![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ได้เห็นหน้าลูกชายตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลก และได้เจอกับคนที่ฉันอยากเจอเขามาตลอด ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ ในเวลาแบบนี้...
คืนนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับ คิดถึงใครคนหนึ่งที่ห่างหายกันไปนาน และก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร ไม่มีใครได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเขาเลย ฉันเอ่ยถามจอยก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
"จอย ได้ข่าวอ้นบ้างไหม" ฉันเอ่ยถาม
"บอกตรง ๆ นะ ตั้งแต่วันที่อร ไปอังกฤษ จอยก็ไม่ได้ยินข่าวของอ้นเลย" จอยตอบ
ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่วันที่มีเรื่องคราวนั้น ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอย่างไร
อย่างน้อยฉันเองน่าจะลองติดต่อเขาในฐานะเพื่อนเก่า เบอร์โทรศัพท์ของเขาฉันก็ยังจำได้ขึ้นใจ ถ้าเขายังใช้เบอร์เดิมอยู่ก็ไม่น่ายากที่จะโทรไปเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
แต่ฉันไม่กล้า ไม่กล้าแม้แต่จะกดเบอร์โทรศัพท์ของเขา ฉันกลัว ถ้าใครเคยมีความรู้สึกกลัวแบบฉันก็จะเข้าใจ ฉันกลัวที่จะได้รู้ความจริง กลัวใจตัวเอง กลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง ความกลัวเกิดจากความคาดหวัง ถ้าฉันยังคงมีความคาดหวังในตัวเขาอยู่ นั่นก็แสดงว่าฉันยังไม่พร้อมที่จะติดต่อไป ฉันควรจะอยู่เฉย ๆ ก่อน รอเวลาที่ฉันจะลืมความรู้สึกเก่าๆ เมื่อถึงตอนนั้นมันอาจจะเป็นการง่ายที่จะติดต่อไปหาเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง



ฉันท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที น้ำหนักตัวของฉันขึ้นมาจากเดิมเกือบ20กิโล เพราะอาหารบำรุงจาก คุณยาย และคุณย่าของลูกชายของฉัน
"คุณได้ลูกชายนะคะ เด็กปกติดีค่ะ"
คุณหมอบอกฉันตั้งแต่ฉันท้องได้เพียง 5 เดือนด้วยการอัลตร้าซาวน์ ท่ามกลางความปิติยินดีของครอบครัว โดยเฉพาะคุณปู่ ท่านดีใจเป็นพิเศษ เพราะว่าท่านอยากได้หลานชายไว้สืบสกุล
ฉันตัดสินใจที่จะผ่าคลอดตามคำแนะนำของคุณหมอ คุณหมอให้เหตุผลว่าเด็กตัวใหญ่ ประกอบกับฉันเป็นคนที่กระดูกเชิงกรานเล็ก จึงเสี่ยงกับการคลอดยาก ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็เห็นด้วย เพราะนอกจากจะสะดวกในการเลือกวันตามที่ต้องการแล้ว ยังไม่ต้องมาคอยพะวงว่าฉันจะเจ็บท้องคลอดเมื่อไหร่อีกด้วย



และแล้ววันที่น่ายินดีที่สุดของครอบครัวก็มาถึง ฉันได้ให้กำเนิดหนุ่มน้อยที่หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดูที่สุด
ฉันได้ยินเสียงร้องของเขาดังมาก มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก มันปลาบปลื้มปิติยินดี นี่ฉันเป็นแม่คนแล้วหรือนี่
"นี่ลูกชายของคุณแม่ค่ะ ดูสิคะ หล่อไม่ใช่เล่นเลย" คุณหมออุ้มลูกมาให้ฉันดู
