![]() |
![]() |
รันนรา![]() |
ไงถึงได้รู้สึกเหงา ๆ เฉา ๆ ชอบกล
ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องราวบางเรื่องขึ้นมา
ก็ต้องหาที่ระบายให้คลายความเฉาลงไปบ้าง
ไม่งั้นอัดอั้นตันใจแย่
แต่เมื่อคุณ ๆ อ่านแล้ว..ก็อย่าเฉาตามนะครับ
เพราะยิ่งเฉา..เขาว่ามันยิ่งเปลืองโซดา
เช้าท้องอืดผมไม่รู้ด้วยนา..
............
เช้าวันนั้นเธอโทรฯ มาบอกว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะรอคำตอบจากผม
ถ้าเลยวันนี้ไปแล้ว..ก็สายเกินไปสำหรับเรา
แล้วเธอก็วางหู..ปล่อยให้ผมถือหูค้างไว้อย่างนั้น
เหตุที่ต้องถือหูค้าง เพราะผมนึกไม่ออกว่าเธอรอคำตอบอะไรจากผม??
คำตอบอะไร? เธอถามผมว่าอะไร? แล้วถามผมไว้เมื่อไหร่?
ไรหว่า??
.........
ยัยคนนี้เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก
เราเรียนชั้นประถมมาด้วยกัน เมื่อต่างคนต่างเรียนต่อมัธยม ผมก็ย้ายบ้าน เราเลยไม่ได้เจอกันนัก
มีแต่ติดต่อกันบ้าง ไม่ทางจดหมายก็ทางโทรศัพท์
เมื่อเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย กิจกรรมของสังคมของแต่ละคนยิ่งทำให้เราต้องไกลห่างกันยิ่งขึ้น
แล้วนี่อะไร?
อยู่มาวันนี้ วันที่เราต่างก็มีงานทำกันมาไม่นานหลังเรียนจบ เธอกลับมาบอกผมว่าเธอจะไม่รอคำตอบจากผมแล้ว
เอ...คำตอบอะไรฟะ?
.........
ยัยมุกเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตางั้น ๆ คนหนึ่ง
ไม่มีอะไรโดดเด่น เรียนก็ไม่เก่ง สวยก็ไม่สวย
ติดจะขี้โรคซะด้วยซ้ำ
จำได้ว่าตอนเป็นเด็กเธอไว้ผมม้า
เห็นฟันหลอลึกเข้าไปจนถึงลิ้น
ผมเองที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ(ที่เป็นผู้ชาย)ยังอดเรียกเธอไม่ได้
"ยัยม้าฟันหลอ"
...........
ขณะที่ผมใช้สมองครุ่นคิด นิสัยที่แก้ไม่หายก็คือผมต้องทำอะไรอย่างหนึ่งไปด้วย
ไม่แคะฟัน ก็แยงหู ไม่ก็หวีผม หรือไม่ก็ต้องเข้าห้องน้ำ
ผมทำทุกอย่างที่ว่ามาตั้งแต่เช้า นับแต่เธอโทร.มา
แต่ผมก็ยังคิดไม่ออก
........
ระหว่างเรียนมัธยม เธอเคยเขียนจดหมายมาคุยกับผมหลายฉบับอยู่เหมือนกัน
แรก ๆ ผมก็เขียนตอบเธอดี แต่หลัง ๆ ก็เลือน ๆ ไปเหมือนกันว่าตอบบ้างหรือเปล่า
คราวตอนเธอเอ็นท์ฯ เข้ามหาวิทยาลัยได้ เธอก็โทรศัพท์มาขอบคุณผม
ด้วยถ้อยคำประมาณว่า
"ไปหาอะไรกินกันเหอะ.."
..........
เรานั่งกินไอ้ติมกันแถว ๆ บางซื่อ
ร้านไอ้ติมเป็นบ้านที่ทำเป็นร้าน ที่นั่งทานอยู่ใต้ต้นไม้ร่มเย็นดีพิลึก
เธอบอกเธอขอเลี้ยงมื้อนี้ ผมมองหน้าเธออย่างแปลกใจ
ที่แปลกใจไม่ใช่เรื่องขอเลี้ยง แต่แปลกใจในสายตาของตัวเอง
ยัยม้าฟันหลอคนที่อยู่ตรงหน้า ทำไมทำหน้าตาแปลก ๆ ไป??
หน้ายาว ๆ ที่เคยเป็น กลับโค้งมนเป็นรูปไข่
ตาหยี ๆ ขนตาสั้น ๆ กลับกลมโตใสแจ๋ว
ปากที่เดี๋ยวเบะ ๆ เมื่อตอนเด็ก ๆ ตอนนั้นกลับคุยฉอด ๆ
ลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์เสียแล้วหรือนี่??
........
แล้วผมก็จำไม่ได้ว่าผมได้คุยอะไรไว้กับเธอเรื่องอะไร
คงแค่แสดงความยินดี และยืนยันว่าผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยกับการเอ็นท์ได้หรือไม่ได้ของเธอเลย
ไม่เห็นต้องขอบคุณ
อ้อ..นึกออกแล้ว เธอบอกผมว่า
"ก็เธอทำให้ฉันอารมณ์ดีทุกครั้ง ที่ฉันได้คุยหรือได้คิดถึงเธอไงล่ะ.."
ซึ่งผมก็ตอบเธอไปด้วยเสียงหัวเราะดังลั่นร้าน
"นี่เธอเห็นฉันเป็นตัวตลกไปแล้วเรอะ?"
.......
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผมไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าเพื่อนที่ติดจะห่าม ๆ ซะด้วยซ้ำ
ผมนั้นแทบจะไม่ได้คิดเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง ยกเว้นตอนที่กำลังคิดถึงนิทานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่นั่น
ส่วนเธอก็ไม่น่าจะคิดว่าผมเป็นผู้ชาย ก็เห็นเธอไม่เคยระวังตัวอะไรเลยเมื่ออยู่กับผม
บางทีก็คว้าแขนวิ่งข้ามถนน
บางทีก็กอดคอเดินคุยกัน
บางทีก็กำหมัดซัดต้นแขนผมโดยไม่มีสาเหตุนอกจากคำตอบที่ว่าหมันเขี้ยว
บางครั้งถึงกับท้าวสะเอวด่าผมเสียด้วยซ้ำ
มีแต่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่จะทำอย่างนั้นได้
คนที่เป็นแฟนกันเขาไม่ทำอย่างนั้นกันหรอก
ฉะนั้นผมจึงสรุปได้ว่า เธอกับผมไม่ใช่แฟนกันแน่นอน
........
