![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...ฉันสัญญาว่าฉันจะตอบแทนความรักจากเขา ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีของเขา จะซื่อสัตย์ต่อเขาคนเดียว แต่ฉันขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น ฉันคงมอบหัวใจให้เขาไม่ได้ เพราะฉันได้ยกหัวใจของฉันทั้งดวงให้กับคน ๆ หนึ่งไปแล้ว...
ฉันยื่นใบลาออกจากงานกับหัวหน้าเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของเพื่อนร่วมงานทุกคน ฉันคงต้องคิดถึงทุก ๆ คนเป็นแน่ แผนกเราเป็นแผนกเล็ก ๆ แต่ทุกคนก็สนิทสนมกันดี เพราะทำงานด้วยกันมานาน ฉันทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ทำมานานเกือบ 9 ปี คนอื่น ๆ ก็อยู่กันมานาน นานกว่าฉันซะอีก เราทำงานกันแบบสบาย ๆ ช่วยเหลือกัน ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนแผนกอื่น ๆ
และวันนี้เป็นวันที่ฉันจะทำงานเป็นวันสุดท้าย แน่นอนหัวหน้า และเพื่อน ๆ ทั้งแผนกพากันไปเลี้ยงส่งฉันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แถว ๆ ที่ทำงาน
"อร ยินดีด้วยนะ แล้วอย่าลืมกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างล่ะ" ตุ้มเพื่อนร่วมงานวัยเดียวกันบอกฉัน
"แน่นอน อรต้องกลับมาหาพวกเราอยู่แล้ว" ฉันบอก
"อรนี่โชคดีจริง ๆ เลยนะ คุณหนึ่งทั้งหล่อทั้งรวย นี่เขายังพอมีพี่ชายเหลือบ้างไหม" พี่ดาวถามเล่น ๆ
"นี่น้อย ๆ หน่อยพี่ดาว คุณหนึ่งเขาเป็นลูกคนเดียวจ้ะ แหมตัวเองก็มีแล้วยังมาอิจฉาคนอื่นเขาอีก" ตุ้มเย้า
"แหม ก็ตาแก่ที่บ้านน่ะ พุงก็พลุ้ย หัวก็ล้าน เห็นแล้วหมดรมณ์ สู้คุณน้องหนึ่งของน้องอรก็ไม่ได้ จริงไหมจ๊ะ" พี่ดาวพูดติดตลก ทำให้ทุกคนหัวเราะกันใหญ่
"ขอบคุณทุกคนมากนะคะ แล้วต้องไปงานอรกันให้ได้นะ อรจองโต๊ะเผื่อให้ตั้งเยอะ จะพาเพื่อนพาแฟน ไปด้วยก็ได้นะคะ" ฉันบอกทุกคน
คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกัน ชีวิตของฉันกำลังจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่ต้องลาออกจากงานเท่านั้นยังต้องไปอยู่ต่างประเทศกับพี่หนึ่งอีกตั้ง 2 ปี แถมพี่หนึ่งยังบอกอีกว่าอยากมีลูกหลาย ๆ คน เขาอยากให้ฉันเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านทำกับข้าว เลี้ยงลูก รอพี่เขากลับจากที่ทำงาน นั่นคือชีวิตในฝันของพี่เขา
บอกตรง ๆ แค่คิดก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ถึงแม้ว่าฉันจะเคยคิดขี้เกียจไม่อยากทำงาน แต่ก็ไม่ชอบอยู่กับบ้านตลอดเวลา ไหนจะทำกับข้าวอีกล่ะ ฉันทำเป็นซะที่ไหน ยังไม่ทันไรก็เริ่มปวดหัวซะแล้ว



ช่วงนี้ฉันกับพี่หนึ่งตระเวนแจกการ์ดแต่งงานไปเรื่อย ๆ ไปแจกตามบ้านญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของทั้งสองฝ่าย ไปตามบ้านเพื่อนสนิท ไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ของพี่หนึ่ง ไม่ค่อยมีเวลาว่างมานั่งคิดเรื่องอะไรมากมาย
