![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...เกิดอะไรขึ้นกับจอย ทำไมเธอถึงได้คิดสั้นแบบนี้ ทำไม ฉันคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าสาเหตุน่าจะมาจากน้อต ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน และมันก็ไม่มีวี่แววมาก่อน...
เกิดอะไรขึ้นกับจอยและน้อต ทำไมใยจอยถึงได้ร้องไห้มากมายขนาดนี้ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เธอเข้มแข็งเสมอ ฉันต่างหากที่มักจะร้องไห้ให้เธอต้องคอยปลอบอยู่เป็นประจำ ฉันพรวดพราดออกจากบ้านทันที เป็นห่วงเพื่อน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา คุณแม่ถึงกับวิ่งตามออกมาถามว่าจะไปไหน แต่ฉันไม่มีเวลาอธิบายบอกเพียงแต่ว่าจะรีบกลับ
ฉันเรียกแทกซี่มาถึงหน้าบ้านของทั้งคู่ ไฟหน้าบ้านปิดทั้ง ๆ ที่มันก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว และไม่มีรถจอดอยู่แสดงว่าน้อตไม่อยู่บ้านจริง ๆ
ฉันกดกริ่งตามมารยาท แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดสักที ฉันเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อก
ภายในตัวบ้านชั้นล่างยังคงมืดสนิท เหมือนไม่มีใครอยู่ ฉันเรียกชื่อจอยเป็นระยะ ระยะ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ
ฉันรู้สึกใจคอไม่ดี รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน พลันเห็นแสงไฟโทรทัศน์รอดออกมาจากห้องนอนของทั้งคู่
ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องนั้นทันที ประตูเปิดแง้มอยู่
ฉันเห็นจอยนั่งหลับอยู่ตรงโซฟาหน้าโทรทัศน์ มีอัลบั้มรูปงานแต่งงานวางกองอยู่เต็มไปหมด และโทรทัศน์ก็กำลังฉายภาพงานแต่งงานของทั้งคู่
ฉันเปิดไฟในห้องทันที พร้อมกับเดินเข้าไปหาจอย
"จอย ทำไมอยู่มืด ๆ แบบนี้เนี่ย ฉันตกใจหมดเลยนะ นึกว่าเธอเป็นอะไรไปซะอีก"
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ พลันสายตาเหลือบไปเห็นกระปุกยาตกอยู่ และมีน้ำหกอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นเต็มไปหมด ฉันรู้ทันทีตามสัญชาติญาณว่า จอยกินยาฆ่าตัวตาย
ฉันตกใจมากรีบเขย่าตัวเธอทันที
"จอย ตื่นสิ จอย ทำไมทำแบบนี้" ฉันเรียกเธอไปร้องไห้ไป มันตกใจทำอะไรไม่ถูก
"จอย ตื่นสิ ตื่นเดี๋ยวนี้" ฉันเขย่าตัวเธออย่างแรงเพื่อให้เธอฟื้น แต่เธอก็ยังคงหลับสนิท
ฉันยังคงพอมีสติอยู่บ้าง รีบกดโทรศัพท์ไปหาน้อตทันที แต่เขาปิดเครื่อง
ฉันจะทำยังไงดี ฉันพยายามแบกจอยลงไปข้างล่างเพื่อไปเรียกรถ และพาเธอไปส่งโรงพยาบาล แต่ฉันก็แบกเธอไปได้แค่หน้าห้องเท่านั้นก็หมดแรงซะแล้ว
ฉันนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น มันทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไงดี
สักพักมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันดังมาจากเครื่องของฉัน ฉันรับทันที
"นั่นใครคะ ช่วยด้วยค่ะ" ฉันพูดด้วยความตกใจ
"อร นี่อ้นเองนะ เกิดอะไรขึ้น"
"อ้นเหรอ อ้น ช่วยด้วย จอยแย่แล้ว อรจะทำยังไงดี" ฉันบอกไปร้องไห้ไป
"รออยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวอ้นรีบไป ตอนนี้อรอยู่ที่ไหน" เขาถาม
"อยู่บ้านจอยค่ะ อ้นรีบมาเร็ว ๆ นะคะ อรกลัว" ฉันบอกเขา
อ้นรีบวางสาย ฉันได้แต่หวังว่าเขาคงจะมาทันเวลา
เกิดอะไรขึ้นกับจอย ทำไมเธอถึงได้คิดสั้นแบบนี้ ทำไม ฉันคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าสาเหตุน่าจะมาจากน้อต ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน และมันก็ไม่มีวี่แววมาก่อน
ฉันได้ยินเสียงรถ อ้นคงจะมาถึงแล้ว ฉันรีบวิ่งลงไปเรียกเขาทันที
"อ้น ทางนี้ค่ะ" ฉันตะโกนเรียกเขา
อ้นรีบวิ่งขึ้นมาทันที เขาตกใจที่เห็นจอยนอนหมดสติอยู่ตรงหน้าห้อง
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมจอยถึงเป็นแบบนี้" เขาถาม
"อรก็ไม่รู้ค่ะ มาถึงจอยเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้ก็ไม่รู้" ฉันพูดไปร้องไห้ไป
"เรารีบไปกันเถอะ" อ้นพูด พร้อมกับอุ้มจอยขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาล
เราไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด บุรุษพยาบาลรีบนำรถเข็นมารับจอยเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยมีฉันกับอ้นวิ่งตามไปติด ๆ
"เป็นอะไรมาครับเนี่ย" คุณหมอในห้องนั้นถามฉัน
"เธอกินยาหมดกระปุกนี่เลยค่ะคุณหมอ นี่ค่ะ ดิฉันพกมาด้วย" ฉันบอกพร้อมกับยื่นกระปุกยาที่จอยกินให้กับเขา ฉันหยิบมันติดมือมาด้วยเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
"ออกไปรอข้างนอกกันก่อนนะครับ" คุณหมอบอก
ฉันกับอ้นออกไปรอหน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ ได้แต่ภาวนาขออย่าให้จอยเป็นอะไรเลย
"เกิดอะไรขึ้นกับจอยน่ะอร แล้วน้อตล่ะ" อ้นถามฉัน
ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้อ้นฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าทำไม
อ้นฟังแล้วก็เงียบไป ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เราทั้งสองคนนั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้น เฝ้ารอฟังอาการของจอยจากคุณหมอ
ฉันพยายามกดโทรศัพท์หาน้อตอีกครั้ง แต่เขาก็ยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม ฉันรู้สึกโกรธมากที่ติดต่อเขาไม่ได้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
คุณหมอออกมาแล้ว ฉันกับอ้นรีบเดินเข้าไปหาคุณหมอทันที
"เป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอ" ฉันรีบถาม
"ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีว่ายาที่รับประทานเข้าไปไม่ได้มีอันตรายร้ายแรง ทางเราได้ทำการล้างท้องคนไข้แล้ว สภาพร่างกายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สภาพจิตใจของเธอนั้นบอบช้ำมาก คนไข้ต้องการกำลังใจจากคนใกล้ชิด เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่าเพิ่งไปทำอะไรที่เป็นการรบกวนจิตใจคนไข้นะครับ" คุณหมออธิบาย ฉันพยักหน้ารับคำคุณหมอ
ฉันกับอ้นเดินเข้าไปหาจอยในห้อง...
