![]() |
![]() |
รันนรา![]() |
...การเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ถูกบังคับให้นั่งหรือนอนนิ่ง ๆ เป็นอะไรที่อึดอัดอย่างแท้จริง นี่ถ้าผมไม่กลัวเจ้าโจรจับผมโยนจากรถล่ะก้อ..ผมคงไม่นั่งเฉย ๆ...
การเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ถูกบังคับให้นั่งหรือนอนนิ่ง ๆ เป็นอะไรที่อึดอัดอย่างแท้จริงนี่ถ้าผมไม่กลัวเจ้าโจรจับผมโยนจากรถล่ะก้อ..ผมคงไม่นั่งเฉย ๆ อย่างนี้แน่ ๆ
ใครที่ไม่เคยนั่งรถบรรทุก..จะไม่รู้หรอกว่ารถประเภทนี้มีโช๊คก็เหมือนไม่มี
ตกหลุมทีคอแทบย่นลงมาอยู่ที่ก้น..แม้จะไม่มีหลุมให้ตก มันก็จะสั่นสะท้านของมันไปเรื่อย
จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่นมในท้องของผมจะย่อยเร็ว เมื่อย่อยเร็วก็ต้องกลายเป็นของเสียเร็ว
ไอ้ส่วนที่เป็นน้ำก็พุ่งปรี๊ดออกมา..ไอ้ส่วนที่เป็นเนื้อก็ไหลปรื๊ดออกมา
"กลิ่นไรวะ?.." โจรใจฉกาจถามแบบไม่น่าถาม
"อื้อ.." ผมตอบ
"อึ๊?"
"อื้อ.."
เขาทำหน้าเบ้..
"เอ็งใส่ผ้าอ้อมมาใช่ไหมวะ?"
"อื้อ.."
"ดีแล้ว..งั้นทนเอาหน่อย..อีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว.."
"...."
"อ้าว หลับไปเสียแล้ว"
+++++
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง..เพราะรำคาญตัวเองเต็มที
ฉี่นั้นแฉะไปนานแล้ว..ส่วนอึนี่สิ..เหนอะหนะเฉอะแฉะพิลึก
แล้วท้องก็ร้องจ๊อก ๆ ด้วยความหิว..
ขัดใจขึ้นมาเลยแหกปากร้องซะเลย..
"แง๊..."
คงจะค่อยไป ยังไม่มีใครมาสนใจผม..เลยร้องดังขึ้น
"แง๊งงงงงงง"
ไม่ได้ผลแฮะ..ไอ้โจรคนนั้นมันไปไหนซะล่ะนี่
เอ๊ะ..รถไม่ได้วิ่งแล้ว..ไม่ได้ยินเสียงเครื่อง ไม่รู้สึกว่ากำลังเคลื่อนที่
ผมลืมตา..มองไม่เห็นอะไรเลย..มืดสนิทไปเสียทุกด้าน
รู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนฟูก นุ่ม..กลิ่นหอมแปลก ๆ
มือไม้เปะปะไปเจอขวดนม..หยิบขึ้นมาก็รู้สึกหนัก ๆ
ดีแฮะ..เขาคงขับรถมาถึงที่หมาย..เห็นผมยังไม่ตื่นก็เลยปล่อยให้นอนต่อ ไม่ลืมทิ้งนมไว้ให้ด้วย
ว่าแล้วก็เอาใส่ปาก..ดูดจ๊วบ...
ดูดนมไปได้สักพัก..เริ่มผิดสังเกตุ
ใช้เท้าเขี่ย ๆ ดูรอบ ๆ ตัว..มีกำแพงกระดาษอยู่ทั้งสี่ด้าน
ปล่อยขวดนมหลุดจากปาก ยกมืดขึ้นสูงไปตรงหน้า..น่าน..ว่าแล้ว
มือผมสัมผัสได้ว่าเป็นฝากล่อง
ดวงตาเริ่มปรับให้ชินกับความมืด จึงพบอีกว่ากล่องแต่ละด้าน..ถูกเจาะรูไว้เล็ก ๆ
นี่เห็นผมเป็นลูกหมาลูกแมวไปแล้วหรือไงนะ?
