...คืนนั้นผมลองชุดลูกเสือชุดใหม่ด้วยความเห่อ มันพอดีกับตัวเปี๊ยบยังกับสั่งตัดจากร้าน ผ้าผูกคอสีเหลืองสดใสนั้นผมซ้อมผูกแล้วแก้ๆอยู่หลายรอบ...

"มึงเอากางเกงพ่อมาใส่อีกแล้ว อย่างนี้มันพ่อเสือแล้วโว้ย ไม่ใช่ลูกเสือ ! " เสียงเพื่อนที่โรงเรียนคนหนึ่งตะโกนใส่ผมแล้วก็หัวเราะลั่น อีกหลายคนพากันหัวเราะตาม วันนี้เป็นวันแต่งลูกเสือประจำสัปดาห์ ยัง ยังมีอีก !...

"ไอ้นี่ใส่กางเกงพ่อมาเรียนทุกวัน เสื้อมันก็เอาของพ่อมาใส่ อ้อ ! พ่อมันไม่ต้องใช้แล้วนี่หว่า ?" นี่เป็นคำถากถางสำหรับชุดนักเรียนใหญ่โคร่งของผมที่ใส่มาโรงเรียนในวันธรรมดา

ผมต้องทนกับเสียงเย้ยหยัน ถากถางจากพวกเพื่อนๆที่โรงเรียนบางคนซึ่งตัวโต กว่าอย่างนี้เสมอ ตั้งแต่ชั้นประถมสามหลังจากพ่อตายเป็นต้นมา

ไม่จำเพาะแต่เรื่องเสื้อผ้าเท่านั้นที่ใหญ่เกินตัว แม้แต่รองเท้าผ้าใบที่ผมใส่ก็ใหญ่เกินเท้า มันจะเรียกเสียงเฮลั่นสนามของโรงเรียนตอนพักกลางวัน เมื่อร้องเท้าของผมลอยละลิ่วขึ้นไปบนฟ้า มันหลวมจนหลุดลอยออกไปจากเท้าเมื่อหวดลูกบอลเต็มที่ และทันทีที่มันตกถึงพื้นก็จะมีบางคนเข้าไปไล่เตะรองเท้าข้างนั้นกันต่อไปแทนลูกบอล จนกว่าผมจะไปแย่งเอากลับมาได้ มันเป็นความสนุกสนานของหลายคน แต่ไม่ใช่ผม !

ของพวกนี้... ชุดลูกเสือ ชุดนักเรียน รองเท้าล้วนเป็นสมบัติจากพี่ชายของผมที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แม่จะต้องซื้อเครื่องแบบนักเรียน เครื่องแบบลูกเสือให้เขาใหม่ทุกปี อ้อ ! รองเท้าด้วย เพราะเขาตัวโตขึ้นจนใส่ของเดิมไม่ได้ และผมก็ตัวโตขึ้นแต่ดูเหมือนเพื่อไปรับเสื้อผ้าและรองเท้าเก่าจากเขา แต่กระนั้นมันก็ยังใหญ่เกินไปอยู่ดี เพราะเขาเรียนสูงกว่าผมถึงสองชั้น

"ของมันยังดีอยู่นี่ลูก ถ้าลูกไม่ใส่แล้วเราจะเอาไปทิ้งอย่างนั้นหรือ ! เราไม่มีเงินทองอย่างคนอื่นเขานะลูก" แม่บอกกับผมอย่างนี้ทุกทีเมื่อผมเรียกร้องหาของใหม่อย่าง พี่ชาย และอย่างเพื่อนคนอื่นๆในชั้นเรียน... ถ้าพ่อยังอยู่คงไม่เป็นอย่างนี้ !

ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้นที่ผมไม่มีสิทธิ์จะได้ใช้ของใหม่ แม้แต่หนังสือเรียนผมก็ไม่ได้ของใหม่เพราะของพี่มีอยู่แล้ว ดังนั้นนอกจากไม่เคยได้เครื่องแบบและรองเท้าใหม่แล้ว ผมยังไม่เคยมีหนังสือเรียนใหม่เลยแม้ว่าจะได้ขึ้นชั้นใหม่ก็ต้องรับมรดกจากพี่ชาย มันเก่าไปถึงสองปี

เมื่อสอบปลายปีเสร็จแม่จะเรียกหนังสือทั้งหมดจากพี่ชายผมมาเก็บไว้ แม่จะเปิดหนังสือตรวจทุกหน้าว่ามีตรงไหนขาด หรือรอยขีดเขียนหรือไม่ ถ้ามีรอยที่พี่ผมเขียนอะไรไว้หรือขีดเส้นใต้ไว้แม่ก็จะเรียกพี่มาสั่งว่าต่อไปอย่าขีดเขียนอะไรอีกเพราะน้องจะต้องใช้ต่อ แล้วแม่ก็ห่อหนังสือทั้งหมดอย่างเรียบร้อยเก็บเอาใส่ตู้ไว้ สำหรับให้ผมเรียนในปีหน้า

และเมื่อเปิดเทอมใหม่แม่จะหยิบหนังสือเรียนจากปีโน้นซึ่งเก็บไว้ข้ามปีออกมาส่งให้ผม หนังสือทุกเล่มถูกห่อปกไว้มันจึงดูเหมือนใหม่ แต่กระดาษนั้นก็เหลืองๆ ไปบ้าง ผมไม่เคยรู้จักกับของใหม่เลย ใช้แต่ของเซคคั่นแฮนด์ตลอด

เพื่อแสดงการเป็นเจ้าของหนังสือเรียนทุกเล่ม ผมต้องขีดชื่อพี่ที่ปกในออกแล้วเขียนชื่อตัวเองลงไปข้างใต้ ประจานอยู่ชัดๆว่าหนังสือพวกนี้เคยเป็นของคนอื่นมาก่อน ! ผมต้องทนฟังเสียงเยาะเย้ยถากถางเป็นประจำ

"เฮ้ยมึงเอาหนังสือพ่อมาใช้ด้วยหรือวะ ! " มีคนแกล้งถามผมเมื่อเขามาเปิดหนังสือผมดูเห็นชื่อพี่ที่ถูกขีดออกแล้วมีชื่อผมเขียนอยู่ข้างใต้ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นชื่อพี่ผม ... ผมต้องกล้ำกลืนกับการเป็นเด็กชายเซคคั่นแฮนด์มาตั้งแต่พ่อตาย !

พอผมอยู่ชั้นมัธยมหนึ่ง แม่ก็ให้พี่ชายซึ่งอยู่ชั้นมัธยมสามไปขายขนมที่ตลาดแทนแม่เมื่อเขากลับจากโรงเรียน ส่วนแม่จะกลับมาบ้านเตรียมทำขนมสำหรับขายให้ในตอนเช้า

"แดงยังเล็กอยู่ไม่ต้องช่วยแม่ ให้ทำการบ้านตอนเย็นให้เสร็จ" แม่ผมต้องทำขนมไปขายที่ตลาดตั้งแต่เราเสียพ่อไป ตอนนั้นผมยังอยู่ชั้นประถมสาม

แต่ที่ผมไม่ต้องไปนั่งขายขนมก็ไม่ช่วยให้ผมพ้นการเป็นมนุษย์ เซคคั่นแฮนด์แต่อย่างใด ผมยังคงถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่เป็นประจำเรื่องที่ต้องเอาเสื้อผ้าพี่ชายที่ตัวโตกว่ามากมาใช้ เสื้อผ้าพวกนี้เกือบจะพอดีกับตัวผมก็เมื่อวันที่สอบปลายปีเสร็จนั่นแหละ และมันก็จวนจะขาดพอดี ไม่อย่างนั้นผมคงจะต้องใช้ต่อไปอีกปีละกระมัง !

