...นักบินให้สัญญาณว่าถึงเวลาแล้ว ผมบีบมือเจ้าสาวเป็นการให้กำลังใจ แล้วผมก็พยักหน้า เธอพุ่งตัวออกไปทางช่องประตูที่เปิดอยู่สู่ความมืดเบื้องล่างเป็นคนแรก...

เครื่องบินเซสน่าเครื่องยนต์เดียวที่ถูกดัดแปลงเป็นเครื่องบินกระโดดร่ม ไต่ระดับจากสองพันฟุตขึ้นไปเรื่อยๆ นาฬิกาข้อมือที่บอกความสูงเปลี่ยนตัวเลขเพิ่มขึ้น จนกระทั่งถึงระดับหกพันฟุตจากระดับน้ำทะเลกลาง นักบินจึงบังคับเครื่องบินเซสน่าลำนั้นให้รักษาระดับ อุปกรณ์กระโดดร่มดิ่งพสุธาของผมพร้อมทุกอย่าง !

ผมกระโดดร่มดิ่งพสุธามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ระดับสูงหมื่นสองพันฟุตผมก็เคย ผมเคยเหินร่อนอยู่กลางหาวเป็นนาที ก่อนที่จะกระตุกร่มให้ใกล้พื้นดินที่สุดเท่าที่จะเป็นได้มามากต่อมาก ผมเคยบังคับร่มร่อนลงสู่เป้าหมายขนาดหนึ่งตารางเมตรโดยไม่พลาดเป็นส่วนใหญ่ มันตื่นเต้นเร้าใจทุกครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่ผมจะตื่นเต้นเท่ากับครั้งนี้

ห่างผมออกไปทางหัวเครื่องบินสามสี่ฟุต หญิงสวยสาวคนหนึ่ง กำลังจัดร่มและตรวจอุปกรณ์การโดดร่มของเธอเองเป็นครั้งสุดท้าย เธออยู่ในชุดโดดร่มสีขาวสะอาด ขาวหมดทั้งรองเท้าถุงเท้าและถุงมือ หมวกกันกระแทกที่เธอสวมก็สีขาวด้วย ใบหน้าของเธอตกแต่งไว้อย่างงดงาม งามเป็นพิเศษสมกับที่วันนี้เป็นวันสมรสของเธอ ถูกแล้วเธอกำลังจะเข้าสู่พิธีฉลองสมรส และเจ้าบ่าวของเธอก็คือผมแหละ !

เรากำลังจะทำสถิติลงกินเนสบุ๊ค โดยจะเป็นบ่าวสาวคู่แรกของโลกที่กระโดดร่มดิ่งพสุธาลงสู่งานเลี้ยงฉลองสมรสของตัวเอง เป้าหมายที่เราจะต้องหยั่งเท้าลงไปคือดาดฟ้าโรงแรมที่สูงห้าสิบชั้นกลางกรุงเทพมหานคร ตอนนี้แขกเหรื่อคงมากันเต็มแล้วละ เราออกการ์ดเชิญไปทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าใบ ทั้งนี้ไม่นับนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศอีกเก้าสิบเก้าคน ผมมั่นใจที่สุดว่าจะไม่มีงานสมรสใครในโลกที่ผ่านมา และแม้แต่ในอีกสิบปีข้างหน้าจะยิ่งใหญ่อลังการเท่ากับงานสมรสของเราในวันนี้

เครื่องบินยังคงรักษาระดับบินที่หกพันฟุตต่อไป ผมนึกไปถึงเมื่อตอนบ่ายตอนพิธีรดน้ำสังข์ แขกผู้ใหญ่ห้าร้อยคนที่อยู่ในห้องดับเบิ้ลซุปเปอร์แกรนด์บอลรูมของโรงแรม ต้องตื่นตะลึงกับพิธีการอันยิ่งใหญ่ของงานรดน้ำสังข์ของผม กับเจ้าสาวแสนสวยซึ่งนั่งพนมมืออยู่บนโต๊ะรดน้ำสังข์

