![]() |
![]() |
รันนรา![]() |
...รถสองแถวประจำหมู่บ้านคันนั้น จอดเอี๊ยดลงตรงหน้า แม่คนใหม่ของผมพาผมขึ้นรถ คนแถวนั้น(ป่านนี้ยังไม่รู้ว่าแถวไหนเลยครับ)เขามีน้ำใจครับ...
รถสองแถวประจำหมู่บ้านคันนั้น จอดเอี๊ยดลงตรงหน้า แม่คนใหม่ของผมพาผมขึ้นรถ
คนแถวนั้น(ป่านนี้ยังไม่รู้ว่าแถวไหนเลยครับ)เขามีน้ำใจครับ
เห็นแม่ลูกอ่อนหอบลูกขึ้นรถเขาก็ลุกให้นั่ง
ไม่เห็นมีใครแกล้งหลับ หรือแกล้งมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมทำตาแป๋วน้ำลายเยิ้มมองคนโน้นทีคนนั้นที
แต่ละคนเป็นชาวบ้านชาวนาชาวสวนทั้งนั้น
หลายคนเมื่อเห็นผมมอง ก็ยิ้มให้ บ้างก็ชี้ชวนกันให้หันมามองผม
เสียดายที่คิ้วของผมผมยังหาเส้นเอ็นที่จะบังคับมันไม่เจอ
(แค่บังคับมือไม้ยังทำไม่ค่อยได้เลยครับ)
ไม่งั้นผมจะยักคิ้วให้พวกเขาแล้ว
บางคนที่ทำหน้าตาหยอกเย้า ผมกลัวเขาจะเสียน้ำใจ
ก็ทำเป็นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปยังงั้นเอง
ยิ่งผมหัวเราะ ผมยิ่งเป็นจุดสนใจของคนบนรถสองแถวนั้น
ทุกคนคงเห็นผมอ้วนจ้ำม่ำ (ก็ดูดนมทุกวันนี่นา) ผิวขาวจั๊ว
และหัวร่อร่าแม้กับคนแปลกหน้า บางคนถึงกับเอื้อมมือมาจับแก้ม
บางคนก็ขออุ้ม แม่ใหม่ผมงี้ยิ้มหน้าบานเชียว
"กี่เดือนแล้วล่ะนี่.."
"จะสามเดือนแล้วค่ะ.."
"ผู้หญิงรึผู้ชายจ๊ะ"
"ผู้ชายค่ะ.."
"รูปหล่อด้วยล่ะ.." อันนี้ผมพูดเอง แต่เสียงออกมาเป็น "แอ๊ะ อือ"
"พามาหาหมอล่ะสิท่า.."
"มาดูหนังม้างงงงงง..."
แล้วหล่อนก็หันมาทางผม..ทำท่าพยักพะเยิด
"จ๋า..ว่าไงจ๊ะ..จ๊ะ จ๊ะ..อ๊ะ..หัวเราะใหญ่เลย.."
"ไม่ว่าหรอกจ้ะ..น้ามีแฟนอ๊ะยัง.." ผมหัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย
"แหม..อยากจะมีอย่างงี้ซักคน.."
"จะมีได้ไง้..ยิ้มทีเห็นฟันขาวแหงอย่างเดียว..อย่างอื่นดำหมดยังงี้.."
"ไอ้ผัวฉันที่บ้าน..มันไม่ได้ฟาม..แต่งงานมาตั้งห้าหกปี ยังไม่มีลูกซักคน"
แล้วน้าคนนั้นก็คุยเรื่องนั้นไปอีกยืดยาว
จนผมขี้เกียจฟัง
ผมหันไปมองใครคนหนึ่ง เขาเป็นคน ๆ เดียวที่นั่งเงียบไม่สนใจผม
ดวงตาที่ซ่อนอยู่ในแว่นตาสีดำนั้น ทำให้ผมไม่รู้ว่าเขามองอะไร
บนตักของเขามีเป้ทหารใส่ของจนโป่งวางอยู่
เขาใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงสีทึบ ๆ
หน้าตาหมอนี่เหมือนโจรมาก..
ในขณะที่รถวิ่งจากตัวอำเภอเพื่อจะเข้าหมู่บ้าน
บนระยะทางเป็นสิบ ๆ กิโลนั้น
ผมสังเกตได้ว่าจะมีการจอดส่งหรือจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางน้อยมาก
ป้ายรถเขาคงไม่เยอะเหมือนในกรุงเทพฯ
ขณะที่ผมกำลังคิดถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ผมก็หลับ
อาการหลับของเด็กทารกนี่..เป็นอะไรที่เอ๊าท์ ออฟ คอนโทรล จริง ๆ ครับ
นึกจะง่วงก็หลับผลอยไปซะแล้ว..
