![]() |
![]() |
สตรอเบอรี่![]() |
...ไม่แปลกที่ติ้วริเด็ดดอกตาล (หญิงสูงศักดิ์แต่ไม่สูงชั้นเท่าดอกฟ้า) เพราะกระถินก็ตาหวานพอให้ลือเลื่องไปทั่วทั้งบาง แต่อนงค์นางก็หาได้สนใจติ้วไม่ ด้วยรู้นิสัยกำมะลอ...
พลบค่ำที่ความพลุกพล่านในชุมชนยังไม่หลับใหล ณ เรือนกำนันบุญไฟฟ้าสว่างโร่เป็นพิเศษ และพิเศษอย่างยิ่งสำหรับลูกสาวกำนัน เมื่อผู้มาเยือนแปลกหน้าต่างถิ่น แต่กระถินดงกับหนุ่มต่างเมืองไม่ต่างใจ ด้วยผูกสัมผัสรักใคร่กันคราวอยู่เมืองกรุง ได้ยกผู้ใหญ่มาสู่ขอ กว่ากำนันบุญจะทราบความ ว่าที่ลูกเขยก็ถึงเรือนชานเสียแล้ว
ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งหาลือกันตั้งแต่หัวค่ำ ยิ้มร่าเห็นดีเห็นงามทั้งสองฝ่ายเสียงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ สาวกระถินชม้อยตามองหนุ่มคนรักแย้มยิ้มเอียงอาย ชายหนุ่มประกายตาหยาดเยิ้ม
พลัน ! วัตถุยามวิกาลลอยคว้างจากหน้าต่าง ร่วงตุบ! ลงตรงพานยาสูบยาเส้น ปูนขาว แก่นคูณ กระจายเกลื่อนเสื่อลำแพน เสียงเอะอะเอ็ดตะโรมือป้องอก ใจสั่นขวัญหาย ทุกคนตะลึงมองไม้ผุท่อนเขื่องผู้เป็นแขกไม่ได้เชิญ กำนันบุญสติมั่นไหวตัวก่อนใคร พุ่งทะยานไปที่หน้าต่าง เพ่งสายตาสู่ความมืดประกายคมกริบ สอดส่ายลิบลับหายไม่ปรากฏเงาผู้ใด

กระท่อมคาเซซุกตัวนอนเอาคันสระต่างหมอน เอารัตติกาลแทนผ้าห่ม เอาสายลมขับกล่อม จิ้งหรีดดื่มน้ำค้างลองลูกคอหรีดๆ เรไร ลมหนาวเชยใบโพธิ์ต้นมุมสระเสียงกราว...แกว่งไกว
บนกระท่อมคาเซ เสือหลับคำรามขู่กรรโชกยุงลาย หากบินกร่ำกรายน่านฟ้าเป็นอันได้ถูกดูดลงหลุมดำ



"นอนขี้เซาจริงโว้ย..! ตื่นได้แล้ว" น้ำเสียงกระวนกระวาย เสียงหอบหายใจขาดเป็นห้วงๆ
เสม เสาเซงัวเงียลุกสลัดผ้าห่มออกจากตัวคลำหาไม้ขีดก่อนจุดตะเกียงเจ้าพายุ

"เร็วๆ หน่อยพี่ ฉันเอง ฉันกับไอ้หลุย"
"อ้าว ! " เสม เสาเซอุทาน
"ไม่ต้องอ้าว... เปิดประตูซี่..." เสียงยังสั่นปนหงุดหงิด
พอประตูกระท่อมเปิดออก ทั้งสองก็พุ่งพรวดเข้ามาจนหลอดกับแป๋งตกใจตาสว่าง
"อะไรพี่ ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ถึงได้วิ่งตาเหลือกอย่างนี้ !?" ศิษย์ก้นกุฏิทั้งสองถามขึ้นพร้อมเพรียง

"ถามมันเอง" หลุยว่าได้แค่นั้น
