...พงษ์อมปากกระบอกปืนเอาไว้ เงยหน้าขึ้น กะให้วิถีของมันส่องขึ้นไปที่ฐานสมอง...

สองยามพอดีเมื่อพงษ์กลับมาถึงบ้าน เขาเอาปืนลูกซองยาวลำกล้องเดี่ยวที่สะพายมาวางลงบนโต๊ะกินข้าว มันยังใหม่เอี่ยม ดูเหมือนจะไม่เคยยิงมาก่อนเลย !...

พรุ่งนี้ก็จะออกพรรษาแล้ว ฝนห่างออกไปและวันเลือกตั้งก็ยังอยู่อีกนานเกือบสองเดือน พงษ์นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆโต๊ะ ปืนมีลูกอยู่ในลำกล้องแล้ว เขาใส่ลูกเอาไว้เองเมื่อก่อนออกไปเข้าเวรที่จุดตรวจประจำหมู่บ้านเมื่อหัวค่ำนี้ในฐานะตำรวจชุมชนของหมู่บ้านและเพิ่งจะกลับจากที่นั่น ปืนพร้อมที่จะยิงได้ทันทีเมื่อปลดเซ๊ฟออก ! ....

หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจชุมชนได้รับการกำชับมาว่า ระยะนี้ให้ตรวจจับยาเสพติดในหมู่บ้านให้เข้มงวดเป็นพิเศษ และยังรับได้มอบปืนของราชการไว้ให้ใช้ด้วย ...ทั้งบ้านเงียบสงบ แม่ของเขาคงหลับ ไปแล้ว

ตลอดสามปีที่ผ่านมาพงษ์มีความกลัดกลุ้มมาตลอด เขาไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลยนับตั้งแต่โรงงานที่ทำงานอยู่เลิกจ้าง ลำไยที่สวนหลังบ้านซึ่งมีอยู่สิบกว่าต้นไม่สามารถจะให้เงินแก่ครอบครัวพอใช้ได้ตลอดปี อย่าว่าแต่ตลอดปีเลย เฉพาะปีนี้ขายลำไยทั้งสวนยังได้เงินไม่กี่พันบาท มันเท่ากับเงินที่จะได้ใช้เพียงเดือนเท่านั้น

พงษ์พยายามลงทุนปลูกผักในที่ว่างหลังบ้านแต่ก็ขายได้เงินไม่พอเป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว เพียงแต่พอมีผักกินบ้างโดยไม่ต้องซื้อเท่านั้น เขาต้องออกรับจ้างทำงานทั่วไปเช่นตัดหญ้า ทาสี เป็นลูกมือช่างก่อสร้างทั่วทั้งตำบลตามแต่จะมีใครจ้าง การตกงานเป็นทุกข์อย่างยิ่งสำหรับคนอย่างเขา

แต่การว่างงานของพงษ์นี่เอง ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเหรัญญิกของกองทุนหมู่บ้านซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากเป็น เพราะไม่มีเงินเดือน มีเพียงเงินปันผลซึ่งได้จากกำไรปีละไม่กี่ร้อยบาทแต่ต้องคอยเดินเก็บเงินที่สมาชิกกู้ไปคืนทุกเดือน งานนี้ “ดูดี” สำหรับพงษ์เพราะมันดูว่าเขาเป็นคน “มีงานทำ” เขารับงานนี้โดยไม่ลังเล
และคงเป็นเพราะชะตาชีวิตกำหนดไว้ จึงทำให้ทางอำเภอแต่งตั้งให้พงษ์เป็น “ตำรวจชุมชน” ของหมู่บ้านอีกตำแหน่งหนึ่ง ตำรวจชุมชนเป็นนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่จะให้ชุมชนดูแลงานความปลอดภัยในหมู่บ้านกันเอง เขาไปรับการอบรมจากกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้แต่งเครื่องแบบคล้ายตำรวจจริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกเช้าเขาจะแต่งเครื่องแบบและใส่ปลอกแขนจราจรไปยืนโบกรถที่ถนนหน้าโรงเรียน
พงษ์ภูมิใจในสถานะทางสังคมแบบใหม่ที่เขาได้รับเป็นอย่างยิ่ง การเป็นตำรวจเป็นเรื่องที่เขาไผ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก เขายังจำคำที่พ่อพูดไว้นานมาแล้วได้ดี...

