![]() |
![]() |
คนบ้านป๋าง![]() |
...วันนี้เป็นวันอาทิตย์ลูกชายคนแรกไม่ได้ไปโรงเรียนผู้เป็นแม่จึงชวนไปนาเพื่อไปดูแลวัว 4 ตัวของเขาพร้อมกับน้องชายคนสุดท้อง ลูกชายคนแรกขับรถด้วย...
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ลูกชายคนแรกไม่ได้ไปโรงเรียนผู้เป็นแม่จึงชวนไปนาเพื่อไปดูแลวัว 4 ตัวของเขาพร้อมกับน้องชายคนสุดท้อง ลูกชายคนแรกขับรถด้วยความเร็วน้อยกว่า 40 กม/ชม เพราะว่าเขาไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เขาและคนที่เขารักทั้งสองได้รับบาดเจ็บกับเขา เขาขับรถไปช้าๆ ตามองโน่นมองนี่ น้องชายคนเล็กของเขายิงคำถามต่างๆ ที่อยากรู้จนผู้เป็นแม่ชักรำคาญ สองข้างทางช่างมีธรรมชาติสวยงามเป็นที่เพลิดเพลินตาของเขา เขาขับไปช้าๆ โดยมีธรรมชาติฮ่อมล้อม เขามีความสุขที่จะขับรถมองอะไรไปนานๆ โน่นก็ต้นใผ่เป็นทิวทัศน์สวยงาม นั่นก็ดอยแสนสวยจะชุ่มชื่นเพราะเห็นเขียวชอุ่มไปทั้งดอย เขาขับรถไปเรื่อยๆ พอถึงที่เถียงนาเขาก็จอดรถโดยไม่ลืมล็อคคอเพราะอะไรเขาก็ไม่มีเหตุผลทั้งที แถวนั้นเป็นคนรู้จักกันหมดเขาจะกลัวหายไปใยแต่ก็คงเพราะความสบายใจของเขา พอจอดรถปั๊ปเขาก็เดินไปเบื้องหน้าเป็นสระน้ำที่มีน้ำเพียงครึ่งสระ แต่ข้างในสระนั้นมีทั้งผักบุ้ง ผักกระเฉด ที่เห็นจะร่วงรินไปบ้างแล้วเพราะปลูกมาเป็นปี ผีเสื้อน้อยใหญ่บินร่อนร่นชมดอกผักบุ้งสีขาวสะอาดตาที่ลอยเด่นอยู่กลางน้ำใส แมลงปอบินโฉบไปโฉบมา ก็สะดุดตาไม่น้อย ไม่เพียงแต่พวกแมลงเท่านั้นที่ร่าเริงกับการบินว่อนร่อนชมดอกผักบุ้งพาเองก็มีความสุขไปด้วย เขาชอบจ้องดูแมลงพวกนั้นนานๆ โดยไม่รู้สึกเบื่ออะไรเอ่ย กลับยิ่งชอบสระน้ำนั้นเมื่อเห็นฝูงปลาตัวสีแดงๆ เวียนว่ายมาทางที่เขานั่งอยู่เปรียบเสมือนมันมาตอนรับสัตว์ต่างถิ่นอย่างนั้นแหละ เขายิ่งชอบใหญ่ เนื่องจากรอยยิ้มนั้นเนิ่นนานจึง คนที่ผ่านมาสังเกตุได้ว่าเขากำลังดูฝูงปลา ลูกคอกปลาช่อนพวกนั้นด้วยความเสน่ห์หา "คงไม่นานพวกเจ้าก็จะโตมาเป็นปลาช่อนให้พวกฉันจับกินเป็นอาหารแล้ว" เขาพูดในใจ "เฮ้อสงสารจังแต่ไม่เป็นไรนะพวกเธอเกิดมาเป็นสิ่งล่อ เลียงโลกต้องยอมสังเวยชีวิตให้ผู้ล่า" เขาพูดในใจต่อ จากนั้นก็เหลือบไปเห็นงูตัวหนึ่งที่กำลังกินเขียดอยู่ เขียดตัวนั้นทุรนทุรายที่จะออกจากการบีบรัดของงูตัวนั้น ถ้ามันพูดกันรู้เรื่องเขียดตัวนั้นคงจะขอชีวิตจากงูตัวนั้นแน่นอน แต่นี่มันพูดไม่ได้ เขาจ้องมองอยู่นานจนเขาสงสารเขียดตัวนั้นไม่ได้จึงคว้าหินก้อนหนึ่งเขวี้ยงไปใส่งูตัวนั้นได้ผล เพราะงูตัวนั้นตกใจจึงปล่อยเขียดไป และมันก็หนีตามสันชาติยานของการเอาตัวรอด