งานแต่งานถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่วันแต่งจริงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ห้องจัดเลี้ยง อาหาร ดนตรี หรือแม้แต่กระทั่งพิธีที่เป็นทางการ คุณพ่อของพี่หนึ่งลงทุนจ้างบริษัทรับจัดงาน(organizer)ที่มีชื่อเสียงมาจัดงานให้ มีพิธีกรพร้อมเสร็จสรรพ ซึ่งฉันกับพี่หนึ่งแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่จำสคริปที่พวกเขาทำไว้ให้ก็เพียงพอ นอกนั้นทีมงานของเขาจะจัดการให้หมด ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขกเหรื่อที่มางาน บริษัทได้จัดสาว ๆ สวย ๆ มารอต้อนรับอยู่หน้างานให้ด้วย
จะมีที่พวกเราต้องจัดการกันเองก็คือคนเก็บซอง และของขวัญเท่านั้น และคนที่รับหน้าที่นั้นก็คือ ใยอ้อม น้องสาวตัวแสบ กับจอย เพื่อนรักของฉันนั่นเอง
"อร ตื่นเต้นไหมครับ อาทิตย์หน้าแล้วนะ พี่อยากจะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จัง" พี่หนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่เรากลับจากไปดูงานที่โรงแรม
"เหมือนกันค่ะ" ฉันตอบไปอย่างนั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
"บริษัทที่รับจัดงานให้เรานี่ฝีมือใช้ได้นะ พี่เคยไปงานแต่งที่พวกเขาจัดนี่ เยี่ยมเลย งานดูดีมาก ๆ นักร้องก็ระดับมืออาชีพ พิธีกรก็ดำเนินงานได้ดี" พี่หนึ่งพูด
ฉันได้แต่พยักหน้าไปเรื่อย ๆ ตามใจเขา อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันยินดีที่จะเป็นผู้ตามอย่างเดียวเท่านั้น
ระยะนี้ฉันเหนื่อยมากทั้งกาย และใจ ยังคงคิดมากเรื่องเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว ฉันควรจะต้องทำใจได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งทำให้คิดมากกว่าเดิม
บางครั้งฉันอยากจะแต่งมันซะวันนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จะได้เลิกคิดซะที คิดถึงอ้นทีไรก็รู้สึกผิดกับพี่หนึ่งทุกครั้ง พี่หนึ่งดีกับฉันมาก ไม่เคยพูดถึงเรื่องอ้นอีกเลยหลังจากวันนั้น แต่เขาจะรู้ไหมว่าหลังจากวันนั้นฉันกลับคิดถึงแต่อ้นตลอดเวลา ฉันนี่แย่จริง ๆ



พี่หนึ่งขับรถพาฉันเข้าไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างแพง เพราะอยู่ในตัวเมือง เฉพาะแค่ค่าที่ยังไม่รวมบ้านก็แพงแล้ว เขาจอดรถหน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง เขาพาฉันเดินเข้าไปดูข้างใน มีคนงานกำลังปรับปรุง ดัดแปลง ต่อเติมอยู่ พอพี่หนึ่งกับฉันเดินเข้าไป ทุกคนก็หยุดทำ แล้วเดินออกไปกันหมด
"ชอบไหมครับ" พี่หนึ่งถาม
"ก็สวยดีค่ะ แต่อรว่ามันไม่ใหญ่ไปหน่อยหรือคะ" ฉันบอกไปตามตรง
"สำหรับอรครับ ของขวัญวันแต่งงานจากพี่ บ้านหลังนี้พี่ให้เป็นชื่อของอรคนเดียว เราจะมาอยู่บ้านหลังนี้กัน หลังจากที่กลับมาจากอังกฤษแล้ว" เขายิ้มหน้าบาน