เรื่องหิวก็อีกอย่าง หิวบ่อยมาก
อ้าว..หิวจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าผมจะอยากดูดนมบ่อย ๆ ซะที่ไหน
โธ่..เชื่อหน่อยน่า...ผมหิวบ่อยจริงจิ๊งงงง
แผล๊บ..
.....
มาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงตวาดดังลั่น
"หยุด..นี่คือการปล้น"
แล้วตามด้วยเสียงหวีดร้อง และเสียงตะโกนขู่กำชับจากชายคนนั้น
ชายคนที่ผมเห็นว่าเหมือนโจรนั่นแหละ
เขาตวาดให้ทุกคนเงียบ อยู่เฉย ๆ
ในมือเขามีปืน อีกมือหนึ่งเขาถือระเบิดน้อยหน่า
เมื่อไม่มีใครเชื่อเขา เขาก็เหนี่ยวไกเปรี้ยง
กระสุนวิ่งทะลุหลังคาเป็นรู เสียงหวีดร้องขวัญผวาดังขึ้นจากเหล่าผู้หญิง แล้วเงียบกริบ
ผมนั่งจ้องตาแป๋ว
อะฮ้า..สนุกจังเลย
****
รถจอดทันทีที่ได้ยินเสียงปืน คนขับรถโก่ยแน่บไปทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในรถสองแถวประจำหมู่บ้านคันนั้นมีผู้โดยสารอยู่ประมาณ 17-18 คน
แบ่งเป็นหญิงประมาณสิบกว่าคน นอกนั้นเป็นชาย และก็เป็นเด็ก
ส่วนผมเป็นทารก ไม่นับ
ทุกคนล้วงเอาเงินที่มี สร้อยแหวนที่มี ของมีค่าที่มียื่นให้เจ้าหมอนั่น
แม่ของผมต้องปลดสร้อยคอ กำไลทอง และเงินในกระเป๋าให้กับมัน
ผมตีราคาแล้วก็หลายพันอยู่
เสียดายชะมัด..น่าเอาไว้ซื้อเบียร์..
พูดถึงเบียร์แล้วผมน้ำลายไหลยืดหนักขึ้น
หลายคนที่เห็นคงแปลกใจที่ผมเป็นเด็กเล็ก ๆ แท้ ๆ ทำไมไม่ตกใจเสียงปืน
กลับนั่งน้ำลายหกอยู่บนตักแม่ แล้วทำตาแป๋วไปมา
ผมมองไปที่เป้ทหารของเจ้าหมอนั่น ซึ่งบัดนี้มันถูกวางกองอยู่กับพื้นรถ
ในนั้นผมเห็นระเบิดอีกลูกหนึ่ง โผล่เฉพาะส่วนก้นออกมา
แสดงว่าที่ผมเห็นตุง ๆ ในตอนแรก ก็เพราะเขาใส่อาวุธมาจนเต็มเป้นั่นเอง
มาปล้นคนแค่ไม่กี่คน ทำไมต้องพกระเบิดราวกับจะมาทำสงคราม
นี่ไม่ใช่การปล้นธรรมดาซะแล้ว
คิดได้แค่นั้น..ผมก็หลับ
คร่อก..
....
ในความงวงเงียเพราะความง่วงนั้น น้ำลายของผมยังไหลไม่หยุด
ได้ยินเจ้าโจรไล่ทุกคนลงจากรถ แล้วเขาก็ลงด้วย
จากนั้นเขาก็ขึ้นไปที่รถอีกครั้ง เพราะเขาลืมเป้ แล้วก็ลงมาอีกครั้ง
มีผู้โดยสารหลายคน วิ่งหนีเข้าป่าข้างทางไป
มีอีกไม่กี่คนที่ยังไม่หนี เพราะวิ่งไม่ไหว
มีแต่คนแก่ ๆ แล้วก็แม่ลูกอ่อน อย่างแม่ใหม่ของผม
เขาเดินมาที่หน้ารถ ชะโงกดูกุญแจรถ แล้วก็ยิ้มออกมา
คนขับกลัวจนวิ่งหนีป่าราบ โดยทิ้งกุญแจรถเอาไว้
เขาเปิดประตู ขึ้นนั่งประจำที่ มองมายังพวกผม แล้วบอกด้วยเสียงเบา ๆ ลั่นทุ่งว่า
"จำไว้นะโว้ย ใครแจ้งตำรวจ รับรองว่าตายยกครัว!"