แล้วผมก็เดินไปที่ตู้เย็น
เปิดมันออก มองเข้าไปเพื่อหาอะไรใส่ท้อง
อะฮ้า..มีแต่น้ำเปล่าเต็มตู้
ที่ช่องทำน้ำแข็ง..มีแต่น้ำแข็งที่เกาะแน่น
ด้านหนึ่งของมันมีกล่องไอศครีมวางอยู่
เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็ม เนื้อไอ้ติมในนั้นคงฟ่ามไม่เหมือนเนื้อเดิม
แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกิน
ผมแกะมันออกมาจากการติดแน่นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับตู้เย็น
ในใจก็พยายามนึกว่าผมเอามันมาแช่ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
สามสี่วันที่ผ่านมา? หรือสามสี่เดือนที่ผ่านมา???
เอ๊ะ..หรือสามสี่ปีที่ผ่านมา???
.........
กว่าจะแกะมันออกมาจากตู้เย็นได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก
เมื่อเปิดออกดูเนื้อไอศครีมสีม่วงนั้นยังคงแข็งอยู่
แต่เป็นการแข็งเหมือนน้ำแข็งใสมากกว่าเหมือนไอ้ติม
ผมจำได้ว่ายัยมุกชอบกินไอ้ติมสีม่วง
เธอบอกมันเปรี้ยวดี
เวลาเธอตักไอ้ติมใส่ปาก เธอจะทำหน้าเหยเกหนังตาสั่นระริกด้วยความเปรี้ยว
เมื่อผมลองดูบ้าง ผมแทบบ้วนทิ้ง
เพราะผมเป็นคนไม่ชอบรสเปรี้ยว
"แปลกนะ เราสองคนนี่ชอบอะไรไม่เหมือนกันสักอย่าง.."
"ใช่.." ผมเห็นด้วย
"แต่เราก็คบกันมาได้ ตั้งแต่เด็กมาจนกระทั่งตอนนี้.."
"ใช่"
"เธอว่าเพราะอะไร?"
"ใช่..เอ้ย..ไม่รู้เหมือนกัน"
"แต่ฉันรู้นะ.."
ผมมองตาเธอเป็นการถาม ขณะตักไอ้ติมรสช๊อกโกแล๊ตเข้าปาก
"เพราะเราเป็นเนื้อคู่กันไง"
จังหวะนั้นผมกำลังเสียวฟันที่ผุอยู่พอดี มันมักจะโดนอะไรเย็น ๆ ไม่ได้
ผมเลยลืมนึกไปว่าความหมายของคำว่าเนื้อคู่นั้นมันกินลึกไปถึงไหนต่อไหน
"อูย.." ผมอุทานออกมา
เธอถอนใจเหมือนกับจะระอาอะไรผมบางอย่าง
ระอาอะไร??
..........
"ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเรียนในมหาลัยแล้ว ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปแค่ไหน?"
"คงสนุกดี.." ผมตอบ
"เธอคงจะเจอเพื่อนใหม่มากมาย มีผู้หญิงสวย ๆ มาให้เลือกคบมากมาย.."
"ก็คงเหมือนเธอ.."
"ใช่..ฉันเองก็คงจะเจอใคร ๆ อีกเยอะ..ฉันจึงไม่รู้ว่าเรื่องของเราจะเปลี่ยนไปแค่ไหน.."
"ก็คงเปลี่ยนไป.."
"แต่ฉันไม่อยากเปลี่ยน.." เธอพูดออกมาอย่างหนักแน่น หากเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน
"ถ้ามันเปลี่ยนแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น..ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.."
"ก็ฉันไม่อยากเปลี่ยน.."
ผมมองหน้าเธอด้วยความแปลกใจ เธอกำลังมองผมอยู่ตาแป๋ว
"ฉันขอสัญญาได้ไหม?.." ในที่สุดเธอก็พูดออกมา
"ว่าเธอจะไม่เปลี่ยนแปลง?"
ผมนิ่ง..สายตากำลังมองแมลงวันตัวหนึ่ง มันตัวเล็กนิดเดียวบินไม่ค่อยเร็วนัก
"หรือถ้าจะเปลี่ยนแปลง.."
ผมค่อย ๆ หยิบสมุดบาง ๆ ขึ้นมา ม้วนเป็นอาวุธ
"เธอจะต้องบอกฉันก่อน.."
แล้วก็ซัดเพี้ยะลงไปจนมันแบนแต๊ดแต๋ติดโต๊ะ
"เย้.."
"ตาบ้า.." เธอกรี๊ดลั่น
.................
ไอศครีมกล่องนั้นทำให้ผมมีอะไรรองท้อง
มันมีสีม่วง แต่ไม่เปรี้ยว
มันเป็นรสองุ่น ที่หวานเจี๊ยบติดลิ้น
มันเป็นของที่ยัยมุกซื้อให้มา
นานแล้วล่ะ..นานเป็นเดือนเชียว
......
วันนั้นเราไปทานสุกี้เอ็มเคด้วยกัน
เป็นวันเกิดของผม แต่เป็นการเลี้ยงของเธอ
ก็ผมนอนอยู่ที่บ้านดี ๆ เธอก็โทร.มาแฮปปี้เบิร์ดเดย์
แล้วเธอก็ลากให้ผมออกมาทานข้าวกับเธอซะดี ๆ
ผมบอกเธอว่าผมบ่อจี๊ ก็มันยังปลายเดือนอยู่นี่นา
เธอบอกว่าไม่เป็นไร เธอพอมี และเธอขอเลี้ยงเอง
ผมนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็จะคิดทำไมในเมื่อได้กินฟรี
ก็เลยมานั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ โดยมีหม้อสุกี้ส่งควันคลุ้งกั้นอยู่ตรงหน้า
"เธออายุเท่าไหร่แล้วนะ ปีนี้?"
"สิบหก" ผมตอบเร็วกว่าที่คิด
เธอหัวเราะ..
"จำได้ว่าเธอแก่กว่าฉันไม่กี่เดือน ฉะนั้นเธอก็ต้องมีอายุเท่าฉัน คือยี่สิบสองพอดิบพอดี.."
"แล้วไง?"
"เราสองคนเรียนจบแล้ว และก็มีงานทำแล้ว.."
"ถ..ถ...ถูกต้องแร้วคร้าบบบบบบบบบ.." ผมพยายามเลียนแบบพิธีกรแฟนพันธุ์แท้
เธอหัวเราะ
"เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว.."
