![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...เรื่องของความรักไม่มีคำว่าผิดและถูก ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ ถ้าเราเพียงจะมองมันอย่างเป็นกลาง โดยไม่มีอคติ เราก็จะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ ฉันคิดแบบนั้น...
ฉันรู้สึกดี ที่ทำให้พี่หนึ่งมีความสุข เขาทำเพื่อฉันมามากแล้ว ฉันอยากจะตอบแทนเขาบ้างฉันเลือกที่จะไปอังกฤษกับเขา เลือกที่จะคบกับเขาอย่างจริงจังในฐานะคนที่รู้ใจ ไม่ใช่เพื่อนหรือพี่น้องเหมือนอย่างที่แล้วมา
ฉันตัดสินใจคุยกับคุณแม่ ลองเกริ่น ๆ กับท่าน ดูว่าท่านจะว่าอย่างไร จะอนุญาตหรือไม่
คุณแม่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเย็นอยู่
"แม่คะ มีอะไรให้อรช่วยไหมคะ" ฉันถาม
"อ้าว...ทำไมกลับเร็วจังล่ะวันนี้ แล้วหนึ่งมาด้วยไหมลูก" คุณแม่ถาม
"ไม่ค่ะ พอดีวันนี้พี่หนึ่งเขามีธุระน่ะค่ะ" ฉันบอก
"งั้นเหรอ" คุณแม่พูดพร้อมกับตักแกงส้มใส่ถ้วย แล้วยื่นให้ฉันไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
"แม่คะ ถ้าเกิดว่าอรจะไปต่างประเทศกับพี่หนึ่ง แม่จะว่ายังไงคะ" ฉันเกริ่นถาม
"แล้วอรอยากจะไปกับหนึ่งเขาจริง ๆ หรือเปล่าล่ะจ๊ะ" คุณแม่ย้อนถาม
"อร ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ค่ะ อรถึงได้มาถามแม่ดู ถ้าพ่อกับแม่เห็นสมควรอรก็จะไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วย อรก็จะเชื่อค่ะ" ฉันตอบตามความจริง
"พ่อกับแม่คงไม่ขัด ถ้าอรตัดสินใจที่จะไป พ่อกับแม่เชื่อใจลูกเสมอ อีกอย่างอรก็โตพอที่จะตัดสินใจอะไรเองได้แล้วโดยที่ไม่ต้องมารอคำอนุมัติจากพ่อแม่" แม่พูด
ฉันเข้าไปกอดแม่ด้วยความรัก ฉันคงจะไม่กล้าทำให้ท่านทั้งสองต้องผิดหวังในตัวฉันเป็นแน่ ในเมื่อท่านไว้ใจ และเชื่อใจในลูกสาวของท่านขนาดนี้
"ว่าแต่อรแน่ใจแล้วเหรอลูกว่าอรอยากจะไปกับหนึ่งเขาจริง ๆ" แม่ถามพร้อมกับลูบหัวฉันเบา ๆ
"อรยังไม่แน่ใจหรอกค่ะ แต่อรคิดว่าอรควรจะต้องตัดสินใจเสียที พี่หนึ่งดีกับอรมาก อรไม่อยากทำให้เขาต้องเสียใจค่ะ" ฉันบอกกับแม่ไปตามตรง
"อรจ๊ะ ความรักกับการตอบแทนความรัก มันไม่เหมือนกันนะลูก แม่อยากให้อรตรองดูอีกทีก่อนตัดสินใจ แม่ไม่อยากให้ลูกของแม่ หรือใครต้องมาเสียใจในภายหลัง หนึ่งเขาก็เป็นคนดี เขาต้องเป็นที่พึ่งให้กับอรได้แน่ ๆ แม่เชื่ออย่างนั้น และไม่ว่าจะยังไง แม่ก็จะเชื่อในการตัดสินใจของอรนะลูก" แม่พูด
ฉันกอดแม่แน่น รู้สึกมีความสุขมากที่ฉันมีครอบครัวที่ดีแบบนี้
แต่ฉันก็อดกังวลเรื่องพี่หนึ่งไม่ได้ อย่างที่คุณแม่พูด ฉันอยากไปกับเขาจริง ๆ หรือเปล่า ฉันไม่สามารถตอบได้ จริงอยู่มันคงจะน่าตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ไปลองใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ
ฉันเคยใฝ่ฝันเสมอว่าถ้ามีโอกาส ฉันก็อยากจะลองไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนดูบ้าง แต่ทำไมในเมื่อโอกาสนี้มาถึงจริง ๆ ฉันกลับลังเล
วันนี้ครอบครัวของเราอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งเจ้าโอม และใยอ้อมน้องชายกับน้องสาวตัวแสบ ที่นาน ๆ จะกลับบ้านเร็วกันสักที โดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนคุณแม่จะรู้ ถึงได้ทำกับข้าวไว้หลายอย่าง พวกเราคุยไปพลาง ทานไปพลาง หัวเราะกันไปอย่างมีความสุข
