.....ทุกคืนก่อนที่ไหมคำจะหลับ เธอจะนอนคิดถึงลูกสาวของเธอที่อยู่ ณ เมืองไกลไม่เคยเว้น บางคืนเพื่อนหญิงร่วมห้องของไหมคำจะได้ยินเสียงถอนสะอื้นเบาดังออกมาจากมุ้งของเธอ...

"นางไหมคำ มีคนมาเยี่ยม" เสียงสิบเวรร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้องขังผู้ต้องหาหญิง ไหมคำสาวไทยใหญ่ผิวขาวหน้าตาคมคายรีบแหวกผู้ต้องหาคนอื่นออกมายืนเกาะอยู่ที่ซี่ลูกกรงเหล็ก เจ็ดวันมาแล้วที่เธอต้องถูกขังอยู่ที่โรงพักแห่งนี้ด้วยข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และรอการส่งกลับออกนอกประเทศ เธอเห็น "ลุงจ่า" ยืนอยู่ข้างสิบเวรคนที่ร้องเรียกเธอ ลุงจ่าคนนี้แหละที่จัดการรับเธอพร้อมเพื่อนไทยใหญ่อีกหลายคนมาจากชายแดนเมื่อวันที่เธอเดินทางมาถึง วันนี้ลุงจ่าคงจะมาฟังคำตอบของเธอ...

แปดเดือนมาแล้วที่ไหมคำ สาวไทยใหญ่วัยยี่สิบหกปี ออกจากบ้านที่ชนบทนอกเมืองตองกี เมืองแห่งขุนเขาในรัฐฉาน เช้าวันเดินทางเธอกอดลูกสาววัยห้าขวบไว้แน่นและนาน ก่อนจะหักใจหันหลังออกจากบ้านด้วยน้ำตานองหน้า ฝากลูกน้อยไว้กับพ่อและแม่

ไหมคำออกเดินทางพร้อมกับเพื่อนบ้านชายหญิงอีกสิบสองคน รอนแรมผ่านป่าเขาและความทุรกันดารระหว่างชายแดน เส้นทางส่วนใหญ่ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่บางตอนก็ต้องเดินเท้ากลางป่าลึกในเวลาลางคืนเพื่อหลบโจรว้าแดงที่คอยดักปล้นและฉุดคร่า วันสุดท้ายพวกเธอต้องเสี่ยงชีวิต เบียดอัดกันอยู่ในเรือยนต์ลำน้อยข้ามแม่น้ำสาละวินที่เชี่ยวกราก

เธอใช้เวลาทั้งหมดห้าวันกับห้าคืนจึงมาถึงพรมแดนไทย ด้วยเงินสดจำนวนสุดท้ายซึ่งอ้ายไจ ผัวที่ตายไปทิ้งไว้ให้เป็นค่าเดินทางและ "ค่าผ่านด่าน"

อ้ายไจ ผัวของเธอล้มเจ็บลงและตายไป เมื่อเขากลับมาถึงบ้านที่เมืองตองกีได้เพียงสองปี อ้ายไจกลับมาบ้านด้วยเงินเป็นฟ่อน พร้อมกับชาวเมืองตองกีอีกหลายคนที่จากบ้านไปพร้อมกันเมื่อสามปีก่อน เพื่อขุดทองในถิ่นไทยงามของเมืองไทย เขาจะกลับไปเมืองไทยอีกครั้งเพื่อขุดทองรอบที่สอง แต่เมื่อพักผ่อนที่บ้านกับลูกเมียได้เพียงเดือนเดียว อ้ายไจก็ไม่ค่อยสบายจึงเลื่อนการเดินทางกลับเมืองไทยออกไป ให้คนอื่นที่มาด้วยกันกลับไปก่อน อาการของอ้ายไจมีแต่ทรงกับทรุด และตายจากไปในที่สุด ทิ้งให้เธอต้องเลี้ยงลูกน้อยเองกับพ่อแม่ของเธอ