อย่างที่บอก..เดี๋ยวนี้ผมโตพอที่จะบังคับร่างกายตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว..
ผมพยายามตะแคงตัวเอง..มองลอดรูออกไปภายนอก..
ไม่เห็นอะไรเลย..
พลิกตัวอีกด้าน..มองอีกรู..
ในความมืดนั้นยังพอเห็นอะไรได้ลาง ๆ มันเป็นผนังตึกสูงจนมองไม่เห็นขอบ..แสงราง ๆ ที่มากระทบทำให้ผมพอจะดูออกว่ามันทำจากอิฐบล๊อค คล้าย ๆ โกดังเก็บของที่ผมเคยคุ้นตามาจากชาติที่แล้ว..
ผมคว้าขวดนมมาใส่ปากอีกครั้ง..กองทัพต้องเดินด้วยท้อง..ขณะที่สมองขบคิดท้องต้องไม่หิว
นี่ถ้าได้ไก่ย่างหอม ๆ หรือเป็ดตุ๋นนุ่ม ๆ พร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ล่ะก้อ..สมองต้องแล่นกว่านี้แน่
นมจืดๆ จากขวดนั้นไหลลงกระเพาะ..เมื่อรู้สึกอิ่มสมองของผมก็สั่งการให้ผมทำอะไรบางอย่าง
อย่างแรก ผมต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน?
อย่างที่สอง เจ้าโจรคนนั้นล่ะ..เขาจับผมใส่กล่องแล้วไปอยู่เสียที่ไหน?
ถ้าเขาเอาผมมาทิ้งจริง ๆ ผมจะมีหนทางไหนที่จะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง??
ในใจลึก ๆ ผมเองก็หวาด ๆ อยู่เหมือนกันว่า..ชาติที่แล้วมีอายุได้ตั้งแยะ มาชาตินี้..จะมีอายุได้แค่ไม่กี่เดือนซะละมัง?
ดูเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น..ทั้งโจรจับตัวในครั้งแรก..รอดมาได้ก็นับว่าบุญ
ครั้งที่สองตอนดิ้นรนจะกินเบียร์จนลืมไปว่าตัวเองเป็นเด็กทารกแท้ ๆ ทำให้หน้าคว่ำกับเบาะจนแทบจะขาดใจตาย
มาคราวนี้ก็โจรอีกแหล่ว..คราวนี้เป็นโจรปล้นแบงก์..ท่าทางจะใจดีกว่าคนก่อนก็เหอะ..แต่ไหงเอาเรามาทิ้งในกล่องเหมือนหมาเหมือนแมว..ทิ้งนมไว้ให้แค่ขวดเดียว..ถ้าหมดแล้วและไม่มีใครมาเห็น..ผมมิอดตายล่ะหรือ?
ผ้าอ้งผ้าอ้อมก็ไม่ยอมเปลี่ยนให้..ปล่อยให้ผมขยะแขยงก้นอยู่ได้..
เฮ้อ..ผู้คนสมัยนี้..ทำไมถึงใจร้ายยยยยยจิงๆเยย
++++
ผมลุกขึ้นนั่ง..หัวชนฝากล่องพอดี..
มันถูกขัดกันเอาไว้..แค่ออกแรงดันก็โป่งออก..พอจะเอาหัวรอดออกไปได้
ผมชะเง้อมองรอบด้าน..มืดจริง ๆ แฮะ..
แสงรางๆ ที่เห็น มันลอดออกมาจากช่องลมด้านบนของกำแพง..น่าจะเป็นแสงจันทร์ซะมากกว่า
กล่องที่ผมถูกจับใส่..วางอยู่ชิดกับกำแพงด้านหนึ่งของโกดังเก็บของนั้น..
(เป็นกล่องเบียร์..ตราสิงห์ซะด้วย สมชื่อผมจริงจิ๊ง..)