ฉันพยักหน้าตอบรับด้วยความตื้นตัน ฉันแตะนิ้วน้อย ๆ ของเขา เพื่อเป็นการทักทายว่า ลูกจ๋านี่แม่เองนะ ก่อนที่คุณหมอจะพาเขาไปเตรียมพร้อมในอีกห้องนึง
ญาติพี่น้องทุกคนมากันพร้อมหน้าเพื่อมาเชยชมหนุ่มน้อยของฉัน ฉันแทบจะไม่ได้ทักทายกับใครเลยเพราะความเพลีย ฉันลุกไปไหนไม่ได้ต้องนอนอยู่อย่างนั้นก่อน คุณหมอบอกว่าวันนี้ให้ฉันพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยลุกนั่ง อาจจะลำบากสักนิดนึงแต่ก็ต้องพยายาม ฉันพยักหน้า แล้วก็หลับไป
ฉันหลับไปนานแค่ไหนก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าห้องเงียบ ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเหมือนตอนแรก
"พี่อร ตื่นแล้วหรือคะ เป็นยังไงบ้างคะ" ปูดำเด็กที่บ้านรีบวิ่งมาหาฉัน
"ทุกคนกลับไปหมดแล้วค่ะ เขาอยากให้พี่อรพักผ่อนให้มาก ๆ เห็นคุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้จะรีบมาแต่เช้าน่ะค่ะ" ปูดำรายงาน "พี่อรต้องการอะไร บอกปูดำเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"
ฉันพยักหน้าตอบรับ ฉันยังรู้สึกมึน ๆอยู่บ้าง แต่ไม่รู้สึกเจ็บ อาจจะเป็นเพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ก็เป็นได้
"เอ่อ พี่อรคะ เมื่อสักครู่มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาเยี่ยมน่ะค่ะ แต่พอเขาเห็นพี่อรหลับอยู่เขาเลยขอตัว" ปูดำบอก
"เขาได้บอกหรือเปล่าจ๊ะ ว่าเขาเป็นใคร" ฉันถาม
"ไม่ได้บอกค่ะ และหนูก็ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนด้วยนะคะ" ปูดำตอบ
ฉันเริ่มสงสัย ใครกันนะที่มาเยี่ยมฉัน ภายในใจก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นอ้น เพียงแค่คิดหน้าก็ร้อนผ่าว ใจเต้นรัว ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกใจนึงก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันสะดุ้งโหยงเพราะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ มีคนเปิดประตูเข้ามา จอยนั่นเอง
"อร เป็นยังไงมั่งเพื่อน" จอยถาม
ฉันพยักหน้าตอบอย่างโล่งอก
"ดูสิ หน้างี้ซีดเชียว เจ็บมากไหม" จอยถามอย่างห่วงใย
"ไม่จ้ะ แค่เพลียนิดหน่อยเอง พรุ่งนี้คงดีขึ้น" ฉันตอบ
"ดีแล้วล่ะ เออ อร มีใครบางคนรอเยี่ยมอยู่ข้างนอกแน่ะ" จอยทำหน้าพิรุธ
"ปูดำ ไปเชิญคุณผู้ชายหน้าห้องให้เข้ามาซิ เห็นยืนเก้ ๆ กังๆ อยู่หน้าห้อง บอกให้เข้ามาก็ไม่เข้า"
ปูดำรีบวิ่งไปเปิดประตู และคนที่เดินเข้ามาในห้องก็คือเขาจริง ๆ อ้นนั่นเอง
"พี่ผู้ชายคนนี้แหล่ะค่ะ ที่เขามาเยี่ยมพี่อร ตอนที่พี่อรหลับอยู่น่ะค่ะ" ปูดำรีบบอก
"อ้าว มานานแล้วเหรอ นึกว่าเพิ่งมา เห็นยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่หน้าห้อง ถ้าจอยไม่มานี่ไม่ต้องยืนจนถึงเช้าเลยหรือจ๊ะ" จอยแซว
ฉันตีมือจอยเบา ๆ ปรามเธอให้พูดน้อยลงหน่อย
อ้นยิ้มเขิน พลางเดินเข้ามาหาฉันที่ข้างเตียง
"อร สบายดีไหมครับ ไม่เจอกันนานเลยนะ" อ้นยิ้มทักทาย
