![]() |
![]() |
เรไร![]() |
ความร้อนรุมสุมทรวงช่วงเมษา รอเวลาล่วงกาลผ่านคิมหันต์ ก็ย่างเข้าพฤษภามาหลายวัน มิถุนาพาฝันวสันต์เยือน เมฆพยับเกาะกุมเป็นกลุ่มก้อน ความรุ่มร้อนค่อยคลายมลายเหมือน เพลงพระพายพลิ้วสะบัดพัดมาเตือน ฟ้าสะเทือนส่งสำเนียงเสียงคำราม ดังกึกก้องพสุธาฟ้าพิโรธ คล้ายกริ้วโกรธใครมาน่าเกรงขาม จากที่เคยแลเห็นเป็นสีคราม น่าครั่นคร้ามมืดครึ้มทะมึนดำ เมื่อวสันต์พร่างพรูสู่พฤกษา พงพนาทั่วแคว้นแสนชุ่มฉ่ำ ฤดูกาลหว่านกล้านาที่ดำ เมื่อมีน้ำเจิ่งนองทั่วท้องนา ฉันนั่งเหม่อเผลอมองช่องหน้าต่าง คิดถึงนางน้องนวลครวญเพ้อหา เห็นสายฝนพร่างพราวราวน้ำตา หยาดจากฟ้าร่วงหล่นบนผืนดิน ครั้งวสันต์พร่างพราวในคราวก่อน ลองนึกย้อนภาพความหลังยังถวิล อยู่ตรงนี้มองฝนฟ้าธาราริน ยังหอมกลิ่นกายเจ้าเร่าร้อนใจ ละอองฝนฉ่ำเย็นกระเซ็นซ่าน สั่นสะท้านคลอเคล้าเจ้าหวั่นไหว ต่างเปียกปอนแต่เมื่อพิงอิงอุ่นไอ เหมือนมีไฟร้อนรุมสุมอุรา เฝ้าเล้าโลมลูบไล้ตามไรผม อยากเชยชมพุ่มพวงดวงยี่หวา ในอ้อมแขนคลอเคล้าเจ้าขวัญตา ปรารถนาพิสวาทมิคลาดคลาย เชยพักตร์นางประคองแก้มแต้มจุมพิต แนบสนิทโฉมพธูมิรู้หน่าย เนื้อแนบเนื้อหอมละมุนอุ่นใจกาย หลอมละลายรื่นภิรมย์สมฤดี ดั่งพายุปรารถนาเริ่มพาพัด โถมเข้าซัดสาดใส่ในวิถี อัศจรรย์โปรยปรายสายวารี บ้างเร็วรี่บ้างฉะเฉื่อยระเรื่อยริน บางครั้งเอื่อยดุจว่าจะซาแล้ว ดูผะแผ่วพระพายคล้ายจะสิ้น เรี่ยวแรงล้าร่วงหล่นบนผืนดิน ระรวยรินปริ่มว่าจะขาดรอน แล้วก็พลันกระหน่ำซ้ำสาดซัด กรรโชกพัดถั่งโถมจนโอนอ่อน ทั่วพฤกษาคงมั่นยังสั่นคลอน รากจักถอนถึงโคนเกือบโค่นลง เมื่อพิรุณรินรดหยดสุดท้าย ทั้งใจกายภิรมย์สมประสงค์ นภาภางค์สว่างแล้วมิแคล้วคง ลืมไม่ลงวสันต์สวาทมิคลาดคลาย ยามฝนมาคราใดใจคิดถึง เพ้อรำพึงอนงค์นางมาห่างหาย คงลืมสิ้นความฝันพลันกลับกลาย ไปกับสายพิรุณลับไม่กลับมา |
เมื่อวันที่ : 17 ก.ย. 2548, 22.24 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...