แล้ววันเปิดเทอมวันแรกที่ผมขึ้นชั้นมัธยมสอง ผมก็ไม่ยอมไปโรงเรียนถ้าไม่มีชุดนักเรียนใหม่ ชุดลูกเสือใหม่ รองเท้าใหม่และหนังสือเรียนใหม่อย่างคนอื่น ผมต้องการของใหม่สำหรับขึ้นชั้นเรียนใหม่

"แม่ไม่มีเงินพอจะซื้อของใหม่ให้ลูกสองคนได้หรอก ใช้ของพี่มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่ลูก หนังสือเก่าก็เหมือนกัน ลูกอ่านแล้วก็สอบได้เหมือนกับคนอื่นไม่ใช่หรือ ? "

แต่การประท้วงของผมได้ผล พอผมไม่ไปโรงเรียนได้สองวัน ในเย็นวันที่สองแม่ก็ซื้อชุดลูกเสือชุดใหม่มาให้ผม พรุ่งนี้เป็นกำหนดวันแต่งลูกเสือพอดี !

"ชุดนักเรียนต้องไปเอาพรุ่งนี้ แม่ให้เขาปักชื่อโรงเรียนที่อกเสื้ออยู่ รองเท้าใหม่แม่ยังไม่ได้ซื้อ พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองเองมันจะได้พอดีเท้า แต่หนังสือซื้อใหม่ไม่ได้นะลูกเรามีเงินแค่นี้เอง ! " แม่บอก แล้วแม่ก็ส่งถุงชุดลูกเสือให้ผม จากนั้นแม่ก็แก้ห่อข้าวของที่ซื้อมาสำหรับทำขนมออก ลงมือทำขนมสำหรับขายวันพรุ่งนี้

แค่นี้ก็ยังดี ผมพอจะรับได้ ! ...

คืนนั้นผมลองชุดลูกเสือชุดใหม่ด้วยความเห่อ มันพอดีกับตัวเปี๊ยบยังกับสั่งตัดจากร้าน ผ้าผูกคอสีเหลืองสดใสนั้นผมซ้อมผูกแล้วแก้ๆอยู่หลายรอบ ถุงเท้ายาวเกือบถึงเข่าสีน้ำตาลอ่อนนุ่มกระชับน่อง ไม่อ่อนย้วยเหมือนคู่ที่รับมรดกจากพี่ ใช้ยางรัดที่ใต้เข่าข้างละเส้นก็พอ ผมซ้อมทำท่าวันทยาหัตถ์แบบลูกเสือกับหมวกใบใหม่อยู่หน้ากระจกหลายครั้งก่อนจะถอดทั้งชุดออกเก็บแล้วเข้านอน พรุ่งนี้มีหัดแถวลูกเสือและตอนเคารพธงชาติผมก็จะได้ทำวันทยาหัตถ์ในชุดใหม่ด้วย !

รุ่งขึ้นเช้าผมเดินอย่างองอาจไปเข้าแถวรอเคารพธงชาติด้วยชุดลูกเสือใหม่เอี่ยม ผ้าใหม่ส่งกลิ่นหอมจนคนที่อยู่ข้างๆรู้สึกได้เพราะแม่ซักให้ไม่ทัน รองเท้าเท่านั้นที่ยังเป็นของพี่ชายผม รอเย็นนี้เถิดแม่จะพาผมไปซื้อคู่ใหม่

มีเสียงโห่ร้องของพวกที่ชอบล้อผมดังขึ้น แล้วก็มีเสียงของไอ้หัวโจกตัวโตพูดใส่หน้าผมพร้อมกับหัวเราะ

"เฮ้ย กูได้กลิ่นสาบเสือใหม่โว้ย ! วันนี้ไม่ได้ใส่เสื้อพ่อแล้ว แต่ก็เชยเหมือนเดิม !" แล้วมันก็ทำหน้าล้อผม มีเสียงเฮดังตามมา ! ...อีกเสียงหนึ่งที่เป็นขาประจำเสริมขึ้น