แต่ก่อนจะออกรถ เขาก็เปลี่ยนใจ เปิดประตูรถออกมา เดินตรงมาที่ผมกับแม่
แล้วเขาก็กระชากผมออกจากอ้อมกอดของแม่
"ขอยืมเด็กคนนี้หน่อย..ถ้าฉันปลอดภัยดี เขาก็จะปลอดภัย.."
แม่ผมร้องไห้โฮ..วิ่งไล่ตามขอร้องสุดชีวิต
"อย่าเอาลูกฉันไป.."
เขาไม่สนใจ สะบัดแม่ของผมจนล้มลงไปกลางถนน
เขาขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
ผมโบกมือหยอย ๆ บอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง
แล้วผมจะรีบกลับมา...
ในใจก็คิดว่า..
"เสร็จฉันแน่ ไอ้โจรเอ๊ย..รู้หรือเปล่าว่าฉัน เป็นนายร้อยตำรวจปลอมตัวมา..อะฮ้า.."
เสียงหัวเราะของผมคงดังไป เจ้าหมอนั่นหันมามองหน้าผมที่วางอยู่บนเบาะข้างตัวเขา
"หน้าเป็นจริงเด็กคนนี้..ไม่ร้องสักแอะ แถมยังหัวเราะเอิ๊กอ๊าก..
ไม่ต้องกลัวนะไอ้หนู..ฉันคิดอะไรบางอย่างได้แล้ว.."
ผมหยุดหัวเราะ มองหน้าเขา..
แล้วร้อง "อือ..."
พร้อมกันปล่อยฉี่อุ่น ๆ ออกมา
...........
ฉี่ของผมที่ว่าอุ่น ๆ นั้น
พุ่งปริ๊ดเข้าสู่ใบหน้าด้านข้างของเขาพอดี
เรื่องนี้ผมชำนาญมาก่อนที่จะเกิดเป็นเด็กซะอีก
จริง ๆ แล้วผมเล็งที่รูหู แต่แรงส่งของ..เอ่อ..ของ..ผมจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
แต่แรงส่งของ..จิ๊บจี๋..เอ๊ะ..ไม่ได้ อันนี้เขาไว้เรียกของเด็กผู้หญิง
แล้วผมจะเรียกว่าอะไรดีหว่า???
เรียกว่า..หูด้งก็แล้วกัน
แต่แรงส่งของเจ้าหูด้งของผมมันได้แค่แก้มของเขาเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ร้องเจี๊ยก เบรคจนรถแทบปัด หันมามองผมตาขวาง
ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก..เขาใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า เลียปากแผล็บ
"ดีไม่เข้าปาก..เจ้าเด็กบ้านี่"
เขาพารถกระโจนออกไป เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปตามทาง ทางที่ไปไหนไม่รู้
ถนนเริ่มขรุขระขึ้นเรื่อย ๆ ผมนอนตัวสั่นโยนไปโยนมา บางครั้งกระเด้งขึ้นทั้งตัวแทบหล่นจากที่นั่ง
"เฮ้ย..เบาหน่อยว้อย.." ผมพยายามบอกเขา
แล้วเขาก็เบรครถ อุ้มผมขึ้นใส่บ่า คว้าสิ่งของของเขาวิ่งเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
บ้านหลังนั้นอยู่ในป่า!!
เป็นบ้านที่เหมือนกระต๊อบ เป็นกระต๊อบที่โย้เย้เจียนจะพังแหล่อยู่แล้ว
ในบ้านมีหญิงสาวคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดา ใส่เสื้อคอกระเช้า ใส่ผ้าถุงสีตุ่น ๆ
เสื้อคอกระเช้าที่คอของเสื้อคล้ายกระเช้าจริง ๆ
คือย้วยลงมาจนผมต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก
แล้วผมก็ร้องโฮ..
ผมหิวนมมมมมมมมม
.........
เจ้าโจรร้ายรีบส่งผมให้กับสาวน้อยคนนั้น
เธอคงมีอายุไม่มาก อย่างน้อยก็น่าจะน้อยกว่าผม(ก่อนจะเป็นเด็กเนี่ย)ไม่ต่ำกว่าสิบปี
คือเธอน่าจะมีอายุสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น
เธอรับผมเข้าไปในอ้อมกอด ดวงตาแสดงความยินดีอย่างล้นเหลือ
"ลูกแม่..ลูกแม่กลับมาแล้ว.."
เจ้าโจรคนนั้น บัดนี้แปรสภาพจากโจรโฉดมาเป็นพ่อบ้านชาวป่าไปในทันที
"ลูกของเราไม่ได้ตายหรอก..โรงพยาบาลเขาเข้าใจผิดน่ะ พอข้าไปถึงเขาก็อุ้มลูกมาให้.."