ผมพยักหน้า พยายามเดาว่าเธอกำลังจะบอกอะไรกับผม แต่บังเอิญพนักงานเสิร์ฟมาเสิร์ฟของที่สั่งพอดี
ลูกชิ้นเอ็มเคเป็นอาหารที่ผมชอบที่สุด ผมก็เลยลืมไปว่าเธอกำลังจะบอกอะไรผมอยู่หรือเปล่า
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกับจะรอให้ผมพูดอะไร แต่ผมมัวสนใจอยู่กับการลวกลูกชิ้น
เธอถอนใจ แล้วพูดขึ้นว่า
"มีผู้ชายมาตามจีบฉันอยู่คนหนึ่ง.."
ผมหูผึ่ง เป็นเรื่องใหม่จริง ๆ สำหรับเรา
"โอ้..จริงรึ?" ผมอุทาน
"จริงสิ.."
"แล้วไง.."
"เขาก็เป็นคนดี แต่ฉันยังไม่ชอบเขา.."
"อ้าว..ไมเหรอ?"
เธอมองหน้าผมนิ่ง..เหมือนสงสัยใสในคำถามนั้นของผม
ผมเบิกตา..เพื่อย้ำคำถาม
เธอยังนิ่ง..
แล้วก็หลบตา..คลี่ยิ้ม..ส่ายหัว
"เปล่า..ไม่มีอะไร"
..............
เมื่ออาหารที่สั่งมาถูกจัดการเรียบวุธ ขณะที่ผมตักซุปในหม้อซดอยู่นั้น เธอก็พูดขึ้นว่า
"ไม่แน่นะ ฉันอาจจะรับรักเขาก็ได้.."
"ใคร?" ผมยังซดน้ำซุปต่อ
"เธอสนใจด้วยเหรอ?"
"อ้าว..แหล่วกัน"
"เขาเป็นคนดี และฉันก็รู้ว่าเขารักฉันจริง ๆ"
"ยินดีด้วย.."
"เขาเคยขอฉันแต่งงานด้วยนะ"
"หมอนี่หน้ามืดจริง ๆ แฮะ.."
เธอเอื้อมมือทำท่าจะตบผม เราหัวเราะให้แก่กัน
น่าแปลกว่าเสียงหัวเราะของเธอแปร่งไป
น่าแปลกว่าเสียงหัวเราะของผมก็แปร่งไป
น่าแปลกจริง ๆ
............
ก่อนกลับกันวันหนึ่งเราพากันเดินในซุปเปอร์มาร์เก็ต
เธอซื้อไอครีมกล่องนี้ให้ผม..เป็นของขวัญวันเกิด
เธอบอกว่า ไอ้ติมสีม่วงนี้รสองุ่น ไม่ใช่รสมะนาว
มันหวาน ไม่ใช่เปรี้ยว
ฉะนั้นอย่ามองว่าอะไรที่เคยว่าเปรี้ยว จะหวานไม่ได้
ไม่เชื่อไปลองกินดู
จากวันนั้นถึงวันนี้
เดือนกว่า ๆ แล้วล่ะครับ ที่ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้กินไอ้ติมกล่องนี้
มันหวานจริง ๆ
......
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยมีใครบอกว่ารูปหล่อ
ฐานะก็ปานกลาง ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายอะไรมากมาย
ปกติเป็นคนสุภาพ นิ่ง ๆ ซะส่วนใหญ่ หากไม่อยู่กับเพื่อนฝูงที่สนิทสนมจริง ๆ ผมจะไม่ค่อยพูดค่อยคุยกะใครเขา
ก็มีบ้างนะครับ ที่มีสาวหน้าตาดีมาชอบ แต่ผมก็เฉย ๆ
เคยถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า เอ็งเป็นเกย์หรือเปล่าฟะ?
แต่เมื่อเข้าใกล้ผู้ชายทีไร..ผมก็ไม่เคยรู้สึกอะไรซะที
ก็เลยยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงยังไม่มีแฟน
..........
ผมแต่งตัวออกจากบ้าน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็น
สถานที่ที่ไปก็คือสถานที่ที่ผมกับยัยมุก เคยมาทานสุกี้ด้วยกันนั่นเอง
สายตามองเวลาที่ข้อมือ ยังไม่หมดวันนี้ วันที่เธอบอกว่าเป็นวันสุดท้าย
ผมอยากจะเดินเล่น ดูอะไรไปเรื่อย เพื่อจะขบคิดให้ได้ว่า เธอต้องการคำตอบอะไรจากผม
แล้วผมก็เจอเข้าจนได้
.......
ในร้านแบล๊คแคนยอน ผมเห็นเธอกับใครคนหนึ่งนั่งอยู่
เขาเป็นหนุ่มรูปหล่อ ยิ้มสวย แต่งตัวดี กำลังคุยกับเธออย่างไม่หยุดปาก
ผมหาที่หลบให้กับตัวเอง..มองไปยังทีท่าที่สนิทสนมระหว่างหนุ่มสาวคู่นั้น..
ด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน..
.......
หรือนี่คือผู้ชายคนที่มุกเคยบอกผม??
เป็นคนที่เขามาจีบเธอ..และขอแต่งงานกับเธอ??
หรือวันนี้..เป็นวันที่เธอจะต้องให้คำตอบกับเขาแล้ว..??
วันนี้..จึงเป็นวันสุดท้ายของผม??
ผมชักเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว!!!
..............
ความรู้สึกของผมตอนนั้น..เหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ที่สูง
แล้วมองลงไปยังที่ต่ำ
อาการวูบจากท้องน้อยวิ่งจี๋ไปยังต้นคอ
แล้วย้อนมาตามแผงหลังลงไปถึงตาตุ่ม
มันเป็นความรู้สึกของการสูญเสีย!!
...........
วันนี้ยังไม่หมดเวลาสักหน่อย
ผมโวยวายกับตัวเองเมื่อถึงบ้านแล้วล้มตัวบนที่นอน
เพิ่งจะทุ่มเดียวเอง ทำไมวันหนึ่งของยัยมุกถึงได้สั้นนัก??
ไม่ได้ ต้องถามให้รู้ดำรู้แดง..ว่ามันเป็นจริงอย่างที่ผมเข้าใจหรือเปล่า?
ถลาเข้าไปที่โทรศัพท์
กด redial ทีเดียวก็ได้ยินสัญญาน
ก็เครื่องนี้ไม่เคยโทรฯ หาใคร
นอกจากโทรฯ หาเธอ
...........