ฉันพยักหน้าตอบเขา ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าให้เขาฟัง ฉันดีใจมากที่เจอเขาในวันนี้ สิ่งที่ฉันเคยคิดกลัวต่าง ๆ นา ๆ มันมลายหายไปในทันทีที่เจอหน้าเขา เขายังคงเป็นอ้นคนเดิมที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยไม่เคยเปลี่ยน
"อ้นล่ะ สบายดีไหมคะ" ฉันถามเขา
"สบายดีครับ" เขาตอบ
ฉันกับเขายิ้มให้กัน วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ได้เห็นหน้าลูกชายตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาออกมาดูโลก และได้เจอกับคนที่ฉันอยากเจอเขามาตลอด ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ ในเวลาแบบนี้
เราสามคนนั่งคุยกันเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน อ้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ตอนนี้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บริหาร ได้ยินเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ฉันก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วย
"นี่อ้น แล้วมีแฟนใหม่หรือยัง ผู้บริหารหนุ่มแถมโสด สาว ๆ ไม่ตอมกันใหญ่เลยหรือนี่?" จอยแซว
ไม่มีเสียงตอบจากเขา บรรยากาศเงียบไปในทันที
"นี่ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเงียบกันล่ะ" จอยถาม
"ก็จอยเล่นถามซะตรงแบบนี้ อ้นก็อายแย่เลยสิ ใช่ไหมอ้น" ฉันแก้แทน
อ้นยิ้ม เขาคงไม่อยากตอบ
"แหม ถามแค่นี้ก็ต้องทำเป็นอายด้วย ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันมีนัดกับเจ้านายไว้ด้วย ขืนไปช้ามีหวังโดนสวดยับแน่ เขายิ่งเป็นคนตรงต่อเวลาอยู่ด้วย" จอยพูดไปพลางมองนาฬิกาข้อมือ
"อะไร จะไปแล้วเหรอ เพิ่งมาถึงเองนะ? ฉันถามเพื่อน
"ฉันมารอบนึงแล้ว แต่เห็นอรหลับเลยเดินออกไปหาซื้อของฝากมาให้ เดินเพลินไปหน่อยเลยเพิ่งเข้ามานี่แหล่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่นะอร" จอยพูดพลางสะพายกระเป๋า
"ไปก่อนนะอ้น แล้วค่อยคุยกันวันหลัง เออ ปูดำมากับพี่หน่อยสิ ไปช่วยยกของขึ้นมาหน่อย พี่ซื้อของฝากมาเต็มรถเลย มีของอร่อย ๆ มาฝากเธอด้วย มาเร็ว พี่รู้ว่าเธอจะต้องชอบ" จอยเย้าปูดำ แล้วก็รีบพากันออกไป
ฉันกับอ้นมองหน้ากัน ต่างคนต่างเงียบ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เจอกันนานมาก เลยวางตัวไม่ค่อยถูก
"อร เหนื่อยไหมครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า" อ้นถามอย่างเกรงใจ
"ไม่หรอกค่ะ อรหลับมาหลายชั่วโมงแล้ว ถ้าจะนอนอีกก็คงไม่หลับ" ฉันบอกเขา
"หลานชาย น่ารักนะ อ้นเห็นเขาแล้วล่ะ ท่าทางแข็งแรงมากเลย" เขาชวนคุย
"แน่นอนอยู่แล้ว ก็เขาเป็นลูกของอรนี่นา" ฉันบอกเขา
เราทั้งสองเงียบกันอีกครั้ง ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ให้ตายสิ
"อ้นเสียใจด้วยนะครับ เรื่องพี่หนึ่ง อ้นขอโทษที่อ้นไม่ได้มาอยู่ให้กำลังใจอร มันคงไม่เหมาะในเวลาแบบนั้น แต่อ้นก็เชื่อนะว่าอรจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน"
