...มันทำปีกสั่นอ้าปากรออาหารที่เขากำลังจะป้อน มีลูกสาวของเขาคอยกุลีกุจอช่วยอยู่ข้างๆ เธอรักมันยังกับมันเป็นน้องชายของเธอทีเดียว...

"สวัสดีครับ ! เชิญครับ !"...พรชัยอมยิ้มเขากำลังใช้แปรงขนอ่อนปัดเศษผมออกจากบัตตาเลี่ยนไฟฟ้า แล้วก็หยิบขวดน้ำมันจักรขึ้นมา หยดมันลงไปสองสามหยดตรงซี่กรรไกร เลื่อนสวิชเปิดให้บัตตาเลี่ยนทำงานนิดหนึ่ง จากนั้นก็ปิด สวิชแล้วแขวนมันไว้ที่ชั้นหน้ากระจก พรชัยหยิบตลับแป้งผง มีดโกนหนวด แปรงและถาดสะบู่จากลิ้นชักออกมาวางที่เรียงบนชั้นที่หน้ากระจกอย่างเป็นระเบียบ ผ้าคลุมขาวสะอาดสองผืนแขวนอยู่บนราวที่ผนังห้องด้านหนึ่ง

พรชัยเดินไปเปิดสวิชไฟเครื่องหมายร้านตัดผมหน้าประตูให้หมุน ถอดกลอนประตูหน้าร้าน...."พรชัยบาร์เบอร์" ร้านตัดผมขนาดสามเก้าอี้หน้าอำเภอพร้อมแล้วที่จะบริการลูกค้า เขาทำอย่างนี้นานมาแล้ว ทำมันทุกๆวันยกเว้นวันพุธ

"สวัสดีครับ ! ทานข้าวแล้วยังครับ ? " ..."ขอบคุณครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ !" แล้วก็มีเสียงคนผิวปากดังวี๊ดขึ้น นกขุนทองตัวหนึ่งร้องอยู่ในกรงข้างหน้าต่างห้องตัดผม

พรชัยเอามันมาเลี้ยงตั้งแต่มันยังตัวเล็กๆ ยังต้องป้อนอาหารให้ ตอนนั้นลูกสาวคนเดียวของเขาเพิ่งอายุสามขวบ เธอตื่นเต้นมาก นั่งเฝ้านกอยู่ทั้งวันในวันแรก ช่วยเขาป้อนกล้วยให้มัน พยายามจะสอนมันพูดทั้งๆที่เธอเองก็ยังพูดไม่ค่อยจะเก่ง

ทุกคนในบ้านตื่นเต้นมากเมื่อมันพูดคำแรกได้ว่า "ทองจ๋า" ตามที่มีคนเรียกมันทุกวัน มันเติบโตคู่กันมากับลูกสาวคนเดียวของเขาจนกระทั่งบัดนี้ เป็นเวลาสิบ ปีแล้ว ... "ทองจ๋า" เป็นสมาชิกของครอบครัวของพรชัยเหมือนกับคนทีเดียว

"พ่อกินข้าวได้แล้ว"...นี่ไม่ใช่เสียงเรียกของเมียเขาหรอก ทองจ๋ามาเลียนเสียงเธอต่างหาก นอกจากฝีมือการตัดผมและอัธยาศัยของพรชัยแล้ว ทองจ๋าเป็นส่วนหนึ่งในการดึงลูกค้าไม่ให้ย้ายไปตัดผมที่ร้านอื่น ลูกค้าบางคนก็พยายามจะสอนให้เจ้านกขุนทองน้อยพูดอย่างที่เขาต้องการ ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง

กรงของทองจ๋าตั้งอยู่ติดหน้าต่างด้านข้างร้าน ใกล้กับเก้าอี้ยาวรับแขก ทุกๆวัน มันทำหน้าที่คล้ายพนักงานต้อนรับของร้าน

"สวัสดีครับ เชิญครับ เชิญนั่งก่อนครับ !" นั่นเป็นเสียงของทองจ๋าที่ดังขึ้นเมื่อมีคนผลักประตูเข้ามาในร้าน เดี๋ยวนี้พรชัยไม่ต้องพูดประโยคนี้อีกแล้ว