รถคันที่พาผมมา..จอดนิ่งสงบอยู่อีกด้านหนึ่ง..
ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรมากไปกว่าผมตัวเดียว
เอ้ย..คนเดียว
ไม่ยากหรอก..การที่ผมจะพาร่างอันตุ้ยนุ้ยออกมาจากกล่อง
ก็แค่ออกแรงเล็กน้อย..ทิ้งน้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง..
กล่องเอียงกระเท่..ต้องระวังก็ตรงนี้แหละ
พอกล่องฟาดพื้นป้าบ..มือต้องยันไว้ให้ดี ๆ
มิฉะนั้นปากอาจจะขบกับพื้น..แม้จะไม่มีฟันที่จะทำให้ปากแตก..แต่ก็คงจะช้ำบวมได้
สองมือของผมเกร็งเต็มที่..กล่องเริ่มเอียง..แล้วก็พลิกปั้บ
สองมือยันพื้น...สะเทือนนิดหน่อย...ค่อย ๆ คลานออกมา
น้ำลายไหลยืด..มาอยู่ที่คาง ย้อยลงไปตามคอ..ฉ่ำแฉะอยู่ที่อกเสื้อ
ทั้งที่ผมพยายามหุบปากแล้วนะนี่..
คลานไปได้หน่อย ก็ต้องคลานกลับไปที่กล่อง
คิดขึ้นมาได้ว่า..ทางที่ดี ผมควรจะปิดกล่องนั้นไว้ดีกว่า
หากเจ้าโจรกลับมา..จะได้เห็นว่ากล่องยังอยู่เฉย ๆ ผมยังนอนเฉย ๆ อยู่ในนั้น เขาจะได้ไม่ออกตามหา
ผมจะได้มีเวลาหนีได้ไกล ๆ
ส่วนจะไกลแค่ไหนเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
การปิดกล่องให้อยู่ฝากล่องแต่ละด้านมาขัดกันนั้น แม้ตอนเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ยังปิดไม่ค่อยจะได้
เด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างนี้..มีหรือจะทำสำเร็จ
ดีที่ผมฉลาด..บอกตัวเองว่า ก็คว่ำกล่องซะก็สิ้นเรื่อง
ใครจะรู้ว่าใต้กล่องนั้นเป็นฝา ส่วนบนกล่องนั้นเป็นก้น ถ้าไม่สังเกตตัวอักษรที่พิมพ์อยู่บนกล่องว่ากลับหัวหรือเปล่า?
แค่นี้ก็เรียบร้อย..
พื้นที่ผมคลานอยู่นั้น..เป็นพื้นซีเมนต์ขัดมัน
ผมจึงคลานได้ไม่ค่อยจะเจ็บเข่า..เตาะแตะไปเรื่อย..
พยายามชิดกับขอบกำแพงเข้าไว้..เหนื่อยขึ้นมาจะได้นั่งพิง
สถานที่นี้เป็นโกดังที่ไม่น่าจะใหญ่มาก..หากผมตัวโต ๆ เหมือนคนอื่นเขา
แต่สำหรับเด็กอย่างผม..มันใหญ่..ใหญ่มาก..คลานเท่าไรก็ไม่ถึงประตูซักที
ขณะนั่งพักหายใจน้ำลายไหลยืด..ประตูโกดังนั้นก็เปิดออก..
มีรถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามา..ไฟสว่างจ้าสาดเป็นลำ
ผมลีบตัวชิดกำแพง..จ้องตาแป๋ว
แล้วก็มีคนสามสี่คนลงมาจากรถ
หนึ่งในนั้นมีเจ้าโจรคนนั้นด้วย
ผมเห็นเขามองไปที่กล่อง..ด้วยสายตาที่เดาไม่ออก
แล้วก็หันมาช่วยพรรคพวกลากอะไรอย่างหนึ่งออกมา
อะไรอย่างหนึ่งที่ว่า..ถูกผูกตา..ผูกปาก
ผมยาว..
