![]() |
![]() |
Anantra![]() |
...มันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ใกล้กับเขาได้ถึงขนาดนี้ แม้ในความเป็นจริงเราจะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร แต่ในใจฉันเขาอยู่ใกล้เหลือเกิน เพียงแค่เอื้อมมือคว้า เขาก็พร้อมเสมอที่จะกลับมาหาฉัน...
ถึงแม้เราสองคนจะเคยสัญญากันไว้ตั้งมากมาย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ อ้นยังอยากจะได้ยินคำตอบแบบไหนจากฉันอีก เขาไม่ควรถามฉันแบบนี้เลย เขาจะรู้บ้างไหมว่าเขากำลังทำให้ฉันลำบากใจ เขาคงรู้ว่าฉันยังรักเขาอยู่ เขาเลยไม่คิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาสักที ทั้งๆ ที่ฉันยอมแพ้กับมันไปตั้งนานแล้ว ความหวังที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขามันหมดไปแล้ว
"อ้นมาพูดอะไรแบบนี้อีกทำไม อ้นก็รู้ว่ามันไม่มีทาง" ฉันบอกเขา
"ผมรู้ ผมมันไม่ดี...แต่อร ให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะ เราเคยคุยกันแล้วไง หลังจากคืนนี้ผมก็จะเป็นอิสระแล้ว มันก็แค่งานแต่งงานจอมปลอม อรจะไปสนใจทำไม" เขาพูด
ฉันได้แต่เงียบ มันพูดไม่ออก ฉันสับสน ฉันยังคงรักเขาอยู่ แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนี้ได้ มันเลือดเย็นเกินไป มันเหมือนการสมรู้ร่วมคิดทำในสิ่งที่ผิด ฉันสงสารผู้หญิงคนนั้นกับลูกในท้องของเธอ แต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
"อ้น เรื่องของเรามันจบแล้ว เชื่ออรเถอะนะ แล้วทุกอย่างมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง" ฉันพยายามบอกเขา ทั้งน้ำตา
"เพียงแค่อรเชื่อใจผมอีกสักครั้ง นะอรนะ ผมรักอร และผมก็มั่นใจว่าอรก็รักผม เรารักกันนะอร จำได้ไหม" เขาพยายามพูดเพื่อให้ฉันใจอ่อน
"อรไม่ได้รักอ้นแล้ว" ฉันโพร่งมันออกมา ในที่สุดฉันก็พูดมันออกมา คำโกหกที่ฉันบอกเขาเพื่อให้เขาตัดใจ ยอมแพ้
"ไม่นะ อร...อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ผมขอร้อง" เขาพูด
"มันสายไปแล้วอ้น อรไม่ได้รักอ้นอีกต่อไปแล้ว" ฉันโกหกเขา
"ผมไม่เชื่อ...อรโกรธผมอยู่ใช่ไม๊ งั้นพรุ่งนี้ผมจะล้มเลิกงานแต่งงานทั้งหมด ถ้ามันจะทำให้อรพอใจ กลับมารักกันเหมือนเดิม"
"พอเถอะอ้น...มันไม่มีประโยชน์หรอก" ฉันบอกเขาเสียงแข็ง "อรเจอคนใหม่ เขาชื่อหนึ่ง เรากำลังคบหากันอยู่ เขาดีกับอรมาก และอรก็เริ่มชอบเขามากด้วย เขาเป็นคนดีมากเลยนะ การศึกษาก็ดี ฐานะก็ดี..." ฉันพูดไปเรื่อย ๆ คิดอะไรก็พูดออกไป จุดประสงค์คือ ให้เขาตัดใจจากฉันซะที
เหมือนจะได้ผล อ้นเงียบไป ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ เขาคงจะเสียใจมาก และ คงจะโกรธ เกลียดฉัน แต่ช่างเถอะ ฉันยอม ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เรื่องโกหกแลกกับความถูกต้องที่เขาควรจะทำ เพื่อตัวของเขาเอง
"อรหวังว่าอ้นคงเข้าใจนะ ถึงอ้นจะพยายามยังไงมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว..." ฉันเล่นละครต่อไป
"แต่อร..." เขาพยายามจะพูด แต่ฉันรีบตัดบททันที
"อรว่า อ้นรีบไปพักผ่อนดีกว่านะ นี่ก็ดึกมากแล้ว อ้อ...แล้วต่อไปนี้อ้นก็ไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะ อรไม่อยากให้หนึ่งเขาไม่สบายใจน่ะ"
"ผมขออะไรอรเป็นครั้งสุดท้ายจะได้ไหมครับ แล้วผมจะไม่ขออะไรจากอรอีก" เขาพูด
"ว่ามาสิ..ถ้าเป็นสิ่งที่อรสามารถทำได้ อรก็ยินดี" ฉันพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด
"ผมอยากให้อรมางานแต่งงานของผม กับคนนั้นของอร ผมอยากจะเจอเขา คนที่โชคดีคนนั้น ผมอยากจะแสดงความยินดีกับเขา" เขาพูดเสียงสั่นเครือ
"มันจะดีเหรออ้น...คืออรหมายถึง..."