ร้านพรชัยบาร์เบอร์เป็นที่รวมของคนหลากหลาย มีทั้งพ่อค้า ข้าราชการ นักเรียน คนขับรถสองแถว มีคนทุกอาชีพและทุกชั้นวรรณะเข้ามาใช้บริการที่นี่ ลูกค้าทุกคนเพลิดเพลินกับเสียงของทองจ๋า ร้านของพรชัยไม่ต้องมีโทรทัศน์ไว้ให้ลูกค้าดูขณะที่นั่งรอตัดผมเหมือนร้านตัดผมอื่น ทองจ๋าทำหน้าที่แทนโทรทัศน์ มันเป็นสิ่งเชื่องโยงระหว่างคนในครอบครัวด้วยกัน และระหว่างเจ้าของร้านตัดผมกับลูกค้า
และเพราะว่าร้านพรชัยบาร์เบอร์ตั้งอยู่หน้าอำเภอ ข้าราชการบนอำเภอส่วนใหญ่จึงมาตัดผมที่ร้านของเขา ดังนั้นเรื่องราวต่างๆบนอำเภอส่วนใหญ่จึงถูกปลดปล่อยลงที่ร้านของพรชัยด้วย

"ท่านนายอำเภอใหม่คนนี้ดีนา" เสมียนอำเภอวัยใกล้เกษียณบอกกับพรชัยตอนที่เขากำลังซอยผมให้

"ท่านเกรียงศักดิ์ที่เพิ่งย้ายไปน่ะวันๆ ไปอยู่แต่ที่ศาลากลางเอาพระเครื่องไปให้ท่านผู้ว่า " ...

"ปลัดพัฒนาคนที่แล้วผมไม่เห็นทำอะไร เก่งแต่เรื่องเกณฑ์ชาวบ้านไปยกป้ายต้อนรับรัฐมนตรีเท่านั้น" เจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์เล่าให้พรชัยฟัง ส่วนเสมียนหน้าห้องปลัดอาวุโสก็บอกเขาว่า

"ปลัดสุชาตินะอะไรก็ดี เสียแต่เลือกปฏิบัติ ลูกน้องที่เป็นคนปักษ์ใต้เท่านั้นถึงจะเสนอให้ได้สองขั้น ก็เขาคนใต้ด้วยกัน !" สำหรับปลัดสุชาติ พวกเจ้าหน้าที่บนอำเภอหลายคนจะเล่าตรงกันในเรื่องการเลือกปฏิบัติและเล่นพรรคเล่นพวก พรชัยฟังจนเสียจนเขาเองก็พลอยไม่ชอบไปด้วย

พรชัยได้ยินเรื่องราวซุบซุบนินทาต่างๆของคนบนอำเภอมาตลอด ร้านตัดผมคือนินทาสโมสรของคนทั่วไป ใครเป็นชู้กับใคร เมื่อวานใครถูกหวย... จริงบ้างใส่ร้ายกันบ้าง แต่เขาก็เพียงแต่ฟังและอือๆออๆไปอย่างนั้น ไม่เคยเข้าไปร่วมตัดสินกับใคร...

"ขายให้ผมได้ไหมนกตัวนี้ ? " ปลัดสุชาติถามพรชัยในในเช้าวันหนึ่ง เมื่อครั้งที่เขาย้ายมาเป็นปลัดอาวุโสที่อำเภอนี้ได้ไม่กี่วัน เขาเป็นนักเลี้ยงนกขุนทองคนหนึ่งและรู้ราคาของมันดี

"ผมไม่ขายหรอกท่านปลัด มันอยู่กับผมมานานแล้วเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน" พรชัยบอกปลัดสุชาติไปในวันนั้น

แต่หลังจากนั้นปลัดอาวุโสของอำเภอก็ยังถามซื้อนกขุนทองช่างพูดตัวนี้อยู่เสมอเมื่อมาตัดผมที่ร้านของพรชัย ครั้งสุดท้ายปลัดสุชาติเสนอราคาซื้อถึงหมื่นบาท

"มันเหมือนกับลูกของผม ผมจะขายได้อย่างไร" พรชัยจำได้ดีสมัยเมื่อเขาป้อนอาหารมันตอนยังกินเองไม่ได้ มันทำปีกสั่นอ้าปากรออาหารที่เขากำลังจะป้อน มีลูกสาวของเขาคอยกุลีกุจอช่วยอยู่ข้างๆ เธอรักมันยังกับมันเป็นน้องชายของเธอทีเดียว

เมื่อมีการประกาศให้ผู้ครอบครองสัตว์ป่านำสัตว์ที่เลี้ยงไปจดทะเบียน พรชัยก็ไปที่อำเภอ จดทะเบียนขออนุญาติเลี้ยงนกขุนทองของเขา ตอนนี้มันจะอยู่กับเขาและครอบครัวอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมายไปนานเท่านาน...

