นิตยสารรายสะดวก  Fiction  ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๙
ชุดลูกเสือ
ชาร ทิคัมพร
...คืนนั้น​​ผมลองชุดลูกเสือชุดใหม่ด้วย​​ความเห่อ มัน​​พอดี​​กับตัวเปี๊ยบยัง​​กับสั่งตัดจากร้าน ผ้าผูกคอสีเหลืองสดใสนั้น​​ผมซ้อมผูกแล้ว​​แก้ๆ​​อยู่​​หลายรอบ...
"มึง​เอากางเกงพ่อมาใส่อีกแล้ว​ อย่างนี้มันพ่อเสือแล้ว​โว้ย ไม่ใช่ลูกเสือ ! " เสียง​เพื่อน​ที่โรงเรียนคนหนึ่ง​ตะโกนใส่ผมแล้ว​ก็หัวเราะลั่น อีกหลายคนพากันหัวเราะตาม วันนี้​เป็นวัน​แต่งลูกเสือประจำสัปดาห์ ยัง ยังมีอีก !...​

"ไอ้นี่ใส่กางเกงพ่อมาเรียนทุกวัน เสื้อมันก็​เอาของพ่อมาใส่ อ้อ ! พ่อมันไม่​ต้อง​ใช้แล้ว​นี่หว่า ?" นี่​เป็นคำถากถางสำหรับชุดนักเรียนใหญ่โคร่งของผม​ที่ใส่มาโรงเรียนในวันธรรมดา

ผม​ต้องทน​กับเสียงเย้ยหยัน ถากถางจากพวก​เพื่อนๆ​​ที่โรงเรียนบางคน​ซึ่งตัวโต กว่าอย่างนี้เสมอ ตั้งแต่ชั้นประถมสามหลังจากพ่อตาย​เป็นต้นมา

ไม่จำเพาะ​แต่เรื่อง​เสื้อผ้าเท่านั้น​​ที่ใหญ่เกินตัว ​แม้​แต่รองเท้าผ้าใบ​ที่ผมใส่ก็ใหญ่เกินเท้า มัน​จะเรียกเสียงเฮลั่นสนามของโรงเรียนตอนพักกลางวัน ​เมื่อร้องเท้าของผมลอยละลิ่วขึ้น​​ไปบนฟ้า มันหลวมจนหลุดลอยออก​ไปจากเท้า​เมื่อหวดลูกบอลเต็ม​ที่ ​และทันที​ที่มันตกถึงพื้นก็​จะมีบางคนเข้า​ไปไล่เตะรองเท้าข้างนั้น​กันต่อ​ไปแทนลูกบอล จนกว่าผม​จะ​ไปแย่ง​เอากลับมา​ได้ มัน​เป็น​ความสนุกสนานของหลายคน ​แต่ไม่ใช่ผม !

ของพวกนี้...​ ชุดลูกเสือ ชุดนักเรียน รองเท้าล้วน​เป็นสมบัติจากพี่ชายของผม​ที่เรียนอยู่​ในโรงเรียนเดียวกัน แม่​จะ​ต้องซื้อเครื่องแบบนักเรียน เครื่องแบบลูกเสือให้​เขาใหม่ทุกปี อ้อ ! รองเท้าด้วย ​เพราะ​เขาตัวโตขึ้น​จนใส่ของเดิมไม่​ได้ ​และผมก็ตัวโตขึ้น​​แต่ดูเหมือน​เพื่อ​ไปรับเสื้อผ้า​และรองเท้าเก่าจาก​เขา ​แต่กระนั้น​มันก็ยังใหญ่เกิน​ไปอยู่​ดี ​เพราะ​เขาเรียนสูงกว่าผมถึงสองชั้น

"ของมันยังดีอยู่​นี่ลูก ​ถ้าลูกไม่ใส่แล้ว​เรา​จะ​เอา​ไปทิ้งอย่างนั้น​หรือ ! เราไม่มีเงินทองอย่างคนอื่น​เขานะลูก" แม่บอก​กับผมอย่างนี้ทุกที​เมื่อผมเรียกร้องหาของใหม่อย่าง พี่ชาย ​และอย่าง​เพื่อนคนอื่นๆ​ในชั้นเรียน...​ ​ถ้าพ่อยังอยู่​คงไม่​เป็นอย่างนี้ !