เปลวแดดอ่อนๆพัดเข้ามาหาเขาในที่ร่มไม้ที่เขาอาศัยร่มเงาเมื่อหลบแดดอยู่ แต่เขาไม่ร้อนเท่าไหร่ เพราะใส่เสื้อแขนยาว อีกทั้งใจเขาเย็นเยือกเหมือนผืนน้ำสงบนิ่งในสระ โดยไม่มีลมไม่พัดให้เป็นคลื่นเล็กๆไปตามทิศทางที่ลมต้องการให้ไปตามใจตัวเอง จ๋อม เสียงของก้อนหินที่ถูกเขวี้ยงไปในสระทำให้น้ำกะเพื่อมไปตามแรงการเขวี้ยงนั้นเขาหันไปทางต้นแสียงนั้น ชาภพคือน้องชาย คนเล็ก 6 ขวบของเขา ชึ่งกำลังสนุกกับการเปรี้ยงหินไปในสระ "ทำอะไรน่ะ" เขาถามน้องชายคนเล็กของเขาพร้อมยิ้มรับและก็เดินไปหาน้องชายของเขา "ชาภพกำลังเขวี้ยงดวงอาทิตย์ที่อยู่ในน้ำครับพี่ธวัช" น้องชายของเขาตอบตามตรงเพราะชาภพเห็นเงาดวงอาทิตย์อยู่ในน้ำเขาจึงเขวี้ยงหินใส่ด้วยความไร้เรียงสาแต่ก็ดูน่ารักสมกับวัยถึงจะดูมอมแมมหน่อยชาภพก้ยังดูสดใส ร่าเริงชาภพเขวี้ยงต่อ
ธวัช นั่งอยู่บนสระตามเดิมแต่เปลี่ยนกิริยาบถเป็นการเปิดวิทยุฟังเบาๆเพื่อผ่อนคลาย และเขายังเอายอมาตั้งเพื่อจะยกยอเอากุ้งฝอยตัวอ้วนๆไปทำกับข้าวเย็นวันนี้ โดยที่เขาเอาปล้าร้าที่ไปขอจากป้าที่เขาเลี้ยงวัวอยู่ใกล้ คือป้าคนนั้นแกอยู่ที่เถียงนา แล้วมีคอยวัวไว้ใกล้ ความจริงก็มีหลายเถียงนาและคอกวัวผู้คนมักเรียกแถวนี้ว่า ป๋างงัว ก็คือบางทีเขานำวัวมาแรมรอนเลี้ยงให้กินหญ้า แถวรอบ ๆ ปาง ธวัช เอาปลาร้าทิ้งลงกลางยอ แล้วเอาลงไปตั้งในสระแล้วเขาก็มานั่งในร่ม ฟังวิทยุอย่างสบายอารมณ์ เขานั่งเงียบๆอยู่นานพอควร และเขาก็ต้องตื่นจากภวงค์ความเงียบเพราะแม่ของเขาไล่วัวลุงมาเลี้ยงภายในนาของเขาที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเขามาช่วยแม่ กันไม่ให้วัวเดินไปทิศทางอื่น แล้วเขาก็มานั่งที่เดิมต่อ
ร่มเงาของต้นไม้ที่เขานั่งอยู่ก็เคลื่อนไปตามเวลาและดวงอาทิตย์ เขาจึงย้ายจากร่มไม้ที่เก่านั้นมานั่งอยู่ริมกอใผ่ที่กำลังสลัดใบเพื่อความอยู่รอดของลำต้น เขานั่งรออยู่นานจนเพลินเขาก็ไปยกยอว่ามีอะไรติดบ้าง เขาก็ได้กังฝอยตัวอ้วนๆหลายตัวเขาจัดการตักเอากุ้งที่ได้ใส่ในถังน้ำที่เตรียมมา
อากาศเริ่มเย็นเพราะเวลาเย็นย่ำได้คืบคลานเข้ามาแม่ของ ธวัช ก็เรียก ธวัชและชาภพน้องของเขาไปหาและพากันกลับบ้าน เขาขับรถด้วยความช้าพอสมควร เขาขับไปตามถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและสองข้างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้หลากหลายที่มองเห็นเลือนลาง และก็มีหมอกลงเล็กน้อย บรรยากาศระหว่างทางกลับบ้านมืดครึ้ม แต่ก็มีกลิ่นไอของฝุ่นผสมกับหมอกเป็นกลิ่นไอของบ้านนาโดยแท้
เมื่อวันที่ : 04 ก.ย. 2551, 10.36 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...