"เหรอ..โอ..ลูกแม่.." เธอร่ำร้องเวียนจูบเวียนหอมผมอยู่นั่นแล้ว
แม้ผมจะร้องว่าหิวนม ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา
"ข้าไปก่อนล่ะ ข้ายืมรถเขามา จะรีบเอาไปคืนเขา เอ็งอยู่ดี ๆ ล่ะ..
อยู่แต่ในบ้านนะ ไม่งั้นเขาจะมาเอาลูกของเรากลับไป.."
สิ้นเสียงของเขา เธอคนนั้นรีบพาผมวิ่งเข้าบ้านในทันที
ปากก็พร่ำร้องด้วยถ้อยคำที่แปลก ๆ
"ไม่ ไม่ ลูกของข้านะ อย่ามาเอาไปนะ ลูกของข้า..ฯลฯ"
เมื่อหลุดเข้ามาในบ้าน..กลิ่นเหม็นบางอย่างก็โชยเข้าจมูกผมจนแทบสำลัก
มันเป็นกลิ่นเหม็นเน่า..เน่าจนกลายเป็นกลิ่นสาบสาง อบอวลไปทั่ว
แสงแดดรอดมาทางรูของใบฝาก ที่ถักหยาบ ๆ กั้นเป็นฝาและเป็นหลังคา
เข้ามาพอให้เห็นว่าในบ้านเป็นอย่างไร
ผมเงียบกริบ..นี่ไม่ควรจะเป็นบ้านที่มีคนอยู่
ควรจะเป็นบ้านร้างเสียมากกว่า
ร่องรอยที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสื่อที่ปูอยู่บนแคร่
เป็นคราบสกปรกกระดำกระด่าง
มุ้งที่หูหลุดลงมากองอยู่กับพื้น
หมอนสีดำใบเดียวนั้นไม่น่าจะเป็นหมอนต่อไปอีกแล้ว
มันควรจะถูกเรียกว่าก้อนขยะ
ทั้งปวงนั้นไม่น่าจะถูกเรียกว่าเป็นที่นอน
มองไปที่สุดฝาของบ้าน เตาไฟที่ถูกผ่านการใช้มานักต่อนัก
จนไม่อยู่ในสภาพเดิมของมัน
จานชามเต็มไปด้วยเศษอาหาร
บ้างก็ส่งกลิ่นเหม็นบ้างก็แห้งเกรอะกรัง
ผมไม่กล้ามองไปที่ส่วนที่เป็นห้องน้ำ ผมกลัวอ้วก
้อ้อ.เด็กทารกเขาต้องเรียกว่าอ๊อกซินะ..
ผมกลัวอ๊อก
แล้วผมก็สรุปได้ว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคนบ้า
หรือไม่ก็มีสติไม่สมประกอบมากกว่าเป็นบ้านของคนปกติ
ไอ้เจ้าโจรร้ายมันมาปล่อยผมไว้กับหญิงบ้านี่เอง..
มิน่า..ไอ้ผมก็มัวแต่สนใจแต่นมเท่านั้น ไม่สนใจกลิ่นตัวของเจ้าหล่อน
หญิงคนที่กอดผม มีกลิ่นตัวที่เหม็นเหลือร้าย เหมือนไม่ได้อาบน้ำมานานนับเดือน
ตายแหล่ว..ผมจะทำอย่างไรดี???
ผมไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เจ้าโจรร้ายคนนั้น พาผมมาให้สาวน้อยจิตผิดปกติคนนี้
เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่???
ก่อนที่จะคิดอย่างไรได้ออก ปากของผมก็ถูกนมอัดเข้ามาเสียแล้ว
น้ำนมไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนถูกกักเก็บคั่งค้างอยู่นาน จนผมแทบสำลัก
ตะแรกผมไม่กล้ากลืน ด้วยรู้สึกผะอืดผะอม
แต่รสชาติของน้ำนมนั้นไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากน้ำนมจากแม่ใหม่ของผมเลย
ยิ่งเห็นสายตาเอื้ออาทรของผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังมองผมเหมือนลูกของเธอคนนั้นด้วยแล้ว
ทำให้ผมตัดสินใจกลืนน้ำนมนั้น
และเมื่อกลืนไปแล้ว สัจธรรมอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจของผมทันที
ขึ้นชื่อว่าน้ำนมจากผู้เป็นแม่แล้ว..จะอย่างไรก็กลั่นออกมาจากความรัก
ความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักใดในโลก
ผมจึงทั้งดูดทั้งกลืนอย่างเต็มคำ
*****
เมื่อวันที่ : 20 มิ.ย. 2548, 22.26 น.
ผู้อ่านที่รัก,
นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...