แม้เงินที่อ้ายไจทิ้งไว้ให้จะทำให้เธอและครอบครัวสุขสบายขึ้น ยังไม่ทันสองปีเงินนั้นก็งวดลงใกล้จะหมด ไหมคำตัดสินใจทันทีเมื่อมีเพื่อนบ้านกลุ่มหนึ่งมาชวนมาทำงานกันที่เมืองไทย

ด้วยการนำทางของ "อ้ายเส่ง" ผู้ดูแลเส้นทางฝั่งพม่า เธอและเพื่อนๆอีกสิบกว่าคนถูกส่งตัวให้แก่ลุงจ่าเมื่อถึงพรมแดน ไหมคำไม่รู้ว่าลุงจ่าเป็นใคร แต่ก็รู้จากคนอื่นว่าลุงจ่าคนนี้แหละที่จะจัดการเอาพวกเธอไปส่งนายจ้างตามที่ต่างๆได้ และเขาจะช่วยย้ายงานให้ใหม่ถ้าใครไม่ชอบงานที่ทำ ถ้าเขาเห็นด้วย ลุงจ่าจะติดต่อกับอ้ายเส่งได้ถ้ามีใครอยากจะกลับบ้าน หากมีเงินค่าเดินทางพอ

งานแรกที่ไหมคำได้ทำคือเป็นลูกจ้างปลูกผักอยู่บนดอย เธอได้ค่าจ้างเป็นรายเดือนๆละพันหกร้อยบาท พร้อมกับที่พักและข้าวสารหนึ่งถัง นอกจากนี้ต้องหากินเอง เธอได้ยินว่าบางคนได้ค่าจ้างถึงสามพันกว่าบาทหรือกว่านั้น ถ้าได้ทำงานในเมือง แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่ที่เมืองตองกีมากนัก วันหนึ่งเธอจะต้องได้เงินมากกว่านี้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกสาวคนเดียวของเธอ !

คืนแรกที่กระต๊อบที่พัก ไหมคำนอนร้องให้คิดถึงลูกน้อยและพ่อแม่ที่บ้านรวมทั้งอ้ายไจที่ตายจากไป ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยไปที่ไหนไกลบ้านขนาดนี้มาก่อนเลย เธอยังจำได้เมื่อครั้งอ้ายไจยังอยู่ด้วยกันที่บ้าน ตอนค่ำเขาจะนั่งเป่าขลุ่ยเล่นอยู่ใต้ต้นบ่าเกี๋ยงใหญ่ข้างบ้านจนดึก จนน้ำค้างลงจัดจึงจะเข้ามานอนกกกอดเธอไว้จนหลับไป เช้าขึ้นเขากับเธอจะออกไปทำไร่ถั่วตั้งแต่หมอกยังไม่ทันจาง หรือไม่ก็ทำนาถ้าเป็น หน้านา ลูกสาวคนเดียวนั้นถูกฝากไว้กับตายายของแกให้ช่วยเลี้ยง

เธอคงจะมีความสุขมาก ถ้าหากเขากับเธอได้มาทำงานอยู่ด้วยกันที่เมืองไทย พร้อมลูกสาวตัวน้อยในตอนนี้ ที่นี่ไม่กันดารเหมือนที่บ้านเธอ ไม่มีทหารเข้ามาขอแบ่งข้าวปลาอาหารเอาตามชอบใจ และที่นี่มีคนต้องการจ้างคนงานเสมอ

พอตกดึกไหมคำก็ตัดใจได้ เธอจะอยู่เพื่อวันข้างหน้า วันหนึ่งเธอจะกำเงินเป็นฟ่อนกลับบ้านไปให้พ่อกับแม่อย่างที่อ้ายไจเคยทำ เธอจะปลูกบ้านใหม่ให้พ่อแม่แทนกระต๊อบหลังเก่า แล้วรับลูกน้อยกลับมาอยู่ด้วยกันที่เมืองไทย

