![]() |
![]() |
รันนรา![]() |
และมีดอกไม้
ดอกไม้ที่หนูชอบ คือดอกแก้วค่ะ
ดอกแก้วหอม..หนูได้กลิ่นดอกแก้วตอนตื่นนอนไปโรงเรียน และตอนกลับมาจากโรงเรียน
แม้แต่ตอนนอน..หนูก็ได้กลิ่นดอกแก้ว
พ่อเคยบอกว่าดอกแก้วไม่สวย ดอกแก้วบอบบาง
แตะนิดหน่อยดอกแก้วก็ร่วง..
แต่ดอกแก้วก็ยังหอม
เกิดเป็นผู้หญิง คุณค่าอยู่ที่ความหอม
ไม่ต้องสวย ไม่ต้องแข็งแกร่ง
ขอให้หอมเข้าไว้
มิน่า..พ่อถึงชอบหอมหนูนัก
พ่อมีหนวด..
พ่อมีเครา เวลาหอมหนูจะจั๊กกะจี้
พ่อชอบแกล้งหนู พ่อทำให้หนูหัวเราะแทบขาดใจตาย
พ่อชอบเล่นเรือบิน
พ่อให้หนูนั่งบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง
พ่อนอนอยู่กับพื้น ชันเข่า
พ่อยกหนู บอกให้หนูกางปีก
พ่อทำปากบรื่น ๆ เอียงไปมาให้หนูหวาดเสียว
แล้วพ่อก็บอกว่าเครื่องบินตก
พ่อแกล้งให้หนูตกจากขาพ่อ..แล้วพ่อก็หอมแก้มหนู
หนูจั๊กจี้ พ่อยิ่งแกล้งหนู
จนแม่ต้องดุพ่อ
"เดี๋ยวลูกก็ฝันร้าย"
หนูหัวเราะจนเหนื่อย
หนูไม่เคยฝันร้าย
หนูจำไม่ได้ว่าหนูฝันว่าอะไร
แต่หนูคิดถึงพ่อ
หนูจำได้..พ่อพาหนูไปที่เดิม
ริมคลอง หลังบ้าน
พ่อให้ซ้อนจักรยาน
พ่อขับพาหนูไปเที่ยวด้านหลังของหมู่บ้านค่ะ เป็นที่ที่ย่า..อ้อ..ไม่ใช่สิ ต้องหญ้าสินะ ขึ้นรกทั่วไปหมด
มีทั้งหญ้าใบยาว ๆ และใบสั้น ๆ
มีต้นไมยราบด้วยล่ะ พ่อจูงจักรยานเดินตามหนูตอนที่หนูวิ่งไปทางนู้นทีทางนั้นที
หนูมีกิ่งไม้เล็ก ๆ อยู่ในมือคอยแหย่ให้เจ้าต้นไม้ขี้ตกใจนั้นหุบใบเล่น
พ่อยังพาหนูไปที่ริมคลอง หาก้อนหินเล็ก ๆ ให้หนูขว้างลงน้ำ มันทำให้น้ำกระเด็นขึ้นมาดังบุ๋ม ๆ
ตอนนั้นแดดไม่ร้อนหรอก หลังจากที่แข่งกันปาก้อนหินให้โดนผักตบบ้าง โดนถุงพลาสติกบ้าง จนเบื่อกันแล้ว พ่อก็นั่งลงตรงริมคลองนั่นแหละ เอาหนูซ้อนตัก แล้วพ่อก็พูดว่าหนูรู้มั้ย พ่อรักหนูที่สุดในโลกเลย หนูกำลังเพลินอยู่กับการมองฝูงปลาตัวเล็ก ๆ เป็นฝูง ๆ และกำลังสงสัยว่ามันจะว่ายไปหาอะไร เลยได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ว่ารู้แล้วค่ะ แล้วพ่อก็พูดขึ้นมาว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ขอให้หนูรู้ไว้ว่าพ่อจะรักหนูตลอดไป