น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว มันยากที่จะทำใจได้เวลาที่ใครพูดถึงเรื่องนี้
ฉันรีบปาดน้ำตา ไม่อยากให้น้ำตามาทำลายบรรยากาศที่น่ายินดีนี้
"นี่อร..ร้องไห้! ผมนี่มันแย่จริง ๆ เลย ไม่น่ามาพูดเรื่องแบบนี้กับอรตอนนี้เลย" เขาทำหน้าเสียใจ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าคิดมากเลยนะ อรเข้าใจว่าอ้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายความรู้สึกอร อรดีใจนะที่ได้เจออ้นอีก อรนึกว่าอรจะไม่ได้เจอกับอ้นอีกแล้ว" ฉันบอกเขา
"ทำไมอรพูดแบบนี้ล่ะ ยังไงอ้นก็ต้องมาหาอร อ้นไม่มีวันปล่อยให้อรต้องเผชิญกับความเศร้าเสียใจเพียงลำพังหรอก" เขาจับมือฉันแน่น มองตาฉัน สายตาจริงจังของเขาทำให้ฉันต้องเลื่อนมือออกจากเขา
"ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันไม่ควร ผมพยายามแล้ว แต่ผมไม่เคยลืมอรได้เลยแม้สักวัน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอดูแลอรตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ" เขาพูดจริงจัง
ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา ไม่ใช่ว่าฉันไม่ดีใจที่ได้ฟังคำสารภาพจากเขา แต่ฉันไม่กล้าพอที่จะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมาให้เขาได้รับรู้
ปูดำเข้ามาพอดี พร้อมกับหอบของพะรุงพะรัง อ้นรีบเข้าไปช่วยปูดำยกของไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์
"นี่ก็สายมากแล้ว อ้นว่าอ้นควรกลับก่อน อรจะได้พักผ่อนเยอะ ๆ ดูแลตัวเองนะครับ พรุ่งนี้อ้นจะมาเยี่ยมใหม่" เขาบอกฉัน
เขาหันหลังกำลังจะเดินออกไป
"อ้นคะ" ฉันเรียกเขา
เขาหันกลับมามอง
"พรุ่งนี้เจอกันนะคะ" ฉันบอกเขา
เขาพยักหน้าตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย
ฉันรู้สึกสับสน ใจนึงก็ดีใจมากที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง อีกใจก็กลัวว่ามันจะไม่เหมาะไม่ควร นี่ฉันควรจะทำอย่างไร ภายในใจของฉันมันเรียกร้อง ฉันยังไม่ลืมเขา ฉันยังรักเขาอยู่
คุณพ่อคุณแม่จะว่าอย่างไร ถ้าหากท่านรู้ว่าเราสองคนกลับมาพบกันอีก คุณพ่อคุณแม่ของพี่หนึ่งอีก พวกท่านคงจะไม่พอใจเป็นแน่ถ้าพวกท่านรู้ว่าฉันคิดปันใจไปให้ผู้ชายคนอื่นแทนลูกชายของเขา
ไหนจะเด็ก ๆ อีกล่ะ ลูกชายของอ้น กับลูกชายของฉัน พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร จะยินดียอมรับพ่อใหม่ แม่ใหม่หรือเปล่า
ระหว่างความรัก และความเหมาะสมฉันควรจะเลือกอะไร ทั้งสองอย่างมันจำเป็นสำหรับชีวิตของฉันทั้งนั้น ฉันต้องคิดให้หนัก และเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
ฉันจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่มากกว่าตัวของฉันเอง เพราะว่าทุกคนคือผู้ที่มีพระคุณกับฉัน ทุก ๆ คนรักและเป็นห่วงฉันจากใจจริง ถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ ฉันก็คงจะต้องยอมทำตามความต้องการของพวกท่าน
เมื่อวันที่ : 21 มิ.ย. 2552, 01.39 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...