของกำลังขึ้นอยู่" เหตุผลเพราะพ่อจะกลายเป็นคนอื่นที่จะทำร้ายแม่ และลูกคนอื่น จนต้องวิ่งหนี หรือว่ายน้ำข้ามคลองไปเหมือนกัน ฉันเข้าใจเอาเองว่า "ลายสักตามตัวของพ่อคงทำให้ของขึ้น..."เพราะพ่อมีรอยสักเป็นเสือเผ่น หนุมาน มังกร ทั้งหน้าอก และแผ่นหลัง เวลาพ่อเมาแล้วของขึ้นพ่อจะกระโดดลงมาจากบนบ้านได้โดยไม่เจ็บ บางครั้งโดดไปในลวดหนามก็ไม่เคยเห็นพ่อเป็นอะไร บางทีพ่อตกข้างทางเพราะความเมา แต่ไม่เห็นพ่อมีรอยแผลที่ไหน นอกจากเสื้อผ้าที่ขาดเป็นริ้วแบบไม่มีชิ้นดี
"รอยสัก" นี้คงเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ฉันเคยสงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไร แค่มีรอยสักทำไมคนเราทำอะไรได้เหมือนไม่ใช่คน...ฉันไม่เชื่อแต่ไม่เคยลบหลู่ แล้วคนที่มีรอยสักส่วนใหญ่ดูหน้าตาน่ากลัว เหมือนคนที่เป็นนักเลงในหนังโจรสลัดที่ฉันเคยเห็นเลยทีเดียว
ฉันได้แต่คิดว่า ถ้าฉันแก่อย่างพ่อทุกวันนี้ ฉันจะยังจำคนทุกคนได้เหมือนพ่อหรือเปล่านะ??? และฉันก็ยังคงฝันที่จะให้พ่อกลับไปเดินได้-พูดได้เหมือนเดิม ทั้งที่รู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นความหวังที่หล่อเลี้ยงให้ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อภูมิใจ อย่างน้อยพ่อจะต้องจดจำได้ว่า ฉันเป็นลูกที่ดี และรักพ่อมากที่สุดเสมอมา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฉันจะเขียนจดหมาย ส่งการ์ด ส่งรูปไปให้พ่อเสมอ...ที่สำคัญฉันกอดพ่อทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อ ทั้งที่พ่อไม่ชอบเลย คงเป็นเพราะพ่อเป็นคนสมัยเก่ากระมัง???
เมื่อวันที่ : 30 ส.ค. 2552, 20.26 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...