![]() |
![]() |
Anantra![]() |
คุณพ่อ และคุณแม่ของพี่หนึ่งมาถึงแล้ว คุณพ่อกอดพี่หนึ่งร้องไห้โฮ และพร่ำพูดอะไรต่าง ๆออกมามากมาย จนฉันเองพลอยร้องตามไปด้วย ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคุณพ่อรักพี่หนึ่งมาก ที่ผ่านมาฉันเห็นท่านมักจะวางท่า และออกคำสั่งกับพี่หนึ่งอยู่เสมอ พี่หนึ่งเองก็น้อยใจคิดว่าคุณพ่อไม่รักอยู่บ่อยครั้ง ถึงตอนนี้พี่หนึ่งจะรับรู้ไหมว่าความจริงแล้วคุณพ่อนั้นรักพี่หนึ่งมากกว่าอะไรทั้งหมด
ผิดกับคุณแม่ที่เข้มแข็ง ท่านไม่ร้องไห้ฟูมฟายเลยสักนิด ท่านเดินมากอดฉันอย่างอ่อนโยน พลางปลอบใจฉันให้เข้มแข็ง ท่านบอกให้ฉันนึกถึงลูกในท้องให้มาก ๆ ท่านดีใจที่ฉันจะมีทายาทน้อย ๆ ให้กับท่าน ฉันรู้ดีว่าลึก ๆ ในใจของท่านคงจะปวดร้าวมากกว่าใคร คุณแม่ท่านเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูพี่หนึ่งมาด้วยความรักอย่างที่สุด พี่หนึ่งถึงได้มีความรักมากมายให้กับฉัน และ คนใกล้ชิด ได้อย่างทั่วถึง
และแล้วพี่หนึ่งก็จากไปอย่างสงบในคืนนั้น เหมือนว่าการรอคอยของเขาได้สิ้นสุดลง คนที่เขารักและรอคอยทั้งหมดได้มาอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
เรากลับประเทศไทยพร้อมกันทั้งหมด รวมทั้งพี่หนึ่งด้วย



งานฌาปนกิจพี่หนึ่งผ่านไปด้วยความโศกเศร้า แขกเหรื่อมากันมากมาย คุณแม่ของฉันท่านไม่อยากให้ฉันมาร่วมงาน เพราะฉันกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ คนโบราณเขาถือ แต่ฉันดึงดันจะมาให้ได้ งานของพี่หนึ่งก็เหมือนงานของฉัน ฉันอยากจะอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย
ฉันยืนนิ่งมองควันจากปล่องไฟลอยขึ้นไปบนฟ้า ฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มองจนกว่าควันจะจางหายไป จนกว่าฉันจะมองไม่เห็นมัน ปกติถ้าเป็นเวลาแบบนี้พี่หนึ่งจะต้องมายืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน โอบไหล่ฉันไว้ ปลอบโยนให้ฉันคลายความเศร้า แต่ไม่มีอีกแล้ว พี่หนึ่งไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว มีแต่ฉันคนเดียว เพียงลำพัง
ฉันกลับไปอยู่บ้านที่เป็นเรือนหอของเราสองคน บ้านที่พี่หนึ่งซื้อไว้ให้กับฉัน แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันกลับไปอยู่บ้านของท่านเหมือนเดิม แต่ฉันก็ยังยืนยัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เรือนหอของฉันกับพี่หนึ่งเป็นเรือนร้าง ฉันจะดูแลบ้านหลังนี้ให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พี่หนึ่งตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อสองเรา
คุณแม่ของฉันมาค้างกับฉันเกือบทุกวัน ท่านไม่อยากให้ฉันอยู่เพียงลำพัง แม้ว่าฉันจะยืนยันว่าฉันอยู่ได้ ฉันสบายดี แต่ก็ดูเหมือนท่านจะไม่วางใจ ท่านเป็นห่วงฉัน คอยจัดเตรียมข้าวปลาอาหารให้ฉันทานอยูเสมอ นี่แหล่ะคือความรักบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูก ฉันรู้สึกซาบซึ่ง และ เคารพรักพระคุณของแม่จริง ๆ