เพียงไม่กี่เดือนไหมคำก็พูดภาษาไทยเมืองได้คล่อง และเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตการทำงานสวนผักที่นี่ แต่ทุกคืนก่อนที่ไหมคำจะหลับ เธอจะนอนคิดถึงลูกสาวของเธอที่อยู่ ณ เมืองไกลไม่เคยเว้น บางคืนเพื่อนหญิงร่วมห้องของไหมคำจะได้ยินเสียงถอนสะอื้นเบาของไหมคำดังออกมาจากมุ้งของเธอ

วันหนึ่งลุงจ่าก็มาหาเธอ เขาบอกว่ามีงานดีกว่านี้ให้ทำ เป็นงานดูแลสวนลำไยใกล้กับอำเภอและใกล้ตลาด ซึ่งสะดวกในการซื้อหาข้าวของ ที่สำคัญเธอจะได้ค่าจ้างเพิ่มเป็นสองพันบาท กับข้าวสารหนึ่งถังเหมือนเดิม ด้วยงานที่สบายกว่า แล้วรุ่งขึ้นลุงจ่าก็เอาหญิงไทยใหญ่อีกคนหนึ่งมาอยู่แทนเธอ และรับเธอขึ้นรถลงจากดอยไป

ที่ทำงานใหม่เป็นสวนลำไยกว้างหลายร้อยไร่อยู่ติดตีนดอย ที่นี่มีคนงานไทยใหญ่มากกว่าที่สวนผักซึ่งเธอจากมา มีกระต๊อบที่พักคนงานหลายหลัง บางกระต๊อบก็อยู่กันเป็นครอบครัวผัวเมีย เมื่อลุงจ่าพาเธอมาถึง นายใหม่ของเธอรออยู่แล้วที่บ้านทำด้วยปีกไม้ซึ่งปลูกอยู่บนเนิน รอบบ้านมีไม้ดอกหลากหลายพันธุ์สวยงาม

นายเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงโปร่งหน้าเสี้ยม นัยตาของนายเล็กเรียวแต่คมเหมือนเหยี่ยว ลุงจ่าบอกให้เธอเรียกนายว่า "คุณท่าน" เมื่อเธอไหว้เขา คุณท่านเพ่งมองเธอด้วยความ สนใจเป็นพิเศษจนไหมคำรู้สึกอึดอัด

"ชื่อไหมคำรึ ? ดี ! ชื่อเพราะดี ตั้งใจทำงานให้ดีก็แล้วกัน" แล้วคุณท่านก็เรียกหัวหน้างานไทยใหญ่มาให้พาเธอไปที่พัก

ไหมคำดีใจที่ได้ทำงานกับพวกไทยใหญ่ด้วยกันอีกแม้จะอยู่กันคนละเมือง พวกที่อยู่เก่าต้อนรับเธออย่างอบอุ่น และเธอก็รู้ว่าคุณท่านใช้บ้านที่นี่เป็นที่พักผ่อนกับรับรองแขกเท่านั้น คุณท่านจะมาที่นี่เดือนละครั้งเพื่อจ่ายค่าแรงและตรวจสวน บ้างครั้งก็จะนอนค้าง และบางครั้งก็จะมีเพื่อนๆทั้งชายหญิงจากในเมืองมากินเหล้าและทำอาหารเลี้ยงกันเป็นที่สนุกสนาน

หลังจากนั้นอีกสองสามวันคุณท่านก็มาที่สวนอีก แล้วเรียกแม่หนุ เมียหัวหน้าคนงานพร้อมกับเธอให้ไปที่บ้านใหญ่

"แม่หนุเป็นผู้ใหญ่แล้วมาทำงานบ้านจะลำบาก ฉันจะให้ไหมคำมาทำแทน แม่หนุช่วยสอนงานให้ไหมคำด้วย" คุณท่านเปลี่ยนคนทำบ้านใหม่เป็นเธอ