"เมื่อวานนี้กูเห็นแม่มันไปเข้าโรงจำนำที่สี่แยกว่ะ! ลูกเสือตัวนี้คงหลุดออกมาจากโรงจำนำโว้ย !" ... เพลงชาติดังขึ้นพอดี ! พร้อมๆกับทำนบของความอดกลั้นที่ถูกเก็บกดไว้เป็นแรมปีพังทะลายลง

ผมทะยานเข้าใส่ไอ้คนพูดทันที ! หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เท่าไร มันชุลมุนไปหมด ไม่มีเพื่อนคนไหนแยกผมออกจากไอ้สองคนนั่นได้ จนกระทั่งครูพละมาถึงจึงดึงตัวผมออกจากเพื่อนคนที่บอกว่าแม่ผมไปเข้าโรงจำนำได้สำเร็จ ครูจับตัวผมไว้แน่น ! ...

เสื้อลูกเสือสีกากีของผมกระดุมขาดไปสองเม็ดและมีเลือดเปื้อนที่หน้าอกเป็นดวงๆ ปากผมแตก ผมถ่มฟันหน้าปนเลือดซี่หนึ่งออกมา ! และแม้ตาจะยังพร่าด้วยฤทธิ์กำปั้นของใครคนหนึ่งในสองคนนั่น ผมก็ยังเห็นเพื่อนคนแรกที่ล้อผมมีเลือดกำเดาไหลแดงฉานที่จมูกและปาก มันยกแขนขึ้นปาดเลือดที่ไหลปรี่จนแขนของมันเต็มไปด้วยเลือด อีกคนก็ปากแตก ตาเขียวข้างหนึ่ง ทั้งคู่หน้าซีดและถอยหลังกรูดเมื่อเห็นผมยังดิ้นรนจากการจับของครู พยายามจะโผนเข้าหามันอีกเหมือนเสือเจ็บที่กำลังบ้าเลือด !...

แม่ตกใจมากเมื่อเห็นผมกลับมาบ้านในสภาพปากคอแตกอย่างนั้น แม่ถามผมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น... แล้วแม่ก็กอดผมไว้

"แม่เอาแหวนที่พ่อให้ไปจำนำเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูก มันเป็นของแม่เองไม่ได้ลักขโมยใครมาไม่เห็นน่าอับอายอะไรนี่ลูก ทำไมลูกต้องไปโกรธเขา ! " เสียงของแม่เรียบเย็น แล้วแม่ก็เอามือลูบแก้มผมอย่างปราณี เชยคางผมขึ้นดูปากที่แตกกับฟันที่หายไป ...ที่นิ้วมือแม่ไม่มีแหวนวงที่เคยสวมอยู่อีกแล้ว ! แหวนวงนี้แม่รักมันมากไม่เคยถอดออกเลยตั้งแต่พ่อตาย

มีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในตัวผมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกชกที่ปากและที่ตารวมกัน

"แม่ ! ผมไม่อยากได้ชุดใหม่อีกแล้ว ชุดนักเรียนที่จะไปเอาพรุ่งนี้แม่ไม่ต้องไปเอาหรอก ผมจะใช้ของเก่า รองเท้าใหม่ก็ไม่ต้องซื้อแล้วผมอยากใช้ของเก่าครับแม่"

อ้อมกอดของแม่แน่นขึ้นและสั่นสะท้าน มีน้ำอุ่นๆหยดลงบนหัวของผม ผมกอดแม่ไว้แน่น รู้สึกขยะแขยงชุดลูกเสือชุดใหม่เปื้อนเลือดที่ใส่อยู่เป็นกำลัง มันแย่งแหวนที่พ่อให้แม่ไปจากนิ้วของแม่ ! ...O

เมื่อวันที่ : 11 ส.ค. 2549, 21.39 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...