"พี่พรชัยรู้เรื่องที่เขาให้ทำลายไก่แล้วยัง ? " ช่างตัดผมเก้าอี้ที่สองผู้ช่วยของเขาถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในร้านเช้าวันหนึ่ง

"โรคไข้หวัดนกมันระบาดขึ้นมาถึงที่นี่แล้ว เมื่อเช้าเขาประกาศให้คนที่เลี้ยงไก่ทุกคนจับไก่เตรียมไว้ เขาจะให้ทหารกับอาสาสมัคร อ.บ.ต. มาเอาไปฝังวัน
พรุ่งนี้"

"อะไรกัน ! แล้วพวกที่เลี้ยงไก่ชนกับไก่พื้นเมืองละ เขาจะจับมันไปฆ่าด้วยหรือ ? " พรชัยถามผู้ช่วยช่างผู้ให้ข่าวนี้

"เอาทั้งนั้น ไม่มียกเว้น เขาประกาศทางหอกระจายข่าวเมื่อเช้านี้ "

"พ่อกินข้าวได้แล้ว"... เสียงนี้ดังมาจากกรงนกที่ริมหน้าต่าง

"อ้อ ! เรื่องที่จะบอกพี่พรชัย ก็เรื่องนกนะ ! เขาจะทำลายสัตว์ปีกทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ ห่านรวมทั้งนกที่เลี้ยงเอาไว้ ผมถึงถามว่าพี่รู้ข่าวหรือยัง ?"

"เป็นไปไม่ได้ ! " พรชัยพูดอย่างตกใจ "นกเลี้ยงถูกต้องตามกฎหมาย พี่เอาไปจดทะเบียนมาแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง" พรชัยค้านผู้ช่วยของเขา

"ไม่รู้ละ ! เขาเอาหมด พวกเลี้ยงนกเขากำลังโวยกันใหญ่ แต่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าทางอำเภอสั่งมาเขาต้องทำ เขาจะออกสำรวจเช้านี้ว่าบ้านไหนมีสัตว์ปีกอะไร แล้วพรุ่งนี้ก็จะมาเอาไปฝังทั้งหมด เขาห้ามเคลื่อนย้ายด้วย ถ้าใครเอาย้ายหนีมีความผิดถึงติดคุก"...

"เขาบอกคุณถูกแล้วคุณพรชัย" ปลัดสุชาติบอกเมื่อพรชัยไปถามเรื่องนี้ถึงอำเภอ

"แต่ท่านปลัดพอจะหาทางช่วยผมได้บ้างไหมครับ ? ท่านปลัดเองก็รักมันไม่ใช่หรือ ? " พรชัยออนวอนขอ

"เสียใจ ผมช่วยไม่ได้ นกของคุณคนเขารู้จักกันทั้งอำเภอ" ปลัดสุชาติบอก

"แล้วยังขึ้นทะเบียนสัตว์ป่าคุ้มครองเอาไว้อีก เป็นหลักฐานถึงสองชั้น ถ้าช่วยคุณมันก็เลือกปฏิบัติ พวกเลี้ยงไก่ชนเอาผมตายแน่" ปลัดอาวุโสบอกเหตุผลที่เขาช่วยไม่ได้

พรชัยกลับมาที่ร้านด้วยความวิตก เขาปิดร้านทันทีเมื่อลูกค้าคนหลังสุดออกจากร้านไป

"ร้านปิดแล้ว พรุ่งนี้มาใหม่นะครับ"... ทองจ๋าบอกพ่อของเขาเมื่อพรชัยเริ่มปิดร้าน เขาคิดไม่ตกว่าจะบอกลูกสาวของเขาอย่างไรว่านกที่ทุกคนรักจะถูกฝังทั้งเป็นพรุ่งนี้แล้ว แต่พรชัยก็ไม่ต้องคิดนาน เพราะเมื่อลูกสาวกลับมาจากโรงเรียนเธอก็รู้จากคนข้างบ้านแล้วว่าเมื่อตอนกลางวัน เขามาขึ้นทะเบียนประหารให้ทองจ๋าไว้แล้ว ทั้งบ้านมีแต่ความเศร้า

เช้าวันรุ่งขึ้น ร้านพรชัยบาร์เบอร์เปิดประตูไว้เพียงบานเดียว เครื่องหมายตัดผมที่หน้าร้านหยุดนิ่งไม่หมุน เป็นการบอกลูกค้าว่าวันนี้ร้านปิดทั้งๆที่ไม่ใช่วันพุธ
เกือบจะเที่ยงแล้ว พรชัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัดผมมองดูนกขุนทองของเขาในกรงที่หน้าต่าง... ทำไมหนอเจ้าโรคระบาดนี่จึงเกิดขึ้นได้ ถ้าเขาเอามันหนีไปเสียก็มีความผิด ! ... แต่ถ้ามันหนีไปเองละ !!