งานทำบ้านนั้นไม่ยากอะไร เพียงแค่สามสี่วันก็ขึ้นไปทำความสะอาดกวาดถูบ้านครั้งหนึ่ง และถ้าวันไหนคุณท่านมาค้างก็จะต้องเตรียมปูที่หลับที่นอน ใส่ปลอกหมอนเตรียมไว้ รวมทั้งคอยอยู่ที่ครัวเพื่อให้เรียกใช้ คุณท่านมักมากับเพื่อนสองสามคนและชอบทำกับข้าวกินกันเอง คนทำบ้านก็คอยเป็นลูกมือ ช่วยหยิบจานชามล้างผัก หั่นเนื้อ และเก็บล้างเท่านั้น มันสบายกว่างานถากหญ้าขุดดินในวันที่คุณท่านไม่มามาก

วันนั้นคุณท่านมาคนเดียวและนอนค้างที่บ้าน ดังนั้นแม่หนุจึงต้องคอยสอนงานทั้งหมดให้ไหมคำ จนกว่าคุณท่านจะกินข้าวเย็นเสร็จและบอกให้กลับไปพักผ่อนได้

นับแต่ไหมคำมาทำงานที่สวนนี้ สามเดือนที่ผ่านมาคุณท่านมาพักผ่อนที่สวนบ่อยขึ้น บางเดือนถึงสามครั้ง และมักไม่ค่อยเอาเพื่อนมาเที่ยวด้วยอย่างเมื่อก่อน
ค่ำวันหนึ่ง วันนั้นคุณท่านมาคนเดียวและนอนค้างคืนที่บ้าน หลังจากที่ได้เก็บล้างจานชามเสร็จ คุณท่านก็เรียกไหมคำให้ขึ้นไปที่ห้องรับแขก เธอเห็นคุณท่านนอนคว่ำอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ หนุนหมอนแพรอยู่

"อ้อ ! ไหมคำมาแล้วหรือ วันนี้เมื่อยไปหมดคงเดินดูสวนมากไป ไหมคำช่วยนวดให้หน่อยนะ" แล้วคุณท่านก็บอกให้เธอกดแรงๆ ที่ไหลทั้งสองข้างและที่หลัง และ.ให้บีบขาให้ ครู่เดียวคุณท่านก็ว่าพอแล้วให้กลับไปพักผ่อนได้

ไหมคำรู้สึกแปลกๆที่ต้องนวดให้คุณท่านในวันนี้ เธอไม่รู้ว่าเมื่อก่อนแม่หนุต้องทำงานนี้ด้วยหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าไปถามแก

คุณท่านเริ่มมาตรวจงานที่สวนบ่อยขึ้น เพราะลำไยเริ่มแก่ใกล้จะเก็บได้ และจะมาทุกอาทิตย์ ทั้งยังคุมการใส่ปุ๋ยฉีดยาด้วยตัวเอง แล้วคุณท่านก็นอนค้างที่บ้านสวนทุกครั้ง ระยะนี้คุณท่านไม่มีเพื่อนมาด้วยเหมือนก่อน

"ไม่ไหว ! มีเพื่อนมาด้วยไม่ได้ทำงานทำการ ต้องคอยดูแลเขา ให้เก็บลำไยเสร็จก่อนค่อยสนุกกันใหม่" คุณท่านจะเปรยให้คนงานรู้ เมื่อมีคนถามว่าวันนี้ทำไมคุณท่านมาคนเดียว

ไหมคำต้องนวดให้คุณท่านทุกครั้งที่คุณท่านมาพักค้างที่บ้านสวน งานนวดของเธอจะค่อยๆเลิกช้าขึ้นๆ จากเลิกค่ำเป็นเลิกดึกเพราะคุณท่านต้องอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนหลังกินข้าวเย็น เมื่อนวดจนคุณท่านเคลิ้มหลับแล้ว เธอจึงค่อยปลีกตัวกลับลงมา แม้ว่างานวันนี้จะสบายไม่ต้องตากแดดตากลม แต่เธอก็ไม่ชอบมันเลย