หนูมองหน้าพ่อ หนูไม่เข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่หนูรู้ว่าพ่อจะรักหนูตลอดไป หนูก็เลยพยักหน้าแล้วก็รีบพูดว่าค่ะ
เพราะคุณครูเคยสอนไว้ว่าเวลาคุยกับผู้ใหญ่ห้ามพยักหน้าอย่างเดียวต้องมีเสียงด้วย ถึงจะน่ารัก หนูอยากจะเป็นคนน่ารักของพ่ออยู่แล้ว
ทั้ง ๆ ที่พ่อกอดหนูอยู่แล้ว พ่อยังดึงหนูเข้าไปกอดแน่นเข้าไปอีก อึดอัดจะตายแต่หนูไม่ได้ดิ้น เพราะกำลังแปลกใจที่เห็นลูกกะตาของพ่อมีน้ำตาไหลออกมา พ่อร้องไห้ทำไมเหรอคะ พ่อรีบปาดน้ำตา แล้วส่ายหน้า เปล่าหรอกลูก แล้วทำไมน้ำตาไหลล่ะคะ พ่อแสบตาน่ะ แน่ะ นั่นปลาตัวใหญ่ด้วย ดูสิครับ หนูก็เลยรีบหันไปดู นาน ๆ จะได้เห็นปลาตัวใหญ่ ๆ ซักที แต่ก็ไม่ทันเห็นอีกตามเคย
เรานั่งกันอยู่ตรงนั้นได้ไม่นานหรอกค่ะ พอหนูมองเห็นฝูงห่านที่คนแถวนั้นเค้าเลี้ยงเอาไว้เดินกระดกหัวด๊อกแด๊กส่งเสียงกั๊บแก๊บ(มันร้องเสียงอย่างงี้จริง ๆ นะคะ)มาแต่ไกล หนูก็ชวนพ่อให้ลุกขึ้นไปดูพวกมันใกล้ ๆ แต่พ่อบอกว่ามันจะมืดแล้วลูก เดี๋ยวแม่ดุนะ เราต้องกลับบ้านแล้ว
ตอนนั้นแม่ขี้หงุดหงิดมาก เอะอะอะไรก็ดุพ่อ หนูไม่เห็นพ่อทำอะไรผิดสักหน่อย แม่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่พ่อเอารถของเราไปขายแล้ว เห็นพ่อกับแม่คุยอะไรกันหน้าตายู่ยี่อยู่บ่อย ๆ บางทีแม่ก้อร้องไห้ พ่อเข้าไปกอด แต่แม่กลับผลักพ่อออกไปอย่างแรง ตอนนั้นหนูเห็นสีหน้าของพ่อแล้วอยากจะวิ่งไปผลักแม่บ้าง แม่ชอบแกล้งพ่ออย่างงี้ทุกที มีหลายครั้งเลยแหละที่แม่ทั้งตบทั้งตีพ่อเสียงดังผลั่วผลั่ว แต่พ่อก็ไม่เห็นตีแม่กลับไปบ้างเลย พ่อก็ยังเงี้ยและค่ะ เถียงก็ไม่เป็น ยอมแม่ทุกอย่าง ไม่รู้จักตอบโต้อะไรซะบ้างเล้ย
หนูนะไม่อยากจะรักแม่อีกเลย ยิ่งตอนที่คุณยายมาที่บ้านแล้ว แม่กับคุณยายก็รุมกันด่าว่าพ่อยิ่งทำให้หนูอยากจะร้องกรี๊ดออกมาให้ลั่นบ้าน ก็พ่อของหนูไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย แค่งานที่พ่อทำเค้าไม่ให้พ่อทำต่อ และงานขายของของพ่อก็ขาดทุน แม่กับยายก็บ่นอยู่ได้ว่าไม่มีเงินใช้ หนูไม่เห็นจะต้องใช้เงินเลย ทุกวันนี้หนูก็ยังไม่ต้องใช้เงินซักกาบาท แล้วทำไมแม่กับคุณยายต้องใช้ด้วยล่ะ
