...นอกจากมีบ่อนคาสิโน มีไนท์คลับ มีบาร์เหล้ามีบาร์คาราโอเกะแล้วยังมี"น้องหนู" อยู่เป็นโซนโคมเขียวโดยเฉพาะ นับว่าเป็นเมืองคนบาปแห่งหนึ่งของโลกทีเดียว...

ดีใจครับที่มีหลายคนชอบเรื่องชุมชนแห่งลุ่มแม่น้ำม้า ก็เลยอยากจะเล่าเบื้องหลังของภาพและเรื่องที่ได้มาให้ฟังกัน....

ผมกับเพื่อนเดินทางออกจากท่าขี้เหล็กตอนเช้า แวะกินข้าวกลางวันที่เชียงตุง แล้วก็มุ่งตรงไปเมืองลาเลย ถึงเมืองลาเอาตอนเย็น

ก่อนจะเข้าตัวเมืองสักครึ่งชั่วโมงก็เป็นชุมชนไทลื้อนี่แหละครับ คนไทลื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในแค้วน "สิบสองปันนา" ซึ่งอยู่ในเขตมณฑลยูนานของจีน แต่ชุมชนไทลื้อที่เมืองลานี้เป็นพวกไทลื้อที่ติ่งออกมาอยู่ในเขตรัฐฉานของพะม่า ซึ่งส่วนมากจะมีแต่คน "ไทยใหญ่"

เมืองลานี้แม้จะอยู่ในพะม่าแต่ก็ถูกจีนเช่าไปปกครองทำประโยชน์เรียกว่า "เขตปกครองพิเศษ" เพราะในตัวเมืองมีแต่คนจีน ใช้เงินสกุลหยวน และใช้ภาษาจีน ส่วนนอกเมืองออกไปเป็นชาวบ้านไทลื้อซึ่งพูดกับเรารู้เรื่องด้วยภาษา "คำเมือง" ของไทยล้านนา

เมืองลาถูกจีนสร้างใหม่เมื่อสิบกว่าปีมานี้ ให้เป็นเมืองคาสิโน มีบ่อนใหญ่ๆหลายแห่ง แต่ละแห่งเป็นตึกสูงสีชั้นก็มี และมีโรงแรมใหญ่ขนาดร้อยห้องอีกหลายแห่งเพื่อรับนักท่องเที่ยว เขาพยายามจะทำให้เป็นมาเก๊าอีกแห่งหนึ่ง

นักลงทุนจีนเป็นผู้มาลงทุนกัน เรียกว่าสร้างเมืองขึ้นใหม่ทั้งเมืองทีเดียวละ นอกจากมีบ่อนคาสิโน มีไนท์คลับ มีบาร์เหล้ามีบาร์คาราโอเกะแล้วยังมี"น้องหนู" อยู่เป็นโซนโคมเขียวโดยเฉพาะ นับว่าเป็นเมืองคนบาปแห่งหนึ่งของโลกทีเดียว

หลังจากสร้างเสร็จก็มีคนจีนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวกันมากมาย มีไฟสว่างไสวไปทั้งเมือง ร้านรวงเกือบทั้งเมืองเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับอย่างนิวยอร์ค แต่กระจอกกว่ามาก (ลองไปฟังเพลง นิวยอรค์-นิวยอร์ค ดูนะครับ !)

แต่แล้วในที่สุดรัฐบาลจีนเองก็เห็นว่าพลเมืองของตนมัวเมา และเอาเงินมาทิ้งที่นี่มากไป ก็เลยห้ามคนจีนเข้าเมืองลา เปิดไว้สำหรับให้คนต่างชาติเช่นไทยและชาติอื่นๆเที่ยว แต่ก็ไม่ค่อยมีคนชาติอื่นไปเที่ยวกัน

เมืองลาเวลานี้จึงเหมือนเมืองร้าง ถนนว่าง โรงแรมว่างรอวันปิด บ่อนใหญ่ปิดสนิท มีบ่อนเล็กๆให้ชาวบ้านเล่นกันเอง นักลงทุนจีนกำลังต่อรองกับรัฐบาลให้เปิดเมืองอีกครั้งก่อนที่เมืองทั้งเมืองจะร้างไปจริงๆ ... ส่วนน้องหนูก็รายได้ตกและหิวโหย !

ผมเสียเวลาอยู่ในเมืองลาถึงสองคืน ออกไปเดินเล่นยามค่ำคืนเพื่อดูตลาดกลางคืนซึ่งเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถูกน้องหนูพยายามฉุดกระชากลากไปจะให้ใช้บริการเสียหลายครั้ง แทบจะเอาตัวไม่รอด !

กลางวันเขา(ทัวร์) ก็พาไปดูสิ่งที่ไม่น่าสนใจ(สำหรับผม) เช่นร้านขายหยก และที่สำคัญของเขาเพราะโปรแกรมทัวร์เขาจัดไว้อย่างนี้

ตอนบ่ายวันสุดท้ายจึงขอยกเลิกโปรแกรมของเขาทั้งหมด บอกว่าจะไปเยี่ยมบ้านไทลื้อนอกเมือง นั่นแหละจึงได้เรื่องและรูปพวกนี้มาดูกัน..