ฉันคงจะต้องเหงามากแน่ ๆ ถ้าฉันจะต้องไปอังกฤษกับพี่หนึ่งจริง ๆ จะต้องจากพ่อแม่พี่น้องไปอยู่คนละทวีปขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไปอยู่ที่นั่นเลยเสียเมื่อไหร่ เราคงจะไปกันแค่ 2 ปี รอจนกว่าพี่หนึ่งจะเรียนจบ แล้วเราก็จะกลับมาแต่งงานกัน ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ระหว่างที่อยู่ที่นั่น ฉันก็คงจะต้องหาอะไรทำไม่อยากอยู่เฉย ๆ พี่หนึ่งบอกว่าจะฝากฉันให้ไปทำงานที่ร้านอาหารของเพื่อนเขาที่ลอนดอน ก็ดีเหมือนกันจะได้Make Money ไปในตัว



ฉันโทรหาจอยกับน้อต ชวนพวกเขามาทานอาหารเย็นกัน และจะได้คุยปรึกษากัน เผื่อว่าใครจะมีความคิดเห็นดี ๆ กับเรื่องนี้
เรานัดเจอกันหลังเลิกงานที่ร้านอาหารแถว ๆ ที่ทำงานของฉัน
วันนี้จอยมาคนเดียว เธอดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด และดูไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน
"รอนานไม๊จ๊ะ" จอยถามฉัน
"ไม่หรอก อรก็เพิ่งจะมาถึงเมื่อสักครู่" ฉันบอกเพื่อน
"แล้วพี่หนึ่งล่ะ" จอยถาม พร้อมกับมองหา
"เดี๋ยวพี่เขาจะตามมาทีหลังจ้ะ พอดีมีธุระด่วนน่ะ" ฉันบอกเพื่อน
"พี่หนึ่งนี่ดีจังเลยนะ เสมอต้นเสมอปลาย น่าอิจฉาแกจัง" จอยพูดหน้าเศร้า
"แล้วน้อตล่ะจอย ไม่มาด้วยเหรอ อรบอกแล้วนี่นาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เบี้ยวได้ไง"
"ฉันตัดสินใจแล้วอร ฉันจะเลิกกับน้อต" จอยพูดเรียบ ๆ
"หา..อะไรนะ ทำไมล่ะ ก็คุยกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ" ฉันถามน้ำเสียงตกใจ
"ฉันไม่อยากบังคับใจเขา ฉันสงสารเขา" จอยพูดเสียงเศร้า
"เดี๋ยวอรจะคุยกับน้อตให้เอง ทำแบบนี้ได้ยังไง ไหนว่าเข้าใจแล้วไง" ฉันรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
"มันไม่เกี่ยวกับเขาหรอกอร เขาพยายามแล้ว แต่ฉันรู้ว่ายังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม ฉันทนเห็นเขาต้องอยู่อย่างฝืนใจไม่ได้หรอก บ่อยครั้งฉันเห็นเขาเหม่อลอย สายตาที่เขามองฉันมันไม่เหมือนเดิม ฉันรู้ ฉันคงฝืนใจใครไม่ได้" จอยน้ำตาไหล
ฉันลุกไปนั่งข้าง ๆ จอย ปลอบเพื่อนรัก ฉันเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี ฉันเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนย่อมรู้ดีถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องทนเห็นคนที่เรารัก ไปรักคนอื่น ไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนใจในเมื่อคนมันหมดใจ ไม่มีใครมีความสุข ทุกคนต้องทนอยู่อย่างกล้ำกลืนฝืนทน
"ฉันรู้สึกผิดที่เห็นแก่ตัวเก็บเขาไว้ข้างกาย ทั้ง ๆ ที่ใจของเขามีแต่ผู้หญิงคนนั้น ฉันรู้ว่าเขาจะต้องอดทนแค่ไหนที่พยายามเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ ไม่ให้ฉันรู้ ฉันจะปล่อยเขาไป อร ฉันจะปลดปล่อยเขา" จอยร้องไห้โฮ
ฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดเพื่อนไว้ ฉันคงทำได้ดีที่สุดแค่นี้ แม้ว่าฉันจะอยากช่วยเธอแค่ไหนก็ตาม
เรื่องของความรักไม่มีคำว่าผิดและถูก ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ ถ้าเราเพียงจะมองมันอย่างเป็นกลาง โดยไม่มีอคติ เราก็จะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ ฉันคิดแบบนั้น
จอยรู้สึกดีขึ้น หลังจากร้องไห้มานาน เราเริ่มสั่งอาหารมาทานกันจอยคงจะหิว เธอทานเยอะเป็นพิเศษ
ฉันรู้สึกดีที่เห็นจอยทานได้ แต่หลังจากวันนี้ เธอก็คงจะต้องทำใจไปอีกหลายวัน ฉันรู้ดี มันไม่ใช่จะทำกันได้ง่าย ๆ ภายในวัน หรือสองวัน แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะผ่านพ้นมันไปได้ในไม่ช้า เหมือนอย่างที่ฉันเคยก้าวผ่านมันมาแล้ว มันอาจจะเจ็บมากจนเกือบจะทนไม่ได้ในตอนแรก แต่มันก็จะค่อย ๆ เบาบางลงไปตามกาลเวลา