วันหนึ่ง คุณท่านพาคนซื้อลำไยมาที่สวนเพื่อตกลงราคากัน กว่าพ่อค้าลำไยจะกลับออกไปก็เย็นมากแล้ว และกว่าคุณท่านจะกินข้าวกินปลาเสร็จก็มืดค่ำกว่าทุกวัน ไหมคำต้องรอนวดคุณท่านอย่างเคย แต่คราวนี้คุณท่านเข้าไปนอนในห้องนอน แทนที่จะนอนอยู่ห้องรับแขกให้เธอนวดอย่างเคย

วันนี้ไหมคำสังเกตว่าคุณท่านมองสำรวจไปทั่วตัวเธอด้วยตาเป็นประกาย แม้เธอจะทำงานหนัก มือของเธอจะไม่เรียวงามและนุ่มนิ่มอย่างผู้หญิงในเมือง แต่ไหมคำก็มีรูปร่างที่งดงามและใบหน้าคมคาย อย่างที่ผู้หญิงอื่นต้องอิจฉาทีเดียว พอถึงตอนที่เธอจะต้องนวดกดหัวไหล่ทั้งสองข้างให้คุณท่านซึ่งนอนหงายอยู่ คุณท่านก็เอื้อมมือมาลูบผมของไหมคำ แล้วก็ลูบไล้แก้มเธอ

ไหมคำตัวชา เธออายุขนาดนี้แล้วย่อมเข้าใจอะไรดี เธอค่อยๆจับมือคุณท่านเบี่ยงออกไปอย่างสุภาพ แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหา คุณท่านรั้งตัวเธอล้มทาบลงบนอกของเขา รัดเธอไว้แน่นบอกให้เธออยู่เฉยๆ แล้วพยายามโลมไล้ให้เธอโอนอ่อน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้นเพราะเธอแข็งขืนตลอด และคุณท่านก็ไม่หักหาญมากไปกว่านี้ เพียงแต่ว่าเธอต้องกลับลงไปยังกระต๊อบที่พักดึกหน่อยเท่านั้น

อาทิตย์ต่อมาคุณท่านมาค้างที่บ้านสวนอีกครั้ง และเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเดิมอีก เหมือนหนังที่ฉายซ้ำ ไหมคำรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้มาก เธออยากพบลุงจ่าเพื่อหางานใหม่ เธอไม่อาจออกจากสวนนี้ไปหางานเองได้ ไหมคำไม่เคยไปที่ไหนเลยนอกจากที่ตลาดหน้าอำเภอ ที่สำคัญเธอไม่มีบัตรทำงาน ลุงจ่าเป็นเพียงคนเดียวที่เธอจะพึ่งได้ !

หลังจากเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายไม่กี่วัน ก็มีบรรยากาศที่แปลกเกิดขึ้นในหมู่คนงาน มีบางคนที่เคยสนิทสนมมองไหมคำด้วยสายตาเฉยเมย และถ้าเธอเดินเข้าไปหาพวกนั้นก็จะหยุดคุยกันทันที แต่ก็มีอีกพวกที่ดูเอาอกเอาใจเธอ พวกนี้จะพูดจากับเธอดีและทำเกรงอกใจเธอกว่าเมื่อก่อน

ไหมคำเข้าใจได้ทันทีว่าคนสองพวกนี้คิดอย่างไรกับเธอ เธออยากจะตะโกนออกมาดังๆ ให้ใครๆได้ยินทั่วกันว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่พวกเขาคิดหรอก เธอก็ยังเป็นไหมคำ คนงานไทยใหญ่คนเดิมเหมือนพวกเขานั่นแหละ !