หนูเคยถามแม่ว่าทำไมแม่ชอบดุพ่อจัง แม่กลับดุหนูว่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่เค้า แกน่ะไม่รู้หรอกว่าพ่อของแก่น่ะงี่เง่าขนาดไหน รู้งี้ชั้นไม่เอามาทำพ่อแกหรอก ชั้นนะ มีผู้ชายรวย ๆ เป็นสิบ ๆ ที่มารุมจีบชั้น ไม่รู้อะไรมาบังตาทำให้ชั้นเลือกแต่งงานกับพ่อของแก ไป ไปนอนได้แล้ว
วันหนึ่ง แม่ก็มาบอกหนูว่า อีกไม่นานนะให้หนูเตรียมตัวไว้ หนูจะต้องไปอยู่กับคุณยายกับแม่ พอหนูถามถึงพ่อ แม่ก็บอกว่าพ่อตามเราไปด้วยไม่ได้ คุณยายไม่ยอม หนูถามว่าทำไม แม่บอกว่าโตขึ้นหนูก็จะรู้เอง หนูก็บอกว่างั้นหนูไม่ไป หนูจะอยู่กับพ่อ พ่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนงี้ผีหลอกก็แย่ล่ะสิ แล้วแม่ก็บอกให้รีบนอนอีก
เราสองคนเดินกลับบ้าน ชักจะมืดลงทุกทีแล้ว แต่หนูไม่กลัวหรอกความมืดอ่ะ ถ้ามีพ่ออยู่ใกล้ ๆ อย่างงี้ พ่อไม่ยอมขี่จักรยาน พ่อใช้มือนึงจูงรถ อีกมือนึงจูงมือหนู มือพ่อใหญ่และก็แข็งแรงมาก พ่อเคยกำแน่น ๆ แล้วให้หนูลองแกะดู หนูแกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก จนต้องยอมแพ้ให้พ่อหอมที่ซอกคอหนึ่งที หนูไม่ชอบเล้ย มันจั๊กกะจี้ค่ะ พ่อชอบแกล้งหนูอย่างเงี้ยเรื่อยเลย
พ่อกับหนูเดินมาเรื่อย ๆ ก่อนจะถึงบ้านหน่อยนึงพ่อก็หยุดเดิน หนูเงยหน้าขึ้นมองพ่อเพื่อจะถามว่าหยุดทำไม พ่อทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ มองหน้าหนู ดูเหมือนพ่อจะร้องไห้อีกแล้ว เอ พ่อขี้แยเป็นเด็ก ๆ เลยแฮะ แล้วพ่อก็ค่อย ๆ พูดออกมาว่า หนู พ่อไม่รู้หรอกนะว่าหนูจะฟังสิ่งที่พ่อพูดนี่เข้าใจหรือเปล่า แต่พ่อคงต้องพูด อย่างน้อย พ่อไม่อยากให้หนูเข้าใจผิดแม่ของหนู หนูอย่าโกรธอย่าเกลียดแม่เลยนะจ๊ะ แม่เค้าไม่ผิดหรอก เป็นใครใครก็ต้องทำอย่างนี้