"ผมขอร้องล่ะอร...มันคงไม่มีอะไรที่จะเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ขอให้ผมได้บอกลาอรเป็นครั้งสุดท้าย ให้ผมได้ทำอะไรให้อรบ้างเถอะ นะครับ"
เขากำลังร้องไห้ นี่ฉันทำเกินไปรึเปล่า เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ เขากำลังเข้าใจผิดเรื่องของฉันกับคุณหนึ่ง แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เป็นแบบนี้ ฉันควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เรื่องราวกำลังจะจบเป็นการถาวร
"ได้ค่ะ...อรจะไป" ฉันบอกเขา
เราทั้งสองคนเงียบปราศจากคำพูดใด ๆ ฉันถือหูค้างไว้อยู่อย่างนั้น มันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะอยู่ใกล้กับเขาได้ถึงขนาดนี้ แม้ในความเป็นจริงเราจะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร แต่ในใจฉันเขาอยู่ใกล้เหลือเกิน เพียงแค่เอื้อมมือคว้า เขาก็พร้อมเสมอที่จะกลับมาหาฉัน
"อร เราจะต้องจากกันแล้วจริง ๆ ใช่ไหม บอกอ้นสิ" เขายังคงร้องไห้
ฉันได้แต่เงียบ ไม่พูดอะไรออกมา ฉันไม่อยากให้เขารับรู้ถึงความอ่อนแอของฉัน ฉันอยากให้เขาเข้มแข็ง พรุ่งนี้เขาจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นสามี เป็นพ่อของลูก เขาต้องทำให้ได้
"แค่นี้ก่อนนะอ้น...อรต้องรีบวางแล้วล่ะ" ฉันตัดบททันทีพร้อมกับวางหู เหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรต่อ แต่ฉันไม่อยากฟัง มันเจ็บปวด
ฉันนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น มันเจ็บที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยทั้ง ๆ ที่ฉันก็ยังรักเขา ฉันจำเป็นที่จะต้องยอมปล่อยเขาไปเพื่อความถูกต้อง
บอกตามตรงว่าฉันไม่อยากไปงานแต่งงานของเขา ฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันกลัว ฉันไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ คนที่ยืนเคียงข้างเขาในวันนั้นควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่เธอคนนั้น อีกอย่างฉันไม่อยากให้ใคร ๆ มาสังเกตุสีหน้า และแววตาของฉัน ฉันอาย ฉันสับสน ฉันกลัวว่าฉันจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่ได้ และอ้นเองเขาจะทำมันได้หรือ แล้วเธอคนนั้นล่ะจะรู้สึกยังไง มันกลัวไปหมด ฉันไม่น่าไปรับปากเขาเลย แต่จะให้ฉันทำยังไงในเมื่อมันเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา
อีกอย่างฉันรับปากกับอ้นแล้วว่าจะพาคุณหนึ่งไปด้วยให้ได้ เป็นเพราะเรื่องโกหกของฉันแท้ ๆ เลย แล้วนี่ฉันจะแก้ปัญหายังไงดี คุณหนึ่งเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แต่ฉันกลับใช้เขาเป็นเครื่องมือ ฉันนี่มันแย่มากจริง ๆ
ถ้าจะปรึกษาใยจอย ไม่ได้แน่ ๆ เพราะใยจอยเคยบอกกับฉันไว้ว่าเธอจะไม่ไปงานแต่งงานของอ้นกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน และก็ห้ามไม่ให้ฉันไปด้วย เธอบอกไว้อย่างนั้น แต่จะให้ฉันปฏิเสธเขาได้ยังไง ฉันคงทำไม่ลงหรอก