เสียดายที่มีเวลาน้อยสำหรับสิ่งที่อยากรู้ จึงขอบอกเพื่อนๆว่าถ้าใครจะไปเที่ยวเมืองลาละก็ บอกคนที่จะจัดโปรแกรมว่าอยากดูชีวิตคนไทลื้อจริงๆ ขอไปนอนที่บ้านเขา กินอย่างที่เขากิน (ยังไม่เคยมีบริการนี้มาก่อน) อยากไปดูวัดของเขา (ผมไม่ได้ไปวัดเลย มัวแต่ไปดูอะไรก็ไม่รู้)

และควรกำหนดโปรแกรมให้ค้างเชียงตุงหนึ่งคืน ค้างเมืองลาหนึ่งคืน ที่เชียงตุงก็น่าเที่ยว มีความเก่าแก่ที่ยังพอเหลืออยู่ให้ดู

พูดเรื่อง"น้องหนู" อีกที ...น้องหนูแห่งเมืองลาทั้งหมดเป็นคนจีน เขาห้ามคนไทลื้อ หรือไทยอื่นๆทำอาชีพน้องหนู อาชีพนี้สงวนไว้สำหรับคนจีนเท่านั้น สาธุ !

เรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ผมประมวลมาจากที่เห็นเองบ้าง ที่ไก๊ดเล่าให้ฟังบ้าง คิดเอาเองบ้าง อ่านเอาจากหนังสือบ้าง ข้อมูลบางอย่างอาจไม่ถูกต้อง ถ้าใครต้องการข้อมูลที่ถูกต้องจริงควรค้นคว้าจากที่อื่นด้วย

ขอแนะนำอีกนิดว่า ถ้าคิดจะไปเที่ยวอย่าเอารถไปเองเลย เพราะจากท่า ขี้เหล็กถึงเมืองลามีด่านตรวจมากมายนับได้สิบกว่าด่าน เป็นของทหารก็มี เป็นของพวกว้าก็มี บางแห่งเขาเรียก "ด่านจิ๊กโก๋" คือเด็กหนุ่มลูกหลานเจ้าหน้าที่ด่านนั่นแหละ เอาไม้มากั้น เปิดด่านซ้อนขึ้นมาใกล้ๆ เก็บเงินไปใช้ส่วนตัว

และที่เมืองลาถ้าพูดจีนกลางไม่ได้ก็จะลำบาก ควรไปกับทัวร์ที่เชื่อถือได้ เพราะเขารู้ลู่ทางดีกว่าเราและเขามีไก๊ดท้องถิ่นเมื่อไปถึงเมืองลาซึ่งพูดภาษาไทย-จีนได้ ...

พะม่าเคยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ การขับรถก็เลยขับชิดซ้าย (คือรถพวงมาลัยขวาอย่างเมืองเรา) แต่ต่อมาอยากจะล้างวัฒนธรรมนี้ออกไปเพราะเป็นอิสระแล้ว จึงให้ขับขวา(แบบยุโรปและอเมริกา) เรื่องนี้ตลกตรงที่รถยนต์เกือบทั้งหมดในพะม่ากลับเป็นพวงมาลัยขวาแบบเมืองเรา ดังนั้นถ้าเอารถไปเองจะปวดหัวมาก ขนาดนั่งรถตู้ไปเวลารถสวนกันนึกว่าจะชนกันทุกที เพราะคนขับรถจะชิดขวาของถนน แต่ใจเราคิดว่ามันต้องชิดซ้ายสิวะ ! ถ้าขับไปเองคงจะชนกันแน่...

เมื่อกลับมาบ้านแล้วผมคัดเอารูปมาทำ POWERPOINT ได้ชุดหนึ่ง ให้เพื่อนๆดูกัน ดีกว่าที่เอาโพสต์ลงในศาลานกน้อยมากเพราะรูปเต็มจอ และทำ special effect ได้ ก็เลยอยากจะฝากถึงลุงเปี๊ยกว่าน่าจะเปิดแผนก POWERPOINT สำหรับศาลานกน้อยบ้างจะได้เอารูปสวยๆมาแลกเปลี่ยนกันดู...

จบแล้วละครับ !

ชาร ทิคัมพร

เมื่อวันที่ : 26 ก.ค. 2548, 21.44 น.
ลุงชารครับ.. เรื่อง powerpoint ผมเสนอว่าทำอย่างนี้ดีไหมครับ ลุงชารส่งไฟล์ powerpoint มาถึงผมทางอีเมล ผมจะจัดการอัพโหลดไว้บนเว็บ และทำลิงก์ให้เพื่อน ๆ มาดาวน์โหลดไปเปิดดูกันอีกที
แค่ส่งมาทาง uncle-piak@noknoi.com นะครับ ที่เหลือผมจัดการให้