หนูก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างน่ะนะ พยายามจ้องไปที่ตาของพ่อว่ามีตัวอะไรเข้าตารึเปล่า เห็นตาแดงก่ำน้ำตาไหลเป็นทางอย่างนี้ ก็เลยถามพ่อว่าทำไมพ่อต้องร้องไห้ด้วยละคะ พ่อไม่ตอบ พูดต่อไปว่าหนูต้องทำตัวดี ๆ นะลูกเมื่อไปอยู่กับคุณยาย หรือถ้าแม่ของหนูมีพ่อใหม่ หนูก็ต้องเป็นเด็กดีของเขาด้วย
ใครคะ พ่อใหม่ หนูถามไป ก็ตอนนั้นหนูไม่เข้าใจจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้พ่อใหม่คนที่ว่าจะอยู่กับหนูและกับแม่ คอยมาเล่นอะไรกับหนู คอยบังคับให้หนูเรียกเขาว่าพ่อ และขับรถรับส่งหนูที่โรงเรียนทุกวัน
พ่อก็ไม่รู้ลูก แต่พ่อก็หวังว่าเขาจะเป็นคนดี และรักลูกของพ่อเหมือนที่พ่อรัก พ่อพูดว่าอย่างงี้นะ เท่าที่หนูจำได้ จากนั้นพ่อก็ดึงหนูเข้าไปกอด หอมแก้มหนู หนูหอมแก้มพ่อกลับบ้าง กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมพ่อต้องให้แม่มีพ่อใหม่ด้วย แล้วพ่อเก่าคนนี้จะไปอยู่ที่ไหน แต่ยังไม่ทันจะถาม คุณยายก็เดินหน้ามุ่ยออกมาจากบ้าน กระชากหนูออกไปจากอ้อมกอดของพ่อ จนหนูเจ็บที่ข้อมือ
ร่ำลากันนานเหลือเกินนะ เราน่ะ เจียมกะลาหัวตัวเองซะบ้าง เท่าที่ชั้นยอมให้แกอยู่กับลูกสาวของชั้นมาตั้งหลายปี ก็เพราะเห็นแก่หลานหรอกนะ แต่ไหนล่ะ ที่แกรับปากกับชั้น ว่าจะเลี้ยงลูกของชั้นและหลานของชั้นให้เท่าเทียมกับคนอื่น โธ่เอ๊ย คนอย่างแก ชั้นไม่เชื่อน้ำหน้ามาตั้งแต่แรกแล้ว
แล้วคุณยายก็ลากหนูขึ้นรถ มีแม่นั่งรออยู่ในนั้นแล้ว หนูตะโกนหาพ่อ หนูร้องไห้โฮ พ่อไม่ได้ไปกับหนู พ่อ...หนูจะหาพ่อ
ไม่มีใครฟังเสียงหนูเลย หนูร้องและดิ้น..ดิ้น พอรู้ว่าไม่สำเร็จหนูก็พยายามอ้อนวอนแม่ แม่จ๋า เอาพ่อไปด้วยนะ หนูสงสารพ่อ หนูคิดถึงพ่อ หนูอยากจะอยู่กับพ่อ หนูไม่ร้องซื้อตุ๊กตาอีกแล้ว หนูไม่กินขนมแพง ๆ อีกแล้ว หนูจะไม่ยอมใช้เงิน หนูจะหาเงินมาให้แม่เอง ให้พ่อไปกับหนูด้วยนะ แม่จะให้หนูทำอะไรก็ได้ หนูไม่ดื้อ หนูเป็นเด็กดี หนูเรียนหนังสือเก่ง ๆ หนูจะกินข้าวไม่หกเลอะเทอะ..
หนูร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง...
..........