พรชัยเดินไปที่กรงนกขุนทอง เปิดประตูกรงแล้วจับตัวทองจ๋าออกมา เขาลูบมันเบาๆเป็นการร่ำลา น้ำตาคลออกมา

"ไปเสียลูก ! รีบหนีไปเร็วๆ" พรชัยเอาตัวมันวางบนหลังคากรงนอกหน้าต่าง โบกมือไล่ ทองจ๋าบินไปเกาะที่รางน้ำ ผิวปากวี๊ดครั้งหนึ่ง เสียงรถบรรทุกวิ่งมาจอดที่หน้าร้าน มีเสียงคนพูดกัน

แต่เจ้านกขุนทองของเขากลับบินปร๋อเข้ามาในห้องอีก มันเกาะที่เก้าอี้ตัดผม แล้วก็บินมาเกาะที่บ่าของพรชัย

"พ่อกินข้าวได้แล้ว ...ร้านปิดแล้ว พรุ่งนี้มาใหม่นะครับ" แล้วมันก็บินจากบ่าพรชัยกลับเข้าไปในกรง เกาะคอนทำคอเอียงไปมามองดูพ่อของมัน มีคนสามคนเดินเข้ามาในร้านของเขาพอดี คนหนึ่งแต่งเครื่องแบบ พวกเขาหยุดตรงหน้าพรชัย แล้วคนหนึ่งก็อ่านบัญชีรายชื่อในมือดังๆ ให้เขาฟัง

"ร้านพรชัยบาร์เบอร์ นกขุนทองหนึ่งตัว" เขามองไปที่พรชัย

"คุณใช่ใหมเจ้าของนก เรามาเอานก" คนที่แต่งเครื่องแบบถาม อีกคนหนึ่งถือถุงพลาสติกใบเล็ก พรชัยไม่มองหน้าชายคนที่ถามแต่ชี้ไปที่กรงนกขุนทอง

"นกอยู่นั่น ! คุณจับเอาเอง" มีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากห้องของลูกสาววัยสิบสามของเขา เสียงแม่ของเธอปลอบโยนเบาๆ

"สวัสดีครับ ! ทานข้าวแล้วยังครับ"... ชายคนที่ถือถุงพลาสติกเดินตรงรี่เข้าไปที่กรงนก

"พ่อกินข้าวได้แล้ว"... พรชัยหันหน้าไปทางอื่น เอามือทั้งสองข้างอุดหู ตัวเอง

แล้วพวกมาเอานกก็เดินออกไปจากร้าน คนหนึ่งมีถุงนกอยู่ในมือ ปากถุงมีเชือกผูกรวบไว้ พรชัยเดินตามไปที่ประตูร้าน มองออกไปที่รถบรรทุกไก่ซึ่งกำลังจะพาพวกมันไปสู่แดนประหารหมู่พร้อมกับนกขุนทองของเขา ในกระบะรถมีกระสอบพลาสติกสีขาวมัดปากกองอยู่เต็ม มีเสียงไก่ร้องลอดออกมา บางกระสอบก็ขยับเขยื้อนได้เพราะไก่ดิ้นอยู่ข้างใน

อีกประเดี๋ยวเขาคงจะเอาถุงไก่ทั้งหมดไปโยนลงหลุมที่ขุดไว้ข้างป่าช้าของตำบลใกล้ที่ทำการ อ.บ.ต. รวมทั้งถุงใบเล็กที่มีทองจ๋าอยู่ในนั้นด้วย เขาจะฉีดราดพวกมันด้วยยาฆ่าเชื้อ โรยปูนขาวทับ แล้วก็จะเอารถเกรดดันกองดินที่ขุดขึ้นกลบพวกมัน บดอัดจนแน่น ร่างของทองจ๋าคงจะบี้แบนอยู่ในนั้น ...

มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งแล่นปราดเข้ามาจอดใกล้รถบรรทุกใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นรถของปลัดสุชาติ ใช่แล้ว ! พรชัยเห็นปลัดสุชาตินั่งอยู่ในรถคันนั้น ชายคนที่หิ้วถุงใส่ทองจ๋าเดินไปที่รถปลัดสุชาติ เขายื่นถุงนั้นให้ปลัดอย่างรวดเร็ว ปลัดอาวุโสรับเอาไว้ เอามันวางไว้ที่พื้นรถข้างคนขับแล้วก็รีบขับรถออกไปทันที

พรชัยถอนหายใจ ! เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดว่า ในประเทศนี้ควรจะมีข้าราชการที่เลือกปฏิบัติหรือประพฤติมิชอบอยู่บ้าง ...O

เมื่อวันที่ : 03 ก.ค. 2548, 23.09 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...