![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...คนเราไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กับคนที่เรารักเสมอไป ความถูกต้องและความเหมาะสมต่างหากที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานและยั่งยืน...
พี่หนึ่งให้คุณพ่อกับคุณแม่ของเขามาสู่ขอตามประเพณี ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเหมือนครั้งที่เกิดขึ้นกับอ้นเมื่อวันวานวันแต่งงานถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยคุณพ่อของพี่หนึ่ง เพราะในอีก 3 เดือนข้างหน้าฉันกับพี่หนึ่งจะต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงดูเหมือนรวดเร็ว และรวบรัด
วันนี้พี่หนึ่งชวนฉันไปเลือกดูแพ็คเกจถ่ายภาพแต่งงานที่ร้านเพื่อนของเขา ซึ่งเพื่อนคนนี้ของพี่หนึ่งฉันก็พอจะเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง เพราะเคยได้ยินพวกเขาคุยโทรศัพท์กัน ที่รู้ ๆ ก็คือชุดแต่งงานทุกชุดของร้านนี้ถูกตัดโดยทีมงานของคุณแม่พี่หนึ่ง
"อ้าวหนึ่งมาแล้วเหรอ กำลังรออยู่เลย" เธอคนนั้นทักพี่หนึ่ง ฉันซึ่งเดินมากับพี่หนึ่งก็ยกมือไหว้เธอ เธอรับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูมีมนุษยสัมพันธ์ดี
"งานนี้ลดพิเศษหน่อยนะ ได้ยินมาว่าร้านนี้แพงหูฉี่เลย" พี่หนึ่งแซว
"อะไร ระดับมหาเศรษฐีอย่างนายนี่กลัวเรื่องราคากับเขาด้วยหรือ เอ้า งานนี้ไม่คิดเงินก็ได้ แต่บอกคุณแม่ด้วยนะว่าชุดแต่งงานล้อตใหม่นี่ขอราคาพิเศษ" เธอพูดต่อรองแบบนักธุรกิจสาว
"เอาน่า ทำยังกับแม่หนึ่งไม่เคยลดให้อุ้มยังงั้นแหล่ะ เค็มจริง ๆ" พี่หนึ่งพูดยิ้ม ๆ
"ไม่ได้หรอก นี่เห็นแก่ว่าที่เจ้าสาวคนใหม่นะ ดูสิหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู" เธอพูดพลางยื่นมือมาจับแก้มของฉัน
"เฮ้ย ๆ ห้ามเลย เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ" พี่หนึ่งแกล้งปัดมือเธอออก
พี่อุ้มถึงแม้จะเป็นผู้หญิง แต่เธอแต่งกายกระเดียดไปทางผู้ชาย พี่หนึ่งกระซิบบอกฉันว่าพี่อุ้มเป็นทอมบอย มีหนุ่ม ๆ หลายคนหลงมาจีบแต่ก็โดนตะเพิดไปเสียทุกราย เพราะว่าเธอมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ฉันรู้สึกเสียดายหน้าตาอันสวยหวานของเธอเสียจริง ๆ
งานนี้พี่อุ้มจะเป็นคนลงมือถ่ายภาพให้พวกเราด้วยมือของเธอเอง ได้ยินมาว่าเธอเคยถ่ายภาพประกวดได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เพราะใจรักเธอเลยเปิดStudioถ่ายภาพของตัวเองขึ้น
พี่อุ้มให้พนักงานมาช่วยลองชุดแต่งงานให้ฉัน ซึ่งพี่เขาบอกกับฉันว่าชอบชุดไหนก็เลือกมาเลย พี่เขาจะถ่ายให้ไม่อั้น ซึ่งฉันค่อนข้างเกรงใจ เพราะรู้ว่าราคาภาพถ่ายพวกนี้ไม่ถูกเลย แต่พี่อุ้มแอบมากระซิบบอกฉันว่าไม่ต้องห่วงเพราะกำไรนั้นเกินกว่า 100-200% แต่ถึงยังไงฉันก็ยังเกรงใจอยู่ดี