"อร แล้วแกคิดดีแล้วเหรอ ที่จะไปกับพี่หนึ่ง" จอยถามฉัน
"ฉันตัดสินใจแล้ว" ฉันบอกจอยไปตามตรง
"แล้วอ้นล่ะ รู้เรื่องนี้หรือยัง" จอยถาม
คำถามนี้ทำให้ฉันถึงกับเงียบไป ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขา เขาเองก็เงียบหายไปไม่ติดต่อมาเลยตั้งแต่วันนั้น
"ฉันยังไม่ได้ขอบคุณอ้นเลย ที่ช่วยฉันในวันนั้น น้อตบอกว่าที่เขายอมกลับมาหาฉัน ก็เพราะคำพูดของอ้น แต่เขาไม่บอกว่าอ้นพูดอะไรกับเขา บอกแต่เพียงว่า อ้นเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มเห็นด้วย แต่มันก็คงไม่สนิทใจเท่าไหร่ ก็เพราะเรื่องที่เขาทำกับแกไว้นั่นล่ะ" จอยพูดตรง ๆ
ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าอ้นเป็นคนไม่ดี หรือเป็นคนเลวเพียงแค่เพราะเขานอกใจฉันหรอก คนเราผิดพลาดกันได้ เพียงแต่ว่าความผิดพลาดของเขามันไม่ให้โอกาสให้เขาได้แก้ไข นอกจากต้องยอมรับมันอย่างเดียวเท่านั้น
"เฮ้อ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่แกเลือกพี่หนึ่ง จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องเก่า ๆ อีกไง" จอยพูด
ฉันพยักหน้าตอบเธอ แต่ในใจของฉันมันกลับลังเล สับสน มากกว่าเดิม ทำไม ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน



พี่หนึ่งมาถึงแล้ว เขามาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่
"สำหรับอรครับ" เขายื่นมันให้กับฉัน
"เนื่องในโอกาสอะไรคะ " ฉันถาม
"ทายสิจ๊ะ" เขายิ้ม
ฉันส่ายหน้า ทำหน้างง ฉันไม่รู้จริง ๆ...
"คุณพ่อไม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับแจนแล้ว นั่นแสดงว่าท่านอนุญาตให้เราแต่งงานกันได้ อรดีใจไหมครับ" เขาบอกอย่างดีใจ
แต่ฉันสิ ทำไมถึงไม่รู้สึกดีใจเลย ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นเรื่องที่ดี
เราทั้งสามคนนั่งทานข้าวกันสักพักก็กลับ พี่หนึ่งไปส่งจอยที่บ้านก่อน
"อร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นนั่งเงียบมาตลอดทาง" พี่หนึ่งถาม
"อร คิดอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ" ฉันบอกเขา
"ท่าทางอรดูเหมือนไม่ดีใจเลยนะ ที่เราแต่งงานกันได้แล้ว" พี่หนึ่งพูดน้ำเสียงน้อยใจ
"เปล่านะคะ คืออรกำลังคิดเรื่องของจอยอยู่น่ะค่ะ" ฉันบอกเขา
"อรนี่เป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ เลยน๊า" เขาจับหัวฉันเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
ฉันโกหก จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้กำลังคิดเรื่องของจอย แต่ฉันกำลังคิดเรื่องของเราต่างหาก
ฉันไม่รู้ว่าพี่หนึ่งไปพูดกับคุณพ่อของเขายังไง แต่ถ้าเกิดพี่หนึ่งจะมาขอฉันแต่งงานตอนนี้ ฉันจะทำยังไง ฉันแค่อยากจะลองคบกับเขาแบบจริงจังดูก่อน ยังไม่ได้คิดถึงขั้นแต่งงาน
ถึงบ้านแล้ว พี่หนึ่งจูบฉันเบา ๆ ที่หน้าผาก
"หลับฝันดีนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน" พี่หนึ่งบอก
ฉันพยักหน้ารับปากเขา โบกมือให้เขา ยืนส่งเขาจนลับตา
ถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ฉันจะยังต้องคิดมากอีกทำไม ก็ในเมื่อฉันตัดสินใจเลือกเขาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี ฉันควรจะดีใจเสียมากกว่า ถ้าเขาจะรีบมาขอฉันแต่งงาน
"อร" มีเสียงหนึ่งเรียกฉันจากด้านหลัง
อ้น! นี่เขามาทำอะไรอยู่แถวนี้
เมื่อวันที่ : 25 ก.ค. 2549, 19.34 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...