เสียงสัญญานดังประมาณสามครั้งครึ่ง
เธอรับ
"ฮัลโหล..ว่าไง??"
ผมวางหู...
นั่นดิ..ว่าไง?
.........
ที่นอนที่แม้จะไม่เคยเรียบสนิทเกินห้านาที แต่คราวนี้มันยับยุ่งเหยิงแทบดูไม่ได้
หมอนไปทาง ผ้าปูไปทาง
โทรทัศน์ถูกเปิดเสียงลั่น
วิทยุเปิดเสียงแข่ง
หูซ้ายผมฟังโทรทัศน์
หูขวาฟังวิทยุ
สายตามองหน้าคอมพ์ที่เปิดภาพบางอย่างอยู่
เป็นภาพที่มุกกับผมไปเที่ยวด้วยกัน
...........
โหย...เจ็บปวดมาก
เพลงบางเพลง ภาพบางภาพ ทำให้ผมเจ็บปวดมาก
ความสูญเสียเป็นอย่างนี้เองหรือ??
ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลย
ว่าผมรู้สึกอย่างไรต่อมุก ยัยมุกหน้าม้าฟันหลอคนนั้น
........
ผมคลิกไปที่เมล์ของผม
ผมไม่ได้เปิดเข้ามานานหนักหนา
ปรากฎว่ามันเต็ม
นอกเสียจากมีเมล์ของเพื่อนสองสามคนแล้ว
ส่วนที่เหลือเป็นของเธอทั้งหมด
เธอ!
........
และนี่คือข้อความบางส่วน
ที่ผมอยากจะให้คุณได้อ่าน
.........
ฉบับที่ 1
จริง ๆ แล้วฉันอยากโทร.หาเธอนะ
แต่ฉันกลัวเธอเบื่อซะก่อน
เลยใช้วิธีเมล์หาดีกว่า
ไม่มีอะไรมากหรอก
แค่อยากบอกว่า
คิดถึง
.......
ฉบับที่ 2
วันนี้ฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง
เขาเป็นเพื่อนกับลูกเจ้านายของฉัน
ขอบอก หล่อมากกกกกกกกก
เขาชื่อสุธน ชื่อเชยดี
ไม่รู้เขาได้เบอร์ของฉันได้ยังไง
เมื่อตะกี้โทรฯ มาคุย
บอกว่าอยากจะชวนไปทานข้าว
แหวะ..เชยกว่าชื่อซ้าอีก
เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่รับนัดเขาง่าย ๆ หรอก
........
ฉบับที่ 3
ดีจังเลย..
อย่าเพิ่งงง ที่ฉันว่าดีจังเลยก็เพราะวันนี้ฉันได้มีโอกาสได้ดูหนังกับเธอไงล่ะ
หนังสนุกดีเนาะ?
แต่ไม่เห็นเธอสนใจหนังเท่าไหร่เลย มัวแต่กินข้าวโพดคั่วอยู่นั่นแล้ว
นี่ ถามจริง เธอเคยคิดอะไรที่มากกว่าสิ่งที่เธอเห็นหรือเธอทำอยู่ตรงหน้ามั่งไหม?
ฉันรู้ ถึงแม้ฉันจะถามไป เธอก็ไม่ตอบมาหรอก
ฉันว่านะ วันไหนเธอตอบเมล์ฉัน ต่อให้วันนั้นมีเครื่องบินวิ่งชนตึกเวิล์ดเทรดอีกครั้ง
ฉันยังจะแปลกใจน้อยกว่า..
เฮ้อ...
อ้อ..ลืม อีตาสุธนนี่ขี้ตื๊อชะมัด
โทรฯ หาฉันวันละสามรอบ ดักเจอฉันทุกเที่ยงวัน
สงสัยหมอนี่จะเอาจริงแฮะ
แล้วเธอว่าไง??
........
ฉบับที่ 4
วันนี้ฉันเหงา ฉันล้าอย่างไรพิกล
นั่งมองดาวบนฟ้าก็แล้ว มองจันทร์ก็แล้ว
ก็ไม่เห็นหายเหงา
เธอเป็นไงบ้าง?
คงสบายดีเหมือนเคยนะ
รู้ไหม ฉันมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง
บางที ฉันอาจจะต้องตัดสินใจอะไรซะแล้ว
ทุกวันนี้ ฉันภาวนาตลอดเวลา ว่าอย่าให้ถึงวันนั้น
วันที่ฉันต้องเลือกระหว่างอะไรบางอย่าง กับหัวใจของตัวเอง
อย่าให้ถึงวันนั้นเลย..
.......
ฉบับที่ 5
ฉันบอกอะไรเธอไปบ้างหรือยังนะ??
คงไม่ได้บอก เพราะเธอไม่เห็นสนใจจะถามอะไรฉันเลย
ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอ เพียงแต่น้อยใจเฉย ๆ
ดูเธอไม่ยินดียินร้ายอะไรกับฉันเลย
แต่ก็ดีเหมือนกันนะ ที่มันทำให้ฉันยังวาดวิมานความฝันอยู่ได้
มันทำให้ฉันมีความสุข แม้จะชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม
ฉันแค่หวังว่า เราจะมีกันและกันตลอดไป
แค่นั้นเอง
.........
ฉบับที่ 6
เขาเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง
จะใครซะอีก อีตาสุธนนั่นแหละ
เขาบุกถึงบ้านฉันเลยนะ
คุณแม่ถึงกับตกใจ แต่ดูท่านก็น่าจะชอบเขานะ
เขาสุภาพดี หน้าตาก็ดี พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
นี่เธอรู้ไหม คุณแม่ถามฉันว่าแล้วฉันเอาเธอไปเก็บไว้ที่ไหน
เธอจะให้ฉันตอบว่าอะไรดี??
............
ฉบับที่ 7
ฉันขอถามอะไรเธออย่างหนึ่งนะ
เธอต้องตอบฉันให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันขอถามเธอว่า เธอคิดอย่างไรกับฉัน
ตอบฉันให้ได้ให้เร็วที่สุด
เวลาของฉันเหลือน้อยลงทุกที
นะ..ตอบฉันนะ
........
ฉบับที่ 8
แหม..วันนี้ ฉันเหนื่อยชะมัดเลยเธอเอ๋ย..