ร่างกายอ้อนแอ้น..
วาว..ผู้หญิง..!!
ผมอ้าปากค้าง..
++++++
มีการพูดจาอะไรกันเบา ๆ ผมจับใจความไม่ค่อยถนัด
"เอาไปมัดไว้ในออฟฟิศ..รอเจ้านายมาก่อน.."
"หุ่นน่าฟัดจริง ๆ นะพี่"
"นั่นสิ..เสียดายเจ้านายกำชับมาหนักหนาว่าห้ามแตะต้อง ไม่งั้นเสร็จพวกเราแน่ ๆ"
"ทุกทีก็ไม่เคยเห็นจะว่า"
"รายนี้ไม่ได้โว้ย..นายบอกจะทำให้งานใหญ่เสียหาย"
"งานไร?"
"เอ็งยังไม่ต้องรู้..ทำตามคำสั่งให้ดีก็แล้วกัน" แล้วเจ้าคนที่พูด..ก็หันไปทางเจ้าโจรปล้นธนาคารคนนั้น
"เรื่องเงินเอ็งเรียบร้อยใช่ไหม?.."
เขาพยักหน้า
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?."
"ไม่มีครับ.." ก่อนตอบเขาอึกอักเล็กน้อย..หางตาชำเลืองแว่บไปที่กล่อง
"ดีแล้ว.."
นี่ขนาดจับใจความไม่ค่อยได้นะนี่..ยังฟังออกตั้งแยะ
ผมเห็นเขาลากตัวหญิงสาวหุ่นงาม..คนนั้น..ซึ่งออกอาการแข็งขืนดิ้นรนเต็มที่ ไปยังออฟฟิศที่ผมมองไม่เห็นแต่แรกว่ามีอยู่
คนหนึ่งเข้าไปล่วงหน้าแล้วเปิดไฟ..แสงไฟจากห้องกระจกนั้นสาดไปทั่ว
จึ๊ยส์..จุดที่ผมนั่งอยู่ พอดีแสงไฟส่องโดนเต็ม ๆ
ผมจะให้ใครเห็นไม่ได้..เพราะอะไรผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
รู้แต่ว่างานนี้..ไม่ใช่แค่เรื่องปล้นที่เห็นเท่านั้น..
มันเป็นงานใหญ่กว่านั้น..ใหญ่แค่ไหนเดี๋ยวก็รู้
ให้เจ้าพวกนั้นออกไปเสียก่อนเหอะ..ผมจะเข้าไปถามหญิงสาวคนนั้นให้รู้เรื่อง
หล่อนเป็นใคร? ทำไมถึงโดนจับ..ทำไมถึงหุ่นสวยยังงี้..
รออีกหน่อยเฮอะ..
อิ๊ ๆ ๆ
++++++
ผมค่อย ๆ ย่อง ย่องทั้งที่คลานอยู่นี่แหละ
คุณ ๆ เคยเห็นเสือย่องไหมครับ..ท่าทางผมก็คงเหมือนกัน
ก้มต่ำจนพุงเกือบถึงพื้น มือขวายื่นไปข้างหน้าพร้อมเข่าซ้าย..ค่อย ๆ วางลงเพื่อให้ไม่มีเสียง
จากนั้นก็สลับมือซ้ายกับเข่าขวา..
ดูไปดูมาคล้ายลูกหมาลูกแมวจริง ๆ นะนั่น
โชคดีที่ไม่มีให้หันมาเห็น..ผมเคลื่อนตัวเองไปจนถึงเงามืด ซึ่งเป็นเงาของรถโฟล์คลิฟท์คันหนึ่ง
ผมซุ่มนิ่ง..ชะเง้อแต่หัวไปมองเหตุการณ์ในออฟฟิศนั้น..
