![]() |
![]() |
mars![]() |
...สุดท้าย....เราก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้น ที่แม้ว่าอาจไม่ใช่จุดจุดเดิมที่เคยเริ่มต้น แต่ก็ต้องเริ่มต้นก้าวเดินอีกครั้ง เพื่อเดินบนเส้นทางสายใหม่........
สุดท้าย....เราก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้น ที่แม้ว่าอาจไม่ใช่จุดจุดเดิมที่เคยเริ่มต้น แต่ก็ต้องเริ่มต้นก้าวเดินอีกครั้ง เพื่อเดินบนเส้นทางสายใหม่.....น้ำตา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เกิดขึ้นอีกครั้ง.....
หลายครั้งที่ฉันนั่งมองภาพตัวเองในอดีตที่ผ่านพ้นมา...เพียงไม่นาน รำลึกถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ฉันต้องเฝ้าถามตัวเองว่า ต่อจากนี้ไปฉันจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันนะ
เคยไหม...เมื่อเราเดินขึ้นเขาด้วยความยากลำบาก ปีนป่าย ต่อสู้จนถึงจุดสูงสุดของเส้นทาง แต่การเดินกลับลงมาเพื่อเดินขึ้นเขาอีกลูกกลับกลายเป็นสิ่งที่เราไม่แน่ใจ ลังเล สับสน ทั้งที่เพียงเราก้าวเดินเท่านั้น... ความรู้สึกบางอย่างเข้ามามีอิทธิพลทำให้เราหยุดและมองมัน.....
วันนี้ฉันมีน้ำตา...น้ำตาที่ไหลรินลงมาเพราะการถูกย้ำเตือนตัวตนของตนเอง มีคนหลายคนที่เฝ้าบอกฉันว่า...จงอย่าทำความฝันของตัวเองหายหรือตายจากไป....จงเดินบนเส้นทางของความแตกต่าง...จงกล้าที่จะก้าวออกมาจากรอบของรูปแบบเดิมๆ ของชีวิต...เพราะฉันไม่สามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้รูปแบบชีวิตแบบนั้น...

ฉันไม่รู้...ฉันสับสน...ฉันไม่แน่ใจ...ฉันไม่กล้า...และฉันก็เหน็ดเหนื่อย กับการทำบางสิ่ง
มีหลายคนมองเห็นตัวตนของฉัน...มองเห็นสิ่งที่ฉันเป็น....และเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ....แต่บางทีฉันกลับมองไม่เห็นอะไรเลย....มองไม่เห็นว่าตัวเองต้องการอะไร ทั้งที่ฉันรู้ว่าภายในใจมีคำตอบอยู่แล้ว....ไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตไปในรูปแบบไหน ทั้งที่หัวใจเฝ้าร้องเตือนความต้องการของวิถีการดำรงอยู่
คำถาม...ฉันอยากตาย แบบเสียดายชีวิต หรือ ตายแบบ ฉันรู้สึกว่าไม่เสียดายอะไรอีก
ฉันรู้ว่าการลงมือทำตามความต้องการและความฝันของตัวเอง มันไม่ง่าย หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และคงเหน็ดเหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น ...แต่ฉันก็รู้ว่าทำตามความฝันมันไม่ยากเลย ถ้าจะอดทน ต่อสู้ และฝึกฝน เพื่อทำในสิ่งที่ต้องการ
แต่...ทำไมล่ะ...ชีวิต
ความจริงที่สวนทาง...ภาระที่ต้องรับผิดชอบด้วยความเต็มใจ...การดิ้นรนที่ต้องอยู่ในสังคมที่นับวันก็เห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ความร่ำรวยของคนรวยที่สวนทางกับความยากจนของคนจน ที่นับวันจะมีช่องว่าง ห่างไกลกันมากขึ้นทุกที
บางทีฉันก็ไม่เข้าใจ....ทำไมรายได้ของการดำรงชีวิตมากขึ้นทุกวัน แต่หลายชีวิตยังคงมีรายได้ต่อครอบครัวน้อยนิด ค่าแรงขั้นต่ำ ก็ต่ำมากกว่าจะเรียกว่าค่าแรง ทั้งที่พวกเขาทำงานมากกว่าพวกที่เรียกตัวเองว่านายทุนตั้งมาก ผลกำไรที่เฉลี่ยไม่ทั่วถึงเหมือนฝนตกไม่ทั่วฟ้า ทั้งที่ทำงานมากกว่า แต่นายทุนเอากำไรเข้ากระเป๋า เพียงเพราะเป็นผู้ลงทุน เป็นเจ้าของอย่างงั้นหรือ ความเสมอภาคที่ไม่มีอยู่แท้จริง สัดส่วนของสังคมที่มีช่องว่างยิ่งกว่าหลุมดำของอวกาศ.....แท้จริงนี่คือกระแสการเอาตัวรอด
แล้วความฝันจะอยู่รอดได้อย่างไร...ในเมื่อสภาพความเป็นจริงอันโหดร้ายอำนวยให้นักฝันนักคิดหลายคนทำตัวเองหายไป....การหายไปของนักสร้างสรรค์ นักฝัน นักคิด เหมือนกันการดิ้นรนเพื่ออยู่รอดและกำเนิดเป็นมนุษย์ของเชื้ออสุจิ.....ผู้แข็งแกร่งที่สุด คือ ผู้อยู่รอด แล้วคนที่แกร่งไม่พอก็ต้องหายตายจากไปเช่นกันกับความฝัน แต่เราไม่อาจแกร่งได้ที่สุดทุกคน ต้องอาศัยการฝึกฝน พัฒนาและเรียนรู้ แต่....ชีวิตในความจริงก็ไม่อาจทำให้เรามีเวลามากนัก...เพราะต้องดำรงอยู่ ต้องทำบางสิ่งเพื่อดิ้นรน....ความฝันจึงตาย
ฉันจะต้องทำอย่างไร.....
เลือกที่กล้า ก้าวตามความต้องการ ความฝัน ของตัวเอง.....
เลือกที่จะเดินทางกระแสการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมจอมปลอม
เลือกที่จะบริหารความฝันและความจริงให้ดำรงคู่กันไปเหมือนเส้นทางคู่ขนาน
เลือกที่จะละทิ้งตัวตน ไปอยู่ในโลกของเงินคือเพราะเจ้า ใช้ความสามารถทำเงินให้มากที่สุด แต่ลืมตัวตนของตัวเอง
เลือกที่จะยิ้มรับและรอให้โชคชะตาหยิบยื่นโอกาส (ทั้งที่อาจจะรอนานแสนนาน)
เลือกที่จะสร้างโลกของตัวเองที่สัมผัสโลกของความเป็นจริงได้
......................
แต่ถึงแม้...คำตอบจะมีอยู่ในใจ....แต่ท้ายที่สุด ฉันก็ไม่แน่ใจอยู่ดี
เมื่อวันที่ : 27 เม.ย. 2549, 23.29 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...