ผมอยู่ในชุดสากลสีเทาเข้ม ส่วนเธออยู่ในชุดไทยจักรีสีครีมสดใส ข้างหลังเราไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวยืนอยู่ให้เกะกะรกลูกตาเหมือนงานสมรสอื่น เพราะนั่นจะทำให้เราไม่เด่น และที่ฉากหลังเรามีก้อนน้ำแข็งแกะสลักขนาดมหึมาตั้งอยู่ มันเป็นรูปปีกพลร่มประดับอยู่สองข้างอักษรย่อชื่อของผมและเธอ

อีกมุมของห้อง มีรูปถ่ายใหญ่ขนาดเท่าตัวจริงของผมกับเจ้าสาวยืนตระ คองกอดกันส่งยิ้มออกมาให้แขก สองข้างกรอบรูปสีทองประดับด้วยดอกไม้สดเมืองหนาวที่สั่งมาทางเครื่องบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัมโดยเฉพาะสำหรับงานนี้ และรวมทั้งดอกไม้ในแจกันที่วางอยู่ตามมุมต่างๆในห้องนี้ด้วย ผมไม่ใช้หรอกกับดอกไม้บนดอยทางเหนืออย่างที่เศรษฐีคนอื่นเขาใช้กัน รูปนั้นเราไปถ่ายกันไว้ก่อนวันงาน เตรียมไว้สำหรับโชว์ในงานวันนี้

พิธีอันทรงเกียรติเริ่มด้วยเจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดธูปเทียนใหว้พระแล้วขึ้นนั่งประจำที่รดน้ำสังข์

"เอ็ม.ซี." ของงาน หรือถ้าจะเรียกให้เต็มก็จะเรียกว่า "มาสเตอร์ อ๊อฟ เซริมะนิ" ซึ่งเมื่อก่อนเขาเรียกกันแบบเชยๆว่า "พิธีกร" ประกาศผ่านทางเครื่องขยายเสียงเชิญท่าน รัฐมนตรีมาเจิมหน้าผากผมกับเจ้าสาว แล้วคล้องพวงมาลัยให้ ต่อจากนั้นท่านรัฐมนตรีก็สวมมงคลแฝดให้กับเรา ท่านรดน้ำสังข์ให้เป็นปฐมฤกษ์ แล้ว เอ็ม.ซี. ก็ประกาศเชิญแขกคนอื่นๆให้มาเข้าแถวกันรดน้ำสังข์ต่อไป

ระหว่างนั้นเขาก็จะบรรยายถึงประวัติของผมกับเจ้าสาวให้บรรดาแขกฟังด้วยเสียงอ่อนทุ้ม เสียงนั้นคุ้นหูแขกทุกคนดี เพราะเขาเป็นนักจัดรายการทางโทรทัศน์ที่มีคนดูมากที่สุดคนหนึ่ง ผมจ้างมาเป็น เอ็ม.ซี.ให้กับงานผมเฉพาะช่วงบ่ายเพียงสองชั่วโมง ในราคาที่นักศึกษามหาวิทยาลัยสามารถใช้กินอยู่ รวมทั้งค่าเรียนได้ตั้งแต่แรกเข้าจนรับปริญญา

พิธีรดน้ำสังข์จบลงตามกำหนด เรารีบออกจากห้องพิธีไปแต่งตัวใหม่เพื่อกระโดดร่มลงสู่งานงานเลี้ยงฉลองตอนกลางคืน ส่วนแขกอีกห้าร้อยคนก็ดื่มน้ำชาและของว่างกันต่อไปตามอัธยาศัย.....

นักบินหันมาทำสัญญาณให้ผมรู้ว่าเราบินเข้าเขตกรุงเทพมหานครแล้ว เจ้าสาวขยับเข้ามานั่งใกล้ผม เธอเป็นนักกระโดดร่มดิ่งพสุธาสมัครเล่นตัวกลั่นของประเทศ เธอเคยไปแข่งขันกระโดดร่มดิ่งพสุธาและกวาดรางวัลมาแล้วเกือบทั่วเอเชีย นอกจากความเก่ง เธอยังสวยจนเป็นที่เลื่องลือของวงสังคมทั่วไปอีกด้วย เรารู้จักกันจากการที่เราเป็น นักกระโดดร่มด้วยกันนี่แหละ !