ฉันช่างอาภัพ ไม่เคยมีความสุขสมหวังในชีวิตรัก ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามทำมันให้ดี่ที่สุด แต่ผลสุดท้ายก็จะต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสียใจเสมอ ฉันยังจำได้ดีมีหมอดูคนหนึ่งเคยทักฉันไว้นานมาแล้ว วันนั้นฉันไปเดินเล่นกับจอย พอดีเห็นร้านรับดูดวงชะตาราศี ฉันกับจอยก็เลยลองเข้าไปดูเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไร
หมอดูบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรรักใคร เพราะถ้ารักแล้วจะไม่สมหวังในรัก และก็ทำนายทายทักอะไรต่าง ๆ มากมาย ถ้าลองกลับมาทบทวนดูแล้วส่วนใหญ่จะตรงเกือบทุกเรื่องที่จำได้ ที่จำไม่ได้ก็มีมากเพราะตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ฉันรู้สึกอยากกลับไปดูกับแกอีกครั้งทันที
ถึงตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมผู้หญิงเวลาอกหัก หรือไม่สมหวังในความรักถึงมักจะชอบพึ่งหมอดูเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ เรื่องแบบนี้ไม่เสียหายอะไร แต่ก็เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าเจอหมอดูที่ดีมีจรรยาบรรณก็ดีไปเพราะเขาจะเตื่อนสติ และบอกแนวทางแก้ปัญหาที่ดี แต่ถ้าเจอหมอดูที่ไม่ดีก็อาจจะเสียทั้งเงิน สียทั้งเวลา แถมบางครั้งอาจจะเสียตัวกันไปได้ง่าย ๆ ถ้าเชื่อถืองมงายอย่างขาดสติ
ฉันโทรหาจอยในตอนเช้าวันเสาร์ เพื่อชวนเธอไปเป็นเพื่อน จอยจะอยู่ข้าง ๆ ฉันเสมอเวลาที่ฉันต้องการใครสักคน เธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีคำปลอบใจมากมาย แต่ฉันก็อุ่นใจทุกครั้งที่มีเธอ
"จอย นี่อรเองนะ" ฉันทักทาย
"อรเหรอ? ดีใจจัง เป็นยังไงมั่งพื่อนรัก" จอยถามน้ำเสียงห่วงใย
"ดีขึ้นมากแล้ว ว่าจะชวนไปข้างนอกด้วยกันสักหน่อย ว่างหรือเปล่าจ๊ะ" ฉันถาม
"ว่างสิ เบื่อจะแย่แล้ว จะชวนไปไหนก็ไปทั้งนั้น" จอยพูด
"จอยเธอยังจำหมอดูคนนั้นได้ไหม วันนั้นที่เราไปเดินเล่น แล้วเราแวะเข้าไปดูกันเล่น ๆ ฆ่าเวลาน่ะ"
"จำได้สิ ป้าหมอดูคนนั้น ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่าจะไปดู ไม่เคยเห็นอรจะเชื่ออะไรแบบนี้เลยนี่นา"
"ก็ลองมานั่งทบทวนดูแล้วป้าแกก็ดูแม่นอยู่เหมือนกัน"
"ใช่ จำได้ว่าป้าแกบอกกับฉันว่า ฉันจะต้องแต่งงานสองครั้งแล้วเนื้อคู่จริง ๆ จะเป็นชาวต่างชาติ ต่างภาษา"
"เหรอแล้วเป็นไง เจอหรือยังชาวต่างชาติคนนั้น"
"ยังหรอก จะมีก็แต่อีตาโทโมโน เจ้านายใหม่ เพิ่งย้ายมาจากญี่ปุ่นได้ไม่กี่เดือน ชอบกวนประสาทฉันเป็นประจำ ปวดหัวจะแย่ ไม่ไหวเลยจริง ๆ"
" หรือว่าจะเป็นคนนี้ " ฉันเย้า
"บ้า...ทำพูดไปนะอร แล้วจะไปหรือเปล่า ก็ดีเหมือนกันจะได้มีอะไรทำ แก้เซ็ง"