ฉันเงียบ มันพูดอะไรไม่ออก มีแต่ความตื้นตันอยู่เต็มไปหมด ฉันรู้สึกผิดต่อเขามาก เขาช่างดีกับฉันจริง ๆ น้ำตามันไหลออกมาโดยที่ฉันไม่รู้ตัว
"อร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ร้องไห้ทำไม ไม่ชอบบ้านหลังนี้เหรอ ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวพี่ไปบอกเจ้าของโครงการเขายกเลิกได้นะ" พี่หนึ่งพูดน้ำเสียงตกใจ
ฉันกอดเขาแน่น ร้องไห้ให้กับความไม่รักดีในใจของฉัน ทำไมเขาถึงดีกับฉันขนาดนี้ แต่ฉันกลับไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด
"อร บอกพี่สิว่าเป็นอะไร ไม่ชอบบ้านหลังนี้เหรอ บอกพี่ได้นะ" เขาถามฉันอีก
ฉันส่ายหน้าบอกเขา พลางเช็ดน้ำตา
"เฮ้อ โล่งอก พี่นึกว่าอรจะไม่ชอบซะอีก อุตส่าห์ต่อรองราคากันแทบแย่ แล้วร้องไห้ทำไมครับ บอกพี่ซิ" พี่หนึ่งถามน้ำเสียงอ่อนโยน
"พี่หนึ่ง ที่แล้วมาอรขอโทษนะคะ ต่อไปนี้อรจะดีกับพี่หนึ่งมาก ๆ อรจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่หนึ่ง อรจะไม่..." ฉันร้องไห้โฮออกมา
"โอ๋ ๆ พี่รู้แล้วจ้ะ อย่าร้องนะ พี่ไม่สบายใจเลยเวลาอรร้องไห้รู้หรือเปล่า พี่อยากให้อรยิ้ม อรรู้ไม๊เวลาอรยิ้มแล้วโลกทั้งใบสดใสมากเลยนะ อย่าร้องนะคนดี" พี่หนึ่งกอดฉัน
ฉันเสียใจ ทำไมฉันถึงไม่รักเขาสักที ทั้ง ๆ ที่เขารักฉัน ดีกับฉันมากมายขนาดนี้
ฉันสัญญาว่าฉันจะตอบแทนความรักจากเขา ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีของเขา จะซื่อสัตย์ต่อเขาคนเดียว แต่ฉันขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น ฉันคงมอบหัวใจให้เขาไม่ได้ เพราะฉันได้ยกหัวใจของฉันทั้งดวงให้กับคน ๆ หนึ่งไปแล้ว



จอยมาหาฉันแต่เช้า เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่จอยจะไปหย่าขาดจากน้อตอย่างเป็นทางการ ฉันอยากจะไปเป็นเพื่อน แต่จอยบอกว่าไม่เป็นไร เพราะว่าเธอจะไปหย่า แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน มันไม่เหมาะ ไม่ควรที่จะไป
ฉันดูหน้าเธอก็รู้ได้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตาเธอบวมมาก แต่เธอพยายามปกปิดความเศร้าไม่ให้ฉันรู้ เธอคงไม่อยากให้ฉันไม่สบายใจไปกับเธอด้วย
จอยกับน้อตแยกกันอยู่มาได้สักพักหนึ่งแล้ว จอยเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจปลดปล่อยเขาไป น้อตก็ไม่ค่อยกลับบ้าน กลับบ้างไม่กลับบ้าง ฉันไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร เพราะจอยไม่เล่าให้ฟัง และฉันก็ไม่กล้าถาม กลัวจะไปสะกิดใจของเธอ
"อร ฉันแวะมาบอกเธอว่า ฉันจะไปหย่ากับน้อตแล้วนะ ดีใจกับฉันหน่อยสิ" จอยพูดติดตลก
"นี่ใยบ๊องส์ ยังจะมาพูดเล่นอีกนะ" ฉันพูด
"ไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง" จอยบอก
"จอย ให้อรไปด้วยไหม" ฉันถามเธอ
"ไม่ต้องหรอกย่ะ ใยเจ้าสาว มันไม่ดีสำหรับภรรยาคนใหม่นะ" จอยบอกฉัน
"งั้นขับรถดี ๆ นะจ๊ะ ไม่ต้องเร็วนักล่ะ" ฉันบอกจอย