ป่านนี้ที่ดาดฟ้าของโรงแรมคงมีแขกเต็มแล้ว ตามกำหนดการผมกับเจ้าสาวจะต้องร่อนลงไปตัดเค้กเวลาสองทุ่มตรง และก่อนหน้านี้ระหว่างที่แขกกำลังกินอาหารกันอยู่ ก็จะมีการฉายมัลติวิชั่นสไลด์ด้วยจอขนาดยักษ์เพื่อบรรยายถึงประวัติของผมและเจ้าสาวตั้งแต่แรกเกิดจนปัจจุบัน ระบบเสียงเป็นแบบเซ็นเซอร์ราวน์ด เพลงที่ใช้ประกอบการบรรยายเป็นเพลงที่ผมจ้างแต่งขึ้นโดยเฉพาะ ไม่ใช่เอาเพลงอะไรเก่าๆที่มีกันอยู่แล้วมาเปิด ผู้บรรยายนั้นผมจ้างดาราชายหญิงที่กำลังโด่งดังอยู่ในละคร ที.วี. มาบรรยาย

ทันทีที่มัลติวิชั่นสไลด์โชว์จบลง ผมกับเจ้าสาวก็จะต้องร่อนลงถึงพื้นดาดฟ้า กำหนดการและการกำกับงานทั้งหมดสำหรับงานคืนนี้ ออกแบบและกำกับโดยบริษัทโฆษณาที่เคยจัดพิธีเปิดและปิดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์มาแล้ว สำหรับค่าจ้างที่ผมต้องจ่ายนั้นนะ ช่างเถอะ ! อย่าไปรู้มันเลย

ผมเริ่มเห็นอาคารโรงแรมที่สูงห้าสิบชั้นอยู่ลิบๆข้างล่าง พอใกล้เข้าไปอีกก็เห็นไฟสีธงชาติประดับอยู่ตลอดความสูงห้าสิบชั้นนั้น บนชั้นดาดฟ้ามีไฟสว่างแต่มันยังสูงเกินกว่าที่จะเห็นรายละเอียดมากว่านี้

นักบินให้สัญญาณว่าถึงเวลาแล้ว ผมบีบมือเจ้าสาวเป็นการให้กำลังใจ แล้วผมก็พยักหน้า เธอพุ่งตัวออกไปทางช่องประตูที่เปิดอยู่สู่ความมืดเบื้องล่างเป็นคนแรก มือขวาของเธอกำแท่งพลุนำวิถีสีส้มที่แตกเป็นประกายไปด้วย และอีกแปดวินาทีต่อมาผมก็พุ่งตามออกไป แม้ว่าจะมืดแต่แสงไฟจากพลุนำวิถีที่เธอถือไว้ก็ทำให้ผมเห็นว่าเธออยู่ตรงไหน เธอกำลังกางแขนและขาร่อนอยู่ข้างล่างใต้ผมลงไปประมาณสองร้อยฟุต ณ วินาทีนี้เธอคงอยู่ที่ระดับห้าพันฟุตและกำลังดิ่งลงสู่พื้นในอัตราความเร็วร้อยฟุตต่อวินาที

ผมบังคับตัวให้ทำมุมชันกับพื้นโลก แล้วพุ่งลงไปหาเจ้าสาวของผมด้วยอัตราความเร็วสองร้อยฟุตต่อวินาที และอีกไม่กี่วินาทีผมก็ลงมาเหินหาวอยู่เคียงข้างกับเธอ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผมใช้มือขวาจับมือซ้ายของเธอไว้ ปล่อยให้ตัวเราร่วงหล่นลงไปอีกสิบห้าวินาที คงจะอยู่ที่ความสูงสามพันฟุตจากพื้นแล้วละ ผมปล่อยมือเธอ เบนตัวห่างออกไปแล้วผมก็กระตุกร่ม อีกสามวินาทีต่อมาเธอก็กระตุกร่มบ้าง