ทุกสายตามองไปยังจุดเดียวกัน คำตอบจากพยานปากสุดท้าย...ติ้ว กำมะลอ
เขาว่ากันว่าการโกหกเป็นบาป ผิดศีลข้อมุสาฯ ตายไปตกนรกหมกไหม้ ยมบาลเอาเหล็กแหลมง้างปาก แล้วเอาน้ำเดือดๆ จากกระทะทองแดงกรอกท้อง กรอกไส้ให้ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ใครต่างก็ขยาดเมื่อเจอกุศโลบายพุทธศาสนาข้อนี้ ไม่กล้าโกหกมดเท็จ ไม่กล้าหลอกลวงกัน
แต่สำหรับ ติ้ว กำมะลอแล้ว ศีลข้อมุสาฯ นั้นไม่มีในพจนานุกรมของเขาแม้แต่น้อย
"ข้าไม่ได้โกหก ข้าจะโกหกว่าข้าไม่ได้โกหกไปทำไม ไฮ่... พวกเอ็งนี่" ติ้วว่าพร้อมส่ายหน้าเอือมระอา
ทุกคนมองหน้ากันถอนหายใจสุดจะทน แต่ก็ทนฟังกันเรื่อยมา ติ้ว กำมะลอมุสาฯ ได้ตั้งแต่ไก่ออกลูกเป็นตัว วัวออกลูกเป็นลิง และที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุดก็คือ เขาบอกว่าวันก่อนเขาไปพบท่านนายกฯ มา (นายกอบต.)
"คุณสมบัติอย่างพี่ติ้วนี่ เหมาะกับการเป็น ส.ส. หรือไม่ก็สมาชิก อบต." หลอด จิตป่วนตั้งข้อสังเกต
"ทำไมว่ะ ?" แป๋ง ปุจฉาถามพลัน
"ก้อ... โกหก ปลิ้นปล้อน กระล่อน ตอแหล หน้าด้าน ! และก็..."
"โธ่... หาตะรางมาให้แล้วไม๊ล่ะ" เสม เสาเซอุทาน ทะยานลงจากกระท่อมอย่างไว ตามด้วย หลุย ใบบัวบก
"ปากเอ็งไม่มีหูรูดหรือวะ ? ถามอะไรเรือไม่จอด" หลุยหงุดหงิด แป๋งเกาศีรษะงง

"เขาเรียกว่า เอาธรรมชาติรักษาธรรมชาติ" เสม เสาเซกล่าวอย่างภูมิใจ "แล้ววันนี้ ติ้วมันไปไหนว่ะ ?"
"ช่วงนี้ ติ้วมันไม่ว่างหรอก วันก่อนผมเห็นกระถินลูกสาวกำนันกลับมาเยี่ยมบ้าน" หลุย ใบบัวบกรายงาน

ไม่แปลกที่ติ้วริเด็ดดอกตาล (หญิงสูงศักดิ์แต่ไม่สูงชั้นเท่าดอกฟ้า) เพราะกระถินก็ตาหวานพอให้ลือเลื่องไปทั่วทั้งบาง แต่อนงค์นางก็หาได้สนใจติ้วไม่ ด้วยรู้นิสัยกำมะลอ ที่พอขายขนมจีบกับหล่อนเสร็จก็หลบลี้ไปกับความมืด ขึ้นบ้านผู้ใหญ่หมูขายขนมจีบให้สาวกำไลต่อ
ตามประวัติการขึ้นชกของติ้ว กำมะลอที่ถูกเล่าขานกันจนเป็นตำนานนั้น เดิมทีเขาไปติด น้ำอ้อย ลูกสาวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ด้วยเมาสุราแล้วไปอาละวาดงานแต่งน้องสาวน้ำอ้อย ความสัมพันธ์คราวนั้นจึงขาดสะบั้น
"รักพี่ แต่ข้าเสียดายน้องวะ" ติ้ว กำมะลอ ปรับทุกกับพลพรรค