ฉันค่อย ๆ ลองชุดแต่งงานไปทีละชุดโดยมีพี่หนึ่งคอยช่วยคอมเม้นท์อยู่ไม่ห่าง ชุดแต่งงานทุกชุดช่างสวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย มันคงเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงทุกคนที่เกิดมาครั้งหนึ่งก็อยากจะได้ใส่ชุดที่สวยงามนี้ในพิธีวิวาห์กับผู้ชายที่เธอรัก
แต่ทำไมฉันถึงเห็นหน้าอ้นผุดขึ้นมาในใจของฉันทั้ง ๆ ที่เจ้าบ่าวของฉันไม่ใช่เขา น้ำตามันรื้นขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้าง พลางคิดถึงเรื่องเมื่อวันนั้น วันที่ฉันทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็น
ภาพที่ฉันเห็นในกระจกตอนนี้ คือตัวฉันในชุดวิวาห์สีขาวบริสุทธิ์กับดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ หรือมีความสุขอิ่มเอม ทั้ง ๆ ที่ฉันจะได้เป็นเจ้าสาวในอีกไม่ช้า
ฉันเหมือนมีร่างกาย แต่ไร้วิญญาณ ฉันลองชุดไปอย่างซังกะตาย ใครจะให้ใส่ชุดไหนก็ใส่ พี่หนึ่งว่าชุดไหนสวยก็ตามใจ
ในที่สุดฉันก็ได้ชุดที่จะใส่ในวันงาน และชุดที่จะใส่ถ่ายภาพโดยมีพี่หนึ่งและพี่อุ้มเป็นคนจัดการทั้งหมด ฉันมีหน้าที่สวมใส่อย่างเดียวเท่านั้น
"อรหิวหรือยังครับ ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยมาถ่ายภาพกัน" พี่หนึ่งชวน
"ก็ดีเหมือนกันค่ะ" ฉันตอบ
"เออ อุ้มว่างไหม ไปด้วยกันนะ ไปทานข้าวกัน" พี่หนึ่งชวน พี่อุ้มพยักหน้าตอบรับ
พี่อุ้มพาเราสองคนไปทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ ๆ กับstudioของเธอ พี่อุ้มบอกว่าร้านนี้อร่อยมาก เป็นร้านประจำเลย
อาหารอร่อยมากจริง ๆ แต่ฉันกลับทานอะไรไม่ค่อยลง ใจมันไม่สบาย โชคดีที่มีพี่อุ้มมาด้วย พี่หนึ่งเลยคุยกับพี่อุ้มอย่างสนุกสนาน ซึ่งก็ดีแล้ว ไม่งั้นเขาคงจะสังเกตุเห็นความผิดปกติจากฉันเป็นแน่
พรุ่งนี้พี่อุ้มนัดเราสองคนให้มาที่Studio แต่เช้า เพราะอาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควร มาเร็ว ๆ จะได้ภาพเยอะ ๆ เปลี่ยนได้หลาย ๆ ชุด อีกอย่างเราจะได้ไปถ่ายนอกสถานที่กัน เธอบอกแบบนั้น
ระหว่างทางขากลับพี่หนึ่งเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ย้อนไปในสมัยที่เขาเป็นนักเรียนให้ฉันฟังไม่หยุด อ้างอิงถึงเพื่อนคนนั้น คนนี้ แต่บอกตรง ๆ ว่าฉันฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง เพราะในใจมันกำลังปั่นป่วน สับสน
"งานนี้แขกต้องเยอะมากแน่ ๆ เลยนะ อรว่าไหม แค่เพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันกับพี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 100 นี่ยังไม่รวมครอบครัวของพวกมันอีกนะ" พี่หนึ่งพูดอย่างภาคภูมิใจ
ฉันได้แต่พยักหน้าตอบโดยไม่พูดอะไร
พี่หนึ่งชวนฉันไปดูสถานที่จัดงานกันต่อ แต่ฉันปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ค่อยสบาย พี่หนึ่งตามใจฉัน โดยบอกว่าจะชวนคุณแม่ไปช่วยดูแทน ฉันตอบตกลงทันที



ฉันกำลังคิดไม่ตก นี่ฉันเป็นผู้หญิงหลายใจจริง ๆ หรือนี่ กำลังจะแต่งงานกับอีกคน แต่กลับคิดถึงอีกคน