เราบังคับร่มร่อนเข้าหาโรงแรมซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครสังเกตว่าผมกับเจ้าสาวกำลังมาแล้ว พลุนำวิถีที่เธอถือดับไปแล้ว มัลติวิชั่นสไลด์คงจบพอดี ผมกับเจ้าสาวกำลังร่อนลงสู่เป้าด้วยร่มชูชีพแบบปีกยาว และภาพของเราสองคนก็จะเข้ามาแทนที่ว่างนี้

มีพลุส่องแสงถูกยิงขึ้นมาจากข้างล่าง มันระเบิดส่องแสงจ้าเหนือจากตัวผมกับเจ้าสาว ทั่วบริเวณนั้นสว่างไสวราวกับกลางวัน แขกเหรื่อเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนเห็นเราแล้ว ผมกับเจ้าสาวบังคับร่มให้วนอยู่เหนือโรงแรมนั้นสามรอบแบบทักษิณาวัตร เราร่อนต่ำลงช้าๆ ผู้คนบนยอดอาคารมองขึ้นมายังเราทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้น ! มันเป็นไคลแมกซ์ของงานสมรสอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องถูกบันทึกไว้

เราบังคับร่มให้ร่อนต่ำลงๆ ผมกำลังมองหาช่องว่างที่เว้นไว้ให้เราเหยียบย่างเมื่อลงถึงดาดฟ้า ผมพบแล้ว ! เขาทำเป็นเครื่องหมายรูปหัวใจสีแดงบนพื้นขาว ผมบังคับร่มนำหน้าเจ้าสาวร่อนลงสู่เป้าหมาย แขกทั้งหมดแหงนหน้าขึ้นมองเราและส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น

ช่างภาพและบรรดาผู้สื่อข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟแฟลชในการถ่ายรูป เพราะแสงจะเข้าตาผมกับเจ้าสาว ซึ่งอาจทำให้เราลงผิดเป้าไปได้ แต่แสงสว่างจากพลุเบื้องบนก็ช่วยให้เขาถ่ายภาพได้ไม่ยาก ยี่สิบนาฬิกาศูนย์นาทีศูนย์วินาที เท้าผมก็ถึงพื้นดาดฟ้าโรงแรม ! และอีกสิบวินาทีต่อมาเจ้าสาวของผมก็ร่อนลงสู่เป้าหมายที่มีผมยืนรออยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เข้ามาปลดร่มของเราออกไป

มีเสียงปรบมือดังกึกก้องและยาวนาน ผมกับเจ้าสาวถอดหมวกกันกระแทกออก ผมดำขลับยาวสลวยของเจ้าสาวสยายลงมาประบ่าของเธอ มันตัดกับชุดกระโดดร่มสีขาวบริสุทธิ์ ช่างงามจริง ! ผมเดินเข้าไปหาเธอ เธอส่งมือให้ผม เรายิ้มให้กัน แล้วก็เดินจูงมือกันช้าๆสู่โต๊ะที่มีเค้กใหญ่สูงห้าสิบชั้นเหมือนกับโรงแรม ทุกอย่างเป็นไปตามแผนไม่พลาดแม้แต่วินาทีเดียว

เราหยุดตรงหน้าเค้กยักษ์ มีชายแต่งชุดทักซิโดเดินเข้ามาหาผม เขาค้อมตัวอย่างนอบนบ ส่งกระบี่ขาววับให้ ผมจูงมือเจ้าสาวเข้าไปตัดเค้กชิ้นหนึ่งให้แก่ประธาน ในพิธี แล้วผมกับเจ้าสาวก็ขึ้นไปปรากฏตัวบนเวทีให้แขกเหรื่อได้ชื่นชม ผมกับเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติสั้น ๆ งานนี้แขกของผมไม่ต้องมาทนทรมานฟังคำกล่าวอวยพรของผู้บังคับบัญชาเจ้าบ่าว ผู้บังคับบัญชาเจ้าสาว พ่อเจ้าบ่าว พ่อเจ้าสาว แม่เจ้าบ่าว แม่เจ้าสาว ผู้แทนเพื่อนเจ้าบ่าวที่ทำงาน ผู้แทนเพื่อนเจ้าสาวที่ทำงาน ผู้แทนเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสมัยชั้นอนุบาล ชั้นประถม ชั้นมัธยม และมหาวิทยาลัย รวมทั้งใครต่อใครอีกสิบๆคนอย่างงานอื่น งานนี้เน้นจุดเด่นที่ผมกับเจ้าสาวเท่านั้น