ก็ฉันต้องไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า กลับมาก็เกือบเย็นแล้วยังจะต้องมานั่งปลอบใจคุณแม่ของฉันอีก
ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณแม่ก็ฟูมฟายไปได้
เวลาฉันเหลืออีกตั้งเยอะ เหลือพอที่จะทำอะไรดี ๆ อีกตั้งหลายอย่าง
จริงไหมเธอ??
.............
ฉบับที่ 9
วันนี้วันเกิดเธอ
เธอนี่แย่ชะมัดเลยรู้ไหม วันเกิดของตัวเองยังลืมได้
นี่ถ้าฉันไม่โทรไปปลุก เธอคงไม่ลุกจากที่นอน
จริง ๆ ฉันอยากจะอวยพรเธอนะ แต่พอเธออยู่ด้วยฉันก็อวยพรไม่ออก
เหมือนกับอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ฉันอยากจะบอกเธอ อยากจะถามเธอ แต่ฉันก็ทำไม่ได้
เอาล่ะ ตั้งใจให้ดีนะ พนมมือด้วยก็ยิ่งดี
ฉันขอให้เธอมีแต่ความสุข สมหวังในความรัก ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
และที่สำคัญ ขอให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรง
โรคภัยไข้เจ็บใด ๆ อย่าได้มาใกล้
เพี้ยง...สาธุ
.............
อ้อ..ไอ้ติมที่ซื้อให้อย่าลืมกินล่ะ มันไม่เปรี้ยวหรอก ฉันยืนยัน
และอีกอย่าง ที่ฉันถามเธอไว้ ว่าเธอรู้สึกกับฉันอย่างไร? เมื่อไหร่เธอจะให้คำตอบ??
ฮึ?
....
ฉบับสุดท้าย
เป็นฉบับที่มาถึงผมเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง
เธอคงคิดว่าผมคงจะเปิดอ่าน พอเช้าวันนั้นเธอจึงโทรฯ มาย้ำอีกครั้ง
ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ที่เธอจะรอคำตอบจากผม
เพราะเธอไม่มีเวลาแล้ว
........
"..แม้เธอจะมีคำตอบให้ฉันว่าอย่างไร
แต่ขอให้เธอรู้ไว้ว่า
ฉันปรารถนาดีต่อเธอเสมอ
ตลอดไป..."
นั่นคือประโยคสุดท้าย..ของเมล์ฉบับนั้น
ผมหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
กดเบอร์ที่บ้านเธอ ผมต้องการจะคุยกับคุณแม่ของเธอ
ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่า เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่???
.....
มีเสียงรับจากปลายสาย
คุณแม่ของเธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงผิดแปลกไป
ท่านไม่เชื่อว่าผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย
จนผมต้องยืนยันกับท่านอีกครั้ง ท่านจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง
...........
พรุ่งนี้..มุกต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัด
แม้เนื้องอกในสมองจะไม่ใช่มะเร็งร้าย..แต่ถ้าทิ้งไว้..ก็มีแต่ตายกับตาย
หมอบอกว่า การเสี่ยงมีอยู่บ้าง..แต่ถ้าไม่เสี่ยง..ก็นับรอวันสุดท้ายของชีวิต
และถ้าจะเสี่ยง..ก็ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด..ก่อนมันจะเติบโตขึ้นมากกว่านี้
เธอพร้อมจะเสี่ยง..เธออยากรู้คำตอบว่าชีวิตของเธอจะอยู่หรือจะไป
.........
มุกบอกกับคุณแม่ของเธอว่า เธอต้องการเคลียร์ทุกอย่าง ไม่ให้ชีวิตของเธอติดค้างใคร
ทั้งสุธน เพื่อนชายที่พยายามจีบเธอ เธอก็จะบอกปฏิเสธความรักของเขาเพื่อไม่ให้เขามาเสียเวลากับเธอ
แต่คนที่เธอเคลียร์ได้ยากที่สุด ก็คือผม
เธอบอกกับคุณแม่ของเธอว่า เธอรักผม
แต่เธอไม่รู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
เธอไม่อยากให้ผมรักเธอ
เธอไม่อยากให้ผมต้องเสียใจหากเธอเป็นอะไรไป
เธอต้องการให้แน่ใจว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ
นั่นจะทำให้เธอสบายใจมากยิ่งขึ้น..เมื่อเข้ารับการผ่าตัด
ผมเองที่ไม่ยอมเคลียร์กับเธอ
ผมเองที่ไม่เคยให้คำตอบกับเธอเลย..!!!
ผมวางโทรศัพท์ด้วยวิธีปล่อยให้หลุดมือไปเฉย ๆ
ตะลึงอยู่เพียงครู่..ยกหูโทรฯ ขึ้นมาอีกที..คราวนี้โทรฯเข้ามือถือของเธอ
"อาโหล..เป็นไรของเธอ?"
เสียงเธอยังคงแจ่มใส..
"โทรฯ มาแล้วก็วาง..คงว่างมากสิท่า.."
ผมกล้ำกลืนอะไรบางอย่างลงคอ
ผมเพิ่งรู้ตัวเองก็วันนี้..ว่าผมรักเธอเหลือเกิน..
มารู้ตัวก็ต่อเมื่อ..ทุกอย่างกำลังจะสายไป
"อ้าว..เป็นไรไปอีกล่ะ..โทรฯ มาก็ไม่พูด..อาโหลๆๆ"
"มุก.."
"จ้า..ว่าไงจ๊ะ..นึกว่าสายหลุดไปซะแล้ว.."
"ตอนนี้เธออยู่ไหน?"
"ก็..กำลังจะกลับบ้าน.."
"อย่าเพิ่งได้ไหม..รอเราก่อน.."
มุกเงียบไป..คงจับผิดสังเกตจากเสียงของผมได้
"เป็นไรล่ะนั่น..ทุกทีไม่เห็นจะถามไม่เห็นจะอยากเจอ.."
ผมขยี้ดวงตา..เวลาทุกนาทีมีค่าเกินกว่าจะพิรี้พิไร
"รอเราอยู่ที่นั่นนะ.."
ผมวางหูโดยปล่อยโทรศัพท์ให้หลุดมืออีกครั้ง..
ผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปเพื่ออะไรอีกแล้ว..นอกจากเธอ
หมู่บ้านที่มุกอยู่..และที่ผมเคยอยู่มาตอนเด็ก ๆ มีสระน้ำและสวนสาธารณะอยู่แห่งหนึ่ง
มันอยู่ติดกับสนามฟุตบอล สนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะ
บรรยากาศรอบตัวเงียบเหงา..ไม่มีเด็กหรือใครอื่นมาใช้
ในสระน้ำมีกอบัว..ผักตบ..ลอยกระทบแสงจันทร์..ท่ามกลางสายลมที่โชยอ่อน
ริมสระน้ำมีต้นเฟื่องฟ้า..ดอกชมพูของมันร่วงหล่นเต็มพื้นดินและพื้นน้ำ
มุกนั่งอยู่ที่นั่น..ม้าหินอ่อน..ใกล้ต้นเฟื่องฟ้า..
ผมลงจากแท๊กซี่..เมื่อเห็นเธออยู่ที่นั่น..กลับก้าวขาแทบไม่ออก
เธอยิ้มมาให้แต่ไกล..ดวงตาแจ่มใส..รอยยิ้มเปิดเผย..ผมดำขลับปลิวไสว..ไรผมระที่หน้าผากและต้นคอ
คนที่ผมรัก..รักอย่างไม่รู้ตัว..รอผมอยู่แล้ว..
คนที่ผมไม่เคยเห็นคุณค่า..ไม่เคยเห็นถึงความดีของเธอที่มีต่อผมมาตลอด..รอผมอยู่แล้ว..
รออยู่บนเวลาที่เริ่มนับถอยหลัง..
มันเริ่มลดน้อยลงไป..ตามวินาทีที่เคลื่อนผ่าน
........
ผมก้าวหาเธออย่างเนิบช้า..
ควบคุมตัวเองเต็มที่..
เธอบอกเองไม่ใช่หรือ..ก่อนเธอจะผ่าตัด..เธอไม่อยากจะมีพันธะกับใคร
เธอไม่อยากให้ผมหรือใครมารักเธอ..เพื่อความสบายใจของเธอเอง
แต่แรกที่ผมคิดจะโผเข้าหา ดึงเข้ามากอดให้สมรัก..และจะพร่ำคำรักให้ฟังเป็นแสนครั้ง..
ผมจึงทำไม่ได้..ผมไม่ต้องการให้คำว่ารักของผม ทำให้เธอไม่สบายใจ
ยกมือขยี้ตา..ฝืนยิ้ม..ทำทุกอย่างให้ปกติ
"มองไกล ๆ นึกว่าแม่นาค.."
"บ้า..แม่นาคผมยาวกว่านี่ย่ะ.." เธอเถียงทันที..ขยับที่นั่งให้ผมทรุดนั่งลงข้าง ๆ
"แล้วสวยกว่านี้ด้วย.."
"เออ..ฉันไม่สวยมั่งก็แล้วไป.."
ผมทำหน้าล้อเลียน..แม้ตาจะพร่าด้วยน้ำตาไปบ้าง..
"มีอะไรเหรอ?..ถึงให้ฉันรออยู่ที่นี่"
เธอถาม..มุกยังอยู่ในชุดเดิมที่ผมไปพบตอนทานข้าวกับผู้ชายคนนั้น
"ตอบมาก่อนดีกว่า..ไปไหนมา..และทำไมถึงมานั่งเล่นอยู่ที่นี่..ก่อนเราจะโทรฯ มา.."
มุกเอียงคอ..พองแก้ม..เป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เธอยังเด็ก นั่นแสดงว่าเธอกำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดี?
"ก็..ไปทานข้าวกับเพื่อน..ยังไม่อยากกลับบ้าน..นั่งคิดอะไรเล่นคนเดียวดีกว่า.."
"เพื่อนหรือแฟน?" ผมถามออกไปอย่างเผลอตัว
มุกยิ้ม
"เมื่อก่อนน่ะคงใช่ แต่เดี๋ยวนี้ฉันบอกเลิกไปแล้ว.."
"อ้าว..ทำไมละ?"
"ฉันไม่ได้รักเขา.."
คำตอบนั่นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก..เธอบอกเลิกกับนายสุธนตรงกับที่คุณแม่ของเธอเล่าให้ฟังจริง ๆ
"ถามทำไมเหรอ..?"
ผมส่ายหน้า..
"ก็แค่ถามดู.."
............
เราสองนิ่งงันกันไป..
ผมมองรอบบริเวณ จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ .. เราชวนกันมานั่งเล่นแถว ๆ นี้
ยังจำได้อีกว่า..เมื่อก่อนยังมีสะพานเล็ก ๆ ยื่นไปในน้ำ..เราสองคนนั่งห้อยขาคุยกัน
เราคุยถึงการเล่นขายของ..ที่มีผมเป็นพ่อ..มีเธอเป็นแม่..มีเพื่อน ๆ อีกสองสามคนเป็นลูก
"โตขึ้นเราจะได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรือเปล่า?" อยู่ ๆ มุกก็ถามขึ้น
ผมส่ายหน้า
"ไม่หรอก..เธอเป็นคนชอบกินอะไรเปรี้ยว ๆ.."
"เปรี้ยวแล้วไม่ดียังไง?" เธอถาม
"เปรี้ยวไม่ดี..กินแล้วขนลุก"
มุกหัวเราะ..
"แต่เราชอบหวาน ๆ มากกว่า.."
"หวานไม่ดี..กินแล้วเป็นเบาหวาน"
"งั้นเธอก็ต้องเป็นเบาเปรี้ยวน่ะดิ.."
เราสองหัวเราะให้แก่กัน..
.............
ภาพความทรงจำในวัยเด็ก..พรั่งพรูเข้ามาอย่างตั้งตัวไม่ติด
ไอศรีมสีม่วงกล่องนั้น..ยิ่งทำให้ผมตาพร่า..
"ไอ้ติมกล่องนี้..มันหวาน ไม่เปรี้ยว ฉะนั้นอย่ามองว่าอะไรที่เคยว่าเปรี้ยว จะหวานไม่ได้"
คำพูดของเธอยังก้องติดหู..
สมองมึนงง..ปวดหน่วงที่ต้นคอ..
คงเป็นเพราะต้องกลั้นน้ำตา
"ทำไมเงียบไป?" มุกถาม
"เปล่า..กำลังรวบรวมคำตอบ.กับคำถามที่เธอเมล์มาถามไงล่ะ.."
มุกยิ้ม.."นึกว่าเธอไม่คิดจะตอบซะอีก.."
"เราเพิ่งอ่านเมล์"
"จริงอ้ะ..มิน่า..เห็นเงียบไป.."
"ทำไมเธอต้องถามเรายังงั้น..ว่าเราคิดอย่างไงกับเธอ.."