ฉันตัดสินใจโทรหาคุณหนึ่ง ฉันมีนามบัตรของเขาอยู่ แต่ว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว คุณหนึ่งเขาจะเข้านอนหรือยัง ฉันแหงนมองดูนาฬิกาที่ข้างฝา 5 ทุ่มกว่า หวังว่ามันคงจะไม่รบกวนเขาเกินไป เกรงใจเหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ งานมีพรุ่งนี้แล้ว ไม่บอกวันนี้แล้วจะบอกวันไหน
ฉันกดโทรศัพท์ไปหาคุณหนึ่งด้วยความเกรงใจ
"หนึ่งพูดครับ" เสียงปลายสายทักทายอย่างสุภาพ
"เอ่อ...นี่อรนะคะ เราเจอกันที่ร้านของคุณหนึ่งน่ะค่ะ" ฉันประหม่า ไม่รู้จะแนะนำตัวว่าอะไรดีกับเขา
"คุณอรเหรอครับ จำได้สิครับ ผมต้องจำได้อยู่แล้ว" เขาพูดอย่างเป็นกันเอง
"เอ่อ...คุณหนึ่งอาจจะสงสัยว่าอรโทรมาทำไม คืออรมีเรื่องอยากจะรบกวนน่ะค่ะ คือว่า...เอ่อ...ไม่รู้ว่าจะเกริ่นยังไงดี" ฉันบอกเขา
"บอกมาได้เลยครับ ผมยินดีเสมอ" เขาพูด
"คือไม่ทราบว่าจะรังเกียจไม๊คะ คืออรอยากจะรบกวนให้คุณหนึ่งไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนอรหน่อยน่ะค่ะ" ฉันบอกเขาอย่างเกรงใจ
"เรื่องแค่นี้เอง...ผมยินดีครับ" เขาบอกฉัน
"ยินดีเหรอคะ...เอ่อ..ว่าแต่คุณหนึ่งจะไม่ถามอรเหรอคะว่างานแต่งงานของใคร" ฉันถามเขา
"จริงสิ ผมลืมถามไปเลย งานใครหรือครับ" เขาพูดอย่างอารมณ์ดี
"งานแต่งของอ้นน่ะค่ะ เขาเป็นแฟนเก่าของอรเอง คือ ต้องขอโทษคุณหนึ่งด้วยนะคะที่อรมารบกวน คือมันไม่รู้ว่าจะไปไหว้วานใครได้น่ะค่ะ คือ อร...."
"ไม่เป็นไรครับคุณอร ผมเข้าใจ" เขาพูด
"อรนี่มันแย่จริง ๆ เลยนะคะ" ฉันไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาอีกแล้ว
"ผมยินดีครับ และผมก็ดีใจที่อรนึกถึงผม" เขาบอกฉัน
"ขอบคุณค่ะ ที่เข้าใจอร" ฉันบอกเขา
"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปรับอรที่บ้านนะครับ" เขาพูด
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รบกวนคุณหนึ่งเปล่า ๆ" ฉันรีบออกตัว
"ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ผมเต็มใจ แล้วอีกอย่างถ้าเราไม่ไปพร้อมกันมันจะไม่แนบเนียนนะ" เขาหยอกฉัน
"จริงด้วยสิคะ....อรลืมนึกไปเลย" ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
"งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ"
"ค่ะ"
จะว่าไปแล้วคุณหนึ่งก็เป็นคนหนึ่งที่ฉันสนิทใจที่จะคุยกับเขา ถึงแม้เราจะเคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง และก็เหมือนว่าเขาจะเข้าใจฉันไปซะหมดทุกเรื่องเหมือนกันโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย
พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะต้องเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่กำลังรอฉันอยู่ มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ใจของฉันเองเท่านั้นที่จะตอบได้
เมื่อวันที่ : 13 ต.ค. 2548, 20.37 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...