เธอพยักหน้าก่อนที่จะขับรถออกไป ฉันลืมบอกไปว่าน้อตยอมทิ้งทุกอย่างให้จอย ทั้งรถ ทั้งบ้าน ไม่แบ่งครึ่งกันเหมือนบางคู่ ตอนแรกจอยจะไม่รับ เพราะบ้านหลังนั้นไม่ใช่ของจอย พ่อของน้อตเป็นคนซื้อไว้ แล้วยกให้พวกเขาเป็นเรือนหอ แต่น้อตไม่ยอม เขายืนยันว่าจะให้จอย ถ้าจอยไม่อยากได้ก็ให้ขายทิ้งซะ เพราะถ้าจอยไม่เอาเขาก็คงจะไม่สบายใจ เขาอยากชดเชยในสิ่งที่เขาทำผิดต่อเธอ
จะว่าไปน้อตก็เป็นคนดีอย่างที่ฉันคิดไว้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวเหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ที่ฉันเคยพบเห็นมา แต่ก็มีอย่างนึงที่ผู้ชายส่วนมากมักเป็นเหมือนกันก็คือ ความไม่รู้จักพอ ทำไมนะมันถึงได้เหมือนกันไปหมด
ฉันเล่าเรื่องจอยให้พี่หนึ่งฟัง ดูเหมือนพี่หนึ่งจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
"จริงเหรอ อร ทำไมน้อตมันไม่เห็นบอกอะไรพี่เลย" พี่หนึ่งถามอย่างแปลกใจ
"พี่หนึ่งเจอเขาด้วยหรือคะ" ฉันถาม
"ก็เจอสิ วันนั้นพี่กับคุณแม่แวะไปบ้านคุณป้า(แม่ของน้อต) พี่เจอมันที่นั่น พี่ยังถามหาจอยเลยนะ ไม่เห็นมันพูดอะไร" พี่หนึ่งบอก
"สงสารจอยน่ะค่ะ ทำไมน้อตทำแบบนี้ก็ไม่รู้" ฉันพูด
พี่หนึ่งไม่พูดอะไรต่อ ไม่ออกความเห็นใด ๆ ก็แน่ล่ะ น้อตเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา เขาจะไปว่าอะไรได้ อีกอย่างผู้ชายด้วยกันย่อมเข้าใจกันดี ถึงแม้ว่าเหตุผลจะดูน่าโมโหก็ตาม
"เดี๋ยววันนี้เราแวะไปหาจอยกันดีไหมครับ ซื้ออะไรไปทานกันให้อร่อย ปลอบใจจอยกันดีกว่า" พี่หนึ่งพูด
ฉันรู้สึกซึ้งในน้ำใจของพี่หนึ่ง เขาดีกับฉันและคนรอบข้างเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่ใคร ๆ ถึงได้ชอบเขา แม้แต่ตัวฉันเองยังต้องยอมแพ้กับความดีของเขา
เย็นนั้นเราซื้ออาหาร และเครื่องดื่มมากมายหลายชนิดเข้าไปฉลองกันที่บ้านของจอย เราสองคนทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ไปด้วยกัน ฉันรู้สึกดีเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่าง จอยเองก็คงเหมือนกัน เราทั้งร้องเพลง ทั้งเต้น ทั้งดื่ม โดยมีพี่หนึ่งเป็นคนคอยบริการเสิร์ฟอาหาร รินเครื่องดื่ม เปลี่ยนแผ่นซีดี เป็นนักร้องจำเป็นเวลาที่พวกเราเหนื่อยอยากเปลี่ยนมานั่งฟังบ้าง
ดึกมากแล้ว ฉันกับจอยรู้สึกมึน ๆ นิดหน่อยด้วยฤทธิ์น้ำผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์เพียง 5% แต่ดื่มเข้าไปกันหลายขวดก็เลยมึน ยกเว้นพี่หนึ่งที่ยังมีสติสัมปชัญญะดีครบถ้วนทุกอย่าง
จอยผล็อยหลับไปบนโซฟา ฉันกับพี่หนึ่งช่วยกันเก็บกวาดห้องรับแขกที่พวกเราทำเกลื่อนไว้ จัดทุกอย่างให้เป็นเหมือนตอนแรกที่มันเคยเป็น
ก่อนกลับฉันไปเอาผ้าห่มมาห่มให้เธอ ฉันแอบเห็นน้ำตาของจอยไหลออกมา ฉันลูบศีรษะเธอเบา ๆ พร้อมกับกระซิบบอกเธอว่า "อร ไปก่อนนะ จอย" เธอพยักหน้าตอบฉันเบา ๆ เป็นการรับรู้