แล้วหนูก็ไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีกนานมาก หนูนอนร้องไห้ทุกคืน หนูคิดถึงพ่อ แล้วแม่ก็มีพ่อใหม่ พ่อใหม่คนนี้หน้าตาเหมือนหมู มีหนวด ตาตี่ ใส่สร้อยสีทองเส้นเบ้อเริ่ม ตัวอ้วน พุงใหญ่ หัวเถิก สู้พ่อของหนูก็ไม่ได้ พ่อของหนูรูปหล่อ หน้าตาเหมือนหนูมาก พ่อไม่ไว้หนวดด้วย พ่อจะโกนทุกวันหลังจากที่หนูบอกพ่อว่าหนวดของพ่อทำให้หนูเจ็บและแสบเวลาที่พ่อหอมแก้มหนู และก้อเล่นจั๊กกะจี้ที่ซอกคอของหนู
พ่อใหม่คนนี้มีรถคันใหญ่ตั้งสองสามคัน มีบ้านหลังใหญ่ที่หนูวิ่งทั้งวันยังแทบจะไม่ทั่ว และก้อมีเงินเยอะแยะ หนูเห็นเขาเอาให้แม่แต่ละทีเป็นปึก ๆ หนูเห็นแม่ยิ้มทุกทีที่ได้เงิน แต่หนูไม่อยากได้มันหรอก หนูเกลียดมัน เพราะเงินนี่แหละทำให้หนูไม่ได้อยู่กับพ่อ ไม่ได้เจอหน้าพ่ออีกเลย
ไม่นานมานี่เองค่ะ หนูก็ได้เจอพ่อ ตอนนั้นเป็นเวลาพักเที่ยง พ่อมาหาหนูที่หน้าโรงเรียน บังเอิญหนูวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น และหันไปเห็นพ่อกำลังยืนคุยกับยามอยู่ หนูวิ่งตื๊อไปหาพ่อ หนูกลั้นน้ำตาไม่อยู่หรอกค่ะ หนูก้อไม่รู้ว่าทำไมหนูต้องร้องไห้ พ่อกับหนูกอดกันกลม พ่อของหนูเปลี่ยนไปมาก
พ่อผอมลงมาก หนวดเคราขึ้นเต็มไปหมดจนดูเหมือนโจร ปากซีดจนเกือบจะเป็นสีดำ ดวงตาแดงก่ำและจมลึกลงไปข้างใน พ่อสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ใส่รองเท้าแตะ แต่ถึงอย่างไรพ่อก็ยังเป็นพ่อของหนู พ่อคนเก่าที่หนูรักและคิดถึงมาตลอด
ยามไม่ยอมให้พ่อหนูเข้ามา คุณครูอารีครูประจำชั้นของหนูถูกยามโทรศัพท์เรียกออกมาให้มาคุยกับพ่อของหนู คุณครูอารีก็ไม่ยอมให้พ่อเข้ามาคุยกับหนูในโรงเรียน และไม่ยอมให้หนูออกไปคุยกับพ่อนอกโรงเรียน คุณครูบอกว่าพ่อไม่ใช่ผู้ปกครองของหนู
พ่อบอกคุณครูว่าขอเวลาพ่อไม่นาน ขอได้คุยกับลูกไม่เกินห้านาที คุณครูถึงได้ยอม พ่อกอดหนูอีกครั้ง หนูถามพ่อว่าเมื่อไหร่พ่อจะมารับหนูกับแม่กลับไปบ้านของเรา พ่อบอกว่าไม่มีบ้านของเราแล้วลูก บ้านถูกยึดไปแล้ว หนูก็บอกพ่อว่าไม่เป็นไรงั้นพ่อไปอยู่กับหนูที่บ้านพ่อใหม่ก็ได้ พ่อก็ส่ายหน้า คราวนี้ดวงตาของพ่อแห้งผากไม่เหมือนกับทุกครั้ง
พ่อบอกว่าที่พ่อมานี่เพราะพ่อคิดถึงหนูมาก พ่อพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะรับหนูกลับไปให้ได้ แต่พ่อยังทำไม่สำเร็จ พ่อทนคิดถึงหนูไม่ไหว จึงมาหาหนูในวันนี้
พ่อไม่ได้ถามถึงแม่ ไม่ได้ถามถึงยาย ไม่ได้ถามถึงใคร ๆนอกจากจะเฝ้าแต่ดึงหนูเข้าไปกอด แล้วบอกให้หนูรักษาตัวให้ดี ๆ เรียนหนังสือให้เก่ง ๆ และก็รักแม่ให้มากเหมือนกับที่พ่อรัก และให้หนูรอวันที่พ่อจะไปที่ศาล แล้วบอกกับคนในนั้นว่าพ่อมีปัญญาที่จะรับหนูไปอยู่ด้วยได้แล้ว
แล้วพ่อก็ลุกขึ้น พาหนูเดินกลับมาหาคุณครูอารีที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ส่งหนูให้กับคุณครู แล้วบอกกับคุณครูอารีว่า เมื่อแกโตขึ้น แกคงเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้ ฝากด้วยครับ อ้อ..ไม่ต้องบอกผู้ปกครองของแกนะครับว่าผมมาหาลูก เดี๋ยวจะพากันไม่สบายใจกันไปเปล่า ๆ ขอบคุณมากครับ
แล้วพ่อก็เดินจากไป หนูร้องไห้จนก้อนสะอื้นขึ้นมาเป็นลูก ๆ มองตามพ่อไปจนลับตา
เมื่อไหร่หนูจะโตสักทีคะ???