แล้วเราก็ลงจากเวที ค่อยๆแฝงกายเร้นหายออกไปจากงานเงียบๆ เพื่อเข้าสู่พิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ก็ที่ห้องสวีทชั้นที่สี่สิบห้าของโรงแรมนี้นั่นเอง เราปล่อยให้แขกสนุกสนานกันต่อไป...งานของเราต้องไม่เหมือนใคร !

พิธีส่งตัวเป็นไปแบบเรียบง่าย ไม่อลังการอย่างงานรดน้ำสังข์กับงานเลี้ยงรับรองที่เพิ่งผ่านมา บางครั้งผมก็ชอบความเรียบง่ายและไม่เยิ่นเย้อเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนส่งตัวนี่แหละ แล้วทุกคนก็ออกไปจากห้องหอรอรักของผม เหลือแต่เธอกับผมเพียงลำพัง เราจะค้างคืนที่โรงแรมนี้คืนหนึ่ง และพรุ่งนี้ก็จะบินไปฮันนีมูนกันที่เกาะมัลดี๊ฟในมหาสมุทรอินเดีย ผมกับเจ้าสาวจะนอนเกลือกทรายขาวละเอียด จิบแชมเปญดูท้องทะเลสีมรกตกันอย่างมีความสุข

ผมหันไปหาเจ้าสาวซึ่งยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง สายตาเธอมองออกไปสู่ภายนอกที่มีแสงไฟของเมืองกรุงระยิบระยับอยู่เบื้องล่าง เธอคงจะเหนื่อยเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปหาเธอ สวมกอดเธอไว้จากข้างหลัง ประจงจุมพิตที่ติ่งหูของเธอ เจ้าสาวของผมหมุนตัวกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของผม เธอมองผมด้วยแววตาเป็นประกาย น่ารักเสียนี่กระไร !

ผมช้อนร่างเธอขึ้นอุ้มเธอไปยังเตียงนอน ค่อยวางเธอลงอย่างทนุถนอม ร่างของเธออ่อนระทวยอยู่บนที่นอนขาวสะอาด ผมเอนกายลงข้างเธอโอบร่างของเธอไว้ แล้วก็ให้จุมพิตที่สองแก่เธอที่เปลือกตา และจุมพิตที่สามที่ซอกคอ เธอสะท้านไหวไปทั้งตัว ผมหรี่ไฟที่หัวนอน...

แต่แล้วผมรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ เธอก็เกิดดิ้นรนจะออกไปจากอ้อมกอดของผม เธอคงจะเขินอาย แล้วก็ผลักไสผมอย่างรุนแรง ทำไมเล่าก็คืนนี้เป็นวันสมรสของเรา เธอเป็นภรรยาผมโดยนิตินัยแล้วนะ แม้จะยังคงใช้นามสกุลของเธอเองต่อไปตามกฎหมายใหม่ผมก็ไม่ว่า....

ผมได้ยินเสียงดังผัวะที่บ้องหู ! และรู้สึกว่าตัวเองถูกถีบกระเด็นลงไปอยู่ข้างเตียง มีเสียงดังแผดก้องลั่นห้อง

"โธ่ไอ้แก่ ! มึงจะบ้าหรือไง ! แก่จะตายกันอยู่แล้วยังมาทำลามกอีก กูจะนอน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า วันไหนดู ที.วี. ดึกมึงต้องบ้าอย่างงี้ทุกที ไอ้บ้ากาม ! " ...O

เมื่อวันที่ : 06 ส.ค. 2548, 03.22 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...