มุกนิ่งบ้าง..นี่เป็นคำถามที่ผมอยากรู้ นอกเหนือจากที่เธออธิบายกับคุณแม่ของเธอไว้แล้ว..ว่าอยากให้แน่ใจว่าผมไม่ได้รู้สึกอย่างไรกับเธอ
ผมอยากจะได้ยินจากปากของเธออีกครั้ง
"น่าอายใช่ไหม?.." เธอก้มหน้า..ผมบางส่วนปรกแก้ม..เผยคางมนให้เห็นรำไร
"ไม่หรอก..เราแค่อยากรู้ว่า..ทำไมเธอถึงถามอย่างนั้น..."
เธอยังนิ่งต่ออีกครู่..แล้วก็เหมือนจะตัดสินใจ..เงยหน้าขึ้น..หันมามองผมด้วยสายตาที่พราวแสง
เป็นดวงตาที่กำลังรื้นน้ำตา
"ก็ฉันอยากรู้..ตลอดเวลาที่เรามีกันและกัน..เธอคิดอย่างไรกับฉันแน่.."
"ถ้าฉันบอกว่าฉันรักเธอล่ะ.?"
เธอส่ายหน้า
"เธออย่าโกหกตัวเองเลย..เป็นไปไม่ได้หรอก..เธอน่ะหรือจะมารักคนอย่างฉัน"
"ทำไมคิดอย่างนั้น.?"
"ก็เธอไม่เคยมีทีท่าสักนิด..เธอมองฉันแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น.."
ผมนิ่ง..เห็นจริงไปกับเธอด้วย..
ตลอดเวลา..ผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าผมรักผู้หญิงคนนี้..
เธอคล้ายส่วนประกอบในชีวิตประจำวันของผม..เหมือนนาฬิกาปลุก..ตู้เย็น..ทีวี..รถเมล์..
ที่ไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าต้องเจอะเจอเป็นประจำ
"แล้วถ้าเราบอกว่า..เราไม่รู้สึกอย่างไรกับเธอล่ะ?" ผมถาม
"นั่นแหละ..ขอฉันได้ยินคำนี้..ฉันจะได้ทำอะไร ๆ ได้อย่างสบายใจ.."
"พูดเหมือนกับว่าไม่อยากให้เรารู้สึกอะไรกับเธอ"
มุกพยักหน้า..ยกมือปัดปอยผม..ผมแอบเห็นเธอปาดน้ำตา
"ใช่..ฉันรู้ตัวเองดี..ว่าฉันไม่ควรจะได้ความรู้สึกที่เหนือกว่าคำว่าเพื่อน ที่เธอให้ฉันมาโดยตลอด.."
"ทำไม?"
"ยังมีคนที่ดีกว่าฉันอยู่จนล้นโลก..อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย"
"แสดงว่าเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับเราเลยงั้นสิ.."
มุกพยักหน้า..น้ำตากระเซ็นออกมากระทบแสงคล้ายดาวตกจากฟากฟ้า
"ใช่..ฉันเห็นเธอเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น.."
"แล้วทำไมต้องร้องไห้?"
มุกรีบเช็ดน้ำตา..
"เปล่าซะหน่อย.."
ผมยิ้ม..อยากจะปล่อยน้ำตามาแข่งกับเธอนัก
แต่ผมทำไม่ได้
สิ่งเดียวที่ผมจะทำได้ในตอนนี้ คือต้องให้กำลังใจเธอ
ต่อสู้กับเงื้อมมือมัจจุราช ที่แม้แต่หมอก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะชนะ
"เธอมีอะไรปิดบังเราหรือเปล่า?"
เป็นคำถามที่ทำให้มุกยกมือขึ้นปิดหน้า..ปล่อยสะอื้นจนตัวโยน..
สายลมที่เคยพัดแผ่วเบา..บัดนี้นิ่งสนิท
ราวกับทุกอย่างจะหยุดเพื่อรับรู้ในเรื่องของเรา
แม้แต่เสียงฟ้าที่คำรามมาแต่ไกล..
"คุณแม่ของเธอบอกเราหมดแล้ว.."
ประโยคนั้น ทำให้เธอรีบส่ายหน้า
"อย่าไปเชื่อคุณแม่..ฉันไม่ได้เป็นอะไร.."
"มุก.." ผมเรียกสติของเธอให้กลับคืนมา ด้วยเสียงที่จริงจัง
"เพื่อนคนที่เธอกำลังโกหกอยู่นี่..ไม่มีค่าอะไรเลยหรือ?"
"เปล่านะ..เปล่า.."
"ทำไมต้องปิดบังเรา..เธอไม่เคยบอกเรามาก่อนเลยว่าเธอเป็นเนื้องอกในสมอง"
เธอยังคงสะอื้นไห้
"เราไม่คิดว่ามันจะเป็นมากขนาดนี้.."
"ถ้าเธอปรึกษาเราตั้งแต่มันเป็นแรก ๆ บางทีพ่อของเราอาจจะช่วยได้..ท่านรู้จักกับหมอเก่ง ๆ ตั้งหลายคน.."
"ฉันไม่อยากรบกวน.."
"เธอไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อนเลยต่างหาก.."
ผมพูดอย่างน้อยใจ..
มุกยิ่งร้องไห้
"เธอเห็นเราเป็นมากกว่าเพื่อน เธอบอกกับแม่ของเธอว่าเธอรักเรา..ถ้าเธอรักเราแล้วเธอทำอย่างนี้เราก็ไม่ต้องการความรักพรรค์นั้น.."
หางเสียงผมเริ่มพร่าบ้างแล้ว..มันเกินจะทนจนเกินไป
ความพยายามที่จะปิดบังความรู้สึกที่มีต่อเธอก็หมดลงในวินาทีนั้น
"และความคิดบ้า ๆ ที่ว่า..เธอจะเคลียร์ทุกอย่างไม่ให้ใครมามีพันธะอะไรกับเธอ..จะทำให้เธอเข้ารับการรักษาได้อย่างสบายใจนั้น..เราขอถามหน่อย..เธอไปเอาความคิดนี้มาจากไหน??"
มุกไม่ตอบ..ก้มหน้าร้องไห้..
"มีแต่คนเขาอยากได้ความรัก..ความรู้สึกดี ๆ ไปเป็นกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด..แต่เธอกลับตรงกันข้าม..เราอยากรู้นัก..ว่าเธอคิดอย่างนั้นได้อย่างไร.."
น้ำตาของผมไหลลงมาแล้ว..