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่หน้าอำเภอมีตลาดนัด คุณท่านให้คนงานหยุดครึ่งวันเพื่อไปซื้อข้าวของ ระหว่างที่เดินหาซื้อของอยู่ด้วยกันนั้น ก็มีตำรวจสองคนตรงเข้ามาที่ไหมคำและขอดูบัตรประชาชน เธอไม่มีบัตรนั้นและไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าว เธอตกใจมาก ! คนอื่นๆที่มาด้วยกันพากันเร้นกายแฝงอยู่ตามหมู่ผู้คนในตลาดและหลบกลับสวนไปได้ ไหมคำถูกพามาขังที่โรงพักเพื่อรอการส่งตัวกลับประเทศ ในห้องขังไม่สะดวกสบายไปเสียทุกอย่าง เธอคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงลูกและอ้ายไจ

รุ่งขึ้นลุงจ่ามาเยี่ยมเธอ เขาซื้อข้าวผัดมาฝากเธอห่อหนึ่งกับโอเลี้ยงอีกหนึ่งถุง เมื่อถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้สักครู่ ลุงจ่าก็พูดกับเธอว่า

"อีไหมเอ๋ย ! คนที่จะช่วยเอ็งได้ก็คุณท่านนี่แหละ คุณท่านมีเงินเยอะ แล้วยังรู้จักคนใหญ่คนโต ลุงว่าเอ็งยอมๆคุณท่านเสียบ้างเถอะจะได้อยู่เมืองไทยนานๆ "

ไหมคำเสียวแปลบเข้าไปถึงหัวใจ เดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทันที ก่อนเธอถูกจับเพียงวันเดียว ลุงจ่ามาพบคุณท่านที่บ้านสวน ทั้งสองคนคุยอะไรกันเบาๆ ไม่เหมือนอย่างเคย และเมื่อเธอเอาน้ำเย็นเข้าไปให้ลุงจ่าเขาก็หยุดคุยกัน สักครู่ลุงจ่าก็รีบกลับออกไปจากสวนโดยเธอไม่มีโอกาสพูดเรื่องที่ต้องการ ทำไมเธอถึงถูกจับคนเดียวทั้งที่มาตลาดด้วยกันตั้งหลายคน ความคั่งแค้นประดังขึ้นมาในหัวอก นี่หรือลุงจ่าที่เธอหวังจะพึ่ง ! ไหมคำร้องไห้ออกมาดัง ๆ ด้วยความแค้นใจ เธอเกลียดคุณท่าน เธอเกลียด
ลุงจ่า

"อีกเจ็ดวันเขาก็จะส่งเอ็งส่งไปที่คุมขังคนต่างด้าวที่เชียงดาว และก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าเขาจะส่งตัวเอ็งกลับไป เอ็งอาจจะถูกขังอีกหลายเดือน แล้วเขาก็จะส่งเอ็งแค่ข้ามพรมแดนเท่านั้น เอ็งจะติดต่ออ้ายเส่งยังไง ? เอ็งมีเงินพอรึ ? หรือเอ็งจะเดินไป ตองกีคนเดียว ตอนข้ามแม่น้ำละ ! เอ็งจะลงว่ายไปหรือไง ? " ลุงจ่าสร้างภาพที่เธอจะต้องพบข้างหน้าให้ดู แต่มันก็เป็นเรื่องจริง

ไหมคำไม่มีคำตอบให้ทั้งลุงจ่าและตัวเอง แต่เธอเกลียดคุณท่านเกินที่กว่าที่จะยอมกลับไปทำงานที่นั่นอีก เพราะคราวนี้การทำงานกับคุณท่านนั้นมันเป็นงานอีกอย่างหนึ่งเสียแล้ว คิดเพียงแค่นี้ไหมคำก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เธออาจจะยอมถูกส่งกลับทั้งที่ไม่มีเงิน ยอมเดินกลับตองกีคนเดียว ยอมให้เสือคาบไปกินในระหว่างทาง หรือยอมจมน้ำตายในแม่น้ำสาละวินตอนที่ทุกคนกลัวความเชี่ยวแรงของมันยังดีกว่า !.... แต่ลุงจ่าดูจะเดาความคิดของเธอได้