ไม่นานสาวน้ำอ้อยก็แต่งงาน ด้วยรำคาญลูกจอมตื้อของติ้วไม่ไหว จากนั้นมา ติ้ว กำมะลอก็เที่ยวขายขนมจีบกับสาวๆ ไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็น สาวเครือ ลูกสาวมัคนายก สาวก้อยลูกสาวภารโรง สาวแหวนลูกสาวสมาชิกอบต. สาวไก่ลูกสาวนายก อบต.ฯ พวกหล่อนก็มีอันต้องสละโสดกันแทบทุกรายไป
และแล้วก็ถึงคราวลูกสาวกำนัน
"แม่ดอกกระถินบ้านป่า โอ้...ดอกฟ้าสุดปรารถนาของพี่" ติ้ว กำละมอรำพึงรำพันนานมาแล้ว ครั้งที่รู้จักกระถินใหม่ๆ ซึ่งเพลานั้นชาวสะเลเตยังไม่มีใครทราบ
"ดอกฟ้าของคนอื่นล่ะไม่ว่า" หลุย ใบบัวบกขัดขึ้น
"ไอ้ห่า ! อยากเป็นจักรยานรึไง ?" ติ้วหงุดหงิด " เค้ารักข้าโว้ย... วันก่อนยังเอาเบอร์โทรให้ข้าเลย นี่ไง" ติ้วชูเศษกระดาษล่อนไปมาต่อหน้าพ้องเพื่อน ทุกคนขยี้ตาแทบไม่เชื่อหู
ด้วยความอยากรู้ว่าผู้ใดเป็นกระถินดอกนั้น ค่ำลงคืนนั้นเหล่าพลพรรคคาเซจึงพร้อมพรัก หล่อฟ้อน้ำหอมพรมตามสไตล์ควายหลงกรุง
หลุยเสื้อลายสะกอต ยีนส์สีซีด รองเท้าหนังหุ้มข้อลึกปลายแหลม (ได้มาตั้งแต่อยู่มวกเหล็ก) เสมเสื้อม่อฮ่อมย้อมคราม นุ่งผ้าโสร่งบางเบา แป๋งเสื้อยึดคอกลม กางเกง วอร์มสีดำ ติ้วเสื้อเชิ้ตขาวลายดอกชบา ผมทรงคีอานูรีฟ กางเกงขากระบอก ส่วนหลอดเสื้อก้าม กางเกงกีฬา รองเท้าแตะ !
"พวกเอ็งจะไปไหนกันว่ะ ?" ติ้ว กำมะลอเอียงคอถาม
"กระถินคือผู้ใด ? และรักเอ็งจริงหรือไม่ ?" เสม เสาเซเน้นเสียงช้าๆ "มันต้อง คนค้นคน ! "
ว่าแล้วทุกคนก็ซอยเท้าลงกระท่อม ดอดออกจากสวนสะเลเตโดยติ้ว กำมะลอหนีบไหกระเบื้องไปด้วย


"อินพอสชี...เบิ้ล" หลอด จิตป่วนโพล่ง ขณะที่สาวกระถินเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็น เอาน้ำขวดมาต้อนรับ
"อะไรวะ ?" ติ้ว กำมะลอถาม
"เป็นไปไม่ได้ ! " หลุย ใบบัวบกตอบแทน สายตามองตามก้นหญิงสาวอย่างมีเลศนัย "คิวปิด ! รึจะแผลงศรผิดพลาดได้ขนาดนี้"
"ใช่ ! ไม่มีทางที่กระถินจะชอบเอ็ง" เสม เสาเซเสริม
"เฮ้ย... อย่า... พวกเอ็งอย่าทำเป็นสงสัยในพระเจ้า ท่านประทานความรักมาให้ข้าโว้ย ดูนี่ซะก่อน...ดู!" ติ้ว กำมะลอชูเศษกระดาษสะบัดไปมา สิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนไม่กล้าฟันธง เบอร์โทรศัพท์ปริศนา !
แป๋ง ปุจฉามองหน้าติ้วยังไม่คลายสงสัย "พี่ติ้ว แล้วอยากเป็นจักรยานเมื่อกลางวันนะมันหมายความว่าไง ?"