"ไปสิจ๊ะ เจอกันที่เดิมนะ 10 โมงเช้า" ฉันบอกจอย
เราสองคนไปหาป้าคนนั้นที่เดิม แต่ไม่เจอ เราเดินหากันยกใหญ่ แต่ก็ไม่มี จอยจำได้ว่ามันเคยอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นร้านขายเสื้อผ้าไปแล้ว จอยเดินเข้าไปถามเจ้าของร้าน ได้ใจความว่าเขาเป็นคนมาเช่าต่อจากป้าแก พูดจบเขาก็ยื่นเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของป้าแกไว้ เขายังบอกอีกว่า บ้านป้าแกเดินไปไม่ไกลจากที่นี่ แต่ถ้าจะไปหาก็ให้โทรไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าแกจะว่างหรือเปล่า เพราะแกค่อนข้างเป็นที่รู้จักแล้ว ไม่ใช่หมอดูโนเนมเหมือนแต่ก่อน
ฉันกับจอยรีบโทรไปทันที โชคดีที่วันนี้ป้าแกเพิ่งจะกลับเข้ามา พอดีกับที่ฉันโทรเข้าไปพอดี แกเลยยังไม่มีนัดกับใคร
"สวัสดีค่ะคุณป้า จำเราได้ไหมคะ ที่เคยมาดูดวงกับคุณป้าเมื่อ 2-3 ปีก่อน" จอยเอ่ยถามทักทาย
ป้าแกยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร แต่เชิญพวกเราเข้าไปนั่งข้างใน จอยไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบเขียนชื่อพร้อมวันเดือนปีเกิดให้คุณป้าแกทันที
"ป้าคะ ช่วยดูให้หน่อยนะคะว่า จะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับเขาบ้างไหม"
คุณป้าแกเปิดสมุดเก่า ๆ เล่มนึง มีดวงเก่า ๆ ที่ทำนายไปแล้วเต็มไปหมด แกถามชื่อ นามสกุล แล้วแกก็ไล่หาจนเจอดวงของจอย
"โห นี่คุณป้ายังเก็บไว้อยู่หรือคะเนี่ย" จอยถาม
"จ้ะ ป้าเก็บไว้ทั้งหมดแหล่ะ ไว้เป็นสถิติ การดูดวงก็คือสถิติอย่างหนึ่งนะ" ป้าแกบอก
แล้วป้าแกก็เริ่มดูดวงของจอย และป้าแกยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจอยจะต้องได้แต่งงานอีกครั้งกับคนต่างชาติต่างภาษา ไม่เกิน 5 ปีนี้แน่นอน จอยถึงกับหน้าแดง และรีบเฉไฉถามเรื่องอื่น ๆ ทันที รวม ๆ แล้วดวงของจอยช่วงนี้กำลังดี ทั้งเรื่องงาน และเรื่องของความรัก
จอยดีใจยกใหญ่ ฉันก็ดีใจไปกับเธอด้วย เพื่อนรักมีความสุขฉันก็มีความสุขไปด้วย
ถึงตาของฉันแล้ว ป้าแกแค่เปิดสมุดไปไม่กี่หน้าก็เจอ เพราะคราวที่แล้วเราสองคนมาดูด้วยกัน ดวงก็เลยอยู่หน้าใกล้ ๆ กัน
ป้าแกบอกว่า เนื้อคู่ของฉันจะต้องเป็นคนมีตำหนิ นั่นหมายถึง จะต้องเป็นพ่อหม้าย หรือไม่ก็จะต้องผ่านการมีครอบครัวมาก่อน ความรักค่อนข้างมีอุปสรรค ไม่ควรจัดงานแต่งงานหรูหรา ใหญ่โต แค่ผูกข้อไม้ข้อมือให้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายรับรู้แค่นั้นก็พอ ไม่เช่นนั้นจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน จะมีเหตุทำให้ไม่สามารถที่จะครองคู่กันไปได้
ฉันเริ่มน้ำตาคลอ ไม่ใช่ว่าฉันจะเชื่ออะไรมากมายกับคำทำนาย แต่ฉันรู้สึกว่ามันแทงใจ มันช่างเหมือนกับชีวิตของฉันเหลือเกิน เหมือนจนทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาว่าทำไมถึงได้ลิขิตชีวิตรักของฉันให้เป็นแบบนี้