“พ่อไม่มีเงินหรอกลูกเอ๋ย !” พ่อบอกกับพงษ์เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมเมื่อเขาบอกว่าอยากจะสมัครเข้าโรงเรียนพลตำรวจ สมัยนี้แม้จะเข้าเป็นพลตำรวจรับใช้ชาติก็ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ !

ดังนั้นการได้แต่งเครื่องแบบตำรวจที่เขาเคยไผ่ฝันมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดของพงษ์ ... ตำรวจชุมชนไม่มีเงินเดือนแต่มีเบี้ยเลี้ยงเมื่อต้องออกตรวจหรือไปดูแลความสงบตามงานเทศกาลงานบุญต่างๆในหมู่บ้านแทนตำรวจจากโรงพัก นอกจากนี้ทางอำเภอยังจ่ายค่าเครื่องแบบให้ปีละสองชุดอีก ด้วย...

เป็นตำรวจชุมชนทั้งทีจะเดินหรือขี่จักรยานออกตรวจความสงบในหมู่บ้านนั้นมันดูกระไรอยู่ เสียศักดิ์ศรีตำรวจ ทั้งยังช้าไม่ทันการ ดังนั้นพงษ์จึงจำต้องซื้อมอเตอร์ไซค์มาคันหนึ่งเพื่อใช้ในงานรักษาความสงบ เขาต้องซื้อวิทยุวอล์กี้-ทอล์กี้เครื่องหนึ่งสำหรับพกติดตัวเพื่อเอาไว้ฟังข่าวสารจากโรงพัก เขาซื้อกุญแจมือมาพกด้วยยามเมื่อต้องเข้าเวร

ไม่ใช่ทุกคนที่สมัครเป็นตำรวจชุมชนจะได้เป็น แต่สำหรับพงษ์ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นผู้นำชุมชนคนหนึ่ง เขาเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาครั้งหนึ่ง สมัยหนุ่มก็เคยเป็นทหาร เคยแบกปืนยืนยามหน้าค่ายมาแล้ว ทั้งยังเป็นเหรัญญิกกองทุนหมู่บ้านด้วย ดังนั้นพงษ์จึงได้เป็นตำรวจชุมชนของหมู่บ้านอย่างเต็มภาคภูมิ มีเกียรติและศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่าใครในตำบลนี้ เขามีมวลชนเป็นฐาน ด้วยข้อนี้เองที่นักการเมืองต้องมาขอพึ่งยามเมื่อต้องการคะแนนเสียงหรือเพื่อการเคลื่อนไหวจากชุมชน พงษ์มีมวลชนเป็นสินค้าในมือ !

จุดผกผันของชีวิตพงษ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากเขาเป็นตำรวจชุมชนได้สองปี เมื่อเมียเขาไปรับเอาเด็กผู้หญิงที่เป็นญาติห่างๆของเธอจากต่างอำเภอมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน เพิ่มปากท้องที่จะต้องเลี้ยงดูขึ้นอีกคนหนึ่ง

“พ่อแม่มันตายหมดแล้วไม่มีใครดูแล พี่กับฉันก็ไม่มีลูกเอามาเลี้ยงไว้เถิด แก่เฒ่าไปจะได้มีคนดูแล” นี่เป็นเหตุผลที่เธอเอาเด็กหญิงตั๊กแตนอายุสิบสามมาเลี้ยงให้ช่วยทำงานบ้าน

ความจริงก็ไม่เลวนักหรอก เพราะพอเด็กตั๊กแตนมาอยู่ด้วย เมียของเขาก็เปิดบริการรับซักรีดผ้าในหมู่บ้าน ซึ่งก็พอมีเงินเป็นค่ากับข้าวประจำวันอยู่บ้าง ถ้าเขาจะกระเหม็ดกระแหม่ใช้เงินอย่างระมัดระวังหลังจากหักค่าผ่อนส่งเครื่องซักผ้าและค่ารถมอเตอร์ไซค์ในแต่ละเดือน

ของต่างๆทั้งรถมอเตอร์ไซค์ วิทยุวอลกี้-ทอลกี้และเครื่องซักผ้า พงษ์เอาเงินที่สมาชิกกองทุนหมู่บ้านเอามาจ่ายไปดาว์นก่อนโดยไม่เอาเข้าบัญชีธนาคาร และก็เอาเงินที่เก็บได้นั่นแหละไปผ่อนรายเดือน แต่เขาก็ทำบัญชีรับ-จ่ายอย่างถูกต้องเรียบร้อยไว้แสดงต่อกรรมการกองทุนซึ่งประชุมบ้างไม่ประชุมบ้าง มันดูถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่บัญชีประจำเดือนนั้นๆไม่ตรงกับเงินในบัญชีธนาคาร