ติ้วลุกพรวด บาทาวางใส่สีข้างแป๋งเบาๆ หัวคะมำ "นี่ไง จักรยาน เอาอีกไหม ?"
พอเอวเคล็ดแป๋งก็ถึงบางอ้อ ทุกคนสงบปากสงบคำลงเมื่อกระถินเดินเข้ามา
"มากันเหนื่อยๆ กินน้ำกินท่ากันก่อน" กระถินวางขวดน้ำกับแก้วสองใบลงตรงหน้าติ้ว "มีใครสูบยาเส้นไหมจ๊ะ ? จะได้หามาให้"
ทุกคนส่ายหน้า สายตายังไม่ละจากหล่อน หญิงสาวขยับนั่งพับเพียบตรงกลางระหว่างทุกคน ที่นั่งรอบหล่อนเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ติ้ว กำมะลอหัวเราะ ห๊ะๆ ยกไหกระเบื้องตั้งตรงหน้า เปิดถุงพลาสติกที่ปิดปากไหออก ค่อยๆ บรรจงเทน้ำขวดที่กระถินเอามาให้ มันซึมผ่านแกลบผสมปลายข้าวลงไปทีละนิด กลิ่นข้าวหมักหอมฟุ้งติดจมูก
"อะไรจ๊ะพี่ ?" กระถินทำหน้าฉงนฉงาย
"เหล้าพื้นเมืองจ้ะ" ติ้ว กำมะลอตอบ
ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น ระหว่างนั่งถามสาระทุกข์สุขดิบ ไหกระเบื้องก็ถูกยกหมุนรอบไปตามรายบุคคล ไม้ไผ่กะแสแทนหลอดดูดปักลึกพอประมาณ ดูดเสร็จยกให้คนต่อไป ทุกคนช่างมีคำถามมากมาย ยังกับสัมภาษณ์ทีวี ยิ่งเวลาผ่านไปนานหน้าเริ่มแดง ใจเริ่มกล้า ดีกรีน้ำผ่าแกลบหมักออกฤทธิ์ กระดูกสันหลังคิดปากถาม
"ก้นกระถินลายไหมจ๊ะ ?"
"เฮ้ย ! " เสม เสาเซอุทาน
ติ้ว กำมะลอมือไวตบกบาลหลุยเข้าให้ "ใช้สมองคิดหน่อยซี ก่อนถามนะ"
"อะไรนะ ? ได้ยินไม่ชัด" กระถินสงสัย
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ไม่มีอะไร" ติ้วปฏิเสธทันควัน หลุยมองหน้าเพื่อนยิ้มๆ
นั่งขายขนมจีบอยู่นานก็พอรู้คร่าวๆ ว่าสาวกระถินเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ซึ่งมีพี่น้องถึงห้าคน พ่อบุญเลื่อนขั้นเป็นกำนันบุญเมื่อสี่-ห้าเดือนก่อนนี้ กระถินทำงานอยู่กรุงเทพฯ แถวๆ ถนนเจริญกรุง ซอยประดู่ ซึ่งเป็นงานทำกล่องกระดาษ
"ถินเรียนจบแค่ป. 6 จะให้ไปทำงานอะไรล่ะจ๊ะ ได้งานทำก็ดีถมแล้ว" หญิงสาวเสียงละห้อย "ถิ่นกลับมาเยี่ยมบ้าน วันสองวันก็กลับ"
ได้ยินคำนี้ ใจหนุ่มสะเลเตชักห่อเหี่ยว เหลียวมองตากันหดหู่ ไม่รู้จะต่อความประการใด ลมดึกเริ่มมาเยือน เสียงกระไอบนเรือนเตือนให้รู้ว่าดึกโข ซึ่งพ่อแม่ที่หวงลูกสาวมักทำอย่างนี้เสมอ เป็นการบอกกล่าวว่าสมควรแก่เวลา แต่หนุ่มสะเลเตหาสนใจไม่
หลุยยังนั่งป้อ...คอชัน ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเรียกเสียงหัวเราะสดใสไปเรื่อยๆ โดยเสมเป็นลูกคอเออออห่อหมก แป๋งกับหลอดหันหน้าชนกัน ถกปัญหาเรื่องแกลบหมักแอลกอฮอส์ได้ยังไง ส่วนติ้วคอพับคออ่อนนอนจมกองอ้วกตัวเองหลับอยู่ข้างหลังเสม ถึงเวลานี้ใครดีใครได้ ไม่สนใจเสียงไอไข้หวัดที่เริ่มเป็นไข้หวัดใหญ่อยู่บนเรือนเสียแล้ว
"เมื่อคืนพี่ฝันประหลาด" เสมเกริ่นประโยคเด็ด
"ฝันอะไรจ๊ะพี่ ?" กระถินขมวดคิ้วสงสัย


"กระถินมีเข็มกะด้ายไหมจ๊ะ ?"