ไม่เพียง​แต่เสื้อผ้าเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้น​​ที่ผมไม่มีสิทธิ์​จะ​ได้​ใช้ของใหม่ ​แม้​แต่หนังสือเรียนผมก็ไม่​ได้ของใหม่​เพราะของพี่มีอยู่​แล้ว​ ดังนั้น​นอกจากไม่เคย​ได้เครื่องแบบ​และรองเท้าใหม่แล้ว​ ผมยังไม่เคยมีหนังสือเรียนใหม่เลย​​แม้ว่า​จะ​ได้ขึ้น​ชั้นใหม่ก็​ต้องรับมรดกจากพี่ชาย มันเก่า​ไปถึงสองปี

​เมื่อสอบปลายปีเสร็จแม่​จะเรียกหนังสือ​ทั้งหมดจากพี่ชายผมมาเก็บไว้ แม่​จะเปิดหนังสือตรวจทุกหน้าว่ามีตรงไหนขาด หรือรอยขีดเขียนหรือไม่ ​ถ้ามีรอย​ที่พี่ผมเขียนอะไร​ไว้หรือขีดเส้นใต้ไว้แม่ก็​จะเรียกพี่มาสั่งว่าต่อ​ไปอย่าขีดเขียนอะไร​อีก​เพราะน้อง​จะ​ต้อง​ใช้ต่อ แล้ว​แม่ก็ห่อหนังสือ​ทั้งหมดอย่างเรียบร้อย​เก็บ​เอาใส่ตู้ไว้ สำหรับให้ผมเรียนในปีหน้า

​และ​เมื่อเปิดเทอมใหม่แม่​จะหยิบหนังสือเรียนจากปีโน้น​ซึ่งเก็บไว้ข้ามปีออกมาส่งให้ผม หนังสือทุกเล่มถูกห่อปกไว้มันจึงดูเหมือนใหม่ ​แต่กระดาษนั้น​ก็เหลืองๆ​ ​ไปบ้าง ผมไม่เคยรู้จัก​กับของใหม่เลย​ ​ใช้​แต่ของเซคคั่นแฮนด์ตลอด

​เพื่อแสดงการ​เป็นเจ้าของหนังสือเรียนทุกเล่ม ผม​ต้องขีดชื่อพี่​ที่ปกในออกแล้ว​เขียนชื่อตัวเองลง​ไปข้างใต้ ประจานอยู่​ชัดๆ​ว่าหนังสือพวกนี้เคย​เป็นของคนอื่นมาก่อน ! ผม​ต้องทนฟังเสียงเยาะเย้ยถากถาง​เป็นประจำ

"เฮ้ยมึง​เอาหนังสือพ่อมา​ใช้ด้วยหรือวะ ! " มีคนแกล้งถามผม​เมื่อ​เขามาเปิดหนังสือผมดูเห็นชื่อพี่​ที่ถูกขีดออกแล้ว​มีชื่อผมเขียนอยู่​ข้างใต้ ​ทั้ง​ที่รู้อยู่​แล้ว​ว่านั่น​เป็นชื่อพี่ผม ...​ ผม​ต้องกล้ำกลืน​กับการ​เป็นเด็กชายเซคคั่นแฮนด์มาตั้งแต่พ่อตาย !

พอผมอยู่​ชั้นมัธยมหนึ่ง​ แม่ก็ให้พี่ชาย​ซึ่งอยู่​ชั้นมัธยมสาม​ไปขายขนม​ที่ตลาดแทนแม่​เมื่อ​เขากลับจากโรงเรียน ​ส่วนแม่​จะกลับมาบ้านเตรียมทำขนมสำหรับขายให้ในตอนเช้า​

"แดงยังเล็กอยู่​ไม่​ต้องช่วยแม่ ให้ทำการบ้านตอนเย็นให้เสร็จ" แม่ผม​ต้องทำขนม​ไปขาย​ที่ตลาดตั้งแต่เราเสียพ่อ​ไป ตอนนั้น​ผมยังอยู่​ชั้นประถมสาม