ฉันจะทำยังไงดี ถึงตอนนี้ฉันคงปฏิเสธพี่หนึ่งไม่ได้แล้ว ทำไมฉันถึงรู้ช้าไปว่า จริง ๆ แล้วคนที่ฉันรักคืออ้น ไม่ใช่พี่หนึ่ง
ฉันเพิ่งรู้ในวันที่มันสายเกินไป จริง ๆ แล้วฉันรักเขามาตลอดแต่ฉันไม่รู้ใจของตัวเอง เพียงเพราะความสนิทสนมกับพี่หนึ่งทำให้ฉันหลงคิดไปว่าฉันคงไม่ได้รักเขาอีกแล้ว
ที่ฉันรู้สึกลังเล สับสน ไม่อยากแต่งงานกับพี่หนึ่งมาตลอด ก็เพราะว่าฉันไม่ได้รักเขา แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี ทุกอย่างกำลังจะสมบูรณ์ ในอีกไม่กี่วัน มันทรมานเหลือเกิน
เรื่องทั้งหมดพังลงด้วยน้ำมือของฉันเองทั้งนั้น ฉันรู้สึกผิดต่อพี่หนึ่ง รู้สึกผิดต่ออ้น และที่สำคัญคนที่จะต้องเสียใจที่สุดก็คือฉัน



ฉันกดโทรศัพท์หาจอย ในเวลาแบบนี้ฉันอยากคุยกับเธอที่สุด เพราะเธอเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันเสมอ ไม่ว่าครั้งใด
จอยรับปากว่าจะมาหาฉันที่บ้าน ให้ฉันรอเธอที่นั่น
จอยมาถึงแล้ว เรานั่งคุยกันในห้องของฉัน
"เฮ้อ ใยอร แกนี่เอาอีกแล้วนะ ทำไมทำอะไรไม่คิดให้ดีซะก่อน แล้วนี่จะทำยังไงล่ะทีนี้" จอยถอนหายใจ
"อย่าเพิ่งมาว่ากันตอนนี้เลยนะ อรควรจะทำยังไงดี" ฉันบอก
"จะทำอะไรได้ล่ะ ป่านนี้พี่หนึ่งคงเตรียมตัว เตรียมใจไปถึงไหนแล้ว" จอยพูด
ก็จริงอย่างที่จอยพูด ฉันจะทำอะไรได้อีก ในเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
"นอกซะจากว่า..." จอยเกริ่น
"อะไร บอกอรได้ไหม" ฉันรีบถาม
"แกก็บอกพี่หนึ่งไปตรง ๆ แบบที่แกบอกกับฉันแบบนี้แหล่ะ รับรอง เป็นใครก็ต้องยอม" จอยพูด
"ไม่ขำเลยนะแก" ฉันพูดหน้าเศร้า
"แล้วใครว่าฉันขำ ฉันพูดจริง ๆ นะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเลยนะ" จอยพูดแกมขู่
ก็จริงอีก แต่ฉันจะทำแบบนั้นได้อย่างไร พี่หนึ่งดีกับฉันมากมาตลอด แล้วอยู่ดี ๆ ฉันจะทรยศเขาได้ยังไง มันพูดง่ายแต่ทำยากโดยแท้
"ฉันว่าพี่หนึ่งเขาก็เป็นคนดีนะ ฉันเชื่อว่าเขาจะทำให้แกมีความสุขได้แน่ ๆ ตัดใจจากอ้นซะเถอะ คิดซะว่าไม่ได้เกิดมาคู่กัน" จอยพยายามปลอบใจ
ฉันได้แต่นิ่งเงียบ แต่ในหัวมันคิดอยู่ตลอดเวลา แล้วฉันจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อฉันไม่เคยรักพี่หนึ่งแบบชู้สาว ฉันรักเขาแบบเพื่อน และพี่ชายที่แสนดีมาโดยตลอด
พี่หนึ่งเป็นคนที่ฉันนับถือ เขามีความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ฉันเกรงใจอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองก็เพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลของเขา ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าบางครั้งฉันรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่อยากขัดใจเขาเพราะความเกรงใจ
ผิดกับอ้น ที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจ คงเป็นเพราะวัยที่ใกล้เคียง และรู้จักกันมานาน อ้นมักจะเข้าใจฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร พูดอะไรเขาก็ไม่เคยโกรธหรือเก็บมาคิดมากมาย และที่สำคัญเขาไม่เคยบังคับใจฉันเลย เขาจะปล่อยให้ฉันทำอะไรตามใจอยู่เสมอ