"มีจ๊ะ พี่จะเอาไปทำอะไร ?"
"พี่จะเอามาเย็บใจ เห็นหน้ากระถินแล้วพี่ใจจะขาดดดด..."
กระถินตัวสะบัดบิดเป็นเกลียว มือจิกชายเสื้อขึ้นมากัด โรคเบาหวานพาลจะกำเริบ หลุย ใบบัวบกเหมือนรู้สถานการณ์
"เห่ย ! ซะไม่มี" หลุยแขวะเข้าให้
"พ่อให้กินอะไรจ๊ะ ? กระถินถึงสวยบาดใจพี่ขนาดนี้" หลุยเริ่มมุขบ้าง
"กินขี้วะ !"
สองหนุ่มหันขวับไปมองต้นเสียง รู้สึกขุ่นเคืองที่มีคนขัดจังหวะ กระถินนั่งสำรวมตามเดิมเมื่อเห็นหน้าคนพูด ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งชันเข่าถือไหกระเบื้องดูดเหล้า ขณะฟังอภิมหาปรัชญาแกลบหมักของหลอดกับแป๋ง หลุยกับเสมอ้าปากค้าง เมื่อรู้ว่าไผเป็นไผ
"พ่อกำนัน สวัสดีครับ" เสมกับหลุยกรูเข้าไปยกมือท่วมหัว
หลอดเอียงคอสงสัยหันไปมองคนถือไห

ว่าแล้วหลอดก็ลุกพรวดเดินออกจากเรือนกระถินก่อนใคร ตุปัดตุเป๋ไปในความมืด ตามด้วยหลุยและแป๋ง พลัน! เสม เสาเซพุ่งทะยานแซงนำลิ่ว เห็นประการนั้นทุกคนก็โกยอ้าวทันที
"เฮ้ย ! แล้วไหเหล้ากับไอ้นอนจมกองอ้วกนี่ ไม่เอากลับหรือไงห๊า !?" เสียงตะโกนฟังหงุดหงิด แต่หามีใครหยุดฟังสรรพเสียงใดๆ ไม่ ถนนคุ้มบ้านสาวสู่คุ้มสะเลเต หมาเห่ากรรโชกเสียงกราวกังวานแว่ว
แดดร้อนเปรี้ยงจนแทบหัวระเบิด เหงื่อเม็ดเป้งไหลอาบหน้า สมาชิกสะเลเตกำลังก้มๆ เงยๆ ขุดดินกลบโคนต้นไม้ เสม เสาเซยืนเหยียดหลังตรงใช้ท่อนแขนปาดเหงื่อบนหน้าผาก หรี่ตามองที่ประตูทางเข้าสวน ปรากฏติ้ว กำมะลอเดินฮัมเพลงตรงมาอย่างอารมณ์ดี
"เมื่อคืนเป็นไงว่ะ ?" หลุย ใบบัวบกถามทันทีที่ทุกคนพากันเข้าหลบแดดใต้ต้นมะม่วง
"เขาให้ข้านอนบ้านเขาโว้ย... แถมเช็ดเนื้อเช็ดตัวและนั่งเฝ้าข้าทั้งคืน" ติ้วยิ้มเกลื่อนหน้า "หมอนงี้ ผ้าห่มงี้ ที่เอามาห่มข้า ของเขาทั้งน้าน... กลิ่นหอมมม...หอม" ติ้วหลับตาพริ้มคิดถึงห้วงเวลานั้น พาลให้คนอื่นอิจฉา
"ข้าไม่เชื่อหรอก" เสม เสาเซค้านขึ้น แต่แววตาก็ยังหวั่นไหว
ไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครอยากพิสูจน์ เมื่อติ้วประกาศก้อง "อยากได้ข้ามศพข้าไปก่อน !"