ไม่มีใครรู้หรอกถ้ายังไม่ถึงสิ้นปี ! ซึ่งจะมีการตรวจบัญชีใหญ่เสียทีหนึ่ง และอะไรๆก็อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนสิ้นปี เพราะการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีในปลายปีใกล้เข้ามาแล้ว การเงินกำลังจะเดินสะพัดในหมู่บ้านเมื่อใกล้เลือกตั้ง เขาในฐานะที่เป็นผู้นำชุมชนคนหนึ่งซึ่งมีมวลชนเป็นฐาน มีโอกาสที่จะได้อานิสงส์จากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งนัยว่าจะมีการ “ทุ่ม” กันขนาดหนัก เขาคงจะหาเงินไปใส่ธนาคารให้ครบได้ทัน ! นี่เป็นความคาดหวังของพงษ์

จำนวนเงินที่ “ขอยืม” มาจากกองทุนทั้งอย่างไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นทุกเดือนนั้น เพียงสิบเอ็ดเดือน เขาก็เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านเงินถึงเกือบแสนบาท
กรรมการกองทุนหมู่บ้านคงจะเฉลียวใจอะไรบางอย่าง จึงเรียกให้มีการประชุมใหญ่ประจำปีของกองทุนหมู่บ้านในอาทิตย์หน้านี้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดเปรียบเทียบกับเงินในสมุดบัญชีธนาคารที่เขาถืออยู่ มีเจ้าหน้าที่ของอำเภอร่วมตรวจสอบด้วย

ตลอดชีวิตพงษ์ไม่เคยได้จับเงินแสนเลย แต่วันนี้กลับต้องมาเป็นหนี้ถึงแสนบาท เขารู้สึกเครียดมากในตลอดสองสามวันที่ผ่านมา การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นความหวังก็ยังอยู่อีกไกลเกือบสองเดือน แกนนำพรรคการเมืองที่เป็นความหวังขยับตัวเข้ามาในหมู่บ้านบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาติดต่อเขาเลย ! คราวนี้พวกนักการเมืองระวังตัวกันมาก !

เมื่อวานซืนพงษ์ได้ข่าวมาว่า เหรัญญิกกองทุนหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เอาเงินไปใช้ส่วนตัว ถูกกรรมการกองทุนไปแจ้งความที่โรงพักตามระเบียบ เหรัญญิกถูกจับ ต้องมีคนไปประกันตัว

พงษ์นึกถึงสภาพของตัวเองกำลังถูกพิมพ์ลายนิ้วมือมือในฐานะผู้ต้องหาอยู่บนโรงพักด้วยความกลัดกลุ้ม ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขาอาทิตย์หน้า ใครจะไปประกันตัวเขา !

เสียงเด็กอ่อนร้องมาจากห้องข้างล่าง พงษ์ขบกรามแน่น ลูกชายอายุห้าวันของตั๊กแตนคงกำลังร้องจะกินนม ตั้งแต่เธอตั้งท้องขึ้นมา แม่วัยสิบสี่หาพ่อให้เด็กในท้องไม่ได้ มิใยที่ทั้งเมียและแม่เขาจะคาดคั้นอย่างไรเด็กหญิงตั๊กแตนก็ไม่ยอมบอกใคร จิ๊กโก๋สองสามคนที่เคยมาชวนเธอไปถีบจักรยานเล่นอยู่พักหนึ่งเมื่อต้นปีที่แล้วกลายเป็นจำเลยของสภากาแฟและโต๊ะเหล้าก๊งประจำหมู่บ้าน แต่บางคนก็เชื่อว่าเธอตั้งท้องมาจากบ้านเก่า สภาชาวบ้านหาข้อยุติเรื่องนี้ไม่ได้ และมันก็นำความเสื่อมเสียมาถึงตำรวจชุมชนซึ่งเป็นเจ้าบ้านด้วยว่าเขาดูแลเด็กในปกครองอย่างไรจึงปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ .....

“อีตั๊กแตนอายุเพิ่งจะสิบสี่ ใครถูกจับได้ละมึงเอ๋ย ติดคุกหัวโต !” ลุงแก้วบอกกับเพื่อนร่วมวงในร้านเหล้าประจำหมู่บ้านในวันที่เมียเขาพาตั๊กแตนไปคลอดที่โรงพยาบาล ...