.........
คุณครูอารีปิดสมุดการบ้านของเด็กหญิงเนตรชนกลงช้า ๆ ริ้วน้ำตาพากันพร่างพรูลงมาจนต้องถอดแว่นออกแล้วใช้กระดาษซับให้เหือดแห้ง นี่คือการบ้านในวิชาภาษาไทยที่เธอเป็นผู้สอน เด็ก ๆ เขียนเสร็จในชั่วโมงเรียนแล้วเธอนำมาตรวจที่บ้าน เมื่อวานนี้เองเด็กหญิงคนนี้ยังเข้ามาทำความเคารพเธอก่อนที่ผู้ปกครองของเธอจะมารับกลับไป
เด็กหญิงตั้งชื่อเรียงความของแกว่าไงนะ "เมื่อไหร่หนูจะโตสักที?" ใช่สิ เธอเป็นครูที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น เธอทำดีที่สุดแล้วตามกฎระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน วันนั้นกว่าเธอจะปลอบให้เด็กหญิงเงียบจากการร้องไห้ได้ก็ต้องใช้เวลาตลอดทั้งบ่าย และหลายวันจากนั้นอาการซึมเศร้าก็เข้าครอบงำเด็กหญิงเนตรชนกคนนี้ตลอดมา
ทุกเที่ยงของทุกวันที่โรงเรียนเปิด เด็กหญิงจะไปยืนเกาะรั้วหน้าโรงเรียนเหม่อมองออกไปที่ท้องถนน เมื่อได้ยินเสียงออดแกถึงจะกลับเข้าห้องเรียน และก็ตั้งใจเรียนตามปกติ
แกเรียนเก่งกว่าเด็กทุกคนในห้อง ดวงตาแจ่มใสนั้นแยกไม่ถูกว่าประกอบไปด้วยความรู้สึกอะไรบ้างที่สะสมอยู่ในนั้น ผิวขาว แก้มใส คิ้วคม ริมฝีปากหนาแต่ได้รูป ไว้ผมยาวรวบไว้ด้านหลัง รูปร่างค่อนข้างผอมแต่สูงเหมาะกับวัย ใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน พูดจาเรียบร้อย เป็นที่รักของเพื่อน ๆ และครูอาจารย์ทุกคน
เมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมานี่เอง เธอได้รับโทรศัพท์จากคุณหญิงมลฤดี ภริยาสาวของส.ส.คนหนึ่ง ผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงเนตรชนก ขอให้เธอรีบไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพราะเด็กหญิงเนตรชนกป่วยกระทันหัน และเรียกร้องที่จะพบกับเธอเพียงคนเดียว
เมื่อเธอไปถึง คุณหญิงมลฤดีบอกกับเธอด้วยน้ำตาที่นองหน้าว่า แกป่วยเป็นโรคไตวายกระทันหัน ทำให้โลหิตเป็นพิษ มีอาการอาเจียนสองสามครั้งแล้วก็สิ้นสติไป คุณหมอบอกว่าเปอร์เซ็นต์ของการรอดนั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของแกจะรับเอาเลือดใหม่เข้าไปหรือเปล่า แต่เท่าที่ทดสอบอยู่นี้ปรากฏว่ายังไม่สามารถหาเลือดที่ว่านั้นได้ แม้แต่เลือดของคุณแม่ของแกเองก็ตาม และถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป คาดว่าแกจะอยู่ต่อไปได้อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมงจากนี้ไป