อันที่จริงไม่มีใครกลัวคำขู่เพียงนิด แต่ด้วยเห็นใจในความมุ่งมั่นของติ้ว ทั้งติ้วยังบอกอีกว่า คืนนั้นติ้วได้จูบหญิงสาวมัดจำไปแล้ว นั่นคือตัวแปรที่ทำให้ทุกคนถอนใบสมัคร
สองวันต่อมาทราบข่าวจากติ้ว กำมะลอว่ากระถินเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว โดยติ้วไปส่งขึ้นรถทัวร์กับมือ แถมติ้วยังเอาเสื้อยืดที่ว่ากระถินซื้อให้มาอวดเพื่อนอีก พลพรรคสะเลเตเลยใจสลายกันตั้งแต่เพลานั้น กินข้าวบางวันแทบกลืนไม่ลง เมื่อเห็นติ้วนั่ง จ๊ะจ๊า... กับโทรศัพท์มือถือทั้งที่มืออีกข้างยังคาปั้นข้าวเหนียว
หลายเดือนผ่านไป แม้กระถินยังไม่กลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ติ้วก็ยังคงวนเวียนไปร้องทุกข์กับกำนันบุญเสมอ การไปแต่ละครั้งมักมีเหล้าไหไก่ปิ้งติดไม้ติดมือไม่เคยขาด "เรียกว่า รักผู้หญิงต้องอิงกำนัน ติดสินบนมันเข้าไป" ติ้วว่าเทือกนั้น
ในการรอคอยที่เงียบเหงา กว่ากระถินจะกลับมาเยี่ยมบ้านแต่ละครั้ง ติ้ว กำมะลอก็ฆ่าเวลาด้วยการขายขนมจีบกับสาวกำไล ลูกสาวผู้ใหญ่หมูเป็นระยะ ซึ่งข่าวก็มักรั่วไหลเพราะกระไดเรือนกระถินกับเรือนกำไลห่างกันแค่ห้าสิบก้าวเดิน กระถินกลับมาบ้านครั้งล่าสุด กำนันบุญอ้วนขึ้นทันตาเห็น ปัจจัยเกิดจากเป็ดไก่ของติ้วที่เล้าร้าง
แต่ฟ้าดินก็หาได้เห็นใจติ้ว กำมะลอไม่ และความลับก็ไม่มีในโลก กระถินปฏิเสธรักติ้วอย่างสิ้นเยื้อขาดใย และความจริงทุกอย่างก็ปรากฏเมื่อเสม เสาเซดอดไปหากระถินในเย็นวันหนึ่ง
"เสื้อที่ติ้วบอกว่า กระถินซื้อให้วันไปส่งกลับกรุงเทพฯ คราวก่อนนะ กระถินบอกว่า ติ้วเป็นคนซื้อให้เขา แต่เขาไม่เอา" เสม เสาเซเล่าให้ทุกคนฟัง "แล้วคืนที่มันเมานะ เขาไม่ได้ดูแลอะไรมันเล๊ย... ทิ้งให้มันนอนจมอ้วกอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า"
ถึงตอนนี้ทุกคนเริ่มมองเห็นเค้า "แล้วเรื่องจูบล่ะ ?" หลุย ใบบัวบกถาม
"ก้อจะอะไร หมาแถวนั้นมันเลียปากเอานะซิ"