"หนูอรจะต้องอกหักถึง 4 ครั้งนะ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น" ป้าแกบอกฉัน
"โหป้า อะไรกันคะ 4 ครั้งเลยเหรอ แค่นี้เพื่อนของหนูก็แย่แล้วนะ ขืนมีอีกมีหวังแย่กันพอดี" จอยโวยขึ้นมา
"แล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วล่ะ" คุณป้าถาม
"ครั้งที่ 4 แล้วค่ะ" ฉันตอบแก
"นั่นสิ ความรักของหนูกำลังจะสมหวังแล้วนะ เขาคนนั้นคนที่เป็นเนื้อคู่ที่แท้จริงของหนู เขากำลังรอหนูอยู่ และป้าคิดว่าหนูเคยรู้จักเขาคนนั้นมาแล้ว" ป้าแกบอก
ถึงตอนนี้ฉันถึงกับเงียบไป ไม่ใช่ว่าฉันจะเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณป้าท่านบอก แต่คนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่ตอนนี้ก็คือเขา แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะฉันไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาเลย จะให้ถามใครฉันก็คงไม่กล้า อีกอย่างฉันกำลังจะมีลูกกับพี่หนึ่ง มันคงจะไม่ควรอย่างมากที่จะคิดถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากสามีของตัวฉันเอง ถึงแม้ว่าเขาจะจากฉันไปแล้วก็ตาม
จอยถามคุณป้าว่า ทำไมถึงดูดวงได้แม่นยำ แกตอบว่ามันคงจะเป็นพรสวรรค์ของแก และแกเองก็มีใจรักในศาสตร์แห่งการทำนายนี้ แกดูดวงมาเกือบ 30 ปี แกมีประสบการณ์ แต่แกก็บอกว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่แกจะทำนายถูก เพราะมันมีตัวแปรอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่มันสามารถจะทำให้ดวงชะตาของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ นั่นก็คือความประพฤติของตัวเราเอง ถ้าเราประพฤติดี ความดีก็จะเสริมดวงชะตาของเราให้ดี จากที่จะต้องหนักหนาสาหัส ก็อาจจะกลายเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่ถ้าเราประพฤติไม่ดีต่อให้ดวงดีแค่ไหนก็คงป่วยการ แต่ในเรื่องของความรักเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยาก การที่คนสองคนจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน รักกัน มันเป็นผลมาจากความผูกพันธ์กันมาแต่ชาติปางก่อน การที่เราจะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับใคร หรือไม่นั้น จะต้องมีเรื่องของพรหมลิขิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยส่วนหนึ่ง เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เพราะไม่มีใครสามารถบังคับใจใครได้
ฉันเห็นด้วยกับป้าแกในเรื่องที่ว่า ความรักไม่สามารถบังคับใจกันได้ ต่อให้ดีเลิศสักแค่ไหน ถ้าเราไม่รัก ทำอย่างไรก็ไม่รัก บางคนไม่ว่าจะทำร้ายเราสักแค่ไหน แต่ในใจเรากลับนึกถึงเขาไม่เคยลืมเลือน
เมื่อวันที่ : 12 พ.ค. 2551, 16.33 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...