"เอ็งคิดให้ดี เอ็งต้องคิดถึงลูกด้วย เอ็งอยากได้เงินไปให้ลูกไม่ใช่หรือ ! อีกหกวันลุงจะมาฟังอีกที เกินจากนี้ไปเขาจะย้ายเอ็งไปขังที่อื่น ตอนนั้นลุงช่วยไม่ได้แล้วนะ" ลุงจ่าบอกสำทับกับเธอก่อนที่เขาจะกลับไป

เย็นวันที่หกนับแต่เธอถูกจับขัง ก็มีหญิงสาวไทยใหญ่อีกคนหนึ่งถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในห้องขังเดียวกับเธอด้วยข้อหาคล้ายๆกัน เธอแก่กว่าไหมคำสี่ห้าปี ร่างกายเธอผ่ายผอมเหมือนไม่สบาย ต่างคนต่างดีใจที่พบคนเชื้อชาติเดียวกัน ไหมคำปรับทุกข์ให้หญิงคนนั้นฟังเรื่องของเธอ และเล่าถึงเรื่องครอบครัวของเธอที่เมืองตองกี หญิงคนนั้นสนใจเรื่องอ้ายไจมาก และถามถึงอาการโรคที่เขาเป็นโดยละเอียด แล้วเธอก็บอกว่าอ้ายไจเป็นโรคร้ายแบบเดียวกับที่ผัวเธอเป็นและตายไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตัวเธอเองก็ได้ติดโรคนั้นจากเขา !

ไหมคำรู้สึกเย็นวูบเข้าไปถึงไขสันหลังทันทีที่ได้รู้ว่าอ้ายไจเป็นอะไรตาย ที่เมืองตองกีไม่ค่อยมีคนรู้จักโรคนี้ และไม่มีคนสนใจที่จะพูดถึง เธอเองเคยได้ยินเรื่องนี้เพียงผิวเผินและก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจเป็นอย่างดีในสิ่งที่เป็นไปแล้ว และที่จะต้องเกิดขึ้นข้างหน้า

คืนนั้นเธอร้องให้อีก เธอคิดถึงลูกสาวตัวน้อยคนเดียวเท่านั้น ต่อไปแกจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีเธอ ! พ่อแม่ก็แก่แล้วหวังพึ่งฝากฝังอะไรคงไม่ได้ในชนบทนอกเมืองที่แร้นแค้นอย่างนั้น ไหมคำนอนคิดเรื่องนี้อยู่จนใกล้รุ่ง...

"ว่าไงอีไหมเอ๋ย ! วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ ลุงมาฟังคำตอบ" ลุงจ่าเอ่ยปากถามทันทีที่พบหน้าเธอ เขาไม่แน่ใจในคำตอบของสาวไทยใหญ่หน้าตาดีคนนี้ ว่าจะออกมาแบบไหน ผู้หญิงไทยใหญ่บางคนใจเด็ดนัก เขารู้ !

"ลุงเจ้า ฝากบอกคุณท่านด้วยว่า ถ้าให้เงินเดือนข้าเจ้าสามพันห้า ข้าเจ้าจะทำงานรับใช้คุณท่านทุกอย่างจนวันตาย จะไม่ไปไหนอีกแล้ว" นี่คือคำตอบของ ไหมคำ ตากลมงามทั้งคู่ของเธอมีน้ำตาคลออยู่ มันมีแวววิงวอนที่ลุงจ่ามองเห็นได้ชัด แต่ลึกลงไป ยังมีแววของความชิงชัง เคียดแค้นและสมหวังปนอยู่ด้วยกัน ซึ่งคนอย่างลุงจ่าไม่มีวันจะเข้าใจได้เลย ไหมคำได้ทิ้งไพ่ใบเดียวที่เธอมีอยู่แล้ว !

ลุงจ่ายิ้มอยู่ในหน้า สาวไทยใหญ่คนงามเดินตามทางที่เขากับคุณท่านปูไว้ให้ทุกก้าว เงินเดือนที่เธอขอมาเท่ากับที่คุณท่านให้เขามาต่อรองพอดี.....O

เมื่อวันที่ : 09 ก.ค. 2548, 08.30 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...