สิ้นคำทุกคนหัวเราะ ก๊าก... ลั่นกระท่อม ท้องขดท้องแข็งน้ำหูน้ำตาเล็ด แล้วเรื่องเบอร์โทรศัพท์ก็เป็นอันรู้กัน ว่าติ้ว กำมะลอไปบังคับขอกับพี่สาวของกระถิน หล่อนรำคาญเลยเขียนผิดๆ ให้เป็นเลขห้าหลัก ซึ่งติ้วโทรฯ ไม่เคยติด ก็ทำให้รู้ทันทีว่า ติ้วต้องคว้ารางวัลตุ๊กตาทองปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลุยเอามือแนบหูเลียนเสียงด้วยความหมั่นไส้ "แม่ง ! ฮัลโหล... กระถินหรือครับ? คิดถึงจัง ทำอะไรอยู่...? กินข้าวยัง? กินกับพี่ไหม? พี่กำลังกินลาบควายยย... อยู่"
แต่ก่อนที่ความหวังครั้งใหม่ของทุกคนจะอุบัติขึ้น ข่าวการกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงบุญเดือนหกของกระถิน ก็พาข่าวการมาเยือนของหนุ่มต่างถิ่นมาด้วย คืนค่ำเพลานั้นความรู้สึกต่างอารมณ์สองอารมณ์ ของกำนันบุญก็ปะทุจนปรับแทบไม่ทัน
อารมณ์แรกนั้นปลื้มปีติ ที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา
"เอาล่ะ ว่ากันตามนี้ หกหมื่น...ทองสองบาท เดือนสิบเอ็ดข้าวขึ้นเล้าเป็นอันแต่ง ! "
อารมณ์สองขุ่นข้อง โกรธขึง เมื่อมือดีดอดมาหยามศักดิ์ศรี
"ใครบังอาจมากระตุกหนวดข้าว่ะ !?" เสียงคำรามนั้นกึกก้อง ตาคมกริบจ้องมองหาผู้บังอาจลองดี

หลังคำประกาศการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการของกำนันบุญสิ้นสุด ติ้วพลันเลือดขึ้นหน้า หูอื้อตาลาย โกรธเคืองที่โดนกำนันบุญหลอกกินฟรีมาตลอด ตัดสินใจเพียงชั่ววูบ คว้าได้ไม้เขื่องท่อนผุขว้างขึ้นทันที กะให้ลงหลังคา ที่ไหนได้กลับเข้าหน้าต่าง ร่วงตุบ ! ลงกลางวง ผู้เฒ่าผู้แก่แตกตื่นโกลาหล ติ้ว กำมะลอเผ่นแลบทันควัน
"แล้วมานั่งหอบหายใจอย่างที่เห็นนี่แหละ" หลุย ใบบัวบกสรุปความ
"ซวยกันไหมล่ะ แล้วนี้พวกเอ็งวิ่งเข้ามาสวนทำไมว่ะ ? พวกข้าไม่ติดร่างแหไปด้วยหรือเนี้ย !" เสม เสาเซ เดินวนรอบกระท่อมกระสับกระส่าย คืนนั้นไม่เป็นอันหลับกันทั้งคืน

"ไม่น่าฉุนจนขาดสติเลย เสียเงินไปฟรีๆ กับไม้ผุๆ แค่ท่อนเดียว" หลุย ใบบัวบกบ่นเสียดายเงิน พลางมองไปที่ประตูสวน ไม่เห็นหน้าติ้วมาสามวันแล้ว
"แต่อย่างน้อย ติ้วมันก็น่ายกย่องนะ" เสม เสาเซเอ่ย ยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วงมองพะยับแดด
"น่ายกย่องตรงไหนพี่ ?" แป๋งถามอย่างคลางแคลง

ทุกคนนิ่งฟังและคิดตาม ก่อนจะยิ้มกริ่มชื่นชมในตัวติ้ว กำมะลอ...
เมื่อวันที่ : 25 มิ.ย. 2549, 16.08 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...