​แต่​ที่ผมไม่​ต้อง​ไปนั่งขายขนมก็ไม่ช่วยให้ผมพ้นการ​เป็นมนุษย์ เซคคั่นแฮนด์​แต่อย่างใด ผมยังคงถูก​เพื่อนล้อเลียนอยู่​​เป็นประจำเรื่อง​​ที่​ต้อง​เอาเสื้อผ้าพี่ชาย​ที่ตัวโตกว่ามากมา​ใช้ เสื้อผ้าพวกนี้เกือบ​จะ​พอดี​กับตัวผมก็​เมื่อวัน​ที่สอบปลายปีเสร็จนั่นแหละ​ ​และมันก็จวน​จะขาด​พอดี ไม่อย่างนั้น​ผมคง​จะ​ต้อง​ใช้ต่อ​ไปอีกปีละกระมัง !

แล้ว​วันเปิดเทอมวันแรก​ที่ผมขึ้น​ชั้นมัธยมสอง ผมก็ไม่ยอม​ไปโรงเรียน​ถ้าไม่มีชุดนักเรียนใหม่ ชุดลูกเสือใหม่ รองเท้าใหม่​และหนังสือเรียนใหม่อย่างคนอื่น ผม​ต้องการของใหม่สำหรับขึ้น​ชั้นเรียนใหม่

"แม่ไม่มีเงินพอ​จะซื้อของใหม่ให้ลูกสองคน​ได้หรอก ​ใช้ของพี่มันก็ไม่เสียหายอะไร​นี่ลูก หนังสือเก่าก็เหมือนกัน ลูกอ่านแล้ว​ก็สอบ​ได้เหมือน​กับคนอื่นไม่ใช่หรือ ? "

​แต่การประท้วงของผม​ได้ผล พอผมไม่​ไปโรงเรียน​ได้สองวัน ในเย็นวัน​ที่สองแม่ก็ซื้อชุดลูกเสือชุดใหม่มาให้ผม พรุ่งนี้​เป็นกำหนดวัน​แต่งลูกเสือ​พอดี !

"ชุดนักเรียน​ต้อง​ไป​เอาพรุ่งนี้ แม่ให้​เขาปักชื่อโรงเรียน​ที่อกเสื้ออยู่​ รองเท้าใหม่แม่ยังไม่​ได้ซื้อ พรุ่งนี้ลูก​ต้อง​ไปลองเองมัน​จะ​ได้​พอดีเท้า ​แต่หนังสือซื้อใหม่ไม่​ได้นะลูกเรามีเงินแค่นี้เอง ! " แม่บอก แล้ว​แม่ก็ส่งถุงชุดลูกเสือให้ผม จากนั้น​แม่ก็แก้ห่อข้าวของ​ที่ซื้อมาสำหรับทำขนมออก ลงมือทำขนมสำหรับขายวันพรุ่งนี้

แค่นี้ก็ยังดี ผมพอ​จะรับ​ได้ ! ...​

คืนนั้น​ผมลองชุดลูกเสือชุดใหม่ด้วย​ความเห่อ มัน​พอดี​กับตัวเปี๊ยบยัง​กับสั่งตัดจากร้าน ผ้าผูกคอสีเหลืองสดใสนั้น​ผมซ้อมผูกแล้ว​แก้ๆ​อยู่​หลายรอบ ถุงเท้ายาวเกือบถึงเข่าสีน้ำตาลอ่อนนุ่มกระชับน่อง ไม่อ่อนย้วยเหมือนคู่​ที่รับมรดกจากพี่ ​ใช้ยางรัด​ที่ใต้เข่าข้างละเส้นก็พอ ผมซ้อมทำท่าวันทยาหัตถ์แบบลูกเสือ​กับหมวกใบใหม่อยู่​หน้ากระจกหลายครั้งก่อน​จะถอด​ทั้งชุดออกเก็บแล้ว​เข้านอน พรุ่งนี้มีหัดแถวลูกเสือ​และตอนเคารพธงชาติผมก็​จะ​ได้ทำวันทยาหัตถ์ในชุดใหม่ด้วย !