เสียงเด็กอายุห้าวันที่เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวร้องอีกแล้ว เมียเขาเพิ่งจะไปรับตั๊กแตนกับลูกเกิดใหม่ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านวันนี้เอง เธอต้องคอยช่วยแนะนำและเลี้ยงดูไอ้หนูน้อยด้วยแม่ของมันยังไม่ประสีประสาเรื่องเลี้ยงลูกเลย ตำรวจชุมชนหนุ่มใหญ่เครียดจัดจนหัวแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ !

คืนนี้พงษ์ออกเวนเมื่อตอนสี่ทุ่ม ก่อนเวลาสองชั่วโมง เขาแวะที่โต๊ะเหล้าก๊งในหมู่บ้าน ยังมีพวกขาประจำนั่งรากงอกอยู่สองคน ร้านเหล้าเป็นที่ “หาข่าว” ได้ดีแห่งหนึ่ง หนานฤทธิ์หัวหมอประจำหมู่บ้านกับลุงบุญทา แพทย์ประจำตำบลกำลังคุยกันอยู่พอดี พงษ์สั่งเหล้าแสงโสมมาสองก๊งรวด ! ....

“ตำรวจเขามีวิธีสอบสวนหรอกน่า พุทโธ่ เด็กแค่อายุสิบสี่ขู่เดี๋ยวเดียวมันก็เปิดหมดว่าใครทำมัน ! ” หนานฤทธิ์ซึ่งมีลูกเขยเป็นตำรวจขยายขี้เท่อในวงเหล้า

“ทางมูลนิธิคุ้มครองเด็กของจังหวัดรู้เรื่องนี้เข้า เขาแจ้งมาทางโรงพักให้สืบเรื่องแล้ว” หนานฤทธิ์เอาข่าวที่อ้างว่ารู้มาจากลูกเขยบนโรงพักมาขยายต่ออย่างภาคภูมิใจ

พงษ์ยกแสงโสมสองก๊งในแก้วกระดกลงคอไปทันที รวดเดียวหมด...! นี่เป็นข่าวที่เขาเพิ่งจะได้ยิน มันไม่ออกมาทางวิทยุวอล์กี้-ทอล์กี้ของเขาเลย

“ถ้าเด็กมันรับว่าใครทำ เขาก็เอาตัวไอ้คนนั้นไปเจาะเลือดหา ดี.เอ็น.เอ. ถ้าตรงกันก็นอนตะรางแน่นอน ยอมความไม่ได้ด้วย” ลุงบุญทา แพทย์ประจำตำบลเสริมหนานฤทธิ์ก่อนจะจิบเหล้าขาวในแก้วของแกต่อ

“เอาแสงมาอีกสองก๊ง ! ” พงษ์ตะโกนสั่งเจ้าของร้าน ...

เกือบจะเที่ยงคืนแล้วแล้ว เสียงนกเค้าแมวร้องอยู่บนต้นมะขามหลังบ้าน... พงษ์มองไปยังรูปพ่อที่ฝาห้อง แสงโสมสี่ก๊งเพียวๆทำให้สมองของเขาปวด ตุ๊บๆ ...

พ่อก็มองตรงมาที่เขา สายตาของพ่อดูอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจ เขาขยับเก้าอี้หันหลังให้รูปพ่อ หยิบปืนลูกซองยาวขึ้นมาจากโต๊ะ ปลดเซ๊ฟออก ! หย่อนพานท้ายปืนวางลงกับพื้นกระดาน หงายปากกระบอกปืนขึ้น ดึงมันมาหาตัว พงษ์อมปากกระบอกปืนเอาไว้ เงยหน้าขึ้น กะให้วิถีของมันส่องขึ้นไปที่ฐานสมอง ตาเหลือบมองลงไปที่โกร่งไกปืนข้างล่าง เขายกเท้าข้างขวาขึ้น เอาหัวแม่เท้าสอดเข้าไปที่ไกปืน

นังจุด แมวขาวจุดดำเข้ามาเคล้าเคลียขาข้างซ้ายของพงษ์ หวังจะให้เขาอุ้มมันขึ้นมาเกาคางอย่างเคย !

เสียงเด็กน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านร้องขึ้นอีกแล้ว พงษ์ตัวสั่นสะท้าน ! เกียรติศักดิ์ของตำรวจที่เขารักหนักหนาแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง ...O

เมื่อวันที่ : 12 เม.ย. 2551, 10.10 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...