หญิงสาวถูกผูกไว้กับเก้าอี้..ดวงตาของเธอวาวโรจน์ จ้องเขม็งราวกับจะกินทุกคนที่จับเธอมา
มีการพูดอะไรได้ยินแว่ว ๆ คราวนี้จับใจความไม่ได้จริง ๆ
แล้ว..เจ้าโจรทั้งหมดก็ปิดไฟ..เดินออกมา..ล๊อกประตู..ตรงไปที่รถ
ชายคนที่ปล้นธนาคาร..แยกตัวเองตรงไปที่กล่อง ๆ นั้น..
ผมใจหายวาบ..
"เฮ่ย..จะไปไหน?..พวกเราต้องรีบไปแล้ว..ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ"
เขาชะงักกึก..หันรีหันขวาง
"เร็วสิโว้ย.."
นั่นแหละ..เขาถึงยอมเดินขึ้นรถไปกับพรรคพวก
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก..ถ้าเขารู้ว่าผมหายตัวไปแล้ว..อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้
แต่ว่า..เขาคงเป็นห่วงผมอยู่บ้างหรอก..ถึงได้มีทีท่าจะไปดูว่าผมตายไปหรือยังอย่างงั้น..
หมอนี่ถ้าโดนจับ ผมจะเจรจากับตำรวจให้ลดโทษให้ซักปีสองปี
ถ้าตำรวจฟังผมรู้เรื่องนะ
+++++
รถยนต์คันนั้นแล่นออกไปแล้ว
ความมืดมิดกลับมาเหมือนเดิม
ผมขยับตัวออกจากมุมมืดที่มืดกว่านั่น..คลานต้วมเตี้ยมไปยังออฟฟิศ
ไกลจังแฮะ..เจ้าน้ำลายนี่ก็ไหลจัง
บางหยดไหลลงพื้น ผมใช้นิ้วแตะ ๆ อื้อฮือ..เหนียวดี..
พยายามหุบปาก..แต่ริมฝีปากก็บังคับยากเหลือเกิน
มันคงเป็นอาการปกติของเด็กทารก..ที่กำลังคันเหงือก
อาการคันเหงือกเพราะฟันใกล้ขึ้น เป็นอาการที่ผมอยากจะบอกว่า มันส์มาก
มันเจ็บ ๆ คัน ๆ เหมือนถูกมดกัดฝ่าเท้า..
เรายิ่งเกายิ่งมันส์..
แต่สิ่งที่ทำได้..ผมก็ได้แต่ขบ ๆ งับ ๆ ให้เหงือกบนเหงือกล่างมาถูกกัน
มันส์จนน้ำลายไหล..
อะ..มาเข้าเรื่องต่อ
ผมเลิกสนใจกองน้ำลายของตัวเอง..ก็ก้มหน้าก้มตาคลานต่อไป
เมื่อไปถึง..ผมก็เพิ่งคิดได้ว่า..ผมไม่มีทางเข้าไปในออฟฟิศได้
ถึงตัวผมจะใหญ่กว่านี้..ผมก็ไม่มีกุญแจจะไข
แล้วนี่ผมจะทำอย่างไร? ถึงจะเข้าไปช่วยสาวน้อยคนนั้นได้
ผมนั่งแปะอยู่ตรงนั้น..มองลอดกระจกเข้าไป..เห็นหล่อนนั่งหันซ้ายหันขวาอยู่บนเก้าอี้
สองมือถูกมัดไขว้ยึดติดกับพนักเก้าอี้ สองขาก็ถูกเชือกผูกไว้
อ้อ..ที่เอวก็ผูกติดไว้ด้วย
นี่ถ้าหล่อนจะเคลื่อนที่ ก็ต้องลุกเดินไปทั้งเก้าอี้นั่นแหละ..
ผมเห็นหล่อนพยายามอยู่เหมือนกัน..จะใช้คำว่าอะไรดีนะ..