รุ่งขึ้น​เช้า​ผมเดินอย่างองอาจ​ไปเข้าแถวรอเคารพธงชาติด้วยชุดลูกเสือใหม่เอี่ยม ผ้าใหม่ส่งกลิ่นหอมจนคน​ที่อยู่​ข้างๆ​รู้สึก​ได้​เพราะแม่ซักให้ไม่ทัน รองเท้าเท่านั้น​​ที่ยัง​เป็นของพี่ชายผม รอเย็นนี้เถิดแม่​จะพาผม​ไปซื้อคู่ใหม่

มีเสียงโห่ร้องของพวก​ที่ชอบล้อผมดังขึ้น​ แล้ว​ก็มีเสียงของไอ้หัวโจกตัวโตพูดใส่หน้าผม​พร้อม​กับหัวเราะ

"เฮ้ย กู​ได้กลิ่นสาบเสือใหม่โว้ย ! วันนี้ไม่​ได้ใส่เสื้อพ่อแล้ว​ ​แต่ก็เชยเหมือนเดิม !" แล้ว​มันก็ทำหน้าล้อผม มีเสียงเฮดังตามมา ! ...​อีกเสียงหนึ่ง​​ที่​เป็นขาประจำเสริมขึ้น​

"​เมื่อวานนี้กูเห็นแม่มัน​ไปเข้าโรงจำนำ​ที่สี่แยกว่ะ! ลูกเสือตัวนี้คงหลุดออกมาจากโรงจำนำโว้ย !" ...​ เพลงชาติดังขึ้น​​พอดี ! ​พร้อมๆ​​กับทำนบของ​ความอดกลั้น​ที่ถูกเก็บกดไว้​เป็นแรมปีพังทะลายลง

ผมทะยานเข้าใส่ไอ้คนพูดทันที ! หลังจากนั้น​ก็จำอะไร​ไม่​ได้เท่าไร มันชุลมุน​ไปหมด ไม่มี​เพื่อนคนไหนแยกผมออกจากไอ้สองคนนั่น​ได้ จนกระทั่งครูพละมาถึงจึงดึงตัวผมออกจาก​เพื่อนคน​ที่บอกว่าแม่ผม​ไปเข้าโรงจำนำ​ได้สำเร็จ ครูจับตัวผมไว้แน่น ! ...​

เสื้อลูกเสือสีกากีของผมกระดุมขาด​ไปสองเม็ด​และมีเลือดเปื้อน​ที่หน้าอก​เป็นดวงๆ​ ปากผมแตก ผมถ่มฟันหน้าปนเลือดซี่หนึ่ง​ออกมา ! ​และ​แม้ตา​จะยังพร่าด้วยฤทธิ์กำปั้นของ​ใครคนหนึ่ง​ในสองคนนั่น ผมก็ยังเห็น​เพื่อนคนแรก​ที่ล้อผมมีเลือดกำเดาไหลแดงฉาน​ที่จมูก​และปาก มันยกแขนขึ้น​ปาดเลือด​ที่ไหลปรี่จนแขนของมันเต็ม​ไปด้วยเลือด อีกคนก็ปากแตก ตาเขียวข้างหนึ่ง​ ​ทั้งคู่หน้าซีด​และถอยหลังกรูด​เมื่อเห็นผมยังดิ้นรนจากการจับของครู พยายาม​จะโผนเข้าหามันอีกเหมือนเสือเจ็บ​ที่​กำลังบ้าเลือด !...​

แม่ตกใจมาก​เมื่อเห็นผมกลับมาบ้านในสภาพปากคอแตกอย่างนั้น​ แม่ถามผมถึงเรื่อง​​ที่เกิดขึ้น​...​ แล้ว​แม่ก็กอดผมไว้