ค่ำคืนนี้คงจะเป็นค่ำคืนที่ยาวนานสำหรับจอย ฉันอยากจะบอกเธอว่า อดทนไว้เพื่อนรัก มันอาจจะทุกข์ทรมานแทบจะทนไม่ได้ในตอนแรก แต่ต่อไปทุกอย่างมันจะค่อย ๆ เบาบางลงไปในที่สุด
ฉันกับพี่หนึ่งขับรถกลับบ้านโดยไม่พูดอะไร พี่หนึ่งเปิดเพลงคลอเบา ๆ เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ฉันเอนกายไปซบพี่หนึ่งที่ไหล่ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยมานานกับทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันคงจะต้องหยุดมันซะที เพื่อคน ๆ นี้ คนที่แสนดี คนที่พร้อมจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับฉัน
ถึงบ้านแล้ว พี่หนึ่งจูบฉันเบา ๆ ที่หน้าผากเหมือนเคย พร้อมกับบอกว่าให้ฉันนอนหลับฝันดี ให้ฉันฝันถึงเขาคนเดียว แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าในความฝันของฉันนั้นมีคนอื่นมานั่งรออยู่แล้ว เขาคนนั้นมานั่งรอโดยไม่ยอมหนีไปไหน แล้วเมื่อไหร่ล่ะพี่หนึ่งถึงจะเข้ามาในความฝันของฉันได้
พี่หนึ่งคือตัวจริง คือชีวิตจริงของฉัน เพราะฉะนั้นในความฝันของฉันขอให้เขาอยู่ในนั้นเถอะ ให้ฉันได้เจอเขาแค่ในความฝันก็ยังดี
ขณะที่ฉันจะเดินเข้าบ้าน ฉันเห็นกล่องของขวัญสีทองวางอยู่ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู ที่การ์ดเขียนว่า
"ยินดีด้วยครับกับเจ้าสาวคนสวย อยากเห็นอรในชุดเจ้าสาวมากเลย แต่ผมคงจะไม่สะดวกไปร่วมงาน ขอให้อรมีความสุขมาก ๆ นะครับ/ อ้น"
ฉันกอดของขวัญไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งจะสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะหยุดมันซะที
ฉันรีบแกะของขวัญออกมาดูทันที มันคือไดอารี่เก่า ๆ เล่มหนึ่ง หน้าปกมีรูปฉันกับเขาในวัยเรียน เป็นรูปแรกที่เราถ่ายคู่กันในงานมหาวิทยาลัย ภายในเป็นเรื่องราวในแต่ละวันของเขาบอกเล่าถึงความเป็นไปในชีวิตประจำวัน และแน่นอนในทุกวันจะต้องมีเรื่องราวของฉันอยู่ในข้อความเหล่านั้นด้วย ตั้งแต่หน้าแรก จนถึง หน้าสุดท้าย บันทึกตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอฉัน จนถึงวันสุดท้ายที่ฉันบอกลาเขาไป
ฉันอ่านวนไปวนมาหลายรอบ อ่านไปร้องไห้ไป รู้สึกเสียใจที่เราไม่สามารถลงเอยกันได้ ในข้อความบอกเล่าถึงความเสียใจของเขา มากมาย แต่เขาจะรู้ไหมว่าฉันก็เสียใจ มากมาย ไม่แพ้กัน



ลาก่อนอ้นที่รักของฉัน ถึงแม้ว่าเราจะรักกันมากเพียงใด แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ มันสายเกินไปที่เราจะกลับมาหากันได้อีก เพราะเราไม่ได้มีชีวิตอยู่กันแค่ 2 คนในโลกใบนี้ ปัญหาและอุปสรรคของเรามันช่างมากมายเหลือเกิน ขอให้เธอเจอคนที่ดีกว่าฉัน ให้สมกับความรักที่เธอมอบให้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้เราได้เกิดมารักกันอีก และตอนนั้นขออย่าได้มีอะไรมาทำลายความรักของเราอีกเลย
เมื่อวันที่ : 01 ก.ย. 2549, 10.52 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...