กระถดเก้าอี้..?..ก็คือ..กระดื๊บตัวเองให้เขยิบมาที่ประตูให้ได้
แต่ทำแป๊บเดียวก็เหนื่อย..นั่งหอบแฮ่ก ๆ
สมองของผมปั่นจี๋..พยายามคิดให้ออกว่าจะเข้าไปช่วยหล่อนได้ยังไง
หันมองไปรอบ ๆ ก็มีแต่ความมืด..ตัดสินใจส่งสัญญานให้หล่อนเห็นว่าผมอยู่ตรงไหน ด้วยวิธีทุบกระจกดังแปะแปะ
คงเบาไป..ผมออกแรงตบกระจบอีกครั้ง
ปัง..
หล่อนหันขวับมา..ดวงตาทอแสงแตกตื่น
ผมยิ้มแต้..น้ำลายเยิ้ม
ถ้ายักคิ้วได้..คงทำไปแร้ว..
แฮ่..
+++++
หลังจากหันซ้ายมองขวา..แล้วนั่งนิ่ง ๆ อยู่สักครู่ เพื่อขบคิดหาทางที่จะเข้าไปข้างใน
ผมก็คิดอะไรออกบางอย่าง..
ผมจำได้ว่า ประตูกระจกอย่างนี้..แม้ข้างนอกจะมีเฉพาะรูกุญแจ..แต่ข้างในจะมีที่บิด..
และตอนนี้ผมก็รู้อยู่ว่า..หญิงสาวข้างในนั้น..ยังสามารถจะกระถดเก้าอี้ได้อยู่บ้าง..
หากผมหาอะไรสักอย่างหนึ่ง..เป็นเส้นบาง ๆ สอดเข้าไปตรงช่องว่างข้างใต้ของประตู...แล้วให้หล่อน..เอาไปผูกไว้กับที่บิดนั้น..แล้วผมออกแรงดึง..ที่บิดนั้นก็จะดังแกร๊ก..ประตูก็จะเปิดออกดังผลั่วะ
วาว..เป็นความคิดที่เยี่ยมยอดมาก..
ผมสูดน้ำลาย..เริ่มคลานเตาะแตะหาเส้นบาง ๆ ที่ว่านั้น
แหะ..ไอ้เส้นบาง ๆ เนี่ย..มันจะต้องเป็นเชือกเส้นเล็ก ๆ ..หรือเศษผ้าบาง ๆ และยาว ๆ เท่านั้นนี่นา..แล้วจะหาจากไหนกันล่ะ?
ใครมันจะมาทิ้งไว้ให้..
คิดได้ดังนั้นผมก็หยุดคลาน ทิ้งก้นลงนั่งต่อ..
ขมวดคิ้วนิ่วหน้า..น้ำลายไหล..นิ้วชี้ที่วางไว้ตรงหัวเข่ากระดิกเป็นจังหวะเล็กน้อย..
ทุกปัญหามีทางแก้ ทุกทางตันมีทางออก
คติสอนใจผมมาตั้งแต่ชาติที่แล้วนะนี่..
อือ..ทำไงดีนะ..??
และแล้ว..อีกความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นในสมอง..
ผมเริ่มคลานต่อไป คราวนี้ย้อนกลับไปที่รถโฟล์คลิฟท์คันนั้น
รถชนิดนี้ เป็นรถที่เอาไว้ยกของ..ข้างหน้ารถจะมีงาสองข้างยื่นออกมา..เวลาจะยกอะไรก็ทิ่มงาเข้าไปที่ใต้ของนั้นแล้วช้อนมันขึ้น..
เป็นรถที่เห็นได้โดยทั่วไปในโกดังเก็บของต่าง ๆ
ที่สำคัญ รถชนิดนี้..ผู้ใช้มักจะไม่สนใจเก็บกุญแจ..ส่วนใหญ่จะคาทิ้งไว้อย่างงั้น
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็เสร็จผม
ก็ผมขับมานักต่อนัก..เมื่อชาติที่แล้วไง้
ผมปีนขึ้นรถ มันสูงอยู่เหมือนกัน..แต่ก็ยังพอไหว
แต่กว่าจะขึ้นไปนั่งบนเบาะได้..เล่นเอาแทบหมดแรง..