ไหลลงมาพร้อมกับหยาดฝนที่โปรยปราย..
"ฉันแค่ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจเพราะฉัน.."
"ตลก..เธอคิดว่าเราจะนอนตีพุงสบายเมื่อเธอไม่อยู่ยังงั้นรึ? เธอคิดว่าเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยยังงั้นรึ?..เธอคิดได้ไง"
"ก็เพราะฉันรักเธอไงล่ะ..ฉันรักเธอจนไม่อยากให้เธอต้องมาเสียใจ ต้องมาร้องไห้เพราะฉันไงล่ะ.."
มุกระบายออกมาด้วยเสียงปนสะอื้น..น้ำตาอาบหน้า ตางามแดงก่ำ
ผมหัวเราะ..เธอกำลังดูถูกความรู้สึกของคนอื่นอย่างร้ายแรง
"ในเมื่อเธอเองก็ยังอยากจะทำเพื่อให้คนที่เธอรักมีความสุข แล้วคนที่รักเธอล่ะ..เธอไม่คิดว่าเขาอยากจะทำอย่างนั้นบ้างหรือ?"
มุกมองหน้าผม..เหมือนเธอไม่เชื่อหูตัวเอง
"มุก..เรารักเธอนะ..และจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากให้เธอไปจากเราได้.."
ฝนเทลงมาหนักขึ้น..ขณะที่เราสองมองหน้ากัน..
หยาดน้ำตาและน้ำฝน..ไหลรินจนเปียกปอน
"เธอต้องสู้นะ..สัญญาสิ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..เธอจะต้องสู้..สู้เพื่อจะได้กลับมาหาเรา..มุก..เธอสัญญานะ.." ผมสะอื้น..ดึงเธอเข้ามาสวมกอดไว้แนบใจ
"มุกสัญญากับเรานะ.."
.........
วันนี้เป็นวันอะไรหนอ?
ทำไมอยู่ ๆ ผมถึงอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
ผู้ชายก็ร้องไห้เป็นนะ..และขอโทษ..เมื่อร้องขึ้นแล้วก็หยุดยาก
ฉะนั้นผมจะยังไม่ปล่อยน้ำตาออกมาหรอก..ให้มันตกย้อนกลับเข้าไปในหัวใจ..
หัวใจที่แห้งผาก..จะได้แช่มชื่นขึ้นบ้าง..
รอยระแหงแตกบิ่น..จะได้สมานขึ้นชั่วคราว
สูบฉีดให้มีแรงที่จะหายใจต่อไป
แม้จะหายใจได้อีกไม่นาน..ก็ไม่เป็นไร
...........
มุกทำตามสัญญา..
แม้ว่าหมอสุดจะรั้งเธอไว้ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมไป..
เธอรอจนกระทั่งผมเข้าไปกุมมือเธอ
มือที่อบอุ่น..นุ่มนิ่ม..
ผมกำไว้แนบแน่น บนศีรษะพันผ้าขาว..ขนตางอนหลับพริ้ม..หยาดน้ำใสไหลจากหางตาผ่านขมับสู่ปลอกหมอน
"มุก..เราอยู่นี่นะ.."
เธอไม่มีปฏิกริยาใด นอกเสียจากน้ำตาที่ไหลรินยิ่งขึ้น ปากซีดอยู่ภายใต้หน้ากาก..ดูเหมือนเธอจะพยายามจะพูดอะไร
"มุกเจ็บไหม..มุกเหนื่อยไหม.."
เสียงของผมทำให้คุณแม่ของเธอสะอื้นไห้
"มุก..เรารู้นะ..มุกรอเรา..เป็นเพราะเราทำให้มุกไม่ยอมแพ้..เป็นเพราะความรักของเราทำให้มุกยังสู้อยู่จนถึงตอนนี้.."
น้ำตาของผมไหลรดมือเธอ..ผมเกลือกใบหน้ากับมือของเธอ
"เรารู้..มุกรักเรามาก..แม้เราจะเพิ่งมารู้..แต่ก็ไม่สายเกินไปใช่ไหมล่ะ..เรายังได้มีโอกาสบอกรักกับมุก..เรายังได้มีโอกาสโอบกอดมุกไว้แนบอก.."
"เราอยากจะบอกมุกนะ..ความรักของเรายิ่งใหญ่มาก..ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายต่างนับถือในความรักของเรา..มุกภูมิใจไหมล่ะ.."
"เราภูมิใจนะ..เราภูมิใจที่สุด..ตั้งแต่เด็กมาแล้ว..เราภูมิใจเสมอที่มีมุกอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา.."
"จริงสิ..อีกเรื่องที่เรอยากจะบอก..เราลองกินไอ้ติมนั้นแล้ว..มันหวานจริง ๆ ด้วย..ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ติมสีม่วง..จะมีรสหวานก็ได้..มุกพูดถูกจริง ๆ"
"เดี๋ยวนี้..เราเป็นคนชอบกินเปรี้ยวแล้วนะ..เหมือนมุกไงล่ะ.."
สิ้นคำนั้น..ผมต้องฟุบหน้า..ลงกับมือของเธออีกครั้ง..ก้อนสะอื้นทำให้ผมพูดไม่ออก
กล้ำกลืนอย่างเต็มที่..กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง..
"มุกจ๋า..มุกเหนื่อยใช่ไหม..พอดีไหมจ๊ะ..อย่าสู้ต่อไปอีกเลย..ร่างกายของมุกไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว.."
"มุกยอมเถอะ..ปล่อยไปเถอะ..ไปสู่สุขคติ ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า.."
"นะ..มุกยอมเถิดนะ..เราสัญญา..เราจะตามหามุกให้เจอ..เราจะได้ไปอยู่ด้วยกัน..ในวันที่เราจะต้องตามมุกไป.."
"มุกเอาความรักของเราไปด้วยนะ..ความรักที่ยิ่งใหญ่ของเรา.."
สิ้นคำ..เสียงตี๊ดยาวก็ดังขึ้นจากเครื่องวัดหัวใจ
ผมทรุดร่างอย่างหมดแรงลงในวินาทีนั้น..
..........
วันนี้เป็นวันอะไรหนอ??
ทำไมน้ำตาของผมถึงไหลออกมาได้
มันเป็นวันอะไรกัน????
เมื่อวันที่ : 21 มิ.ย. 2548, 17.23 น.
เรื่อง บทภาพยนตร์ฉบับกิ๊วกิ้ว เขียนจบยังครับเอามาให้อ่านหน่อยครับ