"แม่​เอาแหวน​ที่พ่อให้​ไปจำนำ​เพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูก มัน​เป็นของแม่เองไม่​ได้ลักขโมย​ใครมาไม่เห็นน่าอับอายอะไร​นี่ลูก ทำไมลูก​ต้อง​ไปโกรธ​เขา ! " เสียงของแม่เรียบเย็น แล้ว​แม่ก็​เอามือลูบแก้มผมอย่างปราณี เชยคางผมขึ้น​ดูปาก​ที่แตก​กับฟัน​ที่หาย​ไป ...​​ที่นิ้วมือแม่ไม่มีแหวนวง​ที่เคยสวมอยู่​อีกแล้ว​ ! แหวนวงนี้แม่รักมันมากไม่เคยถอดออกเลย​ตั้งแต่พ่อตาย
คลิกดูภาพขยาย

มี​ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้น​ในตัวผมอย่าง​ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกชก​ที่ปาก​และ​ที่ตารวมกัน

"แม่ ! ผมไม่อยาก​ได้ชุดใหม่อีกแล้ว​ ชุดนักเรียน​ที่​จะ​ไป​เอาพรุ่งนี้แม่ไม่​ต้อง​ไป​เอาหรอก ผม​จะ​ใช้ของเก่า รองเท้าใหม่ก็ไม่​ต้องซื้อแล้ว​ผมอยาก​ใช้ของเก่าครับ​แม่"

อ้อมกอดของแม่แน่นขึ้น​​และสั่นสะท้าน มีน้ำอุ่นๆ​หยดลงบนหัวของผม ผมกอดแม่ไว้แน่น รู้สึกขยะแขยงชุดลูกเสือชุดใหม่เปื้อนเลือด​ที่ใส่อยู่​​เป็น​กำลัง มันแย่งแหวน​ที่พ่อให้แม่​ไปจากนิ้วของแม่ ! ...​O

 

F a c t   C a r d
Article ID A-1789 Article's Rate 23 votes
ชื่อเรื่อง ชุดลูกเสือ
ผู้แต่ง ชาร ทิคัมพร
ตีพิมพ์เมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๙
ตีพิมพ์ในคอลัมน์ เรื่องสั้น
จำนวนผู้เปิดอ่าน ๘๔๔ ครั้ง
จำนวนความเห็น ๙ ความเห็น
จำนวนดอกไม้รวม ๑๑๒
| | | |
เชิญโหวตให้เรตติ้งดอกไม้แก่ข้อเขียนนี้  
R e a d e r ' s   C o m m e n t
ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-8870 ], [000.000.000.000]
เมื่อวันที่ : 11 ส.ค. 2549, 21.39 น.

ผู้อ่าน​ที่รัก,

นิตยสารรายสะดวก​ ​และผู้เขียนยินดีรับฟัง​ความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดง​ความเห็น​ได้​โดยอิสระ ขอขอบคุณ​และรู้สึก​เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมี​ส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๒ : ดาวเคียงเดือน [C-8874 ], [203.150.132.242]
เมื่อวันที่ : 12 ส.ค. 2549, 09.50 น.

อ่านแล้ว​น้ำตาไหลค่ะ​...​นึกถึง​ความรักของหัวอกแม่ ​และ​ความดื้อรั้นไร้เดียงสาของลูก ​เป็นเรื่อง​​ที่ดีมากค่ะ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๓ : อนงค์นาง [C-8881 ], [203.188.39.187]
เมื่อวันที่ : 13 ส.ค. 2549, 21.02 น.

เห็นด้วย​กับคุณดาวเคียงเดือนครับ​ พอ​จะเดาตอนจบออก ​แต่มันก็กระชาก​ความรู้สึกดีครับ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๔ : pilgrim [C-8891 ], [82.3.32.76]
เมื่อวันที่ : 15 ส.ค. 2549, 04.28 น.