คุณ ๆ อย่าหาว่าเป็นเรื่องโกหกเลย ที่เด็กตัวเท่ากำปั้นอย่างผม..จะสามารถทำอะไรพวกนี้ได้
ถึงแม้ร่างกายของผมจะเป็นเด็ก มือไม้แข้งขาบังคับไม่ค่อยได้เท่าไร..เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี..แต่ความรู้สึกนึกคิดของผมเป็นผู้ใหญ่..
ผมรู้ดีว่าจะวางเท้าตรงไหน..จะออกแรงอย่างไร..จะใช้อะไรช่วยได้บ้าง..
แค่นี้..คุณ ๆ อาจจะไม่อยากเชื่อเลยว่า..เด็กขนาดนี้ยังทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง..
ที่เด็กคนอื่น ๆ ทำไม่ได้..ก็เพราะเขายังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่มีความคิดเท่านั้นเอง
เอ้า..จริง ๆ นะฮะ..
ไม่เชื่อลองกลับไปเป็นเด็กดูสิเอ้า..
กุญแจอยู่ตรงที่ที่มันควรอยู่จริง ๆ
ผมยื่นมืออ้วนป้อม..ควั่นเป็นข้อราวมือตุ๊กตานั้น..ไปจับมันไว้แล้วออกแรงบิด
อุอุ..มันไม่ขยับสักนิด..
ไม่ยาก ๆ เรื่องอย่างนี้เล่นไม่ยาก
ผมใช้ตะปูขนาดยาวประมาณ 4 นิ้ว ซึ่งบังเอิญวางอยู่แถวนั้น..ทิ่มเข้าไปในรูของลูกกุญแจ..ปล่อยให้หางของมันยาวออกมาจนผมกำได้เต็มมือ
แล้วออกแรงกด..
ได้ผล..เครื่องติดทันที..
ปัญหาที่ตามมา..คันเร่งอยู่ข้างล่าง..ขาของผมเหยียบไม่ถึง
ไม่เป็นไร ๆ เล่นไม่ยาก ๆ
ไม่เห็นจำเป็นต้องเร่งความเร็ว แค่ใส่เกียร์ รถพวกนี้ไม่มีคลัทช์อยู่แล้ว..รับรองไม่ดับ แม้จะไม่ได้เร่งเครื่อง
มันก็พร้อมจะคลานตะม่อย ๆ ไปไหนต่อไหนให้เราได้อยู่แล้ว
ผมโยกคันเกียร์... มือเดียวแรงไม่พอ ก็ใช้สองมือ
สองมือยังไม่ขยับ ผมก็ต้องใช้ขาช่วย..
ทั้งดันทั้งถีบ..ออกแรงให้หน้าแดงหน่อยเดียว..เกียร์ก็เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
รถจอดนิ่งอยู่แป๊บเดียว..แรงหน่วงของเครื่องก็สั่งให้มันขยับไปข้างหน้าช้า ๆ
พวงมาลัยก็ไม่หนัก..เมื่อล้อหมุนมันก็เบาพอที่จะบังคับได้..
บอกแล้ว..เรื่องแค่นี้น่ะเสร็จผม
รถทั้งคันวิ่งอย่างไม่มีเบรคตรงแน่วเข้าหาออฟฟิศนั้นอย่างว่างาย
ผมฉลาดพอที่จะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับกระจกที่จะต้องแตกกระเด็นมาโดนแน่ ๆ หากยังนั่งเฉย..
รูดตัวเองจากเบาะนั่งไปกองอยู่ข้างล่าง
รู้สึกมันเขี้ยวขึ้นมาเห็นรถมันวิ่งช้านักก็เลยใช้มือกดคันเร่งให้ความเร็วเพิ่มขึ้น
แป๊บบบบบบบบเดียว..
โครม!! เพล้ง!!
+++++
เดชะบุญ..หญิงสาวไม่ได้รับอันตรายอะไร
หล่อนยังทำตาแตกตื่น ลืมตาโพลงมองผมคลานออกจากรถอยู่อย่างนั้น..