แต่ว่าฉันจะบอกพี่หนึ่งแบบนั้นได้อย่างไร ฉันสงสารเขา เขาไม่ได้ผิดอะไร เขาดี และเพียบพร้อมทุกอย่าง เขารักฉัน ซื่อสัตย์กับฉันเสมอ แบบนี้ฉันจะยังต้องการอะไรอีก มีคนที่ดีขนาดนี้อยู่ตรงหน้า ถ้าฉันไม่คว้าไว้ฉันก็คงจะโง่เต็มที แต่ว่าใจของฉันนี่สิ มันเรียกร้อง และโหยหาความรัก ความรักที่มันยังคงอยู่ในใจไม่เสื่อมคลาย
"จอยฉันควรจะทำยังไงดี ฉันรักอ้น ฉันไม่ได้รักพี่หนึ่ง" ฉันเริ่มร้องไห้
"ฉันเข้าใจแกดีอร ความรักมันบังคับใจกันไม่ได้" จอยกอดฉัน ปลอบใจฉัน
จอยพูดให้ฉันฟังว่าจอยเองก็กำลังจะเลิกกับน้อตอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วัน ทั้ง ๆ ที่เธอยังรักเขามาก แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อใจของน้อตไม่ได้อยู่กับจอยอีกต่อไป เธอเล่าไป น้ำตาเอ่อไป จอยเข้มแข็งมาก เธอทำใจได้เร็วและหนักแน่น
ฉันสงสารจอยมาก ทั้ง ๆ ที่เรื่องของเธอกำลังจะจบลง แต่เธอก็ยังมาปลอบใจฉัน มารับฟังปัญหาจากฉันอีก ฉันนี่เป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องเลย
จอยบอกกับฉันว่าให้ฉันตัดสินใจให้ดี ๆ ความรักเพียงอย่างเดียวมันไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นมา ไม่มีใครสุขสมหวังไปได้ทุกอย่าง บางครั้งการตัดใจจากสิ่งหนึ่ง อาจจะเป็นโอกาสให้เราได้พบเจอกับสิ่งที่ดีกว่า พี่หนึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ดี และประเสริฐที่สุดที่ถูกส่งมาเพื่อทดแทนความสูญเสียเจ็บช้ำให้กับฉันในครั้งนั้นก็เป็นได้
เราสองคนกอดกันร้องไห้ ฉันโชคดีที่มีเพื่อนที่ดีอย่างเธอ และโชคดีที่ฟ้าประทานพี่หนึ่งมาให้ฉัน ฉันคงจะต้องใจแข็ง ตัดใจจากอ้นเพื่อความถูกต้อง ถึงแม้ว่าฉันจะรักอ้นมากมายเพียงใด แต่คงจะไม่มีใครเห็นด้วยกับความรักครั้งนี้เป็นแน่
คนเราไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กับคนที่เรารักเสมอไป ความถูกต้องและความเหมาะสมต่างหากที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานและยั่งยืน ฉันคงจะโตพอที่สามารถแยกแยะความรักกับความถูกต้องให้ออกจากกันได้แล้ว



คืนนั้นจอยนอนค้างเป็นเพื่อนฉัน เราคุยกันจนหลับไปด้วยกัน คืนนี้เป็นคืนที่ฉันนอนหลับฝันดีที่สุด
ฉันฝันว่าจอยได้พบรักครั้งใหม่กับผู้ชายที่หล่อมาก และแสนดี
ส่วนฉันกับอ้น เราจากกันด้วยดี ด้วยความเข้าใจ
ฉันสารภาพรักกับเขา ฉันบอกเขาในสิ่งที่อยู่ในใจของฉันมาตลอด เขารับฟังด้วยรอยยิ้ม เขาบอกกับฉันว่า เราจะรักกันตลอดไป แต่ความรักของเราไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงออก ขอให้เราเก็บความรักครั้งนี้ไว้ในหัวใจลึก ๆ ของเราทั้งสองคน รักกันโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นความรักที่บริสุทธิ์จากหัวใจโดยแท้จริง
เมื่อวันที่ : 25 ส.ค. 2549, 12.19 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...