เมื่อเข้าไปในห้องฉุกเฉิน คุณครูอารีถึงกับใจหายวูบด้วยความสลดใจ สายไฟและหลอดยางระโยงระยางไปทั่วตัวของเด็กหญิงคนนั้น ร่างของแกนอนอยู่บนเตียงคนไข้ฉุกเฉิน หน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือด ตาของแกลืมขึ้นมาเพียงริบหรี่เป็นดวงตาที่ไร้ประกายและแห้งแล้งเกินกว่าจะบรรยายได้ แกพยายามยกมือขึ้นไหว้จนเธอต้องรีบถลาเข้าไปจับมือห้ามไว้ มือเล็ก ๆ คู่นั้นเต็มไปด้วยสายน้ำเกลือและสายยางจากการให้เลือด
"คุณครูขา.." เป็นคำแรกที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากคู่นั้น
"คุณครูจำพ่อของหนูได้ไหมคะ ผู้ชายคนนั้น คนที่มาหาหนูที่โรงเรียนวันนั้น"
"จำได้สิลูก ครูจำได้ ทำไมหรือคะ?"
"ถ้าพ่อเขากลับมาอีก คุณครูช่วยบอกกับพ่อให้หนูหน่อยนะคะ ว่าหนูรักพ่อ หนูคิดถึงพ่อที่สุด ถึงอย่างไรหนูก็จะรักพ่อตลอดไป.."
เธอน้ำตาไหลพราก.."ได้สิลูก ได้เลย แล้วครูจะบอกให้นะคะ"
"แล้วบอกกับพ่อด้วยว่า ถึงหนูจะยังไม่โต หนูก็เข้าใจแม่ ว่าทำไมแม่ถึงไม่อยู่กับพ่อ และหนูก็ไม่เคยเกลียดแม่เลย..."
"ครูขา..ครูมีดอกแก้วไหมคะ..หนูชอบดอกแก้ว..พ่อชอบดอกแก้ว...ดอกแก้วหอม..หอมอย่างมีคุณค่า.."
.....
ครูอารีวางแว่นตาไว้บนหน้าปกสมุดเล่มนั้น เพื่อเช็ดน้ำตาให้แห้งไปจากดวงตา
และเพื่อเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอคงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว
เมื่อเลือดของแม่ใช้ไม่ได้..เลือดของพ่อก็ต้องใช้ได้
แม้ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันอาทิตย์ แต่เธอก็ยังแอบมีความหวังอยู่ลึก ๆ ว่าการตัดสินใจของเธอคงไม่สูญเปล่า
เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นเฝ้าเวียนวนมาแอบดูลูกโดยไม่ให้ลูกเห็นอยู่เป็นประจำทุกวัน แต่ไม่อาจรอดสายตาที่เฝ้าระแวงระวังตามหน้าที่ของเธอไปได้
พรุ่งนี้เขาอาจจะมาก็ได้ ไม่ใช่สิ เขาต้องมาแน่ ๆ
ขอให้เขามาเถอะ คุณพระคุณเจ้าเจ้าขา...
เธอยกมือขึ้นจรดหน้าผาก หลับตานึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่าที่จะนึกได้ ก่อนจะใช้มือนั้นป้ายน้ำตาที่เริ่มหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายอีกครั้งหนึ่ง...
ขณะที่ซุ้มดอกแก้วริมหน้าต่าง..สะท้านเพราะฤทธิ์ลม..กลีบขาวบอบบางกระจายเต็มพื้น..
โชยกลิ่นหอมเย็น..เพียงจาง ๆ....
...........
.......
...
..
.
เมื่อวันที่ : 06 ก.ค. 2548, 00.12 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...