กระจกเกลื่อนไปหมดทั้งห้อง..รถขึ้นมาจอดแน่นิ่งเพราะติดโต๊ะทำงานที่ถอยร่นจนไปค้ำกับผนังด้านหลังพอดี
ไอ้ผมก็เสียวเศษกระจกมันจะทิ่มแทงเอา..บังเอิ้นบนรถมีรองเท้าแตะของคนงานทิ้งอยู่คู่หนึ่ง
ผมก็เลยเอามาใส่มือ..เวลาจะเคลื่อนที่ก็ใช้มันกวาด ๆ พื้นตรงหน้าให้เศษกระจกหมดไปเสียก่อน
กว่าจะคลานถึงที่ที่เจ้าหล่อนถูกมัดอยู่..ผมก็ง่วงนอนเต็มที่
ร่างกายที่เป็นเด็ก..เรียกร้องการนอนมากมายอยู่แล้ว..ยิ่งผมมาออกกำลังเป็นเวลานานขนาดนี้..ยิ่งไม่ไหว
ผมส่งเสียงทักเธอได้คำเดียว..
"อื้อ.."
แล้วก็หลับผลอย..
++++
มารู้สึกตัวอีกครั้ง..เวลาคงผ่านไปไม่นานเท่าไรนับจากที่ผมหลับไป
เธอ..หญิงสาวคนนั้น..อุ้มผมขึ้นพาดบ่า..
ผมไม่รู้ว่าเธอแก้มัดตัวเองอย่างไร..ใครช่วยเธอ?
รู้แต่ว่าบ่าของเธอนิ้มนิ่ม กลิ่นของเธอฮ้อมหอม..
ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ขณะเธอพาผมฝ่ายามออกมานอกโกดัง
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวรูปร่างดี..เป็นนางแบบได้สบายคนนี้..จะคล่องแคล่วขนาดนี้
ยามคนหนึ่งร้องจ๊ากเข้ามา ในมือถือตะบองดำมะเมื่อมเงื้อง่ามาด้วย
มันฟาดใส่เธอเต็มแรง เธอหลบแผลว..กระบองฟาดอากาศดังวืด..
แล้วเธอก็เหวี่ยงเท้าข้างหนึ่ง..ซัดป้าบเข้าให้ที่กลางลำตัวเจ้าหมอนั่น
มันตัวงอเป็นกุ้ง..มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งของเธอก็ฟันฉับลงไปที่ก้านคอ..รวดเร็วราวหนังการ์ตูน
มันทรุดโครมแน่นิ่งลงบนพื้นทันที
อีกคนหนึ่งชักปืน..เธอเหวี่ยงเท้าอีกแล้ว..
เสียงปืนลั่นปัง..ในจังหวะที่เธอเตะปืนกระบอกนั้นกระเด็นไปจากมือของมัน..
ลำตัวหมุนจี๋..จนผมดูเหตุการณ์ไม่ถนัด..ได้ยินเสียงดังทึบ ๆ แล้วก็เห็นเจ้าหมอนั่นทรุดลงไปอีกคน
ตายังลายอยู่แท้ ๆ ..เธอก็พาผมวิ่งอ้าว
ผมสะเทือนจนหัวสั่นตามจังหวะการวางเท้าของเธอ..เส้นผมที่ปลิวอยู่แถวซอกคอของเธอ..ปลิวมากระทบหน้าของผมจนได้กลิ่นหอมเย็น
เอ..ยาสระผมยี่ห้อนี้..ใช้กันเยอะจริงแฮะ
และดูเหมือนว่าผมจะส่งเสียงเอิ๊กอ๊ากดังเกินไป..เธอหันมามองหน้าผม..
ผมก็เห็นเธออย่างเต็มตา..
เป็นการเห็นที่ทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น
อุทานออกมาอย่างเต็มเสียง
"แอ้...."
......
เมื่อวันที่ : 03 ก.ค. 2548, 20.27 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...