จอยนอนอยู่บนเตียง เธอยังไม่หลับ สีหน้าของเธอซีดเผือด สายตามองลอยออกไปไกล ที่มือมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง
ภาพนั้นทำให้ฉันเกือบจะน้ำตาไหล ฉันสงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ มันมีอะไรหนักหนาสาหัสถึงขนาดเพื่อนที่เคยเข้มแข็งของฉันต้องมาคิดสั้นแบบนี้
ฉันเดินเข้าไปลูบหัวเพื่อนเบา ๆ
"เป็นยังไงบ้าง" ฉันถาม
"น้อตล่ะ" เธอถามฉัน สายตายังคงมองอยู่ที่เดิม
ฉันกับอ้นมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะตอบจอยยังไง
"น้อตกำลังรีบมา จอยพักผ่อนก่อนเถอะ" อ้นพูดเพื่อให้จอยสบายใจ
"หลับสักนิดนะจอย คุณหมอบอกให้พักผ่อนเยอะ ๆ" ฉันเสริม
"เขาไม่มาหรอก ฉันรู้" จอยพูด น้ำตาไหล
"ไม่เอาน่าจอย น้อตต้องมาสิ ใจเย็น ๆ นะ" ฉันปลอบเธอ
"ฉันอยากตาย ฮือ ๆ ฉันอยากตาย" จอยก้มหน้าร้องไห้ สะอื้นจนตัวโยน
"อย่าพูดแบบนี้สิ จอย อย่าพูดแบบนี้" ฉันกอดเพื่อนรักไว้แน่น ปลอบไปร้องไห้ไปกับเธอ
จอยกอดฉันไว้แน่นเหมือนกัน เราสองคนต่างกอดกันร้องไห้
จอยร้องไห้ไม่ยอมหยุด ปากก็พร่ำบอกตลอดว่าอยากตาย ฉันสงสารเธอเหลือเกิน
ฉันจะทำยังไงดี จะช่วยจอยได้ยังไง ตอนนี้คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแต่ฉันกับอ้นเท่านั้น ถ้าโทรไปบอกที่บ้านของจอย หรือน้อต ก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือต้องติดต่อน้อตให้ได้
ฉันกับอ้นมองหน้ากันอย่างอ่อนใจ เราจะทำยังไงกันดี จะตามหาน้อตได้จากที่ไหน
จอยหลับไปแล้ว เธอคงจะเพลียมากจากฤทธิ์ยา ที่ก่อนหน้านี้คุณหมอได้ให้ไว้เพื่อที่เธอจะได้พักผ่อน
"เดี๋ยวอ้นไปตามหาน้อตให้เอง อ้นพอจะรู้จักเพื่อนของน้อตบางคน ยังไงก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร" อ้นอาสา
"จะดีเหรออ้น นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ จะไปตามเขาได้จากที่ไหน" ฉันท้วง
"ไม่เป็นไรหรอก อ้นจะขับรถตระเวนถามไปเรื่อย ๆ เผื่อใครจะมีเบาะแส" อ้นยืนยัน
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าอ้นจะไปตามหาน้อตได้จากที่ไหน การตามหาใครสักคนในเมืองใหญ่แบบนี้มันไม่ง่ายเลย
"อ้นไปก่อนนะ อรอยู่ทางนี้ก็ช่วยดูแลจอยไปก่อนแล้วกัน"
ฉันพยักหน้ารับคำเขา ฉันรู้สึกซาบซึ้งที่วันนี้เขามาช่วยฉัน ถ้าไม่ได้เขาจอยคงจะแย่แน่ ๆ
เขายังเป็นอ้นของฉันคนเดิม คนที่มีน้ำใจ และเต็มใจที่จะช่วยเหลือฉันอย่างแท้จริง
"อ้นคะ ขอบคุณมากนะคะ" ฉันเรียกเขา ตะโกนบอกเขาก่อนที่เขาจะเดินลับไป
อ้นหันมายิ้มให้ฉัน มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันคุ้นเคย รอยยิ้มที่มีแต่ความอบอุ่นให้กับฉันเสมอ
เมื่อวันที่ : 08 มิ.ย. 2549, 17.49 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...