ลุงชารเขียน​ได้ดีมากเหมือนเคยค่ะ​

ชุดลูกเสือ สื่อ​ได้หลายอย่างนะคะ​
อย่างเด็กชายคน​ที่สวมใส่ ​เมื่อใส่ชุดลูกเสือใหม่ ก็กลาย​เป็นเสือ​ที่ผาดโผนโจนทะยานไล่ขย้ำ​เพื่อน​ที่มาหยามหมิ่น​ไปเลย​

โลกของเด็กๆ​นะคะ​ บางทีผู้ใหญ่อย่างเราก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเรื่อง​บางเรื่อง​มันสำคัญ​กับ​เขามากๆ​
เราอาจคิด​เป็นเรื่อง​เล็กน้อย ​แต่สำหรับเด็ก มัน​เป็นเรื่อง​ทำร้ายจิตใจ​เขา
นั่น​เป็น​เพราะเด็กคงไม่​ได้ผ่านโลกมาเยอะ โลก​เขายังมี​แต่​ความฝัน ​ความหวังอันสวยงาม จึงยังไม่รู้ว่าโลกนี้ ยังมีเรื่อง​ร้ายๆ​ คนร้ายๆ​อีกมากมาย​​ที่​เขา​จะ​ต้องเจอต่อ​ไปในวันข้างหน้า

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๕ : แสนรัก [C-8898 ], [133.70.6.184]
เมื่อวันที่ : 15 ส.ค. 2549, 09.41 น.

เห็นด้วย​กับพี่พิลค่ะ​ ว่ามุมมองของเด็ก ​กับผู้ใหญ่ก็ต่างกัน ​เพราะเด็ก​เขาก็ยังไม่เคยผ่านอะไร​มามากเท่าผู้ใหญ่ ​ส่วนผู้ใหญ่ก็อาจ​จะผ่านวัยเด็กมานานจนบางทีลืม​ไปว่าเด็ก​เขา​ต้องการอะไร​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๖ : แดง หัวโต [C-8900 ], [203.144.154.207]
เมื่อวันที่ : 15 ส.ค. 2549, 12.53 น.

ผม-แดง หัวโตนะ ​แต่ไม่ใช่เจ้าแดงในเรื่อง​แน่นอน...​555
ชอบตอนเตะบอลแล้ว​รองเท้าปลิวมากเลย​ครับ​ ยิ่งตอนรองเท้าตกมาแล้ว​มี​เพื่อนมาเตะต่อ มัน​เป็นอะไร​​ที่ช่างทำให้หวล​ไปคิดถึงสมัยเด็กจริงๆ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๗ : สตรอเบอรี่ [C-8937 ], [203.150.132.242]
เมื่อวันที่ : 18 ส.ค. 2549, 21.58 น.

เห็นด้วย​กับพี่พิล​และคุณแสนรักครับ​ อ่านเรื่อง​นี้ทำให้คิดถึงตอน​เป็นเด็กยังเรียนลูกเสือ พอโตขึ้น​มาทำไมเราลืม​ความรู้สึกวัยเด็ก​ไปง่ายจัง...​ ซาบซ่านหัวใจดีครับ​

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๘ : ดี [C-14080 ], [125.26.205.91]
เมื่อวันที่ : 20 พ.ค. 2551, 17.48 น.

ดี

แจ้งลบข้อความ


ความเห็นที่ ๙ : ชายเสรี [C-16943 ], [112.142.185.157]
เมื่อวันที่ : 06 พ.ค. 2553, 21.03 น.

เขียนดีมากครับ​ อ่านง่าย เห็นภาพ ​ได้อารมณ์​และเกิด​ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่​ใกล้เหตุการณ์​ที่เกิดขึ้น​

แจ้งลบข้อความ


สั่งให้ระบบส่งเมลแจ้งการเพิ่มเติมความเห็น
 ศาลานกน้อย พร้อมบริการเสมอ และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกท่าน  ติดต่อเว็บมาสเตอร์ได้ทางคอลัมน์ คุยกับลุงเปี๊ยก หรือทางอีเมลได้ที่ uncle-piak@noknoi.com  พัฒนาระบบ : ธีรพงษ์ สุทธิวราภิรักษ์  โลโกนกน้อย : สุชา สนิทวงศ์  ภาพดอกไม้ในนกแชท : ณัฐพร บุญประภา  ลิขสิทธิ์งานเขียนในนิตยสารรายสะดวก เป็นของผู้เขียนเรื่องนั้น  ข้อความที่โพสบนเว